Share

บทที่ 6

Author: ฉินอันอัน
แม่นมจางควบอาชาเร็วกลับเมืองหลวงแล้ว

นางหวังฮูหยินหย่งผิงโหวอ่านบันทึกบัญชีที่หัวหน้าหมู่บ้านนำมามอบให้เรียบร้อยแล้ว ขณะที่กำลังจะจิบน้ำชา ก็ได้ยินเสียงของชีอวิ๋นถิงคุณชายใหญ่แว่วดังมาจากด้านนอก

นางพลันวางน้ำชาในมือทันใด จ้องมองชีอวิ๋นถิงที่เพิ่งเข้ามา : “เห็นเจ้าดูร้อนรนกระวนกระวายนัก ไปทำอะไรมาหรือ? เพิ่งจะยามนี้เองเหตุใดจึงกลับมาแล้ว?”

บุตรธิดาสกุลชีถูกแบ่งตามลำดับอาวุโส ชีอวิ๋นถิงเป็นบุตรคนแรกของนางหวัง และเป็นหลานชายสายหลักคนโตสุด คนทั้งตระกูลล้วนมองเขาประหนึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างไรอย่างนั้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อชีอวิ๋นถิงอยู่ต่อหน้ามารดา ครั้นหยิบขนมกุ้ยฮวาขึ้นชิ้นหนึ่งพลางผุดยิ้มอย่างดี ส่งเข้าปากแล้วคำหนึ่ง ค่อยเอ่ยขึ้นว่า : “วันนี้จะออกไปชมงิ้วร่วมกับสหายที่หอจิ่นซิ่ว”

“น้องหญิงของเจ้ากลับมาถึงวันนี้ เจ้ายังมีจิตใจไปชมงิ้วอีกหรือ?” นางหวังขมวดหัวคิ้ว ท่าทางไม่สบอารมณ์เล็กน้อย “ในฐานะที่เจ้าเป็นพี่ชายแท้ ๆ ก็สมควรอยู่ต้อนรับคนกลับสู่เหย้าด้วยตนเองสิ!”

ชีอวิ๋นถิงพ่นลมฮึออกจากจมูก เบะปากอย่างดูแคลน : “ท่านแม่ จะให้ข้าไปรับเด็กบ้านนอกกลับมา ท่านอยากทำให้เจ้าเด็กอ่อนต่อโลกนั่นตกใจตายหรือ?”

เขารังเกียจเดียดฉันท์น้องสาวคนนี้ยิ่งนัก ปัดมือแล้วก็หยัดกายขึ้นยืน : “ไม่กลัวขัดลาภของนางหรือ! ช่างเถิด ลูกยังมีวิชาเรียนอีก ขอตัวกลับห้องก่อนแล้ว”

เห็นเขาไม่เอาไหนถึงเพียงนี้ นางหวังขุ่นเคืองจนปวดสมอง “ลูกเวร! ถึงอย่างไรนางก็เป็นน้องสาวของเจ้า เจ้าหยุดพูดว่านางเป็นเด็กบ้านนอกได้แล้ว!”

สีหน้าของชีอวิ๋นถิงพลันเยียบเย็นลง “นางไม่ใช่! น้องหญิงของข้าคือไข่มุกงามแห่งเมืองหลวง! เป็นอิสตรีผู้มีพรสวรรค์สามารถหยิบจับศิลปะสี่แขนง[footnoteRef:1]ได้อย่างถนัดมือต่างหาก! คนอย่างนางจะเป็นอะไรไปได้? ก็มีเพียงท่านแม่ที่ให้ความสำคัญกับนางเกินเหตุ!” [1: ศิลปะสี่แขนง หมายถึง ฉิน หมากรุก วรรณคดี และศิลปะการวาดภาพ]

วาจานี้หยาบคายยิ่งนัก ทว่านางหวังกลับทำเพียงถลึงตาจ้องเข้าอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนเท่านั้น “เอาเถิด! ถึงไม่ได้ความเพียงใด ก็เป็นน้องสาวร่วมครรภ์มารดาเดียวกับเจ้า! จะมีสิ่งใดมิเพียบพร้อม แค่พาตัวกลับมาอบรมสั่งสอนให้ดีขึ้นก็สิ้นเรื่องแล้ว”

ชีอวิ๋นถิงกลอกตา “ท่านแม่ ถ้อยคำนี้ท่านเก็บไว้ปลอบตนเองเถิด อายุตั้งเท่านี้แล้ว ยังเปลี่ยนอะไรได้อีกหรือ? ข้าจะบอกให้ ว่าท่านไม่ควรให้คนไปรับกลับมาตั้งแต่แรกแล้ว ปล่อยทิ้งไว้ในชนบท ให้นางมีชีวิตอยู่และตายไปเองนั้นก็สมควรแล้ว”

ในใจของนางหวังเองก็รู้สึกอึดอัดมากเหมือนกัน

หลังทราบความจริงว่าบุตรของตนถูกอุ้มสลับตัวมา นางรู้สึกฟ้าถล่มแล้วจริงๆ

ตอนคลอดชีอวิ๋นถิงนางตกเลือดอย่างหนัก ร่างกายย่ำแย่ถึงที่สุด หมอหลวงล้วนบอกว่า จากนี้เกรงว่านางมิอาจให้กำเนิดบุตรได้อีกแล้ว

ตอนอุ้มครรภ์บุตรคนที่สอง ครรภ์ของนางคล้ายว่าไม่มั่นคงนัก เด็กคนนี้ เป็นเด็กที่นางเพียรน้อมคำนับอ้อนวอนขอมาจากพระโพธิสัตว์กวนอิม

เพราะได้รับมาด้วยความยากลำบาก จึงทะนุถนอมมากเป็นพิเศษ

เมื่อก่อนตอนยังไม่รู้เรื่องราวของชีจิ่น นางหวังทุ่มเทความสนใจให้กับบุตรีคนนี้แทบทุกสิ่งอย่าง เลี้ยงดูนางสุดดวงใจ ไม่ว่าเรื่องใดล้วนหยิบยื่นสิ่งที่ดีที่สุดให้กับนาง

ยิ่งเป็นเช่นนี้ หลังจากรับรู้ความจริงแล้ว ก็ยิ่งยากจะตัดใจ

แม้บอกจะตามหาบุตรีที่แท้จริงกลับมา ทว่าคนในตระกูลชีล้วนแต่เห็นพ้องต้องกันเป็นเสียงเดียว นั่นคือชีจิ่นเองก็ต้องไม่ไปที่ใดด้วยเด็ดขาด

ด้วยเรื่องรับตัวสวี่อินอินกลับมา หลายวันมานี้ชีจิ่นเองก็ป่วยอยู่ตลอด

บัดนี้ได้ยินบุตรชายกล่าววาจาเย็นชาไร้เยื่อใยเพียงนี้ นางหวังเองก็เริ่มมีโทสะขึ้นมาแล้วเช่นกัน “เจ้าหยุดพูดว่าทิ้งไว้ตรงนั้นตรงนี้เสียทีเถิด! นั่นเป็นคนมีชีวิตจิตใจ ไม่ใช่ลูกหมาลูกแมวที่ไหน!”

ขณะกำลังเอ่ยอยู่นั้น คนรับใช้รายงานว่าแม่นมจางกลับมาถึงแล้ว

นางหวังตำหนิบุตรชายอย่างรีบร้อน “เจ้าช่วยวางตัวให้เข้าท่าหน่อยเถิด น้องสาวของเจ้าเพิ่งจะกลับมาถึง ชีวิตช่วงหลายปีที่ผ่านของนางก็ไม่ง่าย ต้องทนทุกข์ยากตรากตรำ เจ้าอย่าทำให้นางตกใจกลัว!”

พูดจบก็ผงกศีรษะบอกเป็นนัยให้บ่าวรับใช้พาแม่นมจางเข้ามา

ใครเล่าจะล่วงรู้ว่าแม่นมจางกลับมาเพียงคนเดียว

นางหวังฉงนไปเล็กน้อย “เหตุใดเจ้าจึงกลับมาคนเดียว? อินอินเล่า?”

แม่นมจางสีหน้าอมทุกข์พลางเล่าเรื่องราวที่เกิดในชนบท มองสีหน้านางหวังแล้ว ก็เหลือบสายตามองชีอวิ๋นถิงด้วย ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเบาหวิว “คุณหนูใหญ่บอกว่า นางไม่เชื่อใจพวกข้าแล้วเจ้าค่ะ อยาก… อยากให้เจ้านายสักคนหนึ่งเดินทางไปรับ นางถึงจะยอมกลับมาเจ้าค่ะ!”

ว่าอย่างไรนะ?

นางหวังผุดลุกขึ้นยื่นทันใด “แม่นมฮวาคิดจะทำให้นางจมน้ำตาย?!”

ทั้งหัวใจของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกพรั่นพรึง!

ชีอวิ๋นถิงเดือดดาลยิ่งกว่า “เหลวไหลสิ้นดี! เจ้าเด็กเหลือขอนี่เป็นบ้าไปแล้วหรือ? นางพูดจาเหลวไหลอะไร?”

แม่นมจางเองรู้ดีว่าชีอวิ๋นถิงรักและเป็นห่วงชีจิ่นมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังรังเกียจเดียดฉันท์สวี่อินอินที่ถูกเลี้ยงดูในชนบทมานานหลายปีคนนั้นมากด้วยเช่นกัน

แต่ถึงอย่างไรแล้วเรื่องนี้ตัวนางเองก็จนปัญญา ยามนี้ทำได้เพียงแค่นเปล่งเสียงว่า “เรื่อง…เรื่องจริงเจ้าค่ะ…คุณหนูใหญ่กล่าวว่า นางยังไม่ทันกลับมา บ่าวรับใช้ในจวนก็จ้องเอาชีวิตนางแล้ว นางไม่กล้ากลับมาอีกแล้วเจ้าค่ะ หากว่าในจวนไม่ยอมให้คำอธิบายต่อเรื่องนี้แล้ว นาง…นางจะไปฟ้องทางการแล้วเจ้าค่ะ!”

ชีอวิ๋นถิงแค่นหัวเราะออกมาด้วยความโกรธ “เจ้าเด็กสารเลว! เศษสวะไร้ค่า นางรู้หรือเปล่าว่าประตูศาลเปิดทางฝั่งไหน? อยากฟ้องศาลนัก ก็ปล่อยให้นางไปฟ้องเถิด!”

แม่นมจางเหงื่อเย็นท่วมกาย

นางทราบดี จะพูดอย่างไรสวี่อินอินก็เป็นสิ่งไร้ค่าไม่ได้รับการยอมรับเช่นนั้นจริงๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคุณชายใหญ่ ที่พูดย้ำไม่หยุดแค่เพียงหนึ่งครั้งว่าน้องสาวของตนมีเพียงชีจิ่นเท่านั้น

นางหวังได้สติกลับคืนมาแล้วหลังจากอึ้งงันไประยะหนึ่ง

นางถามแม่นมจาง “แล้วแม่นมฮวาเล่า?”

แม่นมจางกดเสียงลง “เรียนฮูหยิน แม่นมฮวาสิ้นใจตายแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่เป็นคนลากนางขึ้นฝั่งด้วยตนเอง คุณหนูใหญ่ว่ายน้ำแข็งแรงมากเจ้าค่ะ…”

ใบหน้าของนางหวังพลันคล้ำลงทันใด

เงียบไปครู่หนึ่ง นางก็กำชับบ่าวรับใช้ว่า “ออกไป ไปเชิญคุณหนูรองเข้ามา”

ชีอวิ๋นถิงที่เอ่ยปากด่าทอต่อว่าในตอนแรก ครั้นได้ยินนางหวังเอ่ยวาจาเช่นนี้ เขาพลันเบิกตากว้างทันใด “ท่านแม่ ท่านคงมิได้เชื่อถ้อยคำเหลือขอจากผู้หญิงชั้นต่ำคนนั้นหรอกนะขอรับ? อาจิ่นจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้อย่างไร?”

ไม่รู้ด้วยเหตุผลใด ยามนี้ได้ยินชีอวิ๋นถิงทั้งสาปแช่งด่าทอถึงเพียงนี้แล้ว นางหวังหงุดหงิดร้อนใจยิ่งนัก นางมองบุตรชายอย่างเยือกเย็นพลางเอ่ยปากตำหนิ “พอเสียที! เรื่องราวยังไม่ถูกไขจนกระจ่าง เจ้าจะแหกปาก โวยวายอยู่ที่นี่หาอะไร?!”

ชีอวิ๋นถิงหาได้ยอมโอนอ่อน “ยังมีเรื่องใดไม่กระจ่างอีกหรือ? ข้าว่านางก็แค่พูดจาเรื่อยเปื่อย ปั้นเรื่องโกหกหลอกลวงขึ้นตามใจชอบก็เท่านั้น!”

นางหวังขมวดคิ้วจ้องเขาตาเขม็ง ส่งให้คนออกไปเรียกชีจิ่นเข้ามา

ครั้นชะงักไปครู่หนึ่งแล้ว ก็เอ่ยด้วยเสียงขรึมว่า “ไปจัดเตรียมข้าวของให้พร้อม ให้คุณชายรองเดินทางไปรับนางกลับมา”

คุณชายรอง เกิดจากว่านอี๋เหนียง อ่อนกว่าคุณชายใหญ่เพียงหนึ่งปีเท่านั้น ยามนี้เขากำลังศึกษาตำราอยู่ที่สำนักศึกษาที่ตั้งอยู่ในเรือน

เดิมทีแล้วจะให้เขาเดินทางไปรับสวี่อินอินกลับมานั้นล้วนเป็นไปไม่ได้

ครั้นสิ้นวาจานี้แล้ว นางหวังคล้ายรู้สึกสองจิตสองใจ ลังเลครู่หนึ่งก็รีบยกมือห้าม “ไม่! ช้าก่อน ช่างเถิด ถึงอย่างไรด้วยวัยของคุณชายรองก็ยังนับว่าเยาว์วัยเกินควร…”

ลั่นวาจาออกคำสั่งแล้ว เรื่องนี้จะว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ แต่จะว่าเล็กน้อยก็มิได้เล็กน้อย ต้องจัดการให้เรียบร้อยจึงจะเหมาะสม

แม่นมจางกำลังรอคอยให้นางหวังเอ่ยปาก

นางหวังเงียบไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นกลับมีเสียงของชีเจิ้นหย่งผิงโหวพลันแว่วดังมาจากข้างนอก “อายุของผู้ใดเยาว์วัยเกินควรหรือ?”

เพียงได้ยินเสียงของชีเจิ้น คนทั้งห้องล้วนสีหน้าเปลี่ยนไป

แม้กระทั่งชีอวิ๋นถิงที่ทำตัวดื้อรั้นไม่เชื่อฟังอยู่เมื่อสักครู่ก็หยุดยืนนิ่งอย่างสำรวมกิริยาขึ้นมาทันใด

นางหวังเมื่อเห็นเขาแล้ว ก็รีบผุดยิ้มทันใดหมายจะปิดบังเรื่องราว “ท่านโหว ไม่มีอะไร…”

ชีเจิ้นสะบัดแขนเสื้อก็นั่งลงด้านข้าง มองพวกเขาปราดหนึ่งแล้ว ก็ถามด้วยเสียงขรึมว่า “ไม่มีอะไรจริงหรือ? แล้วเหตุใด ถึงมีคนไปขอเข้าพบข้าที่ศาลาว่าการเล่า?”

ว่าอย่างไรนะ?

นางหวังอึ้งงันเล็กน้อย “ท่านโหวว่าอย่างไรนะเจ้าคะ? ผู้ใดไปขอเข้าพบท่านที่ศาลาว่าการหรือ?”

 
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Jocky Tagool
ครอบครัวห่วยๆ แบบนี้ นางเอกอย่ากลับไปเลย ชาติที่แล้วก็ไม่ได้เีด้วยไม่ใช่เหรอ แล้วจะกลับไปเพื่ออะไรอีก
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 602

    เฝิงไฉ่เวยยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ท่านปู่อย่าได้กังวลไปเลย นี่ก็อาจเป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะทำให้พระนัดดารัชทายาทจดจำข้าได้ก็เป็นได้”นางกล่าวพลางเลิกคิ้วเบา ๆ “พรุ่งนี้ข้าจะไปจวนชีสักรอบ ให้คนส่งเทียบเชิญไปล่วงหน้าด้วยเถิด บอกว่าข้าจะไปกล่าวคำขอบคุณชีหยวนโดยเฉพาะ”เฝิงจวิ้นถึงกับไม่อาจเข้าใจการกระทำของน้องสาวตนเองได้เลยยังจะไปขอบคุณอีกหรือ?มีอะไรให้ต้องขอบคุณกัน? ชีหยวนทำลายเรื่องดีของตระกูลเฝิง แล้วตอนนี้ตระกูลเฝิงยังจะยื่นหน้าเข้าไปกล่าวคำขอบคุณอีก?!นี่มันต่างอะไรกับถูกตบแก้มซ้ายแล้วยื่นแก้มขวาไปให้เขาตบซ้ำอีก?กลับกลายเป็นเฝิงอวี้จางที่ลูบเคราแล้วหัวเราะอย่างพอใจ “ดี ดี! รู้จักยอมรับผิด ไม่ผลักภาระกลบเกลื่อน กล้ารับผิดชอบ นี่ก็คือคุณธรรมข้อหนึ่งเหมือนกัน ไฉ่เวยเป็นเด็กที่ใจมั่นคง!”ใช่แล้ว คนที่สมบูรณ์แบบเกินไปก็ย่อมดูไม่เหมือนคนการที่ตอนนี้ทำผิดแต่กลับไม่โกรธเกรี้ยว ไม่เอาแต่ปกป้องตนเอง กล้ายอมรับผิด นี่ก็นับเป็นข้อดีใช่หรือไม่?เขาหันไปมองฮูหยินเฝิง “พอเถอะ ไม่มีอะไรให้น่าโมโห ดั่งที่ไฉ่เวยพูดไว้ หากเราไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่ ใครก็หัวเราะเยาะพวกเราไม่ได้!”ฮูหยินรองตระกูลชี

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 601

    นางขบกรามแน่นใช้มือกุมหน้าผากของตนเอง แทบจะเค้นเสียงลอดไรฟันออกมาคำหนึ่งว่า “แม่นางผู้นั้นมาจากที่ใดกัน?!”เวลานี้แขกเหรื่อนได้ถูกส่งกลับไปหมดแล้ว คนในตระกูลเฝิงเล็กใหญ่ต่างก็พากันมารวมตัวอยู่ที่ห้องของฮูหยินเฝิง สีหน้าของทุกคนล้วนไม่สู้ดีนักโดยเฉพาะเฝิงอวี้จาง เขามองไปที่เฝิงไฉ่เวย พอคิดถึงตอนก่อนหน้านี้ที่ตนพยายามอย่างไรก็รั้งเซียวอวิ๋นถิงไว้ไม่อยู่ ใบหน้าก็ยิ่งมืดครึ้มลง “เจ้าว่า นางตั้งใจทำ หรือที่แท้ก็แค่คิดจะช่วยคนจริง ๆ?”ในเพลานี้ฮูหยินเฝิงยังคงโกรธจนรู้สึกปวดหัวแต่เดิมทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น ชื่อเสียงของเฝิงไฉ่เวยก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้นทุกวัน เดิมก็รอแค่วันนี้ให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น แล้วค่อยใช้จังหวะนี้ให้เซียวอวิ๋นถิงได้พบกับเฝิงไฉ่เวยอย่างเหมาะสมแต่ใครจะคาดคิดว่าอยู่ ๆ ชีหยวนจะโผล่เข้ามาขัดขวางทุกอย่าง กลายเป็นว่าทุกอย่างพังไม่เป็นท่าเท่ากับว่าความพยายามทั้งหมดในช่วงก่อนหน้านี้สูญเปล่า แถมยังทำให้ตระกูลเฝิงตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากอีกด้วยต่อไปหากใครพูดถึงเฝิงไฉ่เวย ก็ต้องเอ่ยถึงเรื่องที่นางแม้แต่หลักพื้นฐานของอาหารขัดข่มกันยังไม่รู้ความฮูหยินเฝิงขบปากแน่น โกรธจนแทบจะ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 600

    ฮูหยินเฝิงก็พลันหน้าถอดสี รีบสั่งให้คนไปตามหมอเพียงแค่มาเข้าร่วมงานเลี้ยง ไฉนจึงล้มทรุดลงไปได้?ฮูหยินรองชีก็ตกใจเช่นกัน ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ จนทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะแต่ชีหยวนกลับก้าวฉับเข้าไปหาฮูหยินเฉิงกั๋วกงแล้วคุกเข่าลง เปิดเปลือกตานางขึ้นดู จากนั้นกวาดตามองไปยังอาหารบนโต๊ะ นางไม่เอ่ยคำใดก็ใช้มืออ้าปากของฮูหยินเฉิงกั๋วกงออก แล้วเอาตะเกียบกดไปบนเพดานปากฮูหยินเฉิงกั๋วกงก็อาเจียนเสียงดัง สำรอกอาหารออกมาจนหมดแขกเหรื่อต่างรีบถอยหนีเว่ยชิงยางถึงกับตะโกนเสียงดัง “ชีหยวน! เจ้ากำลังทำอะไร!”ชีหยวนหาได้ใส่ใจไม่ จนกระทั่งฮูหยินเฉิงกั๋วกงไม่มีสิ่งใดจะอาเจียนได้อีก นางจึงส่งตัวให้ฮูหยินที่อยู่ข้าง ๆ พร้อมกับบอกว่า “ให้นางดื่มน้ำเปล่าเจ้าค่ะ”ฝ่ายบุรุษกับฝ่ายสตรีในงานเลี้ยงนี้ มีเพียงทะเลสาบหนึ่งผืนคั่นกลาง เมื่อเกิดเรื่องขึ้นทางนี้ ทางโน้นย่อมเห็นได้ทันทีเฉิงกั๋วกงอดรนทนไม่ไหว รีบวิ่งมาถึงหัวสะพานถามเสียงดังว่าเกิดเรื่องอันใดเฝิงไฉ่เวยก็ขมวดคิ้ว มองชีหยวนด้วยแววตาเป็นกังวล “คุณหนูใหญ่ชี เจ้าไม่รู้ว่าฮูหยินเป็นอะไร ก็ทำเช่นนี้โดยพลการ...”ทำเช่นนี้โดยพลการอันใด?ฮ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 599

    องค์หญิงลั่วชวนอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองชีหยวนอีกครั้งที่จริงนางรู้สึกอึดอัดใจมานานแล้วใครก็ดูออกว่าเฝิงไฉ่เวยนั้นมีฝีมือแท้จริง แต่ช่วงหลายวันมานี้ ทุกครั้งที่นางไปงานเลี้ยงก็ต้องชิงเอาความโดดเด่นไปจนหมดสิ้นถึงขั้นที่แม้แต่พระชายาอ๋องโจว ก็อดมิได้ที่จะเอาแต่พร่ำว่า ‘หากเจ้ามีความสามารถเพียงหนึ่งในสิบของคุณหนูเฝิง...’ พูดแต่วาจาเช่นนี้ ชวนให้คนเบื่อหน่ายใจยิ่งนักยิ่งไปกว่านั้น ทุกครั้งที่เฝิงไฉ่เวยทำให้ผู้คนตื่นตะลึง กลับเอ่ยราวไม่ใส่ใจว่า ‘ข้ามิได้มีสิ่งใดพิเศษนัก เป็นเพราะคุณหนูทั้งหลายคอยเกรงใจข้าเท่านั้น’‘สิ่งเหล่านี้ก็มิใช่อันใด เพียงแต่ตอนเด็กข้าไม่มีงานอดิเรกอื่น จึงอ่านตำรามากหน่อยเท่านั้น’องค์หญิงลั่วชวนถึงกับเบื่อหน่ายจนสุดจะทนบัดนี้ เมื่อนางมองชีหยวนก็พลอยรู้สึกว่าดูรื่นตาขึ้นมาหลายส่วนสตรีสูงศักดิ์ร่ำเรียนสิ่งเหล่านี้แล้วมีประโยชน์อันใด?จำวิธีทำขนมแต่ละอย่างได้ จำชื่อขนมแต่ละชนิดได้ แล้วก็รู้จักรูปลักษณ์ของบุปผาชื่อดังแต่ละสายพันธุ์เรื่องเหล่านี้มีสิ่งใดให้น่าสรรเสริญนักหรือ?เหตุใดจึงได้รับคำชมจนเกินควรเช่นนี้?แต่พอนึกได้ว่าเฝิงไฉ่เวยสามารถเรียนรู้สิ่งเ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 598

    เว่ยชิงยางพอเห็นชีหยวน ท่าทีของนางก็ยิ่งแฝงด้วยความเหน็บแนมขึ้นอีกหลายส่วน “ขนมพวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของไฉ่เวย สูตรที่ใช้นั้นก็มาจากตำราโบราณทั้งสิ้น ผู้ที่ไม่เคยร่ำเรียนหนังสือย่อมไม่รู้จัก”เฝิงไฉ่เวยดูเหมือนจะมีท่าทีจนใจ นางดึงชายเสื้อของเว่ยชิงยางเบา ๆ “ข้าเชิญเจ้ามาเพื่อมาเป็นแขก มิใช่ให้เจ้ามาอวดอ้างแทนข้า”ชีหยวนเลิกคิ้วมองเว่ยชิงยาง “เช่นนั้นคุณหนูเว่ยที่อ่านตำรามากมาย คงรู้แจ้งถึงที่มาของขนมพวกนี้กระมัง?”เว่ยชิงยางกัดริมฝีปาก แค่นเสียงเย็นชา “ทำเหมือนกับเจ้ารู้จักอย่างนั้นแหละ”ชีหยวนเพียงยิ้มน้อย ๆ “ทำไมจะไม่รู้จัก?”นางก้าวไปข้างหน้าสองก้าว เหลือบตามองโต๊ะตัวเล็กแล้วกล่าวเสียงขรึม “เซียงเย่ามู่กวา เซียงเย่าเถิงฮวา หน่ายฝางอวี้รุ่ยเกิง”หวังฉานถึงกับตะลึงงัน หันไปมองฮูหยินรองชีโดยไม่รู้ตัวส่วนฮูหยินรองชีก็ตกตะลึงยิ่งกว่านางเสียอีกนางไม่รู้เลยว่าชีหยวนศึกษาสิ่งเหล่านี้ด้วยไม่น่าแปลกใจเลยที่ชีหยวนมักให้ห้องครัวทำอาหารแปลกใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งนางบอกสูตรให้แม่ครัวด้วยตนเอง...เว่ยชิงยางก็ตกตะลึงไปเช่นกัน แต่แล้วก็แค่นเสียงหัวเราะเย็นชา “ใครจะรู้ว่าเจ้าพูด

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 597

    เนื่องจากคราวก่อนไม่ได้เกิดเหตุอันใด ดังนั้นการออกมากับชีหยวนคราวนี้ฮูหยินรองชีจึงรู้สึกผ่อนคลายกว่าเดิมมากนักทว่าพอถึงจวนตระกูลเฝิง ฮูหยินรองชีก็อดไม่ได้ที่จะกระวนกระวายขึ้นมางานเลี้ยงวันเกิดของตระกูลเฝิงครั้งนี้ จัดได้แตกต่างจากผู้อื่นจริง ๆตระกูลขุนนางในเมืองหลวงที่อยู่ในงานนี้ ต่างก็เคยจัดงานเลี้ยงวันเกิดกันมาทั้งนั้น แต่การจัดงานเช่นนี้ ฮูหยินรองชีก็ต้องยอมรับว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบเห็นจวนตระกูลเฝิงหาได้เชิญคณะงิ้วมีชื่อเสียงในเมืองหลวงมาแสดงงิ้วเช่นตระกูลอื่นไม่ กลับตั้งโต๊ะจัดเลี้ยงไว้ในสวนดอกไม้แทน แขกชายหญิงแยกกันอยู่คนละฟากของทะเลสาบ คั่นกลางด้วยสะพานโค้งฮูหยินรองชีพาชีหยวนไปส่งของขวัญ พอเดินเข้าสู่เรือนรับรองก็ได้กลิ่นหอมประหลาดสายหนึ่ง อดพึมพำเบา ๆ ไม่ได้ว่า “กลิ่นหอมยิ่งนัก”ขณะนั้นเอง พระชายาอ๋องโจวกำลังยิ้มพลางกล่าวกับฮูหยินเฝิงว่า “ไม่ทราบว่าในจวนจุดกำยานกลิ่นใดกัน? กลิ่นนี้แปลกใหม่ดีนัก ไม่รู้ว่าเป็นของสำนักใด?”ฮูหยินเฝิงเพียงกล่าวยิ้ม ๆ “ไฉ่เวยเจ้าเด็กคนนั้นรู้ว่าข้ามีโรคปวดศีรษะที่เกิดจากลมชั่ว จึงตั้งใจปรุงกลิ่นหอมชนิดหนึ่งขึ้นมาให้ข้า เห็นบอกว่าชื่อ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status