Masukเสิ่นลี่อิงหันมองรอบตัวอีกครั้งเพื่อเก็บข้อมูลว่าตนเองตกลงมาอยู่ที่ใด อย่างไรนางก็ต้องหาวิธีปีนกลับไปยังรถม้าของเจ้าของร่างคนเดิม ไม่แน่ว่าอาจมีสิ่งของเหลือให้นางนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้บ้าง อย่างน้อยก็ต้องหาเอกสารยืนยันตัวตนของบ่าวไพร่ที่ติดตามมาด้วย เพื่อสวมรอยใช้ชีวิตต่อเป็นพวกนาง หรือหากไม่จำเป็นต้องใช้ตอนนี้ ก็สามารถเก็บไว้ใช้เข้าเมืองยามเดินทางไกล
ที่นี่เป็นน้ำตกตามธรรมชาติ ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวแบบภพเก่า…ต้องเหนื่อยอีกแล้วล่ะสิ
เสิ่นลี่อิงถอนหายใจไว้อาลัยให้ตัวเอง เมื่อมองขึ้นไปเห็นทางเขาที่จะต้องเดินย้อนกลับไป ทั้งร่างเจ็บปวดไปหมด แต่เพราะตัวนางเคยเป็นนักดับเพลิงมาถึงยี่สิบปี จึงสามารถกัดฟันข่มความเจ็บและมุ่งทำภารกิจให้สำเร็จได้ ยิ่งภารกิจนั้นทำเพื่อประโยชน์ของตัวนางเอง ซาร่าในร่างเสิ่นลี่อิงยิ่งยอมแพ้ไม่ได้
นางตัดสินใจเดินขึ้นเขาทั้งที่เสื้อผ้ายังเปียกอยู่ หากนั่งผิงไฟรอให้แห้งคงมืดค่ำเสียก่อน ระยะเวลาที่จะได้ออกจากป่าแห่งนี้ก็ต้องยืดออกไปอีก
เมื่อไม่มีอุปกรณ์ปีนเขาติดตัวมาด้วยเช่นนี้ นางจึงต้องพาร่างของเสิ่นลี่อิงเดินอ้อมไปเลือกทางที่มีความชันน้อยกว่า แลกกับระยะทางที่ต้องเดินขึ้นมากกว่าเดิม
หลังเดินมาได้ประมาณสองชั่วยาม ท้องฟ้าด้านบนก็เริ่มเปลี่ยนสีไปเสียแล้ว เมื่อเส้นทางกลับมาเป็นป่าที่ไม่ลาดชัน นางจึงตัดสินใจวิ่งไปตามเส้นทางในความทรงจำของเสิ่นลี่อิงคนเดิม
ไม่นานนักรถม้าก็เข้ามาอยู่ในระยะสายตา นางจึงหยุดรอสอดส่องจนแน่ใจว่านักฆ่าได้จากไปจากบริเวณนี้ทั้งหมดแล้ว จึงค่อยๆ เดินไปยังรถม้าที่มีศพคนตายอยู่มากมาย กลุ่มนักฆ่าไม่ไว้ชีวิตบ่าวของคุณหนูเสิ่นสักคน และไม่ได้นำสมบัติของนางติดตัวไปด้วยอีก
แปลกชะมัด ไม่ได้หยิบสมบัติไปสักชิ้นเลยนี่หว่า
เมื่อเห็นเช่นนั้นนางจึงหยิบผ้าพับใหญ่ออกมาแล้วห่อใส่ของมีค่าที่ไม่หนักเกินไป และไม่ลืมที่จะหยิบเอกสารยืนยันตัวตนของเสิ่นลี่อิง ตราประจำสกุลเสิ่น และเอกสารขายตัวของบ่าวคนสนิท ของชิ้นอื่นหนักจนเกินไป นางเลือกทิ้งไว้ที่รถม้าคันนี้
เสิ่นลี่อิงผูกพับผ้าซึ่งใส่ของมีค่าและของจำเป็นอื่นที่นางหาได้เข้ากับตัวมัดจนแน่ใจว่าแน่นหนา พลันเหลือบไปเห็นอาหารแห้งที่หน้าบังเหียนของคนขับรถม้า หากคนในร่างตอนนี้เป็นเสิ่นลี่อิงตัวจริง อาหารเช่นนี้คงไม่มีทางกินลง แต่พอดีว่านางไม่ใช่ และอาหารแย่กว่านี้นางก็เคยต้องกลืนมาแล้ว ทั้งหมดจึงถูกยัดลงท้องในเวลาไม่นาน
เมื่อกินอิ่ม เสิ่นลี่อิงเริ่มทำคบเพลิงด้วยเศษผ้าและเบาะรถม้ากับน้ำมันตะเกียง เพื่อเดินออกจากป่าในคืนนี้ทันที ความจริงแล้วนางรู้ว่านี่คือเรื่องที่อันตราย หากแต่การรั้งรออยู่ในป่าต่อก็ไม่ปลอดภัยสำหรับตนเองเช่นกัน
หนึ่งคืนผ่านไป.. ซาร่าเริ่มยอมรับแล้วว่าต่อจากนี้ตนคงต้องใช้ชีวิตในฐานะเสิ่นลี่อิง ขอเวลาทำความคุ้นชินอีกเสียหน่อย นางจะเป็นเสิ่นลี่อิงที่น่าภาคภูมิใจ
ในที่สุดนางก็เดินจนมาเจอหมู่บ้านริมชายป่าในตอนเช้าพอดี เสิ่นลี่อิงจึงเลือกขุดหลุมเพื่อฝังของไว้ที่ริมชายป่านี้และนำตำลึงเงิน และตำลึงทองติดตัวไปด้วยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
นางมุ่งหน้าเดินตรงไปยังบ้านเรือนที่เห็นเรียงรายอยู่มากมาย ผ่านบ้านร้างที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ติดชายป่า เสิ่นลี่อิงลอบยิ้มในใจ บ้านหลังนี้ตรงกับความต้องการของนางเหลือเกิน
เดินได้ไม่นานนักชาวบ้านที่เห็นนางก็ร้องทักออกมา “แม่นาง แม่นางจะไปที่ใดหรือ” ชาวบ้านหญิงคนหนึ่งที่สวมสะพายตะกร้าสานไว้ที่หลังเอ่ยทักนางขึ้น
“พี่สาว ข้าหลงป่า พี่สาวพาข้าไปหาหัวหน้าหมู่บ้านได้หรือไม่”
“ตายแล้ว ได้ๆ เจ้าตามข้ามาข้าจะพาไปหาหัวหน้าหมู่บ้านหยางเอง”
ถ้าขอซื้อบ้านเก่าสักหลัง เขาจะให้ไหมนะ เสนอราคามากหน่อยก็คงอยู่หมู่บ้านนี้ได้…และต้องมากพอไม่ให้เขาคาดคั้นเอาเอกสาร
เสิ่นลี่อิงคิดอะไรไปเพลินๆ ได้เพียงครู่เดียวก็เดินมาถึงหน้าบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านหยาง
“ลุงหยาง มีคนหลงป่ามาขอความช่วยเหลือ ท่านออกมาจัดการหน่อยเถอะ” หญิงสาวที่เจอนางเป็นคนแรก เอ่ยร้องเรียกให้หัวหน้าหมู่บ้านออกมาพบนาง
“เจ้ารอครู่เดียวเดี๋ยวข้ารีบออกไป” เสียงของชายที่น่าจะอยู่ในวัยห้าสิบตะโกนตอบก่อนจะเดินออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน
“แม่นางข้าต้องเร่งไปหาของป่าแล้วนะ หากเจ้าคุยธุระกับท่านหัวหน้าหมู่บ้านเรียบร้อยแล้ว เจ้าไปนั่งรอที่หน้าบ้านข้าได้เลย อยู่หลังที่ติดกับบ้านร้างนั่นแหละ” หญิงที่เจอนางเป็นคนแรกเอ่ยขึ้นอย่างใจกว้าง แล้วค่อยๆ เดินจากไป
“ท่านเป็นหัวหน้าหมู่บ้านใช่หรือไม่ ข้าชื่อซา…ซาอิน”
ฉิบหายแล้วไหมล่ะ..เกือบหลุดชื่อจริง ซาบ้าซาบออะไร ลี่อิง ลี่อิง!
“เป็นชื่อที่แปลกยิ่งนัก เจ้าไม่ใช่คนแถบนี้ล่ะสิ” หัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยถาม
นางส่ายหัวให้กับความสับสนของตัวเอง ตัวนางตามเดิมแล้วชื่อซาร่า เมื่อต้องพูดถึงชื่อตนจึงหลุดปากคำว่าซาออกไปทันที นางคงต้องกลับไปท่องทุกวันเสียแล้วว่าร่างนี้ชื่อลี่อิง เพราะซาร่าตัดสินใจแล้วว่าจะใช้ชื่อจริงในการซ่อนตัว เพราะหากคนจะหลบหนีย่อมต้องเปลี่ยนชื่อ แต่ถ้าใช้ชื่อเดิมเหล่านักฆ่าอาจคิดว่าเป็นผู้อื่น แผนของซาร่าคือการสร้างความสับสน
“น่าจะใช่เจ้าค่ะ ในป่าน่าจะเกิดเรื่องร้ายขึ้น ข้าจำได้เพียงชื่อตนเองเท่านั้น แต่ข้าเป็นใครมาจากไหนล้วนลืมสิ้น” เสิ่นลี่อิงตอบกลับออกไปเลี่ยงๆ
“แล้วเจ้าจะให้ข้าช่วยอย่างไรให้พาไปส่งทางการหรือ”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าเพียงอยากขอพักฟื้นอยู่อาศัยในหมู่บ้านจนกว่าความทรงจำจะกลับมาได้หรือไม่ ตัวข้าไม่อาจทราบได้ว่าสิ่งใดเกิดขึ้นบ้าง หากกลับไปทั้งที่ยังไม่รู้สิ่งใดเกรงว่าจะเป็นอันตราย”
“ตายแล้ว เช่นนี้จะไม่อันตรายมาถึงคนในหมู่บ้านเราหรือ” ฮูหยินของหัวหน้าหมู่บ้านที่เพิ่งเดินมาสมทบกล่าวขึ้น
“พวกเจ้าไม่รู้ว่าข้าเป็นใคร ข้าเองก็ไม่รู้ว่าข้าเป็นใคร หากมีอันตรายจริงก็ไม่มีใครมาตรวจสอบหมู่บ้านที่ห่างไกลเช่นนี้แน่”
“เจ้ารับรองเรื่องเช่นนี้ไม่ได้หรอก” หัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยขัดมีท่าทีไม่พอใจเล็กน้อย
“ข้ามิได้ต้องการสิ่งใดมากมาย ขอแค่บ้านหลังเก่าริมชายป่า และที่ดินอีกนิดหน่อย บ้านหลังนั้นเป็นบ้านร้างไม่ใช่หรือ และข้าพร้อมจะจ่ายสิบห้าตำลึงทอง ข้อเสนอเช่นนี้หากเจ้าปฏิเสธก็น่าเสียดายนะ” ลี่อิงคนใหม่เสนอไปในราคาที่คุณหนูผู้นี้เคยซื้อข้าวของในเมืองหลวง
“ยี่สิบตำลึงทอง แล้วข้าจะรับเจ้าเข้าเป็นคนในหมู่บ้าน”
“ตกลง อ้อ! แล้วลุงเปลี่ยนมาเรียกข้าด้วยชื่อลี่อิงก็แล้วกัน จะได้คุ้นหูคนที่นี่”
“ตกลงตามนั้น รอสักครู่ ข้าจะจัดการเอกสารให้”
เสิ่นลี่อิงพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะยืนมองหัวหน้าหมู่บ้านเข้าไปจัดการเรื่องเอกสาร ไม่นานเขาก็นำออกมายื่นให้นาง และนำทางไปยังบ้านร้างท้ายหมู่บ้านที่ลี่อิงเห็นในตอนแรก เมื่อเสร็จสิ้นแล้วท่านหัวหน้าหมู่บ้านก็บอกให้นางจัดการตามที่เห็นสมควรได้เลย นางแกล้งตีหน้าเศร้าว่านั่นเป็นเงินทั้งหมดที่มีแล้ว หัวหน้าหมู่บ้านจึงได้ทำท่าทีลุกลนแล้วรีบขอตัวจากไป ให้นางได้สำรวจบ้านอย่างสะดวก
ทำเลดีชะมัดมีลำธารติดชายป่าที่ดินก็ได้เยอะ ล้อมรั้วแล้วด้วย..ทุ่นแรงไปเยอะ
บ้านร้างหลังนี้เพียงแค่ดูทรุดโทรมเล็กน้อย แต่ตัวบ้านยังสามารถอยู่อาศัยได้ มีการล้อมรั้วบ้านและที่ดินที่ติดกันไว้ เสิ่นลี่อิงไม่รู้ว่าทำไมบ้านหลังนี้จึงไม่มีผู้ใดย้ายเข้ามาอยู่ อาจเป็นไปได้ว่ามีความผิดปกติเกี่ยวกับเจ้าของบ้านคนเก่า แต่นางไม่สนใจ
หลังจากที่ลุงหยางหัวหน้าหมู่บ้านเดินจากไปแล้ว เสิ่นลี่อิงจึงเดินกลับไปยังหลุมที่ขุดเพื่อฝังทรัพย์สมบัติจากรถม้าไว้
นางนำของเข้ามาไว้ในบ้าน ที่พบว่ามีเครื่องเรือนค่อนข้างครบครัน และโชคดีที่มีหีบใหญ่เกือบเท่าโลงศพตั้งอยู่จึงนำของมีค่าใส่ลงในหีบนั้น ส่วนพับผ้าต่างๆ ที่ใช้ห่อของคงต้องนำไปซักให้เรียบร้อยเสียก่อน
เมื่อจัดการเก็บของเรียบร้อยแล้วนางจึงเดินออกจากบ้านใหม่ของตัวเองไปนั่งที่หน้าบ้านของหญิงสาวที่เจอก่อนหน้านี้ ลี่อิงนั่งพิงกำแพงบ้านของพี่สาวคนดังกล่าว ก่อนจะเผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน
บทที่ 19 ผันตัวมาเปิดแผงอาหารท่ามกลางบรรยากาศที่ยังคงมืดมิดนั้น มีแสงตะเกียงส่องสว่างอยู่หน้าโรงเรือนเห็ดของเสิ่นลี่อิง นางลุกขึ้นมาตั้งแต่ยามอิ๋นเพื่อเพาะเห็ดหลินจินดำและเห็ดหลินจือแดงตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เห็ดที่พรมน้ำกลิ่นจันทร์ไว้เริ่มเกิดเชื้อเห็ดปกคลุมแล้ว จึงต้องรีบนำมาเพาะเสียก่อน เห็ดอื่นที่นางเพาะไว้ก็เริ่มเติบโตแล้วเช่นกัน เห็นทีพรุ่งนี้นางคงได้นำเห็ดไปขายแลกเงินแล้วเมื่อจัดการกับหลินจือทั้งสามถังเรียบร้อยแล้ว นางก็นำขวดสเปรย์ในมิติมาฉีดพ่นน้ำเล็กน้อย จากนั้นก็ไปเตรียมตัวออกไปขายของในเมืองเสิ่นลี่อิงปลุกเปาเปาในยามเหม่าจับเด็กน้อยอาบน้ำแต่งตัวให้หอมฉุย เพื่อใช้ความน่ารักของเด็กน้อยมาเรียกลูกค้า “วันนี้ใครผ่านมาหน้าแผ
บทที่ 18 หาเงินสำรองไว้เมื่อกลับมาถึงบ้านไฉ่ตู้ก็นำรถเข็นมาส่งกับนางพอดีพร้อมๆ กันนั้นลุงไฉ่เองก็นำน้ำแกงบะหมี่ของวันมาส่งไว้ให้ด้วยเช่นกัน “แม่นางมาพอดี รถเข็นนี้บ้านป้าสู่ไม่ใช้แล้วขายให้เจ้าหนึ่งร้อยอีแปะ รถยังดีอยู่ ข้าว่าเหมาะสม”“ขอบใจมาก นำเข้าบ้านได้เลย ขอบคุณลุงไฉ่เช่นกันเจ้าค่ะน้ำแกงเดี๋ยวข้ายกเอง”เสิ่นลี่อิงตรวจสอบรถเข็นที่ได้มาก็พบว่ายังดีอยู่จริงๆ หากจะซื้อของใหม่จากในเมืองมีราคาสูงถึงห้าร้อยอีแปะ แม้จะมีเงินมากแต่ผู้ใดจะล่วงรู้อนาคต หากวันใดที่นางต้องพาเปาหลงหนีก็คงออกมาหาเงินไม่ได้อีก“เปาเปาเจ้าเข้าบ้านก่อน ถึงเวลาดื่มนมแล้ว” นางเรียกเปาหลงที่กำลังวิ่งเล่นบนผืนดิน
บทที่ 17 ใช้ชีวิตต่อไปเช้านี้เสิ่นลี่อิงลุกขึ้นจากเตียงอย่างยากเย็น แม้หนิงอ๋องจะเป็นคนแปลกหน้าสำหรับนาง แต่จากการที่เปาหลงยังนึกถึงและกล่าวถึงพ่อของตนเสมอ ก็ทำให้นางเป็นห่วงเขาไม่น้อยเช่นกัน และที่สำคัญคือความรู้สึกของเปาหลง หากรู้ว่าพ่อของตนมิรู้ว่าเป็นเช่นไรจะกังวลหรือไม่ ลี่อิงก็คิดห่วงไปมากมายนางลืมตามองเพดานอยู่นานจนเปาหลงต้องตื่นมาเขย่าให้นางลุกขึ้น เพราะหน้าบ้านไฉ่ตู้กำลังส่งเสียงเรียกนางอยู่ “พี่สาวมีคนมา”“แม่นางลี่อิง! ท่านอยู่หรือไม่ ข้ามาถอนหญ้าต่อ แม่นาง!”“พี่สาว ไฉ่ตู้มา ท่านลุกขึ้น”“ขอเวล
บทที่ 16 ท่านมีศัตรูมากไปหรือไม่“เสียนอ๋อง” หนึ่งในพระญาติของพระเอกและตัวร้ายที่รับบรรดาศักดิ์ต่อจากท่านปู่ของตน และก็นับว่าเป็นญาติผู้พี่ของนางด้วย ฝ่ายมารดาของเขาคือคนจากสกุลเสิ่น แต่จนถึงตอนล่าสุดที่ได้อ่าน นางก็ยังไม่แน่ใจว่าเขาอยู่ข้างใครระหว่าง ‘หนิงอ๋องหรือรัชทายาท’“ว่าที่พระชายาในหนิงอ๋อง แท้จริงแล้วก็ยังไม่ตาย แต่กลับมาอยู่ในที่ดินปกครองของข้าเสียได้ น่าประหลาดใจนัก”“คนนั้นยังไม่สลบ เขาได้ยินแล้วว่าข้ายังไม่ตาย” นางชี้ไปที่นักฆ่าคนหนึ่งที่เพียงแค่ตัวชากระตุกเพราะเครื่องช็อตไฟฟ้า และได้ยินญาติผู้พี่เฉลยตัวตนของเสิ่นลี่อิงออกมาจนหมดเปลือก เสียนอ๋องเห็นเช่นนั้นก็ให้สัญญาณกับองครักษ์ให้ฆ่าทิ้งเสีย แม้เสิ่นลี่อิงจะปวดใจเพราะงานของนางคือการช่วยคน แต่ในสถานการณ์ที่ต้องเลือกระหว่างชีวิตนางหรือชีวิตศัตรู นางย่อมเลือกตนเอง“คนที่นำดาบชี้ข้า มาใหม่หรือ” เสียนอ๋องพยักหน้า อ๋องหนุ่มสะบัดมือให้เหล่าองครักษ์หลบออกไปก่อน “จะเอาผิดหรือไม่”“ไม่ล่ะ เสียเวลา ท่านมาที่นี่ทำไม”“นี่มันเขตการปกครองของข้า เจ้าต่างหากยังไม่ตายเหตุใดจึงไม่กลับไป”“ถูกตามล่าเช่นนี้ หากกลับไปข้าย่อมลำ
บทที่ 15 อันตรายในป่า เสิ่นลี่อิงร้องบอกให้ไฉ่หม่ากลับไปทำงาน ไม่ได้สนใจจะพูดคุยกับฉินเปาแม้เพียงครึ่งคำ “แม่นางมาพอดี น้ำเดือดมาได้สักพักแล้ว” ไฉ่ตู้ที่กำลังเปิดฝาดูไม่ให้น้ำแห้งเอ่ยออกมา“ข้าจัดการต่อเอง ขอบคุณมาก” เสิ่นลี่อิงเติมน้ำเล็กน้อยและใส่ขี้เลื่อยที่ได้มาลงไปด้วย นางต้องปล่อยให้น้ำต้มนี้เดือดไปอย่างน้อยหนึ่งชั่วยาม เวลาระหว่างนั้นนางจึงทำถู่โต้วทอด กินคู่กับเนื้อหมูสันคอย่างชิ้นโต ราดซอสงาขาว เคียงด้วยยำแตงกว่ารสเผ็ดเล็กน้อย แต่สำหรับเปาเปาเขาได้ทานแครอทหั่นแท่งแทน เจ้าของบ้านอย่างลี่อิงแบ่งอาหารให้กับสองพี่น้องไฉ่ด้วย ไฉ่ตู้ชื่นชมนางไม่ขาดปาก หลังกินเสร็จก็เร่งงานยิ่งกว่าเดิม ส่วนอีกคนก็กินแรงตามเคย ทั้งยังบ่นมาตามลมว่านางมีข้าวสารมากมาย แต่ขนเส้นเดียวก็ไม่ยอมถอน“ไม่ถูกใจก็ไม่ต้องกิน!” ลี่อิงเองก็เหลืออดเหลือเกิน จึงพูดกระทบกระเทียบกลับไปบ้าง การกินข้าวของนางจึงได้เงียบสงบลงมาเสียที กินเสร็จเสิ่นลี่อิงก็ดับไฟและปิดฝาไว้ “รอให้เย็นก่อนนะ” ระหว่างนั้นก็ให้เปาเปาเอากิ่งไม้มาฝึกเขียนอักษรบนพื้นดิน พร้อมนางที่นั่งทำเสี่ยวหลงเปาอยู่ข้างกัน ลุงไฉ่
บทที่ 14 งานการมากมาย เสิ่นลี่อิงนำดินที่นางขุดออกมาจากมิติ และให้เปาเปานำขี้ทาเกลือคล้ายทรายมาผสมกับดินที่นางขุดมา เมื่อผสมเสร็จแล้วลี่อิงจึงนำถังไม้ขนาดกำลังดีออกมาสองถัง ถังหนึ่งนางใช้ตะปูตอกให้เป็นรูเล็กๆ เพียงสองรู และนำผ้าขาวบางรองไว้ที่ก้นถัง ก่อนจะสั่งให้เด็กน้อยนำดินที่คลุกผสมทั้งสองส่วนเรียบร้อยแล้วมาตักลงใส่ถังที่มีผ้าขาวบางรองไว้อยู่ “ครานี้เจ้าใช้มือกดลงไปให้แน่นๆด้วยแล้วค่อยเติมลงไปเพิ่ม หากไม่แน่นน้ำจะไหลผ่านเร็วและได้เกลือน้อย”“ขอรับ” เด็กน้อยรับคำสั่งและใช้มือของตนตบดินลงไปจนแน่น เสิ่นลี่อิงเห็นว่าเด็กน้อยทำสุดแรงของตนแล้ว นางจึงใช้มือของตนในการกดลงบ้าง เมื่อนางเห็นว่าแน่นดีแล้วก็พยักหน้าให้เปาเปาตักดินใส่ชั้นต่อไปได้ ทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนเต็มถังไม้ เสิ่นลี่อิงวางถังไม้ที่มีดินอยู่ไว้ด้านบนและถังไม้ที่ไม่มีสิ่งใดไว้ด้านล่างนางตักน้ำใส่ถังที่มีดินลงไป ก่อนจะยกขึ้นดูเล็กน้อยว่ามีน้ำหยดออกมาหรือไม่ เมื่อเห็นว่ามีน้ำหยดแล้ว นางจึงรอให้น้ำด้านบนซึมลงไปก่อนจากนั้นค่อยตักน้ำใส่เพิ่มทีละน้อยทีละน้อย “เหลือเพียงแต่รอแล้ว หากน้ำไหลออกมาเต็มถังนี้ และเค็มเพียงพ







