ในคืนวันที22กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันเกิดปีที่26ของเธอ โชคชะตาได้พาให้เขาและเธอกลับมาเจอกันอีกครั้งหลังเลิกลากันไปห้าปี เรื่องราวของ นับสอง หญิงสาวผู้ครองตัวเป็นโสดมาโดยตลอดหลังจากที่เลิกกับ ลมเหนือ แฟนคนแรกไปเมื่อห้าปีก่อน เธอเข็ดขยาดกับความรักจนไม่กล้าเปิดใจมีรักครั้งใหม่ แม้เวลาจะมันจะผ่านมานานถึงห้าปีแล้วก็ตาม แต่แล้วเหมือนโชคชะตาเล่นตลก ในวันเกิดอายุครบ26ปีของนับสอง เธอเมาเละเทะเสียจนเกือบถูกฉุดออกจากผับ แต่แล้วคนที่เข้ามาช่วยเธอไว้ก็คือแฟนเก่าคนนั้น คนที่มันหักอกเธอเมื่อ5ปีก่อน.. ไม่รู้ด้วยพิษเหล้าหรือพิษรัก เธอดันเผลอไปมีอะไรกับแฟนเก่าเฮงซวยคนนั้นด้วยน่ะสิ! "ฉันถามตรง ๆ นะคะ เมื่อคืนคุณได้ใส่ถุงมั้ย" "ใส่ครับ ในกล่องมีอยู่เท่าไหร่ผมก็ใส่ทั้งหมดนั่นแหละ"
もっと見るวิลล่าหรูสองชั้นสไตล์โมเดิร์นที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาและวิวธรรมชาติ มีผู้เป็นเจ้าของคือ วายุ รัตนกิจโกศล หรือคุณลมเหนือ ทายาทและลูกชายคนโตของบ้านรัตนกิจโกศลซึ่งเป็นตระกูลมหาเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของภาคเหนือ
ครอบครัวของเขามีหลากหลายธุรกิจ ทั้งเป็นเจ้าของรีสอร์ตหรู และปลูกไร่องุ่นขนาดใหญ่ ทั้งนำเข้าและส่งออกไวน์ ไม่แปลกใจเลยหากเขาจะมีกำลังทรัพย์มากพอสำหรับอยู่อาศัยในวิลล่าหรูราคาเกือบเก้าหลัก
"บอสครับ นี่คือใบสมัครของคนที่มาสมัครตำแหน่งผู้จัดการรีสอร์ตใหม่ครับ" สิงห์ มือขวาคนสนิทของวายุเอ่ยขึ้น ก่อนจะนำเอกสารมาวางไว้บนโต๊ะทำงาน เพื่อรอให้เจ้านายตรวจสอบ
"ขอบใจ นายไปพักเถอะเดี๋ยวผมจะดูเสร็จแล้วจะโทรเรียก" เขาตอบกลับเสียงเรียบ
"ครับบอส"
เมื่อมือขวาเดินพ้นประตูห้องออกไป เจ้าของใบหน้าคมคายก็ลอบถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยล้า นิ้วมือเรียวนวดคลึงขมับไปมา เขาเรียนจบปริญญาโทวิศวะแต่กลับต้องมานั่งทำงานบริหารธุรกิจของครอบครัว จมอยู่กับกองเอกสารที่น่าปวดหัวพวกนี้
ฝ่ามือหนากวาดกองเอกสารสมัครงานไปกองไว้ด้านข้างของโต๊ะอย่างไม่ไยดี ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์จะทำงานอะไรทั้งนั้น เอกสารนี่ค่อยอ่านวันพรุ่งนี้ก็ยังไม่สาย
ใจจริง เขาอยากจะหลับตาแล้วเลือกมาสักคน แต่ไม่สามารถทำแบบนั้นได้ เพราะการเลือกบุคลากรที่มีคุณภาพมาทำงาน นั่นหมายความว่าธุรกิจของเขาก็จะมีคุณภาพตามไปด้วย
"สิงห์เดี๋ยวคืนนี้ผมจะไปสังสรรค์สักหน่อยนะ ส่วนเอกสารนี่พรุ่งนี้ผมจะกลับมาอ่านอย่างละเอียด" เสียงทุ้มต่ำยกโทรศัพท์ขึ้นมาพูดด้วยสีหน้าราบเรียบ
นัยน์ตาสีเข้ม กวาดมองไปยังวิวภูเขาที่อยู่ด้านนอก ชีวิตคนเราก็อย่างนี้ ไม่เคยพอใจในสิ่งที่ตนเองมี แม้เขาจะมีเงินทองมากมาย แต่การใช้ชีวิตในแต่ละวันนั้น มันก็น่าเบื่อเสียเหลือเกิน
"จะให้ผมโทรนัดใครไว้ให้มั้ยครับบอส" สิงห์เอ่ยถามเจ้านายอย่างรู้ใจ บอสของเขาครองโสดมานานหลายปี ไม่เคยคบหากับใครเป็นจริงเป็นจังเลยสักคน ส่วนใหญ่จะเป็นความสัมพันธ์เพียงชั่วข้ามคืนเท่านั้นไม่มีการสานต่อ แต่ก็อาจจะมีบางคนที่บอสพึงพอใจเลยถูกเรียกให้มาหาอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็นั่นแหละ พวกเธอมาในฐานะคู่นอนของเขาเท่านั้น
"ไม่ล่ะ"
"ให้ผมขับรถให้มั้ยครับบอส"
"ไม่เป็นไรขอบใจ" วายุตอบกลับ ก่อนจะกดตัดสายไปอย่างไม่ใส่ใจ เขาเลื่อนหาเบอร์โทรของเพื่อนสนิท คืนนี้เขาจะไปดื่มให้เมากระจาย เอาให้จำทางกลับบ้านไม่ได้ งานการอะไรเอาไว้ทีหลังก็แล้วกัน เขาใช่คนขยันขนาดนั้นเสียตั้งแต่เมื่อไหร่ ยังไงซะ เขาก็ยังมีน้องชายฝาแฝดอยู่อีกคน ต่อให้วันนี้เขาอู้งาน ก็ไม่ได้ทำให้ธุรกิจที่บ้านเจ๊งหรอก!
"ไอ้เอกคืนนี้กูจะไปเมาที่ร้านมึง โทรบอกไอ้เคนให้กูด้วย"
อภิชญาในชุดมินิเดรสสายเดี่ยวสีชมพูอ่อน นั่งฮัมเพลงและแต่งหน้าอยู่หน้ากระจกอย่างอารมณ์ดี เหตุเพราะว่า วันนี้เป็นวันครบรอบวันเกิดปีที่26ของเธอแล้ว ใบหน้าหวานจ้องมองตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกเงาอย่างพึงพอใจ หลายปีมานี้เธอหัดแต่งหน้าและเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวใหม่ จนสลัดลุคเฉิ่มเชยในอดีตไปจนหมด
เว้นเสียแต่ตอนเธออยู่บ้าน อันนั้นน่ะเปลี่ยนกันไม่ได้หรอก เสื้อยืดกางเกงขาสั้นเหมือนเดิม!
"คุณนับสองคะ เพื่อนมากันครบแล้วค่ะ เมื่อไหร่คุณนับสองจะเสด็จคะ" เสียงปลายสายเอ่ยขึ้นอย่างกระแนะกระแหน มีเสียงดนตรีสด แทรกเข้ามาให้ได้ยินอยู่เป็นระยะ
"ส่งโลมาให้ใหม่หน่อยได้มั้ยคะ กำลังจะออกแล้วค่ะ" อภิชญาตอบกลับอย่างติดตลก เรียวแขนเล็กเอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำหอมแบรนด์ดังขึ้นมาฉีดสองสามครั้ง กลิ่นหอมสดชื่นแต่เต็มไปด้วยเสน่ห์น่าหลงใหล ฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง กลิ่นนี้เธอใช้มาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่มหาลัย จนกระทั่งป่านนี้เธอก็ยังคงใช้อยู่
ติ๊ง! เสียงข้อความจากแชทกลุ่มดังขึ้น อภิชญาจึงพับจอเข้าไปดู ก็เห็นว่า เจนนี่ เพื่อนสาวตัวดีของเธอ ส่งรูปโลมาที่เป็นสัตว์มาให้
"อีจ๊อบ กูหมายถึงโลเคชั่นค่ะ มึงส่งโลมานี้มาให้ กูต้องขับรถไปทะเลเหรอ หรือยังไง"
เจนนี่ มันเป็นลูกชาย เอ๊ย! ลูกสาวคนโตของบ้าน ชื่อเล่นที่พ่อแม่ของมันตั้งให้ก็คือ ไอ้จ๊อบ!
บ้านมันเป็นเจ้าของตลาดสดขนาดกลางแห่งหนึ่งที่เปิดให้พ่อค้าแม่ค้ามาเช่าที่ตั้งแผงขายของทุกวัน และถึงแม้ว่าเธอจะเรียกมันว่าอีจ๊อบมาตั้งแต่สมัยมัธยม แต่มันลงทุนทำหน้าทำนมมาขนาดนี้แล้ว ตอนนี้เลยชุบตัวเปลี่ยนชื่อใหม่ ชื่อว่า เจนนี่
"จ้าๆๆ เดี๋ยวกูส่งโลเคชั่นให้ใหม่ รีบมานะมึงร้านนี้มีดนตรีสดด้วย ผู้งานดีมาก!"
"โอเคเดี๋ยวกูรีบไป"
@hello club
อภิชญาใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงเพื่อขับรถออกมาที่คลับแห่งนี้ เจ้าของรองเท้าส้นสูงแบรนด์ดังก้าวลงมาจากรถหรูอย่างสง่างาม ทุกย่างก้าวของเธอทำเอาคนที่อยู่บริเวณนั้นถึงกับหันตามจนคอแทบหัก
เรือนร่างระหงเดินมาหยุดบริเวณฟลอร์ของคลับ นัยน์ตาคู่งามตวัดมองหาโต๊ะที่เพื่อนเธอนั่งอยู่ จนในที่สุดสายตาเธอก็ไปสะดุดเข้ากับเพื่อนสาวของตนเอง
"ทางนี้ค่าเพื่อนสาว" เจนนี่โบกไม้โบกมือเรียกให้เพื่อนเดินมายังโต๊ะของตน นับสองที่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ที่ผ่านมาเธอได้แต่เปิดกล้องคุยกับพวกมัน ตอนนี้ได้อยู่กันแบบพร้อมหน้าพร้อมตากันครั้งแรกในรอบหลายปี เรียกได้ว่าเธอดีใจเสียจนอยากจะร้องไห้ออกมาเลยล่ะ เพราะว่าหลังจากเรียนจบปริญญาตรี เธอก็ย้ายกลับมาต่อปริญญาโทที่เชียงใหม่ ส่วนเพื่อน ๆ ของเธอนั้นยังคงเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเดิมในกรุงเทพ
ส่วนผู้หญิงหน้าหมวยที่นั่งไขว่ห้างอยู่ข้างเจนนี่ มีชื่อว่า แก้มบุ๋ม มันเป็นลูกสาวคนเดียวของเจ้าของร้านทอง เป็นผู้หญิงตัวเล็ก หน้าหมวย ตามฉบับลูกสาวคนจีน ส่วนนิสัยค่อนข้างขัดกับหน้าตา มันเป็นคนที่ปากร้ายปากจัด ถึงปกติจะไม่ค่อยได้ด่าใคร แต่อย่าให้มันได้ด่าเชียว
สมัยเรียนมหาลัยเธอก็คบกันอยู่แค่สามคน ไม่ได้มีเพื่อนสนิทที่ไหนอีกนอกจากนี้
"มึงสวยขึ้นจนกูจำแทบไม่ได้เลยอีสอง" แก้มบุ๋มออกปากชมเพื่อนรัก เธอยังจำได้ดีว่าเมื่อก่อนนับสองแต่งตัวประมาณไหน เสื้อยืดกางเกงยีน รองเท้าผ้าใบ หน้าตาไม่รู้จักแต่ง ผมสั้น ประบ่า แต่ก็นั่นแหละ ด้วยพื้นเพมันเป็นคนหน้าตาดี จะแต่งหน้าหรือไม่แต่งอีสองก็ยังสวยอยู่ดี
"จริง จริตลูกคุณมาก สวยจริงไม่จกตา" เจนนี่เอ่ยเสริมขึ้นอย่างเห็นด้วย
อภิชญา เธอมีชื่อเล่นว่า นับสอง เหตุผลที่พ่อแม่ตั้งชื่อนี้ให้ ก็เพราะว่าเธอเป็นลูกคนที่สอง และเธอเองก็มีพี่ชายชื่อว่า นับหนึ่ง ส่วนเหตุผลนั้นคงไม่ต้องอธิบายอะไรให้ยืดยาว..
ที่บ้านของเธอมีฐานะปานกลาง อาจจะค่อนไปทางที่ดีเสียด้วยซ้ำ พ่อและแม่เธอรับราชการทั้งคู่ ส่วนพี่ชายก็เปิดอู่ซ่อมรถที่ทั้งซ่อมและแต่งรถเกือบทุกชนิด ไม่ว่าจะรถยุโรปหรือญี่ปุ่น เฮียหนึ่งของเธอก็สามารถแต่งได้ซ่อมได้!
นั่นคือทั้งหมดที่เธอรู้น่ะนะ..
สามสาวนั่งดื่มและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปเป็นชั่วโมง ตอนนี้อภิชญาเริ่มหน้าแดงด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเธอก็ยังคงมีสติดีอยู่
"อีเจนมึงรีบไป เดี๋ยวอีสองมันจะเมาจนอ้วกก่อนได้เป่าเค้ก" แก้มบุ๋มแอบกระซิบกระซาบกับเจนนี่ ถึงแผนการที่พวกเธอได้วางไว้ เจนนี่ที่ได้ยินอย่างนั้นก็พยักหน้าให้เพื่อนสาวเล็กน้อย ก่อนจะเขียนบางอย่างใส่กระดาษและเดินออกจากโต๊ะไป
"อีเจนมันไปไหนวะ" นับสองหันกลับมาถามแก้มบุ๋มด้วยความสงสัย
"มันไปเข้าห้องน้ำเดี๋ยวมันมา อีสองมึงเฝ้าโต๊ะให้กูแป๊บหนึ่งได้มั้ย คือกูต้องออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก ตรงนี้มันเสียงดัง"
"โอเค เดี๋ยวกูนั่งกอดขวดเหล้าไว้ ไม่ให้ใครมาเอาไปแน่นอน" แก้มทั้งสองข้างของเธอแดงระเรื่อ นัยน์ตาคู่งามหวานเยิ้มเพราะเริ่มเมา ตอนนี้หน้าที่ของเธอคือตั้งใจเฝ้าโต๊ะเฝ้าของ เฝ้าขวดเหล้าเอาไว้ให้ดี!
"อะแฮ่ม! ขอรบกวนเวลาของทุกคนสักเล็กน้อยนะครับ มีแขกจากโต๊ะสิบเอ็ดเขียนโน้ตมาบอกว่า วันนี้เป็นวันเกิดของเพื่อนคนสำคัญของเขานะครับ เลยอยากขอให้ทุกคนช่วยกันร้องเพลง แฮปปี้เบิร์ดเดย์ให้กับคุณ..นับสองด้วยนะครับ" นักร้องหนุ่มพูดออกไมค์ด้วยน้ำเสียงละมุนละไม ขณะนั้นเองไฟข้างในผับก็ดับวูบลง มีเพียงแสงจากสปอร์ตไลท์เท่านั้น ที่ส่องไปยังร่างของนับสอง
เสียงดนตรีและเสียงร้องเพลงจากแขกโต๊ะอื่นดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน ในขณะนั้นเอง เจนนี่และแก้มบุ๋มก็ถือเค้กปอนด์ใหญ่เดินมาหาเธอ
แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทูยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทูยู
แฮปปี้เบิร์ดเดย์ แฮปปี้เบิร์ดเดย์
แฮปปี้เบิร์ดเดย์... ทูยู~~
นับสองซาบซึ้งใจเสียจนเกือบสร่างเมา เธอหลับตาอธิษฐานก่อนจะเป่าเทียนบนเค้ก เมื่อเปลวเทียนดับลง เสียงปรบมือก็ดังขึ้นไปจนทั่วบริเวณ ร่างระหงลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม สุดสีชมพูอ่อนท่ามกลางแสงสปอร์ตไลท์ยิ่งทำให้เธอดึงดูดสายตา
"ขอบคุณทุกคนมากนะคะ" เสียงหวานเอ่ยขอบคุณด้วยความตื้นตันใจ ก่อนจะค้อมศีรษะลงเล็กน้อย
หลังจากที่การฉลองงานวันเกิดจบลงไปแล้ว แสงไฟทั่วทั้งผับก็กลับมาเป็นปกติ เสียงดนตรีดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับเสียงโห่ร้องอย่างชอบใจของบรรดาแขกโต๊ะอื่น ๆ
"ไอ้เหนือ เจ้าของวันเกิดเมื่อกี้ชื่อเหมือนแฟนเก่ามึงสมัยเรียนมหาลัยเลยว่ะ" รชานนท์ หนุ่มลูกครึ่งไทยอังกฤษผู้มีเรือนผมสีบลอนด์ทองเจ้าของดวงตาสีฟ้าดุจคริสตัลเอ่ยทักขึ้นพลางชี้นิ้วไปทางโต๊ะที่นับสองและเพื่อน ๆ กำลังนั่งฉลองกันอยู่ แต่ทว่าลมเหนือเพื่อนของเขากลับนั่งนิ่งเป็นก้อนหินไปซะแล้ว
"ไอ้เหนือมึงได้ยินที่ไอ้เคนพูดมั้ยวะ" เอกภพหนุ่มร่างสูงโปร่งเพื่อนสนิทอีกคนของลมเหนือพูดขึ้น พลางเอามือโบกผ่านหน้าเพื่อนไปมา เพราะเห็นว่ามันนั่งนิ่งอย่างนี้มาสักพักแล้ว
"สอง.." เขาพูดชื่อของเธอออกมาเบา ๆ เรื่องบังเอิญมันไม่มีอยู่จริงหรอก ผู้หญิงที่ชื่อว่านับสอง เกิดวันที่ 22 กุมภาพันธ์ เท่าที่เขาจำได้มีอยู่แค่คนเดียว เธอไม่ใช่คนที่หน้าคล้ายหรือชื่อเหมือน แต่เธอคือนับสอง แฟนเก่าของเขาจริง ๆ
ผ่านมากี่ปีแล้วนะ ที่เขาไม่ได้เห็นใบหน้านั้น กี่ปีแล้วที่เขาไม่ได้เห็นรอยยิ้มของเธอ..
"หะ!!" เอกภพและเคนอุทานออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจ ผู้หญิงชุดชมพูโต๊ะสิบเอ็ดคนนั้น คือน้องนับสองจริงเหรอวะ
"เออ..กูจำได้" วายุพูดออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ เด็กน้อยผมสั้นของเขาในวันนั้น ตอนนี้อายุยี่สิบหกปีเต็มแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะไว้ผมยาว หรือเปลี่ยนการแต่งตัว แต่เขาก็ยังคงจำเธอได้ดี..
วิลล่าหรูสองชั้นสไตล์โมเดิร์นที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาและวิวธรรมชาติ มีผู้เป็นเจ้าของคือ วายุ รัตนกิจโกศล และ ภรรยาอย่างคุณ อภิชญา รัตนโกศล ซึ่งเป็นตระกูลมหาเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของภาคเหนือ"หล่อจังเลยเว้ยลูกพ่อ เมฆค้าบหมุดค้าบเรียกพ่อหน่อยเร็ว พ่อ ดูปากพ่อแล้วพูดตามนะ พ่อ!" วายุที่เพิ่งกลับจากการประชุมแวะมาเติมพลังใจด้วยการเล่นกับลูกชายฝาแฝดทั้งสองของเขาอภิชญาที่เห็นอย่างนั้นก็ได้แต่นั่งขำ กับภาพที่เห็น ลูกของเธอเพิ่งจะเกิดมาได้แค่เดือนเดียวเอง แต่คนเป็นพ่ออยากจะให้ลูกพูดซะแล้ว เดี๋ยวเธอจะจับตาดูเอาไว้เลย ถ้าวันหนึ่งลูกอยู่ในวัยช่างจ้อแล้วเขามาบ่นกับเธอว่าลูกพูดมาก เธอจะตีให้แขนเป็นรอยนิ้วเลย"เฮีย..ลูกยังพูดไม่ได้นะคะ"ตั้งแต่เหนือเมฆ กับ เหนือสมุทรคลอดออกมา ที่บ้านหลังนี้ก็ไม่เคยเงียบเหงาอีกต่อไป เรียกได้ว่าหัวกระไดไม่เคยแห้งเลยก็ว่าได้ เมื่อวันก่อนย่าทวดกับปู่ทวดก็เพิ่งกลับไปกรุงเทพ หลังจากมาปักหลักอยู่ที่นี่เกือบสองอาทิตย์ ขนาดคนที่อยู่ไกลยังขยันบินมาหาเหลนขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงคนที่อยู่ใกล้ อย่างคุณปู่คุณย่า แล้วก็คุณตาคุณยายเลย รายนั้นมาแทบจะทุกวัน ทางด้านเพื่อนพ่อและเพื่อนแม่เองก็ไม
ดวงอาทิตย์สีทองอร่ามค่อยๆ ลับขอบฟ้า ทิ้งร่องรอยสีส้มอมชมพูไว้บนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ ขณะที่เสียงคลื่นซัดสาดเข้าหาฝั่งเป็นจังหวะสม่ำเสมอ บนชายหาดที่เงียบสงบ วายุและอภิชญาเดินเคียงคู่กันไปตามแนวทรายขาวละเอียด เท้าเปล่าของพวกเขาจมลงในทรายนุ่มราวกับกำลังเดินอยู่บนปุยนุ่นสายลมเย็นพัดโชยมาแผ่วเบา พัดพาเอาความสดชื่นมาด้วย วายุสูดลมหายใจเข้าเสียจนเต็มปอดก่อนจะค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกมา มันเป็นความรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เขาก้มลงมองผู้หญิงตัวเล็กที่เดินอยู่ข้าง ๆ ใบหน้าของเธอเปื้อนรอยยิ้ม สดใสราวกับดวงอาทิตย์"สวยจังเลย" เขาเอ่ยขึ้นอย่างเผลอตัว ขณะนั้นเองนับสองก็หันมามองเขาด้วยแววตาแปลกใจ"อะไรสวยคะ""วิวตรงนี้ไง..วิวว่าสวยแล้ว แต่เมียเฮียสวยกว่าอีก" เขาตอบกลับด้วยสีหน้าระรื่นไม่สะทกสะท้าน แถมยังขโมยหอมกอดคนตัวเล็กเสียฟอดใหญ่ ทำเอาอภิชญาหน้าแดงขึ้นมาทันที เธอหัวเราะออกมาเบา ๆ เพื่อแก้เขินรู้สึกว่าเขาจะปากหวานกว่าปกติอีกนะเนี่ย..ทั้งคู่เดินเล่นต่อไปเงียบ ๆ มีเพียงเสียงคลื่นทะเลที่ซัดเข้าหาชายฟังคอยบรรเลงให้ฟังตลอดทั้งทาง เวลาที่ได้ใช้ร่วมกันกับผู้หญิงที่เขารักนั้น มันช่า
หลังจากที่วายุออกจากโรงพยาบาลเขาก็มีเรื่องที่ต้องเคลียร์ให้เด็ดขาดซึ่งนั่นก็คือเรื่องของน้ำหวาน เขานัดเธอออกมาคุยที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง โดยที่ให้นับสองนั่งอยู่โต๊ะด้านหลังใกล้ ๆ กัน"หวานคุณมีอะไรจะสารภาพมั้ย" วายุถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา บอกตามตรงว่าหลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นเขาก็มองว่าน้ำหวานเป็นคนดีที่น่าสงสารเหมือนสมัยก่อนไม่ได้อีก เพราะผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างอะไรกับงูพิษเลยสักนิด"เฮียพูดเรื่องอะไรคะ" น้ำหวานเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "ถ้ายอมรับตั้งแต่ตอนนี้ผมจะยอมยกโทษให้ ค่าใช้จ่ายทุกอย่างผมก็ยังคงช่วย" "เฮียพูดเรื่องอะไรคะหวานไม่เข้าใจ" เธอยังคงยืนยันว่าตนเองไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น วายุที่ทนดูการแสดงต่อไปอีกไม่ไหวจึงได้พูดเข้าประเด็นโดยไม่อ้อมค้อม"คุณบอกว่าคุณท้องได้ห้าเดือนแล้วใช่มั้ย แต่ตอนที่เราไปอัลตราซาวด์ ผลตรวจอายุครรภ์ของคุณมันเพิ่งจะสี่เดือนเองด้วยซ้ำ" วายุพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น บรรยากาศรอบตัวเย็นยะเยือกชวนให้เสียวสันหลัง"ไหนเฮียบอกว่าเชื่อหวานไงคะ ฮึก.." เมื่อไม่รู้ว่าจะแก้ตัวยังไง เธอจึงร้องไห้ออกมา เพราะมันเป็นสิ่งที่ได้ผลมาโดยตลอด แต่ทว่าคราวนี้มันกลับไม่เป็นอย่า
"ลูกของผมมีคนเดียวก็คือลูกที่เกิดจากผมกับสองเท่านั้น ส่วนคนอื่นผมพิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่ลูกของผมแน่นอน และผมก็ป้องกันตลอดด้วย อีกอย่างวันสุดท้ายที่เจอกับน้ำหวานผมตั้งใจจะไปตัดความสัมพันธ์กับเธอก่อนที่ผมจะมาง้อสองอีก ไม่มีทางเป็นลูกผมแน่นอน พ่อครับแม่ครับผมควรทำยังไงดี ผมขาดใจตายแน่ ๆ ถ้าสองหอบลูกหนีผมไป"สองสามีภรรยาได้ยินดังนั้นก็ถึงกับกุมขมับ ทำไมเขาถึงได้ทำอะไรไม่ปรึกษาใครเลยสักนิด อันที่จริงหากเขาเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาหนูนับสองตรง ๆ แทนที่จะโกหกกันเพื่อให้เธอสบายใจ เรื่องมันคงไม่บานปลายถึงขนาดนี้"ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แกไปอธิบายกับหนูนับสองเองก็แล้วกัน" ผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้นพลางใช้นิ้วมือนวดขมับตนเองเบา ๆ บอกตามตรงเขาก็เคืองนิดหน่อยที่พี่ชายของหนูนับสองกระทืบลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเขาซะน่วมแต่ถ้ามองในมุมของพี่ชายที่มีน้องสาว สิ่งที่หนูนับสองเจอนับว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก และสิ่งที่เจ้าเหนือทำมันเหมือนเป็นการหยามหน้าคนเป็นพ่อและพี่ชาย เขาจึงไม่คิดที่จะเอาความกับบ้านของหนูนับสอง เพราะเขาเองก็เข้าใจดีว่า ลูกใคร ใครก็รัก"เจ้าชู้นักก็แบบนี้แหละแม่ไม่ช่วยหรอก ทำตัวเองทั้งนั้น" คุณหญิงทอฝันเอ่ย
สายฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนักหน่วงราวกับฟ้ารั่ว ตั้งแต่เที่ยงคืนมาจนถึงตีสอง ความเย็นยะเยือกราวกับใบมีดกรีดผ่านร่างกายของคนที่นั่งคุกเข่าอยู่หน้าบ้านของอภิชญาตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาวายุยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่ยอมขยับเขยื้อนไปไหน แม้ว่าร่างกายของเขาหนาวเหน็บจนตัวสั่นเทิ้ม แต่หัวใจของเขากลับร้อนรุ่มด้วยไฟแห่งความหวัง ว่าพ่อของนับสองจะยอมให้เขาได้พบกับเธอถ้าหากว่าเขายอมนั่งอยู่ตรงนี้จนถึงเช้า อภิชญามองลงมาจากหน้าต่างชั้นสองด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง เธอพยายามทำใจแข็ง ปิดผ้าม่านลงและข่มตานอนให้หลับ แต่ภาพของเฮียเหนือที่นั่งตากฝนอยู่หน้าบ้านยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดของเธอเวลาล่วงเลยไปจนถึงตีสาม หญิงสาวสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอแง้มม่านออกมาดูและพบว่าเขายังคงนั่งอยู่ที่เดิม โชคดีที่ดูเหมือนว่าฝนจะซาลงแล้ว และความอดทนของเธอก็สิ้นสุดลงแล้วเหมือนกัน! อภิชญาไม่สามารถทนดูเขาฝืนทนอยู่แบบนี้ต่อไปได้อีก ถ้าเขายังดื้อดึงอยู่แบบนี้ มีหวังเขาได้ตายอยู่หน้าบ้านเธออย่างแน่นอน นับสองหยิบร่มและเดินลงมาหาเขาในตอนตีสาม ร่างกายของวายุสั่นเทิ้มด้วยความหนาว รอยฟกช้ำตามตัวตอนนี้ม่วงจนเห็นได้ชัด หญิงสาวที่เห็นแบบนั
อภิชญาลืมตาตื่นขึ้นมาที่เตียงของตนเองในตอนเย็น โดยที่ด้านข้างมีเฮียหนึ่งคอยนั่งเฝ้าอยู่ตลอดเวลา เธอเป็นลมไปเพราะเจอกับเรื่องสะเทือนใจ บวกกับอาการอ่อนเพลียจากการพักผ่อนน้อย"หนู..ตื่นแล้วเหรอเป็นยังไงบ้างครับรู้สึกดีขึ้นบ้างมั้ย" เฮียหนึ่งเอ่ยถามอาการของนับสองด้วยความเป็นห่วง ฝ่ามือหนาแตะลงบนหน้าผากมนเพื่อให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้มีไข้"ค่ะ.. หนูแค่เพลีย ๆ พักสักหน่อยเดี๋ยวก็คงหาย" อภิชญาตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง เธอไม่เข้าใจเจตนาของผู้หญิงคนนั้นเลยสักนิด ว่าที่คอยส่งรูปนั่นรูปนี่มาให้เพราะต้องการอะไรกันแน่ ทั้งที่ผู้หญิงคนนั้นกับเธอก็ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน แม้กระทั่งหน้าตาก็ยังไม่เคยเห็น ถ้าว่ากันตามตรงตัวเธอเองนั้นไม่มีทางที่จะเป็นเมียน้อยของเฮียเหนือได้ เพราะเธอคือคนที่เขาพาไปเปิดตัวกับที่บ้าน ถ้าทั้งหมดนี่เป็นแค่การกลั่นแกล้งหรือเรื่องเข้าใจผิดล่ะ..การที่เธอหนีเขาออกมาเลยแบบนี้มันถูกต้องแล้วหรือเปล่าอย่างน้อยเธอก็ควรฟังเหตุผลจากปากของเฮียเหนือ ก่อนจะตัดสินใจทำอะไร..แต่วันนั้นเขาก็ควรจะพูดความจริงสิ เรื่องที่เขาโกหกเธอมันยังคงไม่เปลี่ยนไป เลิกหาข้ออ้างมาเข้าข้างคนเลวคนนั้นได้แล้ว อภิ
"มึงเล่าความจริงทั้งหมดมาให้กูฟังก่อน แล้วกูจะยอมบอกมึง" สิ้นคำพูดของเหมันต์ วายุก็พยักหน้าเล็กน้อย เขาตัดสินใจเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นให้แฝดผู้น้องฟัง รวมถึงเรื่องของน้ำหวานด้วยเช่นกันลมหนาวที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากพี่ชาย ก็ได้แต่กุมขมับด้วยความเครียด เพราะสิ่งที่ไอ้เหนือเล่ากับสิ่งที่นับสองเล่าเหมือนหนังคนละม้วน "มึงคิดว่าเด็กในท้องของผู้หญิงที่ชื่อน้ำหวานเป็นลูกมึงจริงมั้ยวะ""เอาตรง ๆ มั้ยไอ้หนาว กูคิดว่าไม่ใช่ลูกกูแน่นอน แต่กูยังไม่มีหลักฐานอะไรเลยว่ะ ตอนแรกกูตั้งใจว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างเงียบ ๆ เพราะไม่อยากมีปัญหากับสอง พอนับสองมาหนีไปแบบนี้กูแม่งทำเหี้ยอะไรไม่ถูกเลย""เหนือมึงฟังกูนะ วันที่มึงไปนอนค้างกับผู้หญิงคนนั้น มันเป็นคนกดรับสายและคุยกับสอง อีกทั้งยังส่งผลตรวจครรภ์มาให้สองด้วย ผู้หญิงของมึงด่าสองว่าหน้าด้าน เป็นแค่เมียน้อย ทีนี้มึงเข้าใจหรือยังทำไมสองถึงได้หนีมึงไป" วายุได้แต่นิ่งเงียบกับสิ่งที่ได้ยิน วันนั้นเขาแน่ใจว่านับสองไม่ได้โทรหาเขาเลยสักสาย หรือว่าเรื่องมันจะเกิดขึ้นตอนที่เขาอาบน้ำ.. เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าการที่ครั้งหนึ่งเขาเคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ
อภิชญาพักฟื้นสภาพจิตใจและร่างกายอยู่ที่ไร่องุ่นรัตนกิจโกศลราว ๆ หนึ่งอาทิตย์ และวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายที่เธอจะอยู่ที่นี่ หญิงสาวกล่าวขอบคุณและบอกลาทุกคนในไร่ที่คอยดูแลเธอตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่"รักษาตัวนะคะพี่" เพียงดาวสาวน้อยผู้ร่าเริงวัยยี่สิบต้น ๆ ลูกสาวของคุณลุงคุณป้าในไร่เดินมาโอบกอดเธอด้วยแววตาละห้อย ตลอดเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่เธออาศัยอยู่ที่นี่ เพียงดาวนับว่าเป็นคนที่เธอสนิทด้วยที่สุด "สู้ ๆ เรื่องเฮียหนาวนะดาว พี่เป็นกำลังใจให้" อภิชญากระซิบข้างหูสาวน้อยเบา ๆ ทำเอาเพียงดาวถึงกับหน้าแดงลามไปจนถึงใบหู บอกตามตรงว่าเธอดูออกตั้งแต่ช่วงสองสามวันแรกที่มาอยู่แล้วล่ะว่าสาวน้อยคนนี้แอบรักเฮียหนาว เพราะเพียงดาวเก็บสีหน้าและแววตาไม่เก่งเอาเสียเลย แต่มองดูแล้วเธอก็เป็นเด็กที่น่ารักดี ทั้งสดใส และร่าเริง.."ขอบคุณค่ะ ถ้ามีโอกาสดาวจะไปเยี่ยมพี่นะคะ"...เหมันต์เป็นคนขับรถมาส่งอภิชญาถึงหน้าบ้าน จากนั้นเขาก็ขอตัวไปทำธุระต่อ หญิงสาวยืนนิ่งอยู่หน้าบ้านพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบหนึ่ง เธอรวบรวมความกล้าอยู่นานกว่าจะตัดสินใจเอื้อมมือไปกดกริ่ง ไม่นานนักร่างของหญิงวัยกลางคนก็เดินออกมาด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้
เมื่อเสียงรถของวายุไกลออกไปแล้ว อภิชญาจึงออกมาจากที่ซ่อนตัว บอกตามตรงว่าเธอตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่มาก ผู้ชายที่เข้ามาดุจวายุเมื่อกี้ คือเฮียเหนือที่เธอเคยรู้จักจริง ๆ น่ะเหรอ"เฮียหนาว..สองขอโทษนะ" หญิงสาวเอ่ยขึ้นด้วยแววตาที่สั่นไหว เธอรู้สึกขอบคุณเฮียหนาวจากใจจริงที่เขาช่วยปิดบังเรื่องที่เธออยู่ที่นี่เอาไว้จนวินาทีสุดท้าย และรู้สึกผิดที่เป็นสาเหตุทำให้เขาต้องเจ็บตัว"ขอโทษอะไรกัน เฮียไม่เป็นไรเลย ไอ้เหนือมันสันดานเสียโดนสักทีก็ดีเหมือนกัน" เหมันต์พูดขึ้นอย่างติดตลก ไม่อยากให้นับสองต้องคิดมาก เพราะเมื่อคืนหลังจากที่เขาพานับสองกลับมาที่ไร่ เขาก็ให้เธอไปนอนพักอยู่ในห้องสำหรับรับรองแขก แต่ทว่าไฟในห้องนอนของหญิงสาวก็ยังถูกเปิดไว้จนเกือบเช้า ถ้าให้เดาละก็เธอคงยังไม่ได้นอนอย่างแน่นอนอภิชญาทำได้เพียงนิ่งเงียบ เพราะประโยคสนทนาระหว่างพี่น้องเมื่อสักครู่นี้ เธอได้ยินอย่างชัดเจนทุกอย่าง "เออใครมันจะไปดีเหมือนมึง ดีขนาดนี้สองยังไม่เอาเลย" เฮียเหนือพูดเอาไว้อย่างนั้น.. มันยิ่งตอกย้ำว่าเธอช่างเป็นคนตาบอดที่โง่งม หากผู้ชายที่เธอรักคือเฮียหนาวก็คงจะดี อย่างน้อยเธอก็คงไม่ต้องมาเจ็บปวดท
コメント