Share

บทที่ 6

Author: ฉินอันอัน
แม่นมจางควบอาชาเร็วกลับเมืองหลวงแล้ว

นางหวังฮูหยินหย่งผิงโหวอ่านบันทึกบัญชีที่หัวหน้าหมู่บ้านนำมามอบให้เรียบร้อยแล้ว ขณะที่กำลังจะจิบน้ำชา ก็ได้ยินเสียงของชีอวิ๋นถิงคุณชายใหญ่แว่วดังมาจากด้านนอก

นางพลันวางน้ำชาในมือทันใด จ้องมองชีอวิ๋นถิงที่เพิ่งเข้ามา : “เห็นเจ้าดูร้อนรนกระวนกระวายนัก ไปทำอะไรมาหรือ? เพิ่งจะยามนี้เองเหตุใดจึงกลับมาแล้ว?”

บุตรธิดาสกุลชีถูกแบ่งตามลำดับอาวุโส ชีอวิ๋นถิงเป็นบุตรคนแรกของนางหวัง และเป็นหลานชายสายหลักคนโตสุด คนทั้งตระกูลล้วนมองเขาประหนึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างไรอย่างนั้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อชีอวิ๋นถิงอยู่ต่อหน้ามารดา ครั้นหยิบขนมกุ้ยฮวาขึ้นชิ้นหนึ่งพลางผุดยิ้มอย่างดี ส่งเข้าปากแล้วคำหนึ่ง ค่อยเอ่ยขึ้นว่า : “วันนี้จะออกไปชมงิ้วร่วมกับสหายที่หอจิ่นซิ่ว”

“น้องหญิงของเจ้ากลับมาถึงวันนี้ เจ้ายังมีจิตใจไปชมงิ้วอีกหรือ?” นางหวังขมวดหัวคิ้ว ท่าทางไม่สบอารมณ์เล็กน้อย “ในฐานะที่เจ้าเป็นพี่ชายแท้ ๆ ก็สมควรอยู่ต้อนรับคนกลับสู่เหย้าด้วยตนเองสิ!”

ชีอวิ๋นถิงพ่นลมฮึออกจากจมูก เบะปากอย่างดูแคลน : “ท่านแม่ จะให้ข้าไปรับเด็กบ้านนอกกลับมา ท่านอยากทำให้เจ้าเด็กอ่อนต่อโลกนั่นตกใจตายหรือ?”

เขารังเกียจเดียดฉันท์น้องสาวคนนี้ยิ่งนัก ปัดมือแล้วก็หยัดกายขึ้นยืน : “ไม่กลัวขัดลาภของนางหรือ! ช่างเถิด ลูกยังมีวิชาเรียนอีก ขอตัวกลับห้องก่อนแล้ว”

เห็นเขาไม่เอาไหนถึงเพียงนี้ นางหวังขุ่นเคืองจนปวดสมอง “ลูกเวร! ถึงอย่างไรนางก็เป็นน้องสาวของเจ้า เจ้าหยุดพูดว่านางเป็นเด็กบ้านนอกได้แล้ว!”

สีหน้าของชีอวิ๋นถิงพลันเยียบเย็นลง “นางไม่ใช่! น้องหญิงของข้าคือไข่มุกงามแห่งเมืองหลวง! เป็นอิสตรีผู้มีพรสวรรค์สามารถหยิบจับศิลปะสี่แขนง[footnoteRef:1]ได้อย่างถนัดมือต่างหาก! คนอย่างนางจะเป็นอะไรไปได้? ก็มีเพียงท่านแม่ที่ให้ความสำคัญกับนางเกินเหตุ!” [1: ศิลปะสี่แขนง หมายถึง ฉิน หมากรุก วรรณคดี และศิลปะการวาดภาพ]

วาจานี้หยาบคายยิ่งนัก ทว่านางหวังกลับทำเพียงถลึงตาจ้องเข้าอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนเท่านั้น “เอาเถิด! ถึงไม่ได้ความเพียงใด ก็เป็นน้องสาวร่วมครรภ์มารดาเดียวกับเจ้า! จะมีสิ่งใดมิเพียบพร้อม แค่พาตัวกลับมาอบรมสั่งสอนให้ดีขึ้นก็สิ้นเรื่องแล้ว”

ชีอวิ๋นถิงกลอกตา “ท่านแม่ ถ้อยคำนี้ท่านเก็บไว้ปลอบตนเองเถิด อายุตั้งเท่านี้แล้ว ยังเปลี่ยนอะไรได้อีกหรือ? ข้าจะบอกให้ ว่าท่านไม่ควรให้คนไปรับกลับมาตั้งแต่แรกแล้ว ปล่อยทิ้งไว้ในชนบท ให้นางมีชีวิตอยู่และตายไปเองนั้นก็สมควรแล้ว”

ในใจของนางหวังเองก็รู้สึกอึดอัดมากเหมือนกัน

หลังทราบความจริงว่าบุตรของตนถูกอุ้มสลับตัวมา นางรู้สึกฟ้าถล่มแล้วจริงๆ

ตอนคลอดชีอวิ๋นถิงนางตกเลือดอย่างหนัก ร่างกายย่ำแย่ถึงที่สุด หมอหลวงล้วนบอกว่า จากนี้เกรงว่านางมิอาจให้กำเนิดบุตรได้อีกแล้ว

ตอนอุ้มครรภ์บุตรคนที่สอง ครรภ์ของนางคล้ายว่าไม่มั่นคงนัก เด็กคนนี้ เป็นเด็กที่นางเพียรน้อมคำนับอ้อนวอนขอมาจากพระโพธิสัตว์กวนอิม

เพราะได้รับมาด้วยความยากลำบาก จึงทะนุถนอมมากเป็นพิเศษ

เมื่อก่อนตอนยังไม่รู้เรื่องราวของชีจิ่น นางหวังทุ่มเทความสนใจให้กับบุตรีคนนี้แทบทุกสิ่งอย่าง เลี้ยงดูนางสุดดวงใจ ไม่ว่าเรื่องใดล้วนหยิบยื่นสิ่งที่ดีที่สุดให้กับนาง

ยิ่งเป็นเช่นนี้ หลังจากรับรู้ความจริงแล้ว ก็ยิ่งยากจะตัดใจ

แม้บอกจะตามหาบุตรีที่แท้จริงกลับมา ทว่าคนในตระกูลชีล้วนแต่เห็นพ้องต้องกันเป็นเสียงเดียว นั่นคือชีจิ่นเองก็ต้องไม่ไปที่ใดด้วยเด็ดขาด

ด้วยเรื่องรับตัวสวี่อินอินกลับมา หลายวันมานี้ชีจิ่นเองก็ป่วยอยู่ตลอด

บัดนี้ได้ยินบุตรชายกล่าววาจาเย็นชาไร้เยื่อใยเพียงนี้ นางหวังเองก็เริ่มมีโทสะขึ้นมาแล้วเช่นกัน “เจ้าหยุดพูดว่าทิ้งไว้ตรงนั้นตรงนี้เสียทีเถิด! นั่นเป็นคนมีชีวิตจิตใจ ไม่ใช่ลูกหมาลูกแมวที่ไหน!”

ขณะกำลังเอ่ยอยู่นั้น คนรับใช้รายงานว่าแม่นมจางกลับมาถึงแล้ว

นางหวังตำหนิบุตรชายอย่างรีบร้อน “เจ้าช่วยวางตัวให้เข้าท่าหน่อยเถิด น้องสาวของเจ้าเพิ่งจะกลับมาถึง ชีวิตช่วงหลายปีที่ผ่านของนางก็ไม่ง่าย ต้องทนทุกข์ยากตรากตรำ เจ้าอย่าทำให้นางตกใจกลัว!”

พูดจบก็ผงกศีรษะบอกเป็นนัยให้บ่าวรับใช้พาแม่นมจางเข้ามา

ใครเล่าจะล่วงรู้ว่าแม่นมจางกลับมาเพียงคนเดียว

นางหวังฉงนไปเล็กน้อย “เหตุใดเจ้าจึงกลับมาคนเดียว? อินอินเล่า?”

แม่นมจางสีหน้าอมทุกข์พลางเล่าเรื่องราวที่เกิดในชนบท มองสีหน้านางหวังแล้ว ก็เหลือบสายตามองชีอวิ๋นถิงด้วย ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเบาหวิว “คุณหนูใหญ่บอกว่า นางไม่เชื่อใจพวกข้าแล้วเจ้าค่ะ อยาก… อยากให้เจ้านายสักคนหนึ่งเดินทางไปรับ นางถึงจะยอมกลับมาเจ้าค่ะ!”

ว่าอย่างไรนะ?

นางหวังผุดลุกขึ้นยื่นทันใด “แม่นมฮวาคิดจะทำให้นางจมน้ำตาย?!”

ทั้งหัวใจของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกพรั่นพรึง!

ชีอวิ๋นถิงเดือดดาลยิ่งกว่า “เหลวไหลสิ้นดี! เจ้าเด็กเหลือขอนี่เป็นบ้าไปแล้วหรือ? นางพูดจาเหลวไหลอะไร?”

แม่นมจางเองรู้ดีว่าชีอวิ๋นถิงรักและเป็นห่วงชีจิ่นมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังรังเกียจเดียดฉันท์สวี่อินอินที่ถูกเลี้ยงดูในชนบทมานานหลายปีคนนั้นมากด้วยเช่นกัน

แต่ถึงอย่างไรแล้วเรื่องนี้ตัวนางเองก็จนปัญญา ยามนี้ทำได้เพียงแค่นเปล่งเสียงว่า “เรื่อง…เรื่องจริงเจ้าค่ะ…คุณหนูใหญ่กล่าวว่า นางยังไม่ทันกลับมา บ่าวรับใช้ในจวนก็จ้องเอาชีวิตนางแล้ว นางไม่กล้ากลับมาอีกแล้วเจ้าค่ะ หากว่าในจวนไม่ยอมให้คำอธิบายต่อเรื่องนี้แล้ว นาง…นางจะไปฟ้องทางการแล้วเจ้าค่ะ!”

ชีอวิ๋นถิงแค่นหัวเราะออกมาด้วยความโกรธ “เจ้าเด็กสารเลว! เศษสวะไร้ค่า นางรู้หรือเปล่าว่าประตูศาลเปิดทางฝั่งไหน? อยากฟ้องศาลนัก ก็ปล่อยให้นางไปฟ้องเถิด!”

แม่นมจางเหงื่อเย็นท่วมกาย

นางทราบดี จะพูดอย่างไรสวี่อินอินก็เป็นสิ่งไร้ค่าไม่ได้รับการยอมรับเช่นนั้นจริงๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคุณชายใหญ่ ที่พูดย้ำไม่หยุดแค่เพียงหนึ่งครั้งว่าน้องสาวของตนมีเพียงชีจิ่นเท่านั้น

นางหวังได้สติกลับคืนมาแล้วหลังจากอึ้งงันไประยะหนึ่ง

นางถามแม่นมจาง “แล้วแม่นมฮวาเล่า?”

แม่นมจางกดเสียงลง “เรียนฮูหยิน แม่นมฮวาสิ้นใจตายแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่เป็นคนลากนางขึ้นฝั่งด้วยตนเอง คุณหนูใหญ่ว่ายน้ำแข็งแรงมากเจ้าค่ะ…”

ใบหน้าของนางหวังพลันคล้ำลงทันใด

เงียบไปครู่หนึ่ง นางก็กำชับบ่าวรับใช้ว่า “ออกไป ไปเชิญคุณหนูรองเข้ามา”

ชีอวิ๋นถิงที่เอ่ยปากด่าทอต่อว่าในตอนแรก ครั้นได้ยินนางหวังเอ่ยวาจาเช่นนี้ เขาพลันเบิกตากว้างทันใด “ท่านแม่ ท่านคงมิได้เชื่อถ้อยคำเหลือขอจากผู้หญิงชั้นต่ำคนนั้นหรอกนะขอรับ? อาจิ่นจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้อย่างไร?”

ไม่รู้ด้วยเหตุผลใด ยามนี้ได้ยินชีอวิ๋นถิงทั้งสาปแช่งด่าทอถึงเพียงนี้แล้ว นางหวังหงุดหงิดร้อนใจยิ่งนัก นางมองบุตรชายอย่างเยือกเย็นพลางเอ่ยปากตำหนิ “พอเสียที! เรื่องราวยังไม่ถูกไขจนกระจ่าง เจ้าจะแหกปาก โวยวายอยู่ที่นี่หาอะไร?!”

ชีอวิ๋นถิงหาได้ยอมโอนอ่อน “ยังมีเรื่องใดไม่กระจ่างอีกหรือ? ข้าว่านางก็แค่พูดจาเรื่อยเปื่อย ปั้นเรื่องโกหกหลอกลวงขึ้นตามใจชอบก็เท่านั้น!”

นางหวังขมวดคิ้วจ้องเขาตาเขม็ง ส่งให้คนออกไปเรียกชีจิ่นเข้ามา

ครั้นชะงักไปครู่หนึ่งแล้ว ก็เอ่ยด้วยเสียงขรึมว่า “ไปจัดเตรียมข้าวของให้พร้อม ให้คุณชายรองเดินทางไปรับนางกลับมา”

คุณชายรอง เกิดจากว่านอี๋เหนียง อ่อนกว่าคุณชายใหญ่เพียงหนึ่งปีเท่านั้น ยามนี้เขากำลังศึกษาตำราอยู่ที่สำนักศึกษาที่ตั้งอยู่ในเรือน

เดิมทีแล้วจะให้เขาเดินทางไปรับสวี่อินอินกลับมานั้นล้วนเป็นไปไม่ได้

ครั้นสิ้นวาจานี้แล้ว นางหวังคล้ายรู้สึกสองจิตสองใจ ลังเลครู่หนึ่งก็รีบยกมือห้าม “ไม่! ช้าก่อน ช่างเถิด ถึงอย่างไรด้วยวัยของคุณชายรองก็ยังนับว่าเยาว์วัยเกินควร…”

ลั่นวาจาออกคำสั่งแล้ว เรื่องนี้จะว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ แต่จะว่าเล็กน้อยก็มิได้เล็กน้อย ต้องจัดการให้เรียบร้อยจึงจะเหมาะสม

แม่นมจางกำลังรอคอยให้นางหวังเอ่ยปาก

นางหวังเงียบไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นกลับมีเสียงของชีเจิ้นหย่งผิงโหวพลันแว่วดังมาจากข้างนอก “อายุของผู้ใดเยาว์วัยเกินควรหรือ?”

เพียงได้ยินเสียงของชีเจิ้น คนทั้งห้องล้วนสีหน้าเปลี่ยนไป

แม้กระทั่งชีอวิ๋นถิงที่ทำตัวดื้อรั้นไม่เชื่อฟังอยู่เมื่อสักครู่ก็หยุดยืนนิ่งอย่างสำรวมกิริยาขึ้นมาทันใด

นางหวังเมื่อเห็นเขาแล้ว ก็รีบผุดยิ้มทันใดหมายจะปิดบังเรื่องราว “ท่านโหว ไม่มีอะไร…”

ชีเจิ้นสะบัดแขนเสื้อก็นั่งลงด้านข้าง มองพวกเขาปราดหนึ่งแล้ว ก็ถามด้วยเสียงขรึมว่า “ไม่มีอะไรจริงหรือ? แล้วเหตุใด ถึงมีคนไปขอเข้าพบข้าที่ศาลาว่าการเล่า?”

ว่าอย่างไรนะ?

นางหวังอึ้งงันเล็กน้อย “ท่านโหวว่าอย่างไรนะเจ้าคะ? ผู้ใดไปขอเข้าพบท่านที่ศาลาว่าการหรือ?”

 
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Jocky Tagool
ครอบครัวห่วยๆ แบบนี้ นางเอกอย่ากลับไปเลย ชาติที่แล้วก็ไม่ได้เีด้วยไม่ใช่เหรอ แล้วจะกลับไปเพื่ออะไรอีก
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 805

    ชีหยวนรับรู้ได้นางขมวดคิ้ว ถอนมือกลับมา กล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “ก็แค่เรื่องเล็กน้อย มิใช่เรื่องใหญ่อันใด อีกไม่กี่วันก็คงหายเอง”แท้จริงนางคิดเช่นนี้เอง ไม่ว่าบาดแผลจะหนักหนาเพียงใด นางกลับเห็นว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ อีกไม่กี่วันก็คงหายไล่เฉิงหลงพลันโกรธขึ้นมาเล็กน้อยทว่าเขาย่อมรู้ดีว่าโทสะนี้หาใช่มีเหตุผลอันใดไม่คุณหนูใหญ่ชีเป็นอะไรกับเขากัน?หากจะนับให้ชัด ก็เพียงสหายร่วมงาน เป็นผู้มีพระคุณแต่ทว่า หัวใจเขากลับมิยอมเชื่อฟังคำสั่งตนเองตั้งแต่เมื่อใดกัน ที่เขาเริ่มมีใจต่อคุณหนูใหญ่ชี?ไล่เฉิงหลงครุ่นคิดเนิ่นนาน แต่ก็หานึกไม่ออกว่าคือเวลาใดแน่ชัดทว่า มีอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่เขาจำได้อย่างชัดแจ้งคืนที่ชีหยวนออกไปสังหารองค์หญิงเป่าหรงทั้ง ๆ ที่เขาสะสางเรื่องของชินอ๋องหวยเหลียงเสร็จสิ้นแล้ว แต่ก็ยังเจตนาอ้อมไปยังหน้าผา ทอดมองผนังภูเขาสูงชัน และไม้เลื้อยกับต้นเถาวัลย์เหล่านั้น แล้วก็ยืนเหม่อลอยอยู่เนิ่นนานชั่วขณะนั้น ทั้งที่เขามองไม่เห็นแม้เพียงเงาร่างของชีหยวน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชีหยวนปีนขึ้นไปแล้วหรือไม่แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด เขารู้สึกว่าเพียงยืนรออยู่เบื้องล่าง คอยรออยู่ชั่วขณะ ก

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 804

    สวี่เฟิ่งเชี่ยวอยู่ด้านล่างโกรธจนกระทืบเท้า จะไล่ตามไปโดยสัญชาตญาณทว่าพอเพิ่งจะลงมาถึงข้างล่าง ชีหยวนก็หันกายกลับพลันพุ่งตัวโถมลงมาอย่างแรง กดทับสวี่เฟิ่งเชี่ยวล้มกระแทกลงกับพื้น ตัวนางกดร่างของสวี่เฟิ่งเชี่ยวไว้แน่นหนาสวี่เฟิ่งเชี่ยวถึงกับตะลึงงันไป เผลอหลุดคำด่าออกมา “เจ้าคนชั่ว! เจ้าคนหลอกลวง! เจ้านี่เหมือนที่ท่านอ๋องกล่าวไว้ไม่มีผิด ปากไม่เคยพูดความจริงเลยสักคำ!”ครั้งนี้ชีหยวนไม่ตอบโต้สักคำ ไม่พูดพร่ำทำเพลงฟาดฝ่ามือลงไปฉาดใหญ่ทันที จนหูของสวี่เฟิ่งเชี่ยวอื้ออึงขึ้นมาในบัดดลโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ชีหยวนฟาดฝ่ามือที่สองลงไปอีกจากนั้น ไม่รอให้สวี่เฟิ่งเชี่ยวได้ตั้งตัวเปล่งเสียงด่าออกมา ก็ตามติดด้วยฉาดที่สาม และต่อด้วยฉาดที่สี่……ตบไม่หยุดจนสองแก้มของสวี่เฟิ่งเชี่ยวบวมพองประหนึ่งหัวหมู พูดเป็นประโยคเต็ม ๆ สักคำก็มิอาจเปล่งออกมาได้ชีหยวนจึงเอ่ยเสียงเย็น “ข้าชิงชังผู้อื่นมาตบหน้าข้าเป็นที่สุด”ครั้งหนึ่งในอดีต ตอนที่นางอยู่ในค่ายฝึกหน่วยกล้าตาย รุ่นพี่ที่สอนนางในตอนนั้น มักจะชอบตบหน้าผู้อื่นทำท่าท่าไม่คล่องแคล่ว ปฏิบัติภารกิจพลาด ก็ต้องถูกตบหน้าตอนนั้นนางไม่เคยแม้แต่จะคิด

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 803

    แส้ของสวี่เฟิ่งเชี่ยวนั้นเต็มไปด้วยหนามแหลม ครั้นเมื่อชีหยวนเอื้อมมือคว้าจับ ก็พลันรู้สึกถึงความเจ็บปวดรุนแรงพุ่งแล่นเข้ามาโดยปกติแล้ว นางเป็นผู้ที่มีอดทนต่อความเจ็บปวดได้เป็นพิเศษ ทว่าครั้งนี้ แม้แต่ตัวนางเองยังเกือบกลั้นไม่อยู่เฉียดจะอุทานร้องออกมาทว่านางก็ยังกัดฟันข่มทนไว้ได้ ผลักสวี่เฟิ่งเชี่ยวกระแทกเข้ากับผนังเขาอย่างแรงชีฉางถิงก็พลันคลานออกไปได้สำเร็จในที่สุดชีหยวนจึงค่อยๆ ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกแต่ยังไม่ทันจะได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ สวี่เฟิ่งเชี่ยวก็หัวเราะเย็นอย่างเหี้ยมเกรียมใส่ชีหยวน “คำร่ำลือในยุทธภพ ต่างพูดกันว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลชี เป็นผู้ไร้ซึ่งความรู้สึก ไม่ว่าต่อผู้ใดก็เย็นชาเฉยเมยไปเสียหมด บัดนี้ดูไปแล้ว คำร่ำลือนั้นก็ไม่เป็นเช่นนั้นเสียทั้งหมดนะ?”นางพลิกมือกลับบิดข้อศอกของชีหยวน พลันออกแรง ผลักกลับอย่างฉับพลัน พลันทำให้ชีหยวนถูกกดเข้ากับผนังหน้าผาแทน จ้องมองเลือดในฝ่ามือของชีหยวนแล้วหรี่ตาลง “จุ๊ ๆ ๆ เพียงเพื่อน้องชาย เจ้ากลับยอมสละได้ถึงเพียงนี้ เหตุใดท่านอ๋องถึงเอ่ยว่าเจ้านั้นไร้หัวใจไร้ธรรมเล่า?”“ท่านอ๋อง?”ชีหยวนแค่นหัวเราะออกมา “ใช่แล้วสิ เหตุใดท่านอ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 802

    ความสามารถทั้งปวงของสวี่เฟิ่งเชี่ยวนั้น ล้วนเรียนติดมาจากสวี่ไห่และตงอิ๋งเรียกได้ว่า นางเติบโตขึ้นท่ามกลางกองซากศพตั้งแต่เยาว์วัยด้วยเหตุนี้ นางจึงมิได้ให้เกียรติแก่ชีวิตใด ๆ เลย มองข้ามไปอย่างสิ้นเชิงช่างเป็นผู้ฆ่าคนโดยไม่กะพริบตาจริงๆชีหยวนเคยปะทะกับนางมาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนั้นองค์หญิงเป่าหรงถูกกักขังแล้ว สวี่เฟิ่งเชี่ยวกับองค์หญิงเป่าหรงสนิทชิดใกล้ นางจึงมาหาเรื่องชีหยวนเพื่อองค์หญิงเป่าหรงนางกดบ่าของชีหยวน แล้วผลักนางลงมาจากหอคอยสูงเจ็ดชั้นโชคดีที่ชีหยวนตอบสนองรวดเร็ว ยึดกิ่งไม้ของต้นไม้โบราณที่ข้าง ๆ ได้ทัน จึงพอชะลอแรงตกลงมาได้ ไม่เช่นนั้นชีวิตคงสิ้นไปแล้วหากว่ากันตามจริง ความสามารถของสวี่เฟิ่งเชี่ยวหาได้ด้อยกว่านางไม่เลยแต่ชีหยวนกลับมิได้กังวล เพียงเอ่ยอุทานเอะใจ “เหตุใดฮองเฮาแห่งท้องทะเลเช่นเจ้า ถึงได้มาที่เมืองหลวงได้ แล้วยังปลอมปนเข้ามาเป็นสตรีในตระกูลเฝิง กลายเป็นคุณหนูเฝิงไปเสียได้?”สายตาที่สวี่เฟิ่งเชี่ยวมองชีหยวนนั้น ตั้งแต่วินาทีแรกก็ผิดแปลกไปแล้วสตรีผู้นี้กลับรู้จักตนและดูเหมือนจะรู้เรื่องราวเกี่ยวกับตนอย่างถ่องแท้นางวางมือไว้ตรงเอวราวไม่ใส่ใจ พลา

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 801

    ชีฉางถิงถึงกับตะลึงงันเขามั่นใจคิดไปเองว่า วันนี้เพียงแค่เชื่อฟังคำสั่งของผู้ใหญ่ออกมาดูตัว ออกมาพบหญิงสาวที่อาจเป็นภรรยาในอนาคตของตนแต่ไม่คาดคิดเลยว่า สิ่งที่ต้อนรับเขา กลับไม่ใช่ท่าทีความอ่อนโยนหรือความเอียงอายของหญิงสาว หากแต่เป็นคมดาบอันวาววับเย็นเยียบเขาอย่างไรเสียก็เป็นคนเกิดในตระกูลแม่ทัพ ขณะที่ตนเองแม้ตั้งใจเล่าเรียนเพื่อเตรียมสอบบัณฑิต แต่ทักษะการฝึกกายให้แข็งแรงก็ยังได้ฝึกมาอยู่บ้าง ทันใดนั้นจึงง้างขาเตะออกไปเต็มแรงช่องทางแคบเพียงเส้นเดียวนี้ เกินกว่าจะเคลื่อนไหวได้ถนัดจริง ๆชีฉางถิงถอยร่นไม่หยุด เท้ายกเตะถีบต่อเนื่องไม่ขาด เฝิงไฉ่อินตัวปลอมกลับไม่อาจลงมือได้ในทันใด จึงโกรธเกรี้ยวตวาดว่า “เจ้าหาเรื่องตายงั้นหรือ!”เอ่ยพลางควักเอาลูกดอกจากเอว กระโจนขว้างไปยังชีฉางถิงอย่างแรงที่ตรงนั้นคับแคบยิ่งนัก ชีฉางถิงไม่มีทางหลบพ้น ลูกดอกปักเข้าที่บ่าของเขาเต็ม ๆ เจ็บจนร้องลั่นออกมาเสียงหนึ่ง ล้มตัวลงนั่งกองกับพื้น“เตะสิ ทำไมไม่เตะต่อเล่า?” ‘เฝิงไฉ่อิน’ สีหน้าเย็นเยียบ เอียงศีรษะย่อตัวลง คว้าจับปกเสื้อชีฉางถิง แล้วชกหมัดหนึ่งเข้าที่จมูกของชีฉางถิงชีฉางถิงเลือดกำเดาทะลักออ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 800

    จะมีหนทางใดในการล้างแค้นตระกูลชีเล่า ทำให้การแต่งงานครั้งนี้ล้มไม่เป็นท่าหรือ?ชีหยวนคือนักฆ่า ดังนั้นนางจึงพิจารณาปัญหาจากมุมของนักฆ่า แล้วก็พลันเผยรอยยิ้มเย็นเยียบ เร่งฝีเท้าไปยังหลังเขาเฝิงอวี้จางก็กำลังนั่งดื่มชาอยู่กับนายท่านรองชีเขาเอ่ยยิ้ม ๆ ว่า “ใครจะคิดเล่า ว่าตระกูลเราจะได้มาดองกันเช่นนี้? นี่ช่างเป็นวาสนาแท้ ๆ!”แต่นายท่านรองชีกลับรู้สึกแปลก ๆ อยู่ลึก ๆ เพราะยังมิได้ตกลงกันแท้จริง จะกล้าพูดว่าเป็นดองแล้วได้อย่างไร?เขาส่ายหน้าเล็กน้อย เอ่ยอย่างระมัดระวังว่า “สุดท้ายก็ยังต้องดูว่าเด็ก ๆ จะชอบพอกันหรือไม่ เพราะการแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ของชีวิต หาใช่เรื่องจะสะเพร่าได้”เวลานี้คนตระกูลชีกล่าวว่าอย่างไรก็ย่อมเป็นไปตามนั้นเฝิงอวี้จางย่อมไม่โต้เถียง เพียงยิ้มรับคำ แต่ในใจกลับวางใจลงไปมากต่างกับไฉ่เวย ไฉ่อินผู้นี้เป็นเด็กสาวที่ไม่เหมือนใครจริง ๆนางชอบอ่านตำรา และยังชอบทำความดีช่วยเหลือผู้คนตั้งแต่เล็ก ๆ เห็นน้องชายหรือน้องสาวถูกรังแก ก็มักออกหน้าปกป้องพวกเขาเสมอเด็กสาวเช่นนี้ เขามั่นใจว่าชีฉางถิงต้องชอบเป็นแน่ขณะนั้นเอง ชีฉางถิงกลับยืนเก้ ๆ กัง ๆ ไม่รู้จะวางมือไว้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status