“พี่เคยคิดว่าพี่ลืมออได้ แต่พอเรามาเจอกันพี่ก็รู้ว่ามันไม่ใช่ พี่ไปตามหาออในปีแรกที่เราเลิกกัน ก็ไม่ได้เกี่ยวกับต้นกล้าต้นข้าวเลยเพราะฉะนั้นจะมีลูกหรือไม่ ก็ไม่ได้ทำให้พี่รักหรือไม่รักออ แต่การมีลูกทำให้พี่ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เหมือนตอนปีแรกที่เราไม่เจอกัน”
อรุณีมาลาไม่ได้ตอบ เวลาที่ผ่านมาเนิ่นนาน มันนานจนเธอไม่รู้ว่าตัวเองยังต้องการเขากลับเข้ามาในชีวิตอีกหรือเปล่า
“ไม่ว่าออจะทำอะไร พี่ก็จะไม่ไปไหน ถ้าอออยากให้พี่เจ็บ พี่ก็จะเจ็บจนออพอใจ แต่อย่าขอให้พี่ออกไปจากชีวิตออกับลูกเลยนะ” ในนาทีนั้นศิวัชรู้ว่าไม่ว่าอะไรที่เขามี ก็ซื้อใจอรุณีมาลาไม่ได้ จนกว่าเธอจะยอมอภัยให้เขาจริงๆ
“คุณกำลังขอร้องผู้หญิงที่คุณเคยบอกเลิกให้อยู่กับคุณเหรอ” เธอย้อนถาม
“ออ ทุกคนทำผิดได้พี่เองก็เป็นคนนะ ประโยคเดียวที่พี่ผิดพลาด เราจะลืมมันไปไม่ได้เหรอ”
“ก็เพราะฉันลืมไม่ได้ไง คุณคิดว่าฉันไม่อยากลืมเหรอ” หญิงสาวพูดเสียงดังจนต้นข้าวตื่น
“แม่ขา แม่มาแล้ว” เด็กหญิงเรียก เธอรีบเช็ดน้ำตาแล้วไปดูลูก
“ค่ะ แม่มาแล้วนอนต่อนะคะ” อรุณีมาลาตบก้นลูกสาวที่นอนคว่ำให้หลับต่อ สักพักเด็กหญิงก็หลับสนิท
หญิงสาวลุกจากเตียงเดินผ่านศิวัชที่ยังอยู่ที่เดิม
“ออ” ชายหนุ่มจับต้นแขนเธอไว้
“ถ้าคุณยืนยันจะไม่ไปไหน ฉันก็จะรอดูว่าคุณจะอยู่ได้นานเท่าไหร่” หญิงสาวปลดมือเขาออก ศิวัชยอมปล่อยแต่โดยดี
คืนนั้นหญิงสาวเข้าห้องนอนแต่นอนไม่หลับ เธอพลิกไปพลิกมาจนต้องหาใครสักคนคุยด้วย และในเวลาที่ดึกมากเธอจึงเลือกโทรหาไอยวรินทร์ซึ่งอีกฝ่ายก็รับฟังเธออย่างดี
สองพี่น้องคุยกันราวครึ่งชม. ไอยวรินทร์สามารถทำให้น้องสาวสงบใจลงมากพอที่จะหลับได้
พี่สาวคนที่สามทิ้งท้ายประโยคก่อนที่จะวางสายว่า
“ถ้าถึงจุดที่เราไม่รู้จะทำอะไรเพื่อตัวเองแล้ว ก็ขอให้ทำเพื่อคนอื่น ถ้าออไม่รู้ว่าจะยอมรับดร.เข้ามาในชีวิตเพื่ออะไร ก็ขอให้คิดในมุมที่ว่าถ้ายอมรับเขาเพื่อลูก คำว่าพ่อยังมีความสำคัญอยู่ไหมนั่นล่ะคือคำตอบ
พี่รู้ว่าออไม่ได้เกลียดเขาถ้าเขากลับเข้ามา มันไม่ได้แย่ถึงขนาดต้องฝืนความรู้สึกตัวเอง แค่ว่าตอนนี้ออยังไม่เห็นเขาเจ็บเท่าที่เราเคยรู้สึกเท่านั้น”
คืนนั้นเธอหลับไปพร้อมความคิดที่ชนกันในหัวมากมาย และศิวัชเองก็ไม่ต่างกัน
สายวันต่อมาหญิงสาวมีอาการป่วยเป็นไข้ เจ็บคอ ศิวัชเปิดประตูเข้ามาในห้องเพราะเห็นว่าสายแล้วเธอยังไม่ลงไปข้างล่าง เมื่อเปิดเข้ามาพบว่าหญิงสาวตัวร้อนจี๋ หน้าแดงด้วยพิษไข้
“ออ ตื่นไหวไหม ออเป็นไข้ทานข้าวทานยาไหวไหม” ศิวัชปลุกเธอเบาๆ
อรุณีมาลาลุกไม่ไหว ศิวัชจึงเช็ดตัวให้เธอ ให้ทานยาลดไข้จนไข้เริ่มลงในช่วงเย็น ต้นกล้าและต้นข้าวมาเกาะประตูห้องมองดูแม่ที่นอนซมเพราะพิษไข้
“อย่าเข้ามานะลูก เดี๋ยวติดไข้” ชายหนุ่มบอกเด็กๆ ซึ่งสองคนก็เข้าใจดี
หญิงสาวเริ่มลุกขึ้นนั่งได้ในช่วงเย็น ศิวัชเปิดประตูห้องเข้ามาเขายกถาดข้าวต้มและยามาให้
“ออดีขึ้นรึยัง พี่เอาข้าวกับยามาให้”
“ไม่หิวค่ะ” เสียงเธอแหบจนตัวเองก็ตกใจ
“ไม่หิวก็ฝืนใจกินสักหน่อยจะได้กินยา ลูกอยากเข้ามาหาออ แต่พี่ยังไม่ให้เข้ามากลัวจะติดไข้” ศิวัชลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียง เขายกถ้วยข้าวต้มขึ้นมาคนคลายร้อนให้ตักข้าวทำท่าจะป้อน
“จะกินเองค่ะ”
“พี่ป้อนให้ดีกว่า ออมีแรงแล้วเหรอถ้าทำข้าวหกใส่ตัวใส่ที่นอนจะเป็นไง”
คำพูดนั้นของเขาทำให้เธอฝืนใจพยายามกินข้าว จนหมดไปครึ่งถ้วยหญิงสาวก็ส่ายหน้าไม่กินแล้ว ศิวัชจึงให้เธอทานน้ำและยา
“ยังหนักหัวไหมครับ ให้พี่เรียกหมอได้นะ” เขาถามแต่อรุณีมาลาส่ายหน้า
“ไม่เป็นไรแล้วค่ะ ดีขึ้นมากแล้วลูกล่ะคะ”
“กินข้าวกันแล้วดูการ์ตูนกันอยู่ คืนนี้ก็อยู่นี่ล่ะทั้งแม่ทั้งลูก อย่าเพิ่งกลับบ้านเลยนะออ พี่เป็นห่วง”
หญิงสาวไม่ตอบ เธอเลื่อนตัวลงนอนหันหลังให้ ชายหนุ่มจึงเก็บถ้วยข้าวออกไปข้างนอก ปิดประตูลง
ช่วงหัวค่ำต้นข้าวกับต้นกล้าเข้ามาหาแม่ในห้องนอน
“แม่ขา” เด็กหญิงเรียก
“คะลูก” เธอขานรับ พยายามยันตัวขึ้นนั่ง ผมยาวรุ่ยร่ายลงมาเด็กหญิงและเด็กชายปีนขึ้นมานั่งบนที่นอนกับเธอ
“เดี๋ยวติดไข้แม่นะคะ” เธอบอก
“ต้นกล้าจะไม่ไปโรงเรียน จะดูแลแม่” เด็กชายบอก
“หนูด้วย” ต้นข้าวบอก ทำให้หญิงสาวหัวเราะ
“ไปเถอะลูก เดี๋ยวไม่สบายต้องกินยา ต้องไปให้คุณหมอฉีดยานะ” เธอบอก
“ม่ายเอา ไม่ฉีดยาต้นกล้าไม่เป็นอะไร” เด็กชายส่ายหน้าหวือ
“ไม่อยากฉีดยาก็ไปนอนได้แล้วลูก” ศิวัชเข้ามาในห้อง “เดี๋ยวพ่อดูแม่เอง” เด็กสองคนรีบวิ่งออกจากห้อง ชายหนุ่มหันมาบอกเธอก่อนจะเดินตามลูกออกไป
“พี่พาลูกเข้านอนก่อนนะครับออ เดี๋ยวพี่มาหา”
คืนนั้นหญิงสาวรู้สึกตัวตื่นกลางดึก เมื่อมีแขนแข็งแรงวางลงบนเอวท่ามกลางแสงไฟสลัวจากไฟหัวเตียง เธอขยับตัวจะถอยออกห่าง
“นอนเถอะออ พี่เป็นห่วงเฉยๆ” กลิ่นสบู่จากตัวศิวัชโชยมาจนเข้าจมูก
อรุณีมาลาทำตัวแข็งอยู่นาน ก่อนจะผ่อนตัวลงนอนตามสบายเมื่อเขาไม่มีที่ท่าอันตรายมากกว่านั้น
“พรุ่งนี้ออไม่ต้องไปทำงานนะ พี่โทรบอกคุณพิณแล้ว” หญิงสาวไม่ตอบ แต่ศิวัชเห็นเธอกระพริบตาในความมืดบอกว่ารับรู้คำพูดของเขา เขาจึงพูดต่อ
“รถที่แม่ส่งมารับออไปกระบี่คงจะมาถึงช่วงบ่ายๆ พรุ่งนี้พี่ไม่มีสอน ตอนเช้าพี่ไปส่งลูกกับเข้าไปเซ็นรับงานนักศึกษาแล้วจะมาอยู่ดูแลออ แต่วันอังคารพุธพฤ.พี่มีสอน ออกับคุณพิณกับเด็กๆ ล่วงหน้าไปก่อนนะครับ เราไปเจอกันที่บ้านพี่เลยก็ได้”
คำพูดของเขาทำให้เธอสบายใจขึ้น
“ค่ะ”
จากนั้นไม่มีคำพูดอะไรอีก หญิงสาวขยับตัวพลิกตัวหันหลังให้ นอนในท่าที่สบายตัวจนหลับลงไปอีกครั้งเพราะฤทธิ์ยา
สิบสองปีต่อมา ณ เกาะพยาม อธิปหรือต้นกล้ายืนมองทะเลไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา เขาเพิ่งกลับจากการไปเรียนต่อในระดับปริญญาตรีที่สหรัฐอเมริกา ชายหนุ่มเรียนจบแล้วและตั้งใจจะมาอยู่ที่นี่สักพัก ก่อนที่จะกลับไปเรียนต่อปริญญาโทแต่วันนี้บ้านพักที่เคยสงบกลับเต็มไปด้วยผู้คนเพราะเป็นงานวันเกิดของนายหัวภาคย์ คุณปู่ของเขาเอง อธิปไม่ชอบคนเยอะเขาจึงปลีกตัวออกมาหาความสงบตามลำพัง“ต้นกล้า” เสียงเรียกของผู้หญิงคนที่เขารักที่สุดดังอยู่ด้านหลัง “คุณแม่” เขาหันกลับไปหาอรุณีมาลา แม่ของเขาในวัยสี่สิบสี่ยังสวยพริ้งเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ยังทำให้พ่อเขาหึงได้อยู่เสมอ“แม่เดินหาลูกตั้งนาน มาทำอะไรตรงนี้” เธอถามลูกชายที่โตขึ้นผิดหูผิดตา ก่อนที่เขาจะจากไปเรียนต่อในตอนอายุ 17 ปีต้นกล้ายังเป็นวัยรุ่น แขนขายาวเก้งก้างแต่สี่ปีผ่านไปเขากลายเป็นหนุ่มเต็มตัว ตัวสูงกว่าเธอเสียอีก“ผมไม่ค่อยชอบคนเยอะเลยครับแม่ รำคาญ” คำพูดของลูกชายทำให้เธอหัวเราะ“วันนี้มีแต่พี่ๆ น้องๆ ทั้งนั้นเลยลูก” เธอหมายถึงต้นข้าวและต้นน้ำ และบรรดาหลานๆ เช่น ไอย่าลูกสาวของอัญญาและเมฆา อัครินทร์และมุกจันทร์ ลูกชายลูกสาวของอรุณประภาและคิรินทร์
เวลาผ่านล่วงเลยมาสี่ปี เด็กชายต้นกล้าในวัยเก้าขวบเขาบอกมารดาว่า“คุณแม่ ต้นกล้าอยากย้ายไปอยู่กับคุณปู่คับ”อรุณีมาลาเงยหน้าขึ้นมองลูกชาย“ลูกเพิ่งเรียนเกรด 3 เองนะลูก ที่นั่นไม่มีนานาชาติให้ไปต่อนะ”“เปิดเทอมหน้าต้นกล้าก็เรียนเกรด 4 แล้วคุณแม่ ปู่บอกว่าถ้าอยากไป ก็เรียนโรงเรียนประจำที่ภูเก็ตได้ ปิดเทอมกลับไปอยู่กับคุณปู่” เด็กชายพูด“ต้นกล้าไม่อยากอยู่กับแม่แล้วเหรอ” หญิงสาวเริ่มน้อยใจลูกชายนิดๆ ศิวัชเดินเข้ามาในห้องเขาได้ยินพอดี ชายหนุ่มวางมือบนบ่าของเธอเป็นเชิงให้ใจเย็น“ลูกไม่เคยเรียนโรงเรียนประจำจะอยู่ได้เหรอลูก” เขาถามต้นกล้า“ปู่บอกว่าพ่อก็เคยเรียน พ่ออยู่ได้ต้นกล้าก็ต้องอยู่ได้ครับ” เด็กชายตอบหนักแน่นศิวัชหันไปถามต้นข้าว “ต้นข้าวล่ะลูก หนูอยากไปไหม” เด็กหญิงส่ายหน้า “หนูอยากอยู่กับพ่อแม่ค่ะ” “คืนนี้พ่อจะคุยกับคุณปู่อีกที ปิดเทอมนี้ต้นกล้าไปเยี่ยมคุณปู่ตามปกติก่อนแล้วกันลูก” ศิวัชสรุปคืนนั้นศิวัชคุยกับอรุณีมาลา เขารอจนเธอลมหายใจสงบเป็นปกติจากบทรักหนักหน่วง ชายหนุ่มดึงร่างเธอมากอดลูบแผ่นหลังเรียบเนียน“เรื่องต้นกล้า ออคิดยังไง” “ออเป็นห่วงลูกค่ะ ต้นก
หลังจากที่คู่แต่งงานใหม่ใช้เวลาด้วยกันตามลำพังสามวัน คุณปู่คุณย่าก็พาเด็กๆ ตามมาสมทบที่เกาะพยาม และเพราะว่าอยู่ในช่วงปิดเทอมใหญ่ จึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องโรงเรียนของเด็กๆเช้านี้นายหัวภาคย์มีแผนจะพาเด็กๆ ไปชมปะการังโดยขึ้นเรือท้องกระจกขนาดใหญ่ ศิวัชสวมเสื้อชูชีพให้ต้นกล้าและต้นข้าว เด็กชายถามบิดาว่า“แล้วเราจะลงไปดูในทะเลจริงๆ ได้ไหมคับพ่อ”“ได้ลูก แต่ลูกต้องโตกว่านี้แล้วไปเรียนดำน้ำก่อนครับ” ศิวัชตอบลูกชายที่ตื่นเต้นกับทุกสิ่งทุกอย่างที่บ้านคุณปู่“ต้นข้าวไม่เห็นอยากลงไปเลย แม่บอกว่าเดี๋ยวตัวดำ” เด็กหญิงพูดขึ้นบ้าง“นี่มันเรื่องของลูกผู้ชาย” ต้นกล้าหันไปพูดกับน้อง เขาจำคำพูดของปู่มาใช้“ไปกันลูกเรียบร้อยแล้ว ห้ามดื้อ ห้ามโผล่หน้าออกนอกเรือ เข้าใจไหมครับ” ดร.หนุ่มบอกลูกแฝดต้นข้าวไม่เท่าไร เขากลัวต้นกล้าจะทำอะไรแผลงๆ มากกว่าเริ่มสายทั้งหมดจึงลงเรือกัน เรือที่ใช้วันนี้เป็นเรือขนาดใหญ่ มีที่ให้เดินหรือนั่งนอนได้ตามสบายตรงกลางท้องเรือเป็นแผ่นกระจกหนาเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 2.5 เมตร ทว่า..เด็กชายต้นกล้ากลับไปสนใจมองปะการังนอกตัวเรือ เขาชะโงกหน้าออกไปเรื่อยๆ “ต้นกล้า หยุ
งานแต่งงานของศิวัชและอรุณีมาลาถูกกำหนดขึ้นในอีกสองเดือนหลังจากนั้น ยิ่งช่วงใกล้วันงานทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ยิ่งมีเรื่องวุ่นวาย คุณศิตามาอยู่ยาวที่กรุงเทพฯ เพื่อช่วยเตรียมงานล่วงหน้าถึง 1 เดือนงานนี้มีเพื่อนเจ้าสาวเพียงคนเดียวคืออรุณประภา ซึ่งอรุณีมาลาต้องการให้เป็นแบบนั้น เธอถือว่าพวกเธออยู่ด้วยกันตั้งแต่เกิดดังนั้นในวันสำคัญของชีวิต เธอต้องการให้คู่แฝดรับหน้าที่นี้เพียงคนเดียวส่วนเพื่อนเจ้าบ่าวอรุณีมาลาขอว่าเธอจะเลือกเอง เธอต้องการให้สีหราชซึ่งเคยแนะนำให้เธอกับศิวัชพบกันเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว ซึ่งชายหนุ่มก็ยินดีอย่างยิ่งในวันลองชุดของหนุ่มสาวสี่คน ซึ่งเป็นร้านเดียวกันในระหว่างที่สองสาวฝาแฝดอยู่ด้วยกันในห้องแต่งตัว“ออจะไปฮันนีมูนที่ไหนนะ” พี่สาวถาม“จะไปเกาะพยามน่ะ ไปรอบที่แล้วมัวแต่ทะเลาะกัน ไม่ได้ดูอะไรเลย” อรุณีมาลาพูดปนหัวเราะนิดๆ“พิณดีใจด้วยที่ออมีความสุขสักที” อรุณประภาดีใจกับคู่แฝด เธอไม่เห็นอรุณีมาลาหัวเราะได้จริงๆ มานานแล้ว“จะดีกว่านี้ถ้าเราได้แต่งพร้อมกัน” แฝดน้องพูดด้วยน้ำเสียงสดใสพวกเธอออกมาจากห้องแต่งตัว อรุณีมาลาในชุดไทยจักรพรรดิสีงาช้าง ส่วนอรุณประภาสวมชุดไทย
อรุณีมาลานอนโรงพยาบาลสองวันหมอจึงให้กลับได้ ในเช้าวันที่จะกลับบ้านเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดของตัวเองที่แม่บ้านจัดมาให้ ศิวัชเปิดประตูเข้ามาหลังจากที่เขาไปเคลียร์ค่าใช้จ่ายและรับยามาให้แล้ว“นี่ยานะครับออ” เขาวางถุงยาไว้บนโต๊ะ หญิงสาวเดินมานั่งที่เก้าอี้สำรวจถุงยาว่ามีอะไรบ้าง“ส่วนนี่พี่ซื้อกาแฟมาให้กับขนม” เขาวางกาแฟกับขนมถัดไปจากยา หญิงสาวพึมพำขอบคุณ“ส่วนนี่อีกอย่างครับ แม่พี่ให้มา” เขาวางกล่องกำมะหยี่ลง หญิงสาวมองของแล้วมองหน้าเขาศิวัชนั่งลงกับพื้นตรงหน้าเธอ “วันนี้ออจะได้กลับบ้านที่เป็นบ้านของเรา พี่อยากทำให้ถูกต้อง ไม่อยากให้ใครเอาออไปพูดเสียๆ หายๆ ออแต่งงานกับพี่นะครับ พี่จะได้ดูแลออได้เต็มที่” อรุณีมาลามองหน้าเขา ศิวัชเปิดกล่องแหวนมันเป็นแหวนมรกตน้ำงามล้อมรอบด้วยเพชร“แหวนนี่เป็นแหวนเก่าของท่านตาใช้สวมในท่านยายในวันแต่งงานของท่าน ตกทอดมาถึงคุณแม่ที่เป็นลูกคนเดียวแล้ววันนี้มันจะเป็นของออช่วยรับไว้เก็บไว้ให้ต้นข้าว ในวันแต่งงานของต้นข้าวนะครับ” “แต่งงานเหรอคะ” เธอพึมพำ“ครับ ถ้าออตกลงพ่อกับแม่พี่จะคุยกับคุณอัญ พี่อยากบอกออว่าทั้งหมดที่ผ่านมาพี่รักออ อยากอยู่ใกล้
หญิงสาวตื่นมาอีกทีในตอนเช้าของอีกวัน เวลาเดียวกับที่ศิวัชเปิดประตูห้องน้ำออกมา“พี่ทำออตื่นเหรอเปล่า” เขามองหน้าเธออย่างเป็นห่วง อังมือกับหน้าผากของเธอทำท่าโล่งใจ“ดีนะ ออไม่มีไข้”“กี่โมงแล้วคะ ลูกล่ะ” เธอถาม“ตอนนี้เพิ่งหกโมงเช้าเอง ลูกอยู่กับแม่น่ะออ แม่กับพ่อมาถึงเมื่อคืนตอนเที่ยงคืน ออหลับอยู่พี่เลยไม่ได้ปลุก”“ค่ะ เลยทำคนอื่นลำบากกันไปหมด” “อย่าพูดแบบนั้น ทุกคนที่พูดถึงก็ครอบครัวทั้งนั้น” ศิวัชปลอบ รู้ว่าอรุณีมาลายังกลัวอยู่ “ออย้ายไปอยู่บ้านพี่นะ” ศิวัชบอกเมื่อเห็นเธอพยักหน้าเขาจึงพูดต่อว่า“เดี๋ยวพี่ให้คนไปเก็บของให้ ถ้าออยังกลัวก็ไม่ต้องไปเอง”“อิ๋วด้วยนะคะ ให้มาอยู่ดูแลเด็กๆ ด้วยได้ไหม” อรุณีมาลาห่วงคนของตัวเอง ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างโดนทำร้ายอะไรตรงไหนเธอยังไม่ทันได้ดูเลย“ได้จ้ะ พี่ให้คนของออตรวจร่างกายแล้วเมื่อคืน หมอบอกว่าไม่มีอะไรมาก ฟกช้ำนิดหน่อยตรงข้อมือที่ถูกมัด พี่เลยให้ไปอยู่ที่บ้านตั้งแต่เมื่อคืน จะได้อยู่เป็นเพื่อนต้นกล้าต้นข้าวด้วย” ศิวัชพูดเสียงนุ่ม“ขอบคุณค่ะ” อรุณีมาลาสบายใจขึ้นบ้าง“ออหิวไหม อยากกินอะไรรึเปล่าพี่ลงไปซื้อให้นะ” เธอส่ายหน้า “เจ