ตีห้าวันต่อมาคณะเริ่มออกเดินทาง ต้นกล้าและต้นข้าวสามารถตื่นเช้าได้แบบไม่งอแงเพราะความตื่นเต้นที่จะได้ไปเที่ยว แม่บ้านช่วยกันขนกระเป๋าเดินทางมาเตรียมใส่รถเรียบร้อยแล้ว เมื่อคู่แฝดสองคู่ลงไปด้านล่าง
เมื่อคนขับรถเปิดประตูต้นกล้าและต้นข้าวรีบขึ้นอย่างร่าเริง ศิวัชดึงมืออรุณีมาลาไว้ก่อนที่เธอจะตามลูกไป
“เดี๋ยว..ออ”
เห็นดังนั้นอรุณประภาจึงก้าวขึ้นไปรอบนรถ เปิดโอกาสให้ชายหนุ่มคุยกับน้องสาวฝาแฝด
“คะ มีอะไร” หญิงสาววางสีหน้าไม่ถูก
“เรื่องที่เราคุยกันไว้พี่จะไปรอเอาคำตอบที่บ้าน ออเดินทางดีๆ ไปถึงกระบี่แล้วโทรหาพี่ด้วย วันศุกร์เจอกันครับ” ศิวัชกดจมูกลงบนหน้าผากเธอหนักๆ ปล่อยให้เธอขึ้นรถ ดร.หนุ่มชะโงกหน้าเข้าไปคุยกันลูกฝาแฝดทั้งสอง
“ต้นกล้าต้นข้าว เดี๋ยวพ่อตามไปเจอกันที่บ้านคุณปู่นะครับ”
เวลา 9 นาฬิกา รถตู้ไปแวะที่จุดพักรถเขาโพธิ์ บางสะพาน ที่นั่นเป็นจุดบริการของกรมทางหลวง มีปั๊มน้ำมัน ห้องน้ำ ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหารค่อนข้างเป็นจุดใหญ่ อรุณีมาลาให้คนขับรถได้พักประมาณ 30 นาที โดยเธอเตรียมเงินพิเศษใส่ซองเป็นสินน้ำใจส่งให้
“ไม่เป็นไรครับคุณผู้หญิง นายหัวให้ผมมาแล้วครับ” เขาปฏิเสธ
“เรียกชื่อออก็พอค่ะ ส่วนที่คุณพ่อให้ไม่เกี่ยวกันนะคะ อันนี้อออยากให้เองรับเถอะค่ะออจะได้สบายใจ” เธอยืนกราน เขาจึงต้องรับไปอย่างปฏิเสธไม่ได้
อรุณประภาพาเด็กๆ ไปเข้าห้องน้ำ ส่วนอรุณีมาลาไปหาซื้อขนมและน้ำไว้เผื่อทานบนรถ และสั่งอาหารเช้าทานรอที่ร้านในบริเวณนั้น
“มาแล้วจ้ะ ออสั่งอะไรมาบ้าง” พี่สาวถาม
“สั่งโจ๊ก ปาท่องโก๋ กาแฟ พอไหมพิณจะเอาอะไรอีกรึเปล่า” อรุณีมาลาตอบ พนักงานนำอาหารมาเสริฟพอดี เธอจึงส่งให้ทุกคน
“น่ากินจัง” ต้นกล้าเป่าปากเมื่อเห็นโจ๊กควันหอมฉุย
“หิวล่ะสิเรา” อรุณประภามองยิ้มๆ
โทรศัพท์ของอรุณีมาลาดังขึ้น ศิวัชโทรเข้ามานั่นเอง
“ต้นกล้า คุณพ่อโทรมาอยากคุยกับพ่อไหมลูก” เธอถามบุตรชาย
“คุยคับ” ต้นกล้าตอบแบบไม่ต้องคิด
หญิงสาวกดรับแล้วส่งให้ต้นกล้าทันที
“สวัสดีคับพ่อ ตอนนี้ต้นกล้ากินโจ๊กอยู่” เด็กชายรายงานโดยที่ไม่ต้องถาม
“แม่ล่ะลูก” ศิวัชถาม
“แม่ไม่ว่างคับ แม่คุยกับแม่พิณ” เด็กชายพูดทำให้อรุณีมาลากับอรุณประภาส่งเสียงหัวเราะ
“คับ พ่อขอคุยกับแม่แปบนะลูก”
อรุณีมาลารับโทรศัพท์จากต้นกล้า “ค่ะ”
“ออถึงไหนแล้ว ทำไมไม่โทรบอกพี่” ฟังคำถามแล้วหญิงสาวก็กลอกตามองบน
“เพิ่งถึงบางสะพานเองค่ะ คุณบอกว่าถึงกระบี่ให้โทรนี่”
“งั้นน่าจะถึงกระบี่สักบ่ายโมงไม่เกินนี้ ออจะนอนที่ไหนจะนอนบ้านไอ้คินมันจริงๆ เหรอ”
“ก็มาตามที่พี่คินเชิญนะคะ ไม่นอนบ้านเขาจะน่าเกลียดไปรึเปล่า แค่นี้นะคะกำลังทานข้าว” หญิงสาวกดปิดโทรศัพท์ทันที
อรุณประภาหัวเราะ “ด็อกเตอร์เขาก็ตลกดีนะ ปกติก็ไม่อะไร เวลาหึงขึ้นมานี่เหมือนบ้าทุกที”
เมื่อรับประทานอาหารแล้วจึงเดินทางกันต่อ ตรงไปกระบี่ยิงยาวที่เดียวไม่แวะที่ไหน ยกเว้นเมื่อเด็กๆ ปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำ ทั้งหมดไปถึงฟาร์มมุกคิรินทร์ในเวลา 13:30 น.
เจ้าของฟาร์มหนุ่มมารอรับด้วยตนเอง อรุณประภาก้าวลงไปก่อน ตามด้วยต้นกล้าและต้นข้าว อรุณีมาลาลงจากรถเป็นคนสุดท้าย
อรุณประภาทักทายคิรินทร์ด้วยท่าทีปกติ จากนั้นจึงมีแต่เสียงของสองแฝด
“ว่าไงเด็กๆ สนุกไหม” คิรินทร์ทักทายหลานๆ
“สนุกคับลุงคิน ทะเลอยู่ไกลไหมคับ ต้นกล้าอยากเห็นทะเลแล้ว”
“ไปสิลูก เดี๋ยวพาไป” ชายหนุ่มรับคำ
“พี่คินกับด็อกเตอร์ใครอายุมากกว่ากันเหรอคะ” อรุณีมาลาถามอย่างอยากรู้
“เท่ากันครับ พี่กับไอ้ด็อกเกิดปีเดียวกัน เดือนเดียวกัน ห่างกันแค่สองวันพี่เกิดวันอังคาร ไอ้ด็อกเกิดวันพฤหัส”
“งั้นต้นกล้าอย่าเรียกลุงเลยลูก เรียกอะไรดีนะให้ดูไม่แก่” อรุณีมาลาทำท่าคิด
“จริงๆ พี่กับไอ้ด็อกก็แทบจะเป็นฝาแฝดกันเหมือนออกับน้องพิณล่ะครับ ถ้าเด็กๆ เรียกน้องพิณว่าแม่พิณได้ก็เรียกพี่ว่าพ่อคินก็ได้นะ” เขายิ้มๆ พูดต่อว่า “ถ้าน้องออไม่ถือ”
“ไม่หรอกค่ะ ดีใจเสียอีกที่พี่คินเอ็นดูเด็กๆ ใช่ไหมพิณ” อรุณีมาลาตอบ เธอหันไปขอความเห็นจากพี่สาวฝาแฝด แต่รายนั้นไม่ได้ฟังบทสนทนาก่อนหน้า จึงพยักหน้าไปตามเรื่องตามราว
“พ่อคิน.. เฮ้..ต้นกล้ามีพ่อเพิ่มอีกคนแล้ว” เด็กชายทำท่าดีใจ
“จะพักกันก่อนไหมครับ พี่เตรียมที่พักให้แล้วเป็นบังกาโลสองหลังติดกันของน้องพิณกับน้องออ” เจ้าของสถานที่ถาม
“ความจริงพักด้วยกันได้นะคะ ไม่ต้องรบกวนขนาดเตรียมให้สองหลังเลยค่ะ” แม่เจ้าแฝดพูดอย่างเกรงใจ ส่วนคนฟังนึกในใจว่าเขาจะทำแบบนั้นได้ไง ในเมื่อไอ้ด็อกกำชับไว้นักหนา
“จัดห้องพักแยกของออกับคุณพิณด้วยนะไอ้คิน อย่าลืมล่ะ” คิรินทร์ยังจำได้ว่าเขาตอบกลับไปว่า
“มึงจะให้กูเตรียมห้องพักแยกให้ต้นกล้ากับต้นข้าวอีกห้องด้วยไหมล่ะ” เขาประชดแต่ดร.หนุ่มตอบกลับมาว่า
“ก็ดี”
คิรินทร์เดินนำแขกพิเศษไปที่บังกะโลที่เตรียมไว้ เขาเปิดประตูแนะนำบังกาโลแฝดสองหลังที่อยู่ติดกันว่า
“ห้องทางซ้ายของน้องพิณครับ ทางขวาของน้องออ พี่เตรียมให้สองห้องเพราะว่ามันเป็นห้องพักแบบมีห้องนอนห้องเดียว ถ้าพักสี่คนจะอึดอัด”
พนักงานของฟาร์มช่วยกันขนกระเป๋าเข้ามา อรุณีมาลาหันไปขอบคุณ ส่วนอรุณประภาเข้าไปสำรวจห้องรอบๆ ที่นี่บรรยากาศดีจริงแบบที่เขาคุย แฝดพี่หันไปขอบคุณคิรินทร์
“ขอบคุณนะคะพี่คิน”
“ครับ พรุ่งนี้มีโปรแกรมจะไปที่ไหนกันไหมครับน้องพิณ” ชายหนุ่มถาม
“พรุ่งนี้ต้องไปโรงแรมภูริดารีสอร์ทค่ะ” หญิงสาวตอบตามจริง
“งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งได้ครับ ใกล้ๆ กันนี่เอง”
“แล้วรถที่มากับเราล่ะคะ” อรุณีมาลาถาม
“พี่แค่พูดเผื่อไว้ครับ เกิดออกับพิณอยากไปไหนแยกกันไป รถพี่ก็ไปส่งได้” คิรินทร์อธิบาย
สิบสองปีต่อมา ณ เกาะพยาม อธิปหรือต้นกล้ายืนมองทะเลไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา เขาเพิ่งกลับจากการไปเรียนต่อในระดับปริญญาตรีที่สหรัฐอเมริกา ชายหนุ่มเรียนจบแล้วและตั้งใจจะมาอยู่ที่นี่สักพัก ก่อนที่จะกลับไปเรียนต่อปริญญาโทแต่วันนี้บ้านพักที่เคยสงบกลับเต็มไปด้วยผู้คนเพราะเป็นงานวันเกิดของนายหัวภาคย์ คุณปู่ของเขาเอง อธิปไม่ชอบคนเยอะเขาจึงปลีกตัวออกมาหาความสงบตามลำพัง“ต้นกล้า” เสียงเรียกของผู้หญิงคนที่เขารักที่สุดดังอยู่ด้านหลัง “คุณแม่” เขาหันกลับไปหาอรุณีมาลา แม่ของเขาในวัยสี่สิบสี่ยังสวยพริ้งเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ยังทำให้พ่อเขาหึงได้อยู่เสมอ“แม่เดินหาลูกตั้งนาน มาทำอะไรตรงนี้” เธอถามลูกชายที่โตขึ้นผิดหูผิดตา ก่อนที่เขาจะจากไปเรียนต่อในตอนอายุ 17 ปีต้นกล้ายังเป็นวัยรุ่น แขนขายาวเก้งก้างแต่สี่ปีผ่านไปเขากลายเป็นหนุ่มเต็มตัว ตัวสูงกว่าเธอเสียอีก“ผมไม่ค่อยชอบคนเยอะเลยครับแม่ รำคาญ” คำพูดของลูกชายทำให้เธอหัวเราะ“วันนี้มีแต่พี่ๆ น้องๆ ทั้งนั้นเลยลูก” เธอหมายถึงต้นข้าวและต้นน้ำ และบรรดาหลานๆ เช่น ไอย่าลูกสาวของอัญญาและเมฆา อัครินทร์และมุกจันทร์ ลูกชายลูกสาวของอรุณประภาและคิรินทร์
เวลาผ่านล่วงเลยมาสี่ปี เด็กชายต้นกล้าในวัยเก้าขวบเขาบอกมารดาว่า“คุณแม่ ต้นกล้าอยากย้ายไปอยู่กับคุณปู่คับ”อรุณีมาลาเงยหน้าขึ้นมองลูกชาย“ลูกเพิ่งเรียนเกรด 3 เองนะลูก ที่นั่นไม่มีนานาชาติให้ไปต่อนะ”“เปิดเทอมหน้าต้นกล้าก็เรียนเกรด 4 แล้วคุณแม่ ปู่บอกว่าถ้าอยากไป ก็เรียนโรงเรียนประจำที่ภูเก็ตได้ ปิดเทอมกลับไปอยู่กับคุณปู่” เด็กชายพูด“ต้นกล้าไม่อยากอยู่กับแม่แล้วเหรอ” หญิงสาวเริ่มน้อยใจลูกชายนิดๆ ศิวัชเดินเข้ามาในห้องเขาได้ยินพอดี ชายหนุ่มวางมือบนบ่าของเธอเป็นเชิงให้ใจเย็น“ลูกไม่เคยเรียนโรงเรียนประจำจะอยู่ได้เหรอลูก” เขาถามต้นกล้า“ปู่บอกว่าพ่อก็เคยเรียน พ่ออยู่ได้ต้นกล้าก็ต้องอยู่ได้ครับ” เด็กชายตอบหนักแน่นศิวัชหันไปถามต้นข้าว “ต้นข้าวล่ะลูก หนูอยากไปไหม” เด็กหญิงส่ายหน้า “หนูอยากอยู่กับพ่อแม่ค่ะ” “คืนนี้พ่อจะคุยกับคุณปู่อีกที ปิดเทอมนี้ต้นกล้าไปเยี่ยมคุณปู่ตามปกติก่อนแล้วกันลูก” ศิวัชสรุปคืนนั้นศิวัชคุยกับอรุณีมาลา เขารอจนเธอลมหายใจสงบเป็นปกติจากบทรักหนักหน่วง ชายหนุ่มดึงร่างเธอมากอดลูบแผ่นหลังเรียบเนียน“เรื่องต้นกล้า ออคิดยังไง” “ออเป็นห่วงลูกค่ะ ต้นก
หลังจากที่คู่แต่งงานใหม่ใช้เวลาด้วยกันตามลำพังสามวัน คุณปู่คุณย่าก็พาเด็กๆ ตามมาสมทบที่เกาะพยาม และเพราะว่าอยู่ในช่วงปิดเทอมใหญ่ จึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องโรงเรียนของเด็กๆเช้านี้นายหัวภาคย์มีแผนจะพาเด็กๆ ไปชมปะการังโดยขึ้นเรือท้องกระจกขนาดใหญ่ ศิวัชสวมเสื้อชูชีพให้ต้นกล้าและต้นข้าว เด็กชายถามบิดาว่า“แล้วเราจะลงไปดูในทะเลจริงๆ ได้ไหมคับพ่อ”“ได้ลูก แต่ลูกต้องโตกว่านี้แล้วไปเรียนดำน้ำก่อนครับ” ศิวัชตอบลูกชายที่ตื่นเต้นกับทุกสิ่งทุกอย่างที่บ้านคุณปู่“ต้นข้าวไม่เห็นอยากลงไปเลย แม่บอกว่าเดี๋ยวตัวดำ” เด็กหญิงพูดขึ้นบ้าง“นี่มันเรื่องของลูกผู้ชาย” ต้นกล้าหันไปพูดกับน้อง เขาจำคำพูดของปู่มาใช้“ไปกันลูกเรียบร้อยแล้ว ห้ามดื้อ ห้ามโผล่หน้าออกนอกเรือ เข้าใจไหมครับ” ดร.หนุ่มบอกลูกแฝดต้นข้าวไม่เท่าไร เขากลัวต้นกล้าจะทำอะไรแผลงๆ มากกว่าเริ่มสายทั้งหมดจึงลงเรือกัน เรือที่ใช้วันนี้เป็นเรือขนาดใหญ่ มีที่ให้เดินหรือนั่งนอนได้ตามสบายตรงกลางท้องเรือเป็นแผ่นกระจกหนาเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 2.5 เมตร ทว่า..เด็กชายต้นกล้ากลับไปสนใจมองปะการังนอกตัวเรือ เขาชะโงกหน้าออกไปเรื่อยๆ “ต้นกล้า หยุ
งานแต่งงานของศิวัชและอรุณีมาลาถูกกำหนดขึ้นในอีกสองเดือนหลังจากนั้น ยิ่งช่วงใกล้วันงานทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ยิ่งมีเรื่องวุ่นวาย คุณศิตามาอยู่ยาวที่กรุงเทพฯ เพื่อช่วยเตรียมงานล่วงหน้าถึง 1 เดือนงานนี้มีเพื่อนเจ้าสาวเพียงคนเดียวคืออรุณประภา ซึ่งอรุณีมาลาต้องการให้เป็นแบบนั้น เธอถือว่าพวกเธออยู่ด้วยกันตั้งแต่เกิดดังนั้นในวันสำคัญของชีวิต เธอต้องการให้คู่แฝดรับหน้าที่นี้เพียงคนเดียวส่วนเพื่อนเจ้าบ่าวอรุณีมาลาขอว่าเธอจะเลือกเอง เธอต้องการให้สีหราชซึ่งเคยแนะนำให้เธอกับศิวัชพบกันเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว ซึ่งชายหนุ่มก็ยินดีอย่างยิ่งในวันลองชุดของหนุ่มสาวสี่คน ซึ่งเป็นร้านเดียวกันในระหว่างที่สองสาวฝาแฝดอยู่ด้วยกันในห้องแต่งตัว“ออจะไปฮันนีมูนที่ไหนนะ” พี่สาวถาม“จะไปเกาะพยามน่ะ ไปรอบที่แล้วมัวแต่ทะเลาะกัน ไม่ได้ดูอะไรเลย” อรุณีมาลาพูดปนหัวเราะนิดๆ“พิณดีใจด้วยที่ออมีความสุขสักที” อรุณประภาดีใจกับคู่แฝด เธอไม่เห็นอรุณีมาลาหัวเราะได้จริงๆ มานานแล้ว“จะดีกว่านี้ถ้าเราได้แต่งพร้อมกัน” แฝดน้องพูดด้วยน้ำเสียงสดใสพวกเธอออกมาจากห้องแต่งตัว อรุณีมาลาในชุดไทยจักรพรรดิสีงาช้าง ส่วนอรุณประภาสวมชุดไทย
อรุณีมาลานอนโรงพยาบาลสองวันหมอจึงให้กลับได้ ในเช้าวันที่จะกลับบ้านเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดของตัวเองที่แม่บ้านจัดมาให้ ศิวัชเปิดประตูเข้ามาหลังจากที่เขาไปเคลียร์ค่าใช้จ่ายและรับยามาให้แล้ว“นี่ยานะครับออ” เขาวางถุงยาไว้บนโต๊ะ หญิงสาวเดินมานั่งที่เก้าอี้สำรวจถุงยาว่ามีอะไรบ้าง“ส่วนนี่พี่ซื้อกาแฟมาให้กับขนม” เขาวางกาแฟกับขนมถัดไปจากยา หญิงสาวพึมพำขอบคุณ“ส่วนนี่อีกอย่างครับ แม่พี่ให้มา” เขาวางกล่องกำมะหยี่ลง หญิงสาวมองของแล้วมองหน้าเขาศิวัชนั่งลงกับพื้นตรงหน้าเธอ “วันนี้ออจะได้กลับบ้านที่เป็นบ้านของเรา พี่อยากทำให้ถูกต้อง ไม่อยากให้ใครเอาออไปพูดเสียๆ หายๆ ออแต่งงานกับพี่นะครับ พี่จะได้ดูแลออได้เต็มที่” อรุณีมาลามองหน้าเขา ศิวัชเปิดกล่องแหวนมันเป็นแหวนมรกตน้ำงามล้อมรอบด้วยเพชร“แหวนนี่เป็นแหวนเก่าของท่านตาใช้สวมในท่านยายในวันแต่งงานของท่าน ตกทอดมาถึงคุณแม่ที่เป็นลูกคนเดียวแล้ววันนี้มันจะเป็นของออช่วยรับไว้เก็บไว้ให้ต้นข้าว ในวันแต่งงานของต้นข้าวนะครับ” “แต่งงานเหรอคะ” เธอพึมพำ“ครับ ถ้าออตกลงพ่อกับแม่พี่จะคุยกับคุณอัญ พี่อยากบอกออว่าทั้งหมดที่ผ่านมาพี่รักออ อยากอยู่ใกล้
หญิงสาวตื่นมาอีกทีในตอนเช้าของอีกวัน เวลาเดียวกับที่ศิวัชเปิดประตูห้องน้ำออกมา“พี่ทำออตื่นเหรอเปล่า” เขามองหน้าเธออย่างเป็นห่วง อังมือกับหน้าผากของเธอทำท่าโล่งใจ“ดีนะ ออไม่มีไข้”“กี่โมงแล้วคะ ลูกล่ะ” เธอถาม“ตอนนี้เพิ่งหกโมงเช้าเอง ลูกอยู่กับแม่น่ะออ แม่กับพ่อมาถึงเมื่อคืนตอนเที่ยงคืน ออหลับอยู่พี่เลยไม่ได้ปลุก”“ค่ะ เลยทำคนอื่นลำบากกันไปหมด” “อย่าพูดแบบนั้น ทุกคนที่พูดถึงก็ครอบครัวทั้งนั้น” ศิวัชปลอบ รู้ว่าอรุณีมาลายังกลัวอยู่ “ออย้ายไปอยู่บ้านพี่นะ” ศิวัชบอกเมื่อเห็นเธอพยักหน้าเขาจึงพูดต่อว่า“เดี๋ยวพี่ให้คนไปเก็บของให้ ถ้าออยังกลัวก็ไม่ต้องไปเอง”“อิ๋วด้วยนะคะ ให้มาอยู่ดูแลเด็กๆ ด้วยได้ไหม” อรุณีมาลาห่วงคนของตัวเอง ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างโดนทำร้ายอะไรตรงไหนเธอยังไม่ทันได้ดูเลย“ได้จ้ะ พี่ให้คนของออตรวจร่างกายแล้วเมื่อคืน หมอบอกว่าไม่มีอะไรมาก ฟกช้ำนิดหน่อยตรงข้อมือที่ถูกมัด พี่เลยให้ไปอยู่ที่บ้านตั้งแต่เมื่อคืน จะได้อยู่เป็นเพื่อนต้นกล้าต้นข้าวด้วย” ศิวัชพูดเสียงนุ่ม“ขอบคุณค่ะ” อรุณีมาลาสบายใจขึ้นบ้าง“ออหิวไหม อยากกินอะไรรึเปล่าพี่ลงไปซื้อให้นะ” เธอส่ายหน้า “เจ