LOGINช่วงเย็น บริเวณระเบียงห้องอาหารของรีสอร์ทมีการจัดเตรียมพื้นที่สำหรับประชุมทีมกลยุทธ์ เมฆินทร์กำลังตรวจทานเอกสารอย่างเคร่งเครียด โดยมีทีมงานนั่งทำงานและพักผ่อนอยู่รอบๆ
จารวีเพิ่งกลับมาจากห้องปฐมพยาบาลและนั่งเงียบๆ อยู่มุมหนึ่ง ใบหน้ายังคงซีดเซียว แต่พยายามทำตัวให้ดูเป็นปกติที่สุด
ในใจเธอรู้สึกโล่งอกที่อาการดีขึ้น แต่ก็อดกังวลไม่ได้ว่าคืนนี้จะถูกเมฆินทร์เรียกตัวให้เข้าไป 'ทำงาน' ส่วนตัวอีกหรือไม่
ทันใดนั้น เสียงทักทายอย่างเป็นกันเองและสดใสก็ดังขึ้นจากทางล็อบบี้
วายุก้าวเข้ามาในบริเวณด้วยรอยยิ้มสบายๆ ตามด้วยเมย์ เธอสะพายกระเป๋าเป้ใบเล็กและดูตื่นเต้นกับการได้มาเที่ยว
"ขออภัยที่ขัดจังหวะครับ คุณเมฆินทร์!"
วายุทักทายด้วยน้ำเสียงที่ดังพอให้ทุกคนได้ยิน เขาชูถุงใส่แล็ปท็อปขึ้น
"พอดีคอมพิวเตอร์ที่ลืมไว้ที่คอนโดถูกส่งมาถึงแล้วครับ"
ทีมงานมองไปยังวายุและเมย์อย่างปกติ เพราะรู้สถานะของเมย์ดีอยู่แล้ว เมฆินทร์ลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ปรับให้กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว เขายื่นมือไปรับแล็ปท็อปจากวายุ
"ขอบคุณมากครับ คุณเบียร์ ที่ให้คนเรือไปรับพวกเขานะครับ" เมฆินทร์หันไปขอบคุณเบียร์ที่ยืนอยู่ไม่ไกล
เบียร์ยิ้มรับ "ยินดีครับ"
ก่อนที่เมฆินทร์จะได้กล่าวอะไรต่อ เมย์ก็วิ่งตรงเข้าไปหาจารวีที่นั่งอยู่มุมห้อง ทันทีที่เห็นเพื่อนรัก เมย์ก็ถลาเข้ากอดเธออย่างแน่นหนาด้วยความดีใจ
"จี๊ดดด! คิดถึงที่สุดเลยแก! ฉันอุตส่าห์ขอ พี่วายุ มาด้วยแน่ะ! ไหนดูซิ... ทำไมหน้าซีดอย่างนี้? ไม่สบายเหรอ?" เมย์พูดรัวเร็วพร้อมสำรวจใบหน้าเพื่อนด้วยความห่วงใย
จารวีถึงกับทำอะไรไม่ถูกกับปฏิกิริยาที่เปิดเผยของเพื่อนรัก แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งและดีใจอย่างที่สุดที่เมย์มาถึง เธอคงไม่ต้องอยู่คนเดียวในห้องและต้องหาวิธีรับมือกับเมฆินทร์อีกแล้วในคืนนี้ เธอรีบยิ้มให้เมย์และพยายามทำเสียงให้เป็นปกติ
"จี๊ด! แกเป็นอะไรเนี่ย! ไม่สบายเหรอ!"
"อืม...แค่แดดร้อนนิดหน่อย"
เมย์หันไปจ้องหน้าเมฆินทร์ด้วยสายตาตำหนิ
"นี่... พี่เมฆ! จี๊ดเป็นเพื่อนรักของเมย์นะ! พี่เมฆ รู้ไหมว่าจี๊ดไม่สบาย! ทำไมถึงใช้เพื่อนเมย์ทำงานกลางแดดแบบนี้! เมย์... เมย์บอกฝากให้พี่ดูแลเพื่อนเมย์ ไม่ใช่ให้เอามาทรมาณ!"
เสียงบ่นของเมย์ทำให้บรรยากาศเงียบกริบ ทีมงานทุกคนมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง คำพูดที่เปิดเผยของเมย์ทำให้ทุกคนประมวลผลข้อมูล
จารวีเข้ามาฝึกงานโดยตรงกับฝ่ายกลยุทธ์ เพราะ เมย์ ขอให้เมฆินทร์ช่วยดูแลเพื่อนสนิท นั่นคือสาเหตุที่ได้ฝึกงานที่นี่! (ความคิดของพนักงานในตอนนี้)
เมฆินทร์มองน้องสาวด้วยความไม่พอใจที่มาเปิดเผยสถานะของจารวีต่อหน้าพนักงาน แต่เขาเลือกที่จะไม่โต้เถียงกับเมย์ต่อหน้าทีมงาน
"เมย์! พี่คุยเรื่องงานของบริษัทอยู่ ให้เกียรติสถานที่ทำงานของพี่ด้วย" เมฆินทร์พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงคำเตือน
"อ๋อ... กลัวลูกน้องรู้เหรอว่าเพื่อนเมย์ มีสิทธิ์ดีกว่าคนอื่น?" เมย์เชิดหน้าอย่างไม่ยอมแพ้
"เพื่อน เมย์ฝึกงานเหนื่อยขนาดนี้! พวกเขารู้ไหมว่าจี๊ดไม่ได้มาทำงานแบบงูๆ ปลาๆ แต่ถูกพี่เมฆสั่งงานหนักกว่าใคร!"
จารวีพยายามดึงเมย์ให้นั่งลง "เมย์ใจเย็นๆ ก่อน แกเพิ่งมาถึงเองนะ."
มีเพียงวายุเท่านั้นที่ยืนอยู่ข้างเมฆินทร์และมองดูฉากนี้ด้วยรอยยิ้มที่รู้ทัน เพราะเขาทราบถึงเรื่องราวความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนยิ่งกว่านั้น ระหว่างจารวีและเมฆินทร์
เมฆินทร์ถอนหายใจยาว แล้วหันไปพูดกับวายุ "ไอ้ยุ... พามาด้วยทำไม! ไป...เอามาแล้วก็รับผิดชอบด้วย พาไปหาอะไรทานหน่อย"
"ไอ้คุณเมฆินทร์..." วายุพึมพำเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่รู้ทัน แต่ยังคงรักษามารยาทต่อหน้าทีมงาน "เออ... กู รู้แล้วน่าว่ามึงไม่พอใจ" เขาเดินเข้ามายิ้มให้จารวีและเมย์ "ไปเถอะน้องจี๊ด น้องเมย์ ไปหาอะไรอร่อย ๆ กินกัน ไอ้เมฆมันคงต้องทำงานดึก"
ก่อนที่เมย์จะลุกตามไป เธอหันไปพูดกับพี่ชายด้วยสีหน้าออดอ้อนว่าอย่างลืมตัวว่าเมื่อกี้พูดอะไรไป
"พี่เมฆขา... ห้องพักยัยจี๊ดอยู่คนเดียวใช่ไหมคะ เมย์ว่าจะนอนกับยัยจี๊ดเลยนะจะได้เม้าท์กันถึงเช้า"
เมฆินทร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย "ไม่เปิดอีกห้องนึงล่ะ นี่มันงบของบริษัท แล้วส่วนของเมย์พี่จัดการเคลียร์ให้ก็ได้"
เมย์รีบตอบปฏิเสธ "ไม่เอาค่ะ ก็แค่นอนไม่กี่คืนเองทำไมต้องเปิดใหม่ด้วย อีกอย่างนึง เมย์ก็เป็นน้องพี่นะ งบบริษัทนิด ๆ หน่อย ๆ ขอนอนด้วยไม่ได้หรือไง...นะจี๊ด" เมย์หันไปหาจี๊ด
จารวีหันไปยิ้มด้วยความพอใจ "แน่นอนสิเมย์... มานอนด้วยกันนะ"
"ในที่สุดคืนนี้เธอก็รอดจาพี่เมฆแล้ว!..." ในความคิดของจารวี
ในความคิดของเมฆินทร์ "ก็แค่คืนนี้แหละ ถ้ายัยเมย์กลับเมื่อไหร่ พี่จะคิดตามจำนวนครั้ง ต่อคืนเลยแหละ"
เขาเผยรอยยิ้มมุมปากออกมา อย่างเจ้าเล่ห์
วายุพาเมย์และจารวีออกจากบริเวณนั้นไป
ในจังหวะที่เมย์นั่งคุยอยู่กับจารวี สองสาวก็คุยกันออกรส หัวเราะคิกคัก เมฆินทร์ยืนมองอยู่ โดยไม่ได้ยินเสียงบทสนทนาแต่ภาพเบื้องหน้าคือสองสาวกำลังหยอกล้อกัน
ในจังหวะที่เมย์ดันหน้าอกตัวเองไปใส่หน้าอกจารวีแล้วถูๆ ไถ แล้วก็ใช้มือขย้ำบีบไปหลายครั้ง
เขาเห็นถึงกับหัวเราะออกมาในลำคอ
ในห้วงความคิดของเมฆินทร์ "เด็กผู้หญิงสมัยนี้เขาเล่นกันแบบนี้เหรอ... ยัยเมย์เอ้ย...ทำอะไรอยู่น่ะ ที่เธอจับตรงนั้นมันของพี่นะ!"
เขาพึมพำกับตัวเองพร้อมกับอมยิ้มด้วยใบหน้าที่แสนเจ้าเล่ห์
สถานะของจารวีในสายตาของทีมงานได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากนักศึกษาฝึกงานทั่วไปที่ถูกใช้งานหนัก กลายเป็นคนวงในที่มีเส้นสายตรงถึงผู้บริหารสูงสุด
ตอนนี้สถานการณ์ความตึงเครียดไม่ได้อยู่แค่ระหว่างเมฆินทร์กับเบียร์เท่านั้น แต่ยังมีความเข้าใจผิดของทีมงาน และการปรากฏตัวของวายุและเมย์ที่ทำให้ความจริงของจารวีถูกเปิดเผย
ริมระเบียง
เมฆินทร์เดินออกมาจากห้องประชุม แล้วตรงไปยังระเบียงส่วนตัวที่ติดกับห้องอาหาร เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว
วายุเดินตามออกมา เขายืนพิงราวระเบียงอยู่ข้าง ๆ เมฆินทร์
"หน้ามึง เหมือนคนกำลังจะเสียของรักนะ ไอ้เมฆ" วายุเปิดฉากด้วยน้ำเสียงเหน็บแนม
เมฆินทร์พ่นควันบุหรี่ออกมาก่อนจะตอบด้วยเสียงห้วน "กูไม่ได้มีอะไรให้เสีย"
"ไอ้เสือซ่อนลาย" วายุขำเบาๆ
"เลิกปากแข็งได้แล้วใคร ๆ ก็เห็นว่าแกหงุดหงิดเป็นบ้าตั้งแต่ไอ้ลูกเจ้าของรีสอร์ทมันมาเกาะแกะจี๊ด กูมาถึงยังรู้สึกได้เลยว่าบรรยากาศมันแปลก ๆ นี่มึงใช้จี๊ดทำงานหนักจนเป็นลมแดดจริง ๆ เหรอวะ ไอ้เมฆ?"
เมฆินทร์เงียบไปพักหนึ่ง เขาหันมาจ้องหน้าเพื่อนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความคับแค้นใจ
"กู... ไม่ได้ตั้งใจจะใช้งานจี๊ดหนักขนาดนั้น... กูแค่... ไม่ชอบที่ไอ้คุณเบียร์ มันมาวนเวียน! มึงเห็นไหมว่าหมอนั่นทำตัวสนิทสนมเกินไป! วันนี้ทำไมมันต้องอุ้มจี๊ดด้วยวะ!"
"นี่มึงคลั่งน้องเขาหนักมากแล้ว ไอ้เมฆ" วายุพูดอย่างรู้ทัน
"ตั้งแต่แรก มึงก็แค่ต้องการให้จี๊ดมาฝึกงานกด้วย เพื่อหาโอกาสขอโทษ กับสิ่งที่มึงทำผิดกับน้องเค้า...ต่อมาแกก็ไม่พอใจกับสิ่งที่น้องเค้าทำกับมึงเรื่อง..." วายุพยายามกลั้นขำ
"สองพันกับค่าตัวมึง จนถึงตอนนี้ ที่มึงเป็นอยู่มันคืออะไร ลองคิดดูดี ๆ ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะมึงอยากใกล้ชิด อยากเป็นเจ้าของน้องเขาหรอกเหรอ? แถมยังมีไอ้คุณลูกชายเจ้าของรีสอร์ทอะไรนั่นอีกตอนนี้ "
เมฆินทร์กัดฟันแน่น "ความเป็นเจ้าของอะไรวะ... กูกับจี๊ด... มันก็แค่เรื่อง..."
"แค่ความใกล้ชิด? แต่ถึงยังไง...ก็เป็นของ...ของกูอยู่ดี...กูก็แค่..."
เขาอ้ำอึ้งพูดวงไปวนมา...ทิ้งบุหรี่ลงแล้วบดขยี้ด้วยรองเท้า เขามองออกไปที่ทะเลที่มืดมิด
"กูไม่ชอบให้ใครมาท้าทาย... โดยเฉพาะกับสิ่งที่... กูคิดว่าเป็นของกู" เขาหยุดคิด
"ตอนนี้สถานะของจี๊ดก็ถูกเปิดเผยแล้วว่าเป็นเพื่อนสนิทของเมย์... ทุกคนจะมองว่ากูให้สิทธิพิเศษกับเพื่อนสนิทน้องสาว"
"เออ... อย่างน้อยก็ดีกว่าที่ให้พนักงานเอาไปเม้าท์กันให้สนุกปากเรื่องความสัมพันธ์รึป่าววะ...หน้าต่างมีหูประตูมีตาเว้ย...เมฆ!"
"แล้วเรื่องลูกเจ้าของรีสอร์ท คุณ...ลีโอ...อะไรนั่นน่ะแกจะเอายังไง?" วายุถามต่อ
"เบียร์... เขาชื่อเบียร์"
"เออนั่นแหละ...อะไรช่างแม่งเหอะ!...หมอนั่นดูเหมือนจะสนใจจี๊ดจริงๆ นะ"
เมฆินทร์แสยะยิ้มที่มุมปาก แววตาของเขากลับมาคมกริบเหมือนเดิม
"ไอ้ยุ... มึงไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก"
เมฆินทร์พูดด้วยน้ำเสียงอันตราย
"ในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ที่นี่ กูมีวิธีจัดการกับคู่แข่งทางธุรกิจอยู่แล้ว กูจะทำให้ คุณเบียร์ รู้ว่าคนที่กูอยากครอบครอง... ไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียง... แต่เป็นเรื่องของอำนาจเหนือทุกอย่างในชีวิตเธอ"
"แล้วจี๊ดล่ะ? มึงคิดว่าเธอจะอยู่ภายใต้อำนาจ มึงได้นานแค่ไหน?"
"นานเท่าที่กูต้องการ" เมฆินทร์ตอบอย่างเยือกเย็นและมั่นใจ "ตอนนี้เธอไม่มีทางเลือก... เธอต้องทำงานร่วมกับกูต่อไป"
วายุถอนหายใจยาว "แล้วมึงไม่คิดเหรอ ว่าเดี๋ยวการฝึกงานของน้องเขาก็สิ้นสุดลง... เล่นกับอำนาจกับใจคนมันไม่สนุกหรอกนะ"
คิดดูดีๆ กับสิ่งที่ฉันเตือนแกนะเพื่อน...
ปริศนาชายชุดดำตัดภาพกลับมายังในรถขณะที่เมย์และเมฆินทร์ ภายในรถ เมย์ยังคงคาใจเรื่องเหตุการณ์ที่คอนโดของจารวี"พี่เมฆ... เรื่องชายชุดดำวันนั้น ตกลงพี่ว่ามันเป็นใครกันแน่" เมย์เริ่มถาม น้ำเสียงจริงจังขึ้นทันทีที่ไม่มีจารวีอยู่ด้วยเมฆินทร์ขมวดคิ้ว มือหนากำพวงมาลัยแน่น เขามองกระจกข้างด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ "พี่ก็ยังไม่แน่ใจนัก แต่มันมีบางอย่างที่พี่รู้สึก แปลก""แปลกยังไงคะ?""คำพูดของมันไง ที่พูดกับจี๊ดว่า 'จำฉันไม่ได้เหรอ' ถ้าเป็นสตอล์กเกอร์ที่คลั่งไคล้ผลงานการถ่ายแบบ มันควรจะพูดอะไรที่บ่งบอกถึงการชื่นชม หรือต้องการครอบครอง ไม่ใช่คำถามที่เหมือนเป็นการ ทวงความจำ แบบนั้น"เมย์พยายามคิดตาม "หรือว่าจะเป็นศัตรูของจี๊ดตอนสมัยเรียน? หรือตอนที่เธอเป็นนักกีฬา?""พี่ก็คิดอยู่ แต่นั่นมันเรื่องนานมาแล้ว แถมจี๊ดก็บอกว่าเธอไม่มีปัญหากับใครเลย" เมฆินทร์ถอนหายใจ "แต่ที่สำคัญคือ... ปฏิกิริยาของมันตอนที่เห็นพี่""ปฏิกิริยาอะไรคะ?""มันเหมือน ตกใจ มากกว่าที่จะกลัว หรือโกรธที่ขัดขวางการทำร้ายจี๊ด พอพี่ถีบมันออกไป มันพยายามจะดึงหมวกคลุมหน้ากลับมากกว่าจะคว้ามีด มันอยากจะปิดบังตัวตนมากจริง ๆ"เมย์ชั่งใจ
อากาศบนภูยามค่ำคืนช่างหนาวเหน็บเสียจนต้องขดตัว แต่ความหนาวนี้ก็มิอาจเทียบได้กับความเร่าร้อนที่กำลังปะทุขึ้นในเต็นท์...ในเต็นท์ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว แสงไฟดวงน้อยส่องให้เห็นเงาตะคุ่มๆ ที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างเร่งเร้า ริสา ถูกรุกเร้าจนเสียงหอบหายใจขาดห้วง มือเล็กจิกลงบนแผ่นหลังกว้างของธนาอย่างลืมตัวเพื่อยึดเหนี่ยวตัวเองไว้กับความรู้สึกที่พุ่งทะยานธนาจูบเธอหนักหน่วงและดูดดื่มราวกับจะกลืนกินทุกอณูของร่างกาย เสียงกระซิบพร่าๆ คลอไปกับเสียงผ้าปูที่นอนเสียดสี... เป็นภาพที่ใครเห็นก็รู้ว่าคนข้างในกำลังใช้ความหนาวเป็นข้ออ้างในการมอบความอบอุ่นให้กันและกันอย่างไร้ขีดจำกัด!"ไอธนา มึงดับไฟด้วย!" เสียงตะโกนของเมฆินทร์ ดังข้ามมาพรึ่บ! ไฟในเต็นท์ก็ดับลง เหลือเพียงความมืดมิดที่ช่วยปกปิดความเร่าร้อนที่ดำเนินต่อไป...(...!...)เมฆินทร์ดึงจารวีเข้ามากอดไว้แน่นจนร่างบางแทบจะจมหาย ซบใบหน้าลงกับกลุ่มผมหอมๆ ของเธอ กลิ่นหอมหวานของเธอปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบให้ตื่นขึ้นทันที อ้อมกอดนี้ช่างอบอุ่นจนความหนาวที่มีอยู่มลายหายไปสิ้น"หนาวจัง... ขอกอดหน่อยนะ" เสียงทุ้มนุ่มกระซิบที่ข้างหู พร้อมกับลมหายใจร้อนผ่าว รดริน
เมย์กลับมาหาจารวีที่คอนโดในเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด เมย์ก็โวยวายด้วยความตกใจ"อะไรนะ! นี่ฉันทิ้งแกไว้คนเดียวแป๊บเดียว เกิดเรื่องเลยเหรอ! แบบนี้ที่แกรู้สึกว่าเหมือนมีคนตามแกมองแกอยู่ มันก็เรื่องจริงสิ! สต๊อกเกอร์ไหม? พวกที่ชื่นชมผลงานแกผ่านที่แกถ่ายแบบกับพี่จีน่าหรือเปล่า? ไม่สิ... ถ้าเป็นพวกคลั่งไคล้ ถึงขนาดต้องเอามีดจี้คอกันเลยเหรอ! แต่แกก็ไม่มีศัตรูที่ไหนนี่" เมย์รัวใส่ด้วยความสงสัย"ฉันคุ้นเสียงนะ เหมือนเคยได้ยินเสียงที่ไหนมาก่อนแต่นึกไม่ออก... มันพูดว่าจำฉันไม่ได้เหรอ ... ใคร? ฉันต้องจำใครได้?" จารวีพึมพำเมย์รีบสรุป "เท่ากับว่ามันตามแกอยู่ตลอด คิดดูสิ ไม่งั้นมันจะรู้ได้ยังไง ว่าแกอยู่คนเดียวได้ถูกจังหวะแบบนี้ เพราะปกติเราจะอยู่ด้วยกันตลอด""อือ... ก็จริงของแกนะเมย์""ดีนะที่ตอนนั้นพี่เมฆอยู่ด้วย" เมย์เผลอหลุดปาก"เดี๋ยวก่อนยัยเมย์! แกหมายความว่ายังไง นี่เป็นแผนของแกเหรอ""แฮ่ ๆ ๆ ... ขอโทษที ฉันอยากให้แกกับพี่เมฆได้เจอกัน ได้คุยกันบ้างอ่ะ""อย่าไปว่าเมย์เลยครับ พี่เป็นคนขอให้เมย์ช่วยเอง ก็พี่เป็นห่วงเรานี่" เมฆินทร์รีบสวนขึ้นจารวีสบตาเมฆินทร์อย่างอ่อนใจ แต่ในใ
บทสนทนาทางโทรศัพย์เมฆินทร์กับเมย์"ฮัลโหลเมย์ พี่มีเรื่องจะถามหน่อย" เสียงทุ้มกรอกลงไปในโทรศัพท์"พี่โทรมาพอดีเลย เมย์ก็มีเรื่องจะบอก" ปลายสายตอบกลับทันที "คือพี่จีน่ามาชวนจี๊ดไปถ่ายแบบ แต่พี่ไม่ต้องตกใจนะ ยังไม่ได้ออกจากงาน แค่ชวนให้ลองดูเฉยๆ""แล้วจี๊ดว่าไง? ตกลงไหม?" เขารีบถามด้วยความสนใจ"ดูเหมือนจะสนใจนะ" เธอตอบเสียงอ้อมแอ้ม "พี่จีน่าพูดถูก ถ้าจี๊ดยังอยู่กับความกลัวแบบนี้เมื่อไหร่จะกลับมาเป็นปกติ? ให้ลองดูก็ดีเหมือนกัน""พี่ไม่มีสิทธิ์ห้ามอะไรเขาอยู่แล้ว ฝากเมย์ดูแลด้วยนะ" เขาเน้นย้ำ"เมื่อกี้พี่กำลังจะถามอะไรเมย์นะ?" เธอถามย้อนขึ้น"อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก ไว้เจอกันพี่ค่อยถามก็ได้ วันหยุดนี้พี่จะกลับกรุงเทพฯ เมย์ช่วยพี่หน่อยได้ไหม?ทำยังไงก็ได้ให้พี่ได้เจอจี๊ดสักครั้ง" เขาขอร้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง"จะโอเคเหรอพี่? เดี๋ยวแม่จะว่าไหม?" เมย์กังวล"แค่ครั้งเดียวนะเมย์ ช่วยพี่หน่อยเถอะ พี่มีเรื่องจะคุยกับจี๊ด และก็อยากเจอหน้า ขอแค่ครั้งเดียวจริงๆ""ก็ได้ค่ะ เมย์จะพยายาม" เธอยอมรับปากบทสนทนาของเมฆินทร์กับเพื่อนหลังวางสายจากเมย์ เมฆินทร์กดโทรศัพท์หาวายุทันที"วายุ ช่วงนี้มึงว่างไหม? ช่วยกูคิ
6 เดือนผ่านไปอย่างเชื่องช้าทรมาน สำหรับเมฆินทร์ที่ถูกย้ายไปเชียงใหม่ และจารวีที่ทำงานที่กรุงเทพฯ มันเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาเหมือนขาดใจ เพราะเขาไม่มีโอกาสได้ดูแลเธอ ส่วนจารวี... แม้จะยังรัก... แต่ความหวาดกลัวก็ยังคงฝังลึกและเจ็บปวดจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจารวีทำงานในบริษัทของครอบครัวเมฆินทร์ภายใต้การคุ้มครองอย่างเข้มงวดของ นภา รองประธานบริษัทผู้มีอำนาจล้นเหลือ ครอบครัวของเมฆินทร์ประกาศชัดเจนว่าห้ามใครมายุ่งหรือทำอันตรายเธอโดยเด็ดขาดนภาจัดการไล่พนักงานที่เคยซุบซิบนินทาว่าเธอเป็นเด็กเลี้ยงหรือพูดในทางไม่ดีออกไปทั้งหมด และกำชับห้ามใครคิดร้ายอีกต่อไปการปฏิบัติของทุกคนในบริษัทต่อจารวีเหมือนเป็นลูกสาวคนหนึ่งในครอบครัว ซึ่งตัวเธอเองก็รู้สึกอึดอัดใจกับสถานะที่ได้รับ แต่นภาต้องการชดใช้ความผิดที่ลูก ๆ ของเธอเคยทำพลาด ไม่ว่าจะในอดีตของเมย์ หรือในปัจจุบันของเมฆินทร์ การดูแลเธอในระดับนี้จึงยังน้อยไปด้วยซ้ำในความรู้สึกของผู้เป็นแม่วันเวลาที่ผ่านไปได้ช่วยเยียวยาจิตใจของจารวีให้ดีขึ้น แต่ก็ยังมีเงื่อนปมบางอย่างที่ยังค้างคาอยู่ในใจของเธอเสมอมา วันนี้ ความคับข้องใจนั้นกำลังจะถูกคลี่คลายลง เมื่อมีหญิงสา
ล็อบบี้และสติของเมย์เมฆินทร์อุ้มร่างที่ไร้สติของจารวีวิ่งออกมาจากลิฟต์ไปยังล็อบบี้อย่างบ้าคลั่ง สภาพเขาตอนนี้มีแต่ร่องรอยการต่อสู้ เหงื่อท่วมกาย ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนและตื่นตระหนก เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มทำอย่างไรต่อบนเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ใครก็ได้! เรียกรถ! เรียกรถพยาบาล!พนักงานที่เคาน์เตอร์ต่างตกใจจนทำอะไรไม่ถูกกับภาพชายคลั่งที่อุ้มหญิงสาวตัวซีดเซียวเมย์วิ่งตามมาติด ๆ คว้ากระเป๋าจี๊ดไว้แน่น เธอเห็นความตกตะลึงจนสติแตกของพี่ชาย จึงพุ่งเข้าใส่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ทันทีเมย์เสียงเฉียบขาดและเร่งรีบ ตอนนี้ต้องการรถไปส่งที่ท่าเรือข้ามเกาะด่วนที่สุด! เร็วเข้า! ตอนนี้!เธอชี้ไปที่หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเมฆินทร์ พยายามใช้ไพ่ตายที่สร้างขึ้นมาผู้หญิงคนนี้... เธอได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง... ฉันกลัวว่าเธอจะ แท้งลูก! ให้รีบไปส่งที่ท่าเรือข้ามฝั่ง! ตอนนี้! เครื่องมือการแพทย์และสถานพยาบาลบนเกาะนี้มันไม่พอแน่ ๆ! ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเด็ก... รีสอร์ทของคุณจะรับผิดชอบไม่ไหว!พนักงานรีบประสานงานกันอย่างตื่นตระหนกโดยทันที เมื่อได้ยินคำว่า 'แท้งลูก' และ 'รับผิดชอบไม่ไหว'เมฆินทร์หันไปมองน้องสาว ใบ







