Masukในขณะที่ริมฝีปากยังคงดูดดื่ม มืออีกข้างของเมฆินทร์ก็ปลดเข็มขัดและถอดกางเกง ทั้งตัวนอกและตัวในออกอย่างรีบร้อน
ในจังหวะเดียวกันเขาใช้มือกระชากชุดเดรสที่กองอยู่ตรงเอวและกางเกงในตัวจิ๋วลงไปกองที่หัวเข่าของเธอก่อนจะใช้เท้าถีบชุดเหล่านั้นให้พ้นจากปลายเท้าเหลือไว้เพียงเรือนร่างเปลือยเปล่าของเธอ
เขาก้มลงมองเรือนร่างของหญิงสาวกวาดสายตาสำรวจทุกซอกทุกมุมอย่างละเอียด
"จี๊ดเธอสวยมาก...เธอรู้ตัวไหม? อย่ายอมให้ใครมาทำแบบนี้กับร่างกายของเธอเลย"
จารวีกัดฟัน "ไม่ต้องมาสอน! คนที่ทำก็พี่นั่นแหละ! พี่มีสิทธิ์อะไรมาสอนเรื่องนี้!"
เมฆินทร์แววตาเปลี่ยน "อย่าเถียงพี่สิ!" ทันทีที่เธอเถียงเขาก็ใช้แก่นกายที่ผงาดแข็งขืน ถูไถไปที่ร่องกลีบชมพูอย่างยั่วยวนเพื่อทรมานเธอ
เมฆินทร์เน้นคำพร้อมกับใช้แก่นกายเน้นกระแทก...แต่ไม่สอดใส่ "เวลาผู้ใหญ่สอน...ก็ให้ฟัง... ฮื้ม!"
"ซี๊ด..."
"นี่ใช่ไหม...ตัวตนของพี่! พี่เป็นผู้ชายแบบนี้ใช่ไหม!"
เมฆินทร์ยิ้มเหี้ยม "แบบนี้? แบบไหน? ฮึ้!" เขาพูดพร้อมกับถูไถแก่นกายหยอกล้อเล่นกับกลีบสวยทรมานเธอ
"หื่น! บ้ากาม! มักมาก!"
"แล้วใครมันจะมักน้อย...ใครๆ ก็มักมากกันทั้งนั้นแหละ...หรือพี่พูดผิด ฮึ้มม!...เถียงสิ...เถียง!" เขายังคงถูไถแก่นกายเพื่อแกล้งทรมาณเธอ
หญิงสาวเสียงครางหลุดออกมา "อ้า..." เธอเกร็งปลายเท้ากัดริมฝีปากไว้แน่น
ทันใดนั้น เขาก็หยุดการเคลื่อนไหวแล้วกระซิบถาม "อยากไหม!"
เธอส่ายหน้าและเมินหน้าหนี
เขาไม่รอช้าพลิกตัวเธอขึ้นมานั่งค่อมบนร่างแกร่งของเขาทันที! เธอตกใจกับการกระทำที่รวดเร็วนั้น!
เมฆินทร์ยิ้มเจ้าเล่ห์ พร้อมเลื่อนฝ่ามือขวามาตบที่หน้าขาเธออย่างใจเย็น
(...!...)
"อะ...อะไรของพี่!"
"ก็อยากไม่ใช่เหรอ!...ทำซะสิ! ตามสบายเลย...เชิญ..." เขาพูดพร้อมนอนเอามือรองศรีษะด้วยแววตาเจ้าเล่ห์
"อะไร...! ให้จี๊ดทำอะไร!"
เธอก้มมองแท่งเนื้อตรงหน้าด้วยความเขินอาย ก่อนจะเงยหน้าสบตาเขาอีกครั้ง
"จี๊ดไม่เข้าใจ!"
เขาเอื้อมมือไปหยิบซองเล็กบนหัวเตียงมาวางบนซิกแพ็คแกร่งของเขา
"แกะสิ" เขาบอกแบบหน้าตาเฉย
หญิงสาวหยิบขึ้นมาดูแล้วแกะออกด้วยความงุนงง
คิ้วหนาของเขาเลิกขึ้น "ใส่ให้พี่สิ"
พร้อมกับเอื้อมไปกุมมือเรียวของเธอแล้วจับให้สวมเกราะป้องกันให้เขา เมื่อสวมเสร็จเธอยังคงทำหน้างง
"อะไรของพี่กันแน่! พี่ต้องการอะไร!"
"แล้วเธอล่ะต้องการอะไร? ก็เห็นบอกว่าที่นัดผู้ชายมาแบบนี้ก็เพราะความอยาก...ไหนลองโชว์ความอยากสิ ว่าจะมีมากแค่ไหน!"
เมื่อได้ยินคำท้าทายนั้น ความแค้นเข้าครอบงำ เธอไม่รอช้าขยับตัวแล้วจ่อแท่งทองที่อยู่ตรงหน้าไปยังร่องแคบ!
เมฆินทร์เสียงขาดห้วง "จี๊ด...!!!"
"จะ...จะ...จะทำอะไร! เดี๋ยว...อย่า! มันจะ!..."
"อ๊ายยยย!!!" หญิงสาวร้องสุดเสียง
ยังไม่ทันสิ้นเสียงห้ามของเขา เธอก็กดตัวลงเต็มแรง!
จารวีร้องสุดเสียงด้วยความเจ็บปวดน้ำตาไหล "นี่มันอะไร! ไม่เอาแล้ว! ไม่เอาแล้ว! จี๊ดจะกลับ!"
เธอดีดตัวเองออกจากตัวเขาเตรียมจะลุกขึ้น แต่ มือแกร่งของเขาดึงเธอกลับมาพลิกตัวกดทับเธอไว้ให้อยู่ด้านล่างอีกครั้ง
"ปล่อยนะพี่เมฆ! จี๊ดไม่ใช่ตัวตลกของพี่นะ! อย่ามาทำอะไรแบบนี้! จี๊ดจะกลับ!"
เสียงของเธอขาดหายไปเมื่อริมฝีปากหยักของเขากดลงมาที่ริมฝีปากของเธออีกครั้ง สัมผัสกับกลิ่นเหล้าจางๆ จากลมหายใจ เขาใช้หัวแม่มือ ปาดน้ำตาที่ไหลออกมา
เสียงของเขาอ่อนลง "พี่ไม่แกล้งแล้ว..."
เขาพรมจูบทั่วเรือนร่างของเธอราวกับเป็นคู่รัก เขารู้ในทันทีว่าความเร่าร้อนคืนนั้นมาจากฤทธิ์ยากระตุ้นอารมณ์แน่ ๆ มันไม่ใช่ตัวตนของเธออย่างแน่นอน เขาพยายามเล้าโลมจนร่างกายเธอพร้อมจากความเฉอะแฉะ
เมฆินทร์ใช้มือกดปลายหัวหยักจ่อเข้าไปในร่องแคบ...
<"กึ๊ก!">
เธอบีบแขนเขาไว้แน่น "อึก...พี่เมฆ!"
"อย่าเกร็งสิ!...มันจะเจ็บ"
เขาก้มลงจูบเลียหน้าอกอวบของเธอเพื่อผ่อนคลาย แล้วจ้องมองใบหน้าหวานที่หลับตาพริ้มสลับกับอกอวบอิ่มที่กำลังกระเพื่อมพร้อมปลายยอดชมพูสวยคู่นี้
"สวยจัง สวยทุกส่วนเลย เขาคิดในใจ"
อยู่ดีๆ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมา... "ถ้าเมื่อกี้เขามาไม่ทัน...ร่องรักที่ฟิตแน่นที่เอาแต่ตอดอยู่ตอนนี้...กับหน้าอกคู่สวยนี้ ใบหน้าหวานที่อยู่ตรงหน้า...ต้องกลายเป็นของไอ้เด็กเวรนั้น...!!!"
ด้วยอารมณ์ชั่ววูบที่ขุ่นเคืองและเกิดความหวง
เมฆินทร์เผลอกระแทกอย่างหนักหน่วงและตอกเข้าไปอย่างดิบเถื่อน! จนเธอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม!
"อ๊ะ อ๊ะ อ้ายยย!!!"
เขาได้สติและก้มมองเธอ
เมฆินทร์เสียงตกใจ
"จี๊ด!...พี่ขอโทษ!"
เขาค่อยๆ โยกกายและหมุนควงใหม่ เพื่อให้เธอได้ผ่อนคลาย
เมื่อจังหวะเข้าที่ เขาโยกเอวอย่างเนิบนาบเชื่องช้าเพื่อหาจังหวะที่เธอต้องการ
เมื่อมองเห็นใบหน้าของเธอที่กำลังครางเสียงหวานเบาๆ เขาก็เข้าใจในทันทีว่าท่านี้คงทำให้เธอถึงจุดสุดยอดได้! เขาเริ่ม หมุนควงเร่งจังหวะอย่างเร็วและต่อเนื่อง! หญิงยกแขนทั้งสองข้างเอื้อมมือไปกำแน่นที่หมอนพร้อมกับหายใจถี่รัว
เมฆินทร์เสียงแหบพร่า
"จิกพี่ก็ได้นะ..."
แต่เธอไม่ยอมแม้แต่จะเอื้อมมือมากอดร่างเขาเพื่อระบายเลยแม้แต่น้อย
"อื้อ~"
"เรียกชื่อพี่เหมือนวันนั้นให้ฟังหน่อย!"
ยิ่งเธอเงียบเขาก็ยิ่งเร่งจังหวะให้เสียงเธอหลุดออกมา เธอกัดปากไว้แน่น...ยิ่งรู้ว่าเขาอยากฟัง เธอกลับใช้มือมาปิดปากตัวเอง เพื่อไม่ให้เขาได้สมใจอยาก!
เมฆินทร์เห็นแบบนั้น เขาใช้สองมือแกร่งจับข้อมือเธอตรึงไว้แน่น! แล้วเร่งจังหวะกระแทกเพื่อที่จะให้เธอเปล่งเสียงออกมา! แต่ร่องแคบในตอนนี้มัน กลับตอดไม่หยุดจนเขาใกล้จะเสร็จเต็มทีแล้วน่ะสิ!
ควมคิดควมคิดเมฆินทร์"ทำไมมันแน่นขนาดนี้! ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่ผ่านประสบการณ์มามากมายอย่างเรา...อยู่มาจนถึงตอนนี้...จะได้เจอของสดขนาดนี้!"
สองมือหนาของเขาจับเอวบางยกแล้วกระแทก ๆ ตอกจนตัวเธอลอย!
"อ๊ะ! อ๊ะ! อ๊ะ!"
"ร้องอีกสิ...ดัง ๆ!"
"อึ๊...อึ๊...จะเสร็จรึยัง ฮื้อ~!"
เมฆินมร์เสียงสั่นกระเส่า "พี่...จะไม่ไหวแล้ว! เธอแน่นเกินไป!"
เสียงเนื้อกระทบเนื้อจากแท่งที่เขาตอกสุดแรงดังสนั่น
< ตั๊บ! ตั๊บ! ตั๊บ! >
"อ๊ะ! อ๊ะ! อ๊ะ! อ๊างงง~"
"ซี๊ดด~...อ้าาา!"
ทั้งคู่ เกร็งกระตุกพร้อมกัน พร้อมกับลมหายใจที่เหนื่อยหอบ
ทั้งสองร่างทรุดฮวบลงบนเตียงที่ยับยู่ยี่ เขาทิ้งน้ำหนักตัวลงทับร่างของเธออย่างหนักอึ้ง ลมหายใจหอบถี่และร้อนผ่าว ซบใบหน้าลงกับซอกคอของเธอ เหงื่อท่วมกายของคนทั้งคู่ทำให้ผ้าปูที่นอนเปียกชื้น
จารวีที่เพิ่งผ่านพ้นความรู้สึกที่ปะปนไปด้วยความแค้น ความเจ็บปวด และความเสียวซ่าน นอนนิ่งแทบไม่ไหวติง หัวใจของเธอเต้นระรัวจนเจ็บหน้าอก มือยังคงกำผ้าปูที่นอนไว้แน่นจนแทบขาด
"พี่ขอโทษ..."
คำขอโทษนั้นมาพร้อมกับลมหายใจที่หนักอึ้งและเต็มไปด้วยความพึงพอใจซึ่งไม่ได้ช่วยให้ความรู้สึกของจารวีดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย
เธอยังคงรังเกียจคำพูดนั้น! มันเป็นเพียงข้ออ้างที่เขาใช้ปัดความรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเกิดจากการกระทำของยาหรือความปรารถนาของเขาเอง
เมฆินทร์ค่อยๆ พลิกตัวลงไปนอนข้างๆ เขาเอื้อมมือมาโอบกอดร่างกายที่สั่นเทาของเธอไว้แนบชิด
"พี่...รู้ว่าจี๊ดโกรธ...แต่เมื่อกี้...มันเป็นพราะ...พี่แค่อยาก...พี่อยากทำแบบนี้จริงๆ ..."
เขาพยายามสารภาพความรู้สึกบางอย่างออกมา แต่สำหรับเธอ...คำพูดเหล่านั้น มันดูน่ารังเกียจ เกินกว่าจะรับฟังได้อีก
จารวีไม่ได้ตอบโต้ เธอเลือกที่จะเงียบ ปล่อยให้ร่างกายที่อ่อนล้าได้พักผ่อน ปล่อยให้ความมืดและความสับสนกลืนกินเธอไปชั่วขณะ
ความรังเกียจตัวเองที่ไม่สามารถควบคุมความปรารถนาทางกายได้...ความเจ็บแค้นที่ถูกเขาหลอกล่อซ้ำแล้วซ้ำเล่าคำถามที่ไร้คำตอบว่าเธอทำอะไรลงไป!
เธอค่อย ๆ หันหน้าหนีออกจากแผงอกที่ร้อนผ่าวของเมฆินทร์โดยไม่พูดอะไร ไม่มีน้ำตา อีกแล้ว มีเพียงความเย็นชาที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจ
เมฆินทร์เองก็รู้สึกถึงความเงียบที่หนักอึ้งนั้น เขาพยายามประคองร่างเธอให้หันกลับมา
"จี๊ด...คือพี่..."
หญิงสาวปัดมือเขาออก "อย่า...!"
ความเจ็บปวดถูกแปรเปลี่ยนเป็นความเด็ดเดี่ยว เธอรู้ดีว่าไม่ว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อครู่จะเร่าร้อนแค่ไหน มันก็ไม่มีทางลบเลือนความจริงที่ว่าเขาเป็นสาเหตุของความผิดพลาดในชีวิตเธอ
เธอลุกขึ้นนั่งอย่างช้าๆ คว้าผ้าห่มผืนหนามาคลุมร่างไว้ เขามองการกระทำนั้นอย่างเงียบ ๆ
"จะไปไหน?"
เธอสบตาเขาอย่างเย็นชาเป็นครั้งแรก "จะกลับ... และ จี๊ดขอให้พี่เลิกยุ่งกับชีวิตจี๊ดซักทีนะคะ"
เมฆินทร์ลุกขึ้นนั่ง "ไม่ได้! พี่จะไปส่ง!"
จารวีน้ำเสียงราบเรียบ "ไม่ต้อง... จี๊ดไม่อยากลบกวน"
เธอหยิบชุดเดรสของตัวเองขึ้นมาสวมใส่อย่างรวดเร็วแล้วเดินไปที่ประตู
เมฆินทร์เสียงสั่น "จี๊ด! อย่าทิ้งพี่แบบนี้!"
เธอหยุดนิ่ง มือที่กำลังจะเปิดประตูชะงัก เธอไม่ได้หันกลับมามองเขาแต่เอื้อมมือไปคว้ากระเป๋าสะพายที่ถูกโยนไว้ข้างเตียง
เธอลากนิ้วหาอะไรบางอย่างในกระเป๋าก่อนจะดึงออกมาสองใบ
"ปึก!"
ธนบัตรใบละ หนึ่งพันบาท สองใบ ถูกวางลงบน หัวเตียง ข้างซองถุงยางที่เพิ่งใช้ไป
จารวีหันมามองเมฆินทร์ช้าๆ แววตาของเธอไร้อารมณ์ใดๆ แต่แฝงด้วยความเย้ยหยันที่บาดลึก
"ค่าห้อง...ค่าถุงยาง...และก็...ค่าตัวพี่เมฆค่ะ! หารกันแล้ว...เหลือทอนไหมคะ? จี๊ดไม่มีแบงก์ย่อยน่ะ"
สิ้นคำพูด เธอก็เปิดประตูห้องออกไปอย่างรวดเร็วทิ้งให้เมฆินทร์นั่งตัวแข็งทื่ออยู่บนเตียง
เขามองธนบัตรสองใบที่วางอยู่บนหัวเตียงอย่างไม่เชื่อสายตา ดวงตาเบิกกว้าง ความสับสน ความโกรธ และความเจ็บปวดในอกหายไปทันที... ถูกแทนที่ด้วย ความรู้สึกที่น่าอับอายและไม่คาดคิด
"ค่าตัว..." คำนี้ดังก้องอยู่ในหัว
เมฆินทร์ก้มมองร่างกายเปลือยเปล่าของตัวเอง ก่อนจะกวาดตามองรอบห้องอย่างช้า ๆ
เขาเพิ่งถูกผู้หญิง 'จ่ายเงินให้'
เขาเพิ่งถูกเพื่อนสนิทน้องสาว 'ตีราคา'
เขาเพิ่งถูกปฏิบัติเหมือนเป็น โสเภณีชาย ที่มีราคาสองพันบาท (ไม่รวมค่าทอน)
"นี้มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี๊ยะ...!!!"
ปริศนาชายชุดดำตัดภาพกลับมายังในรถขณะที่เมย์และเมฆินทร์ ภายในรถ เมย์ยังคงคาใจเรื่องเหตุการณ์ที่คอนโดของจารวี"พี่เมฆ... เรื่องชายชุดดำวันนั้น ตกลงพี่ว่ามันเป็นใครกันแน่" เมย์เริ่มถาม น้ำเสียงจริงจังขึ้นทันทีที่ไม่มีจารวีอยู่ด้วยเมฆินทร์ขมวดคิ้ว มือหนากำพวงมาลัยแน่น เขามองกระจกข้างด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ "พี่ก็ยังไม่แน่ใจนัก แต่มันมีบางอย่างที่พี่รู้สึก แปลก""แปลกยังไงคะ?""คำพูดของมันไง ที่พูดกับจี๊ดว่า 'จำฉันไม่ได้เหรอ' ถ้าเป็นสตอล์กเกอร์ที่คลั่งไคล้ผลงานการถ่ายแบบ มันควรจะพูดอะไรที่บ่งบอกถึงการชื่นชม หรือต้องการครอบครอง ไม่ใช่คำถามที่เหมือนเป็นการ ทวงความจำ แบบนั้น"เมย์พยายามคิดตาม "หรือว่าจะเป็นศัตรูของจี๊ดตอนสมัยเรียน? หรือตอนที่เธอเป็นนักกีฬา?""พี่ก็คิดอยู่ แต่นั่นมันเรื่องนานมาแล้ว แถมจี๊ดก็บอกว่าเธอไม่มีปัญหากับใครเลย" เมฆินทร์ถอนหายใจ "แต่ที่สำคัญคือ... ปฏิกิริยาของมันตอนที่เห็นพี่""ปฏิกิริยาอะไรคะ?""มันเหมือน ตกใจ มากกว่าที่จะกลัว หรือโกรธที่ขัดขวางการทำร้ายจี๊ด พอพี่ถีบมันออกไป มันพยายามจะดึงหมวกคลุมหน้ากลับมากกว่าจะคว้ามีด มันอยากจะปิดบังตัวตนมากจริง ๆ"เมย์ชั่งใจ
อากาศบนภูยามค่ำคืนช่างหนาวเหน็บเสียจนต้องขดตัว แต่ความหนาวนี้ก็มิอาจเทียบได้กับความเร่าร้อนที่กำลังปะทุขึ้นในเต็นท์...ในเต็นท์ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว แสงไฟดวงน้อยส่องให้เห็นเงาตะคุ่มๆ ที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างเร่งเร้า ริสา ถูกรุกเร้าจนเสียงหอบหายใจขาดห้วง มือเล็กจิกลงบนแผ่นหลังกว้างของธนาอย่างลืมตัวเพื่อยึดเหนี่ยวตัวเองไว้กับความรู้สึกที่พุ่งทะยานธนาจูบเธอหนักหน่วงและดูดดื่มราวกับจะกลืนกินทุกอณูของร่างกาย เสียงกระซิบพร่าๆ คลอไปกับเสียงผ้าปูที่นอนเสียดสี... เป็นภาพที่ใครเห็นก็รู้ว่าคนข้างในกำลังใช้ความหนาวเป็นข้ออ้างในการมอบความอบอุ่นให้กันและกันอย่างไร้ขีดจำกัด!"ไอธนา มึงดับไฟด้วย!" เสียงตะโกนของเมฆินทร์ ดังข้ามมาพรึ่บ! ไฟในเต็นท์ก็ดับลง เหลือเพียงความมืดมิดที่ช่วยปกปิดความเร่าร้อนที่ดำเนินต่อไป...(...!...)เมฆินทร์ดึงจารวีเข้ามากอดไว้แน่นจนร่างบางแทบจะจมหาย ซบใบหน้าลงกับกลุ่มผมหอมๆ ของเธอ กลิ่นหอมหวานของเธอปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบให้ตื่นขึ้นทันที อ้อมกอดนี้ช่างอบอุ่นจนความหนาวที่มีอยู่มลายหายไปสิ้น"หนาวจัง... ขอกอดหน่อยนะ" เสียงทุ้มนุ่มกระซิบที่ข้างหู พร้อมกับลมหายใจร้อนผ่าว รดริน
เมย์กลับมาหาจารวีที่คอนโดในเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด เมย์ก็โวยวายด้วยความตกใจ"อะไรนะ! นี่ฉันทิ้งแกไว้คนเดียวแป๊บเดียว เกิดเรื่องเลยเหรอ! แบบนี้ที่แกรู้สึกว่าเหมือนมีคนตามแกมองแกอยู่ มันก็เรื่องจริงสิ! สต๊อกเกอร์ไหม? พวกที่ชื่นชมผลงานแกผ่านที่แกถ่ายแบบกับพี่จีน่าหรือเปล่า? ไม่สิ... ถ้าเป็นพวกคลั่งไคล้ ถึงขนาดต้องเอามีดจี้คอกันเลยเหรอ! แต่แกก็ไม่มีศัตรูที่ไหนนี่" เมย์รัวใส่ด้วยความสงสัย"ฉันคุ้นเสียงนะ เหมือนเคยได้ยินเสียงที่ไหนมาก่อนแต่นึกไม่ออก... มันพูดว่าจำฉันไม่ได้เหรอ ... ใคร? ฉันต้องจำใครได้?" จารวีพึมพำเมย์รีบสรุป "เท่ากับว่ามันตามแกอยู่ตลอด คิดดูสิ ไม่งั้นมันจะรู้ได้ยังไง ว่าแกอยู่คนเดียวได้ถูกจังหวะแบบนี้ เพราะปกติเราจะอยู่ด้วยกันตลอด""อือ... ก็จริงของแกนะเมย์""ดีนะที่ตอนนั้นพี่เมฆอยู่ด้วย" เมย์เผลอหลุดปาก"เดี๋ยวก่อนยัยเมย์! แกหมายความว่ายังไง นี่เป็นแผนของแกเหรอ""แฮ่ ๆ ๆ ... ขอโทษที ฉันอยากให้แกกับพี่เมฆได้เจอกัน ได้คุยกันบ้างอ่ะ""อย่าไปว่าเมย์เลยครับ พี่เป็นคนขอให้เมย์ช่วยเอง ก็พี่เป็นห่วงเรานี่" เมฆินทร์รีบสวนขึ้นจารวีสบตาเมฆินทร์อย่างอ่อนใจ แต่ในใ
บทสนทนาทางโทรศัพย์เมฆินทร์กับเมย์"ฮัลโหลเมย์ พี่มีเรื่องจะถามหน่อย" เสียงทุ้มกรอกลงไปในโทรศัพท์"พี่โทรมาพอดีเลย เมย์ก็มีเรื่องจะบอก" ปลายสายตอบกลับทันที "คือพี่จีน่ามาชวนจี๊ดไปถ่ายแบบ แต่พี่ไม่ต้องตกใจนะ ยังไม่ได้ออกจากงาน แค่ชวนให้ลองดูเฉยๆ""แล้วจี๊ดว่าไง? ตกลงไหม?" เขารีบถามด้วยความสนใจ"ดูเหมือนจะสนใจนะ" เธอตอบเสียงอ้อมแอ้ม "พี่จีน่าพูดถูก ถ้าจี๊ดยังอยู่กับความกลัวแบบนี้เมื่อไหร่จะกลับมาเป็นปกติ? ให้ลองดูก็ดีเหมือนกัน""พี่ไม่มีสิทธิ์ห้ามอะไรเขาอยู่แล้ว ฝากเมย์ดูแลด้วยนะ" เขาเน้นย้ำ"เมื่อกี้พี่กำลังจะถามอะไรเมย์นะ?" เธอถามย้อนขึ้น"อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก ไว้เจอกันพี่ค่อยถามก็ได้ วันหยุดนี้พี่จะกลับกรุงเทพฯ เมย์ช่วยพี่หน่อยได้ไหม?ทำยังไงก็ได้ให้พี่ได้เจอจี๊ดสักครั้ง" เขาขอร้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง"จะโอเคเหรอพี่? เดี๋ยวแม่จะว่าไหม?" เมย์กังวล"แค่ครั้งเดียวนะเมย์ ช่วยพี่หน่อยเถอะ พี่มีเรื่องจะคุยกับจี๊ด และก็อยากเจอหน้า ขอแค่ครั้งเดียวจริงๆ""ก็ได้ค่ะ เมย์จะพยายาม" เธอยอมรับปากบทสนทนาของเมฆินทร์กับเพื่อนหลังวางสายจากเมย์ เมฆินทร์กดโทรศัพท์หาวายุทันที"วายุ ช่วงนี้มึงว่างไหม? ช่วยกูคิ
6 เดือนผ่านไปอย่างเชื่องช้าทรมาน สำหรับเมฆินทร์ที่ถูกย้ายไปเชียงใหม่ และจารวีที่ทำงานที่กรุงเทพฯ มันเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาเหมือนขาดใจ เพราะเขาไม่มีโอกาสได้ดูแลเธอ ส่วนจารวี... แม้จะยังรัก... แต่ความหวาดกลัวก็ยังคงฝังลึกและเจ็บปวดจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจารวีทำงานในบริษัทของครอบครัวเมฆินทร์ภายใต้การคุ้มครองอย่างเข้มงวดของ นภา รองประธานบริษัทผู้มีอำนาจล้นเหลือ ครอบครัวของเมฆินทร์ประกาศชัดเจนว่าห้ามใครมายุ่งหรือทำอันตรายเธอโดยเด็ดขาดนภาจัดการไล่พนักงานที่เคยซุบซิบนินทาว่าเธอเป็นเด็กเลี้ยงหรือพูดในทางไม่ดีออกไปทั้งหมด และกำชับห้ามใครคิดร้ายอีกต่อไปการปฏิบัติของทุกคนในบริษัทต่อจารวีเหมือนเป็นลูกสาวคนหนึ่งในครอบครัว ซึ่งตัวเธอเองก็รู้สึกอึดอัดใจกับสถานะที่ได้รับ แต่นภาต้องการชดใช้ความผิดที่ลูก ๆ ของเธอเคยทำพลาด ไม่ว่าจะในอดีตของเมย์ หรือในปัจจุบันของเมฆินทร์ การดูแลเธอในระดับนี้จึงยังน้อยไปด้วยซ้ำในความรู้สึกของผู้เป็นแม่วันเวลาที่ผ่านไปได้ช่วยเยียวยาจิตใจของจารวีให้ดีขึ้น แต่ก็ยังมีเงื่อนปมบางอย่างที่ยังค้างคาอยู่ในใจของเธอเสมอมา วันนี้ ความคับข้องใจนั้นกำลังจะถูกคลี่คลายลง เมื่อมีหญิงสา
ล็อบบี้และสติของเมย์เมฆินทร์อุ้มร่างที่ไร้สติของจารวีวิ่งออกมาจากลิฟต์ไปยังล็อบบี้อย่างบ้าคลั่ง สภาพเขาตอนนี้มีแต่ร่องรอยการต่อสู้ เหงื่อท่วมกาย ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนและตื่นตระหนก เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มทำอย่างไรต่อบนเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ใครก็ได้! เรียกรถ! เรียกรถพยาบาล!พนักงานที่เคาน์เตอร์ต่างตกใจจนทำอะไรไม่ถูกกับภาพชายคลั่งที่อุ้มหญิงสาวตัวซีดเซียวเมย์วิ่งตามมาติด ๆ คว้ากระเป๋าจี๊ดไว้แน่น เธอเห็นความตกตะลึงจนสติแตกของพี่ชาย จึงพุ่งเข้าใส่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ทันทีเมย์เสียงเฉียบขาดและเร่งรีบ ตอนนี้ต้องการรถไปส่งที่ท่าเรือข้ามเกาะด่วนที่สุด! เร็วเข้า! ตอนนี้!เธอชี้ไปที่หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเมฆินทร์ พยายามใช้ไพ่ตายที่สร้างขึ้นมาผู้หญิงคนนี้... เธอได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง... ฉันกลัวว่าเธอจะ แท้งลูก! ให้รีบไปส่งที่ท่าเรือข้ามฝั่ง! ตอนนี้! เครื่องมือการแพทย์และสถานพยาบาลบนเกาะนี้มันไม่พอแน่ ๆ! ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเด็ก... รีสอร์ทของคุณจะรับผิดชอบไม่ไหว!พนักงานรีบประสานงานกันอย่างตื่นตระหนกโดยทันที เมื่อได้ยินคำว่า 'แท้งลูก' และ 'รับผิดชอบไม่ไหว'เมฆินทร์หันไปมองน้องสาว ใบ







