LOGIN
บทนำ โลกใบใหม่
“คุณหนูเจ้าคะหนีไปเจ้าค่ะ บ่าวจะถ่วงเวลาให้คุณหนู คุณหนูวิ่งหนีไปให้ไกลที่สุด ไม่ต้องสนใจบ่าว”
“หากข้าทิ้งเจ้าไป ข้าจะถือว่าเป็นเจ้านายอย่างไร วิ่งมากับข้า ตามข้ามาเดี๋ยวนี้”
“ไม่ได้เจ้าค่ะคุณหนู บ่าวต้องอยู่ถ่วงเวลาให้คุณหนูตรงนี้ คุณหนูเชื่อบ่าวเถอะนะเจ้าคะ”
“จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร ข้าไม่ใช่เจ้านายใจร้าย หนีเอาตัวรอดคนเดียวเสียหน่อย”
“คุณหนูเชื่อบ่าวนะเจ้าคะ หนีไป หนีให้รอด”
เมื่อเห็นว่าทำอย่างไรบ่าวคนสนิทก็ไม่มีท่าทีว่าจะวิ่งตามมา เด็กสาววัยสิบหกปี ก็จำใจหันหลังแล้ววิ่งอย่างไม่คิดชีวิต เธอคือเสิ่นลี่อิง คุณหนูแห่งจวนเสนาบดีฝ่ายซ้าย ลูกสาวของฮูหยินเอก ผู้ซึ่งอยู่ในระหว่างเดินทางไปยังเมืองศักดินาของหนิงอ๋อง แม่ทัพตะวันตกแห่งแคว้นตู้
หากการเดินทางครั้งนี้เป็นเพียงการเดินทางท่องเที่ยว เสิ่นลี่อิงคงไม่ต้องเจอกับการไล่ล่าเช่นนี้ แต่เมื่อการเดินทางครั้งนี้มีจุดหมายคือการแต่งงานเชื่อมอำนาจระหว่างสองขั้วแข็งแกร่ง หลายฝ่ายจึงยอมไม่ได้
แม้กระทั่งในจวนของนางเอง ตำแหน่งว่าที่พระชายานี้ก็มิใช่ว่าไม่มีผู้ใดปรารถนาอยากครอบครอง หากแต่อยากได้เพียงใดก็ไม่มีใครที่คุณสมบัติ รูปสมบัติและชาติตระกูลเหมาะสมไปกว่านาง
ผู้คนหลายกลุ่มต้องการให้นางตาย พวกเขาเหล่านั้นต้องทำสำเร็จเพียงแค่ครั้งเดียว แต่สำหรับเสิ่นลี่อิง นางต้องหลีกหนีให้สำเร็จในทุกครั้ง หากอยากรอดก็มีแต่ต้องวิ่งหนีต่อไป
แม้บ่าวทั้งหมดจะถ่วงเวลาให้นางแล้ว แต่ด้านหลังก็ยังมีนักฆ่าวิ่งตามมา พวกมันตะโกนกู่ร้อง ว่าก่อนจะสังหารนางพวกมันจะเล่นสนุกกับร่างกายของนางให้เต็มรัก
“อย่าคิดหนีอีกเลย ไม่เหลือบ่าวที่เจ้าสามารถใช้สละแทนแล้ว ยอมพลีกายให้พวกข้าเสียเถิด แล้วข้าจะให้เจ้าตายอย่างไม่ทุกข์ทรมาน”
“หากก่อนตายต้องถูกย่ำยี ข้าขอปลิดชีพตนเองเสียตอนนี้เลยดีกว่า!”
เหลือเพียงทางรอดเดียวให้เสิ่นลี่อิง นางคงต้องกระโดดลงน้ำตกด้านหน้านั้น หากรอดก็ถือว่าสวรรค์เมตตา แต่หากนางไม่รอดก็ถือว่าได้รักษาศักดิ์ศรีของตนเอง จวบจนวินาทีสุดท้ายของลมหายใจ
‘ตู้ม’
“เฮ้ยมันโดดจริงๆ”
“ข้าเสียดายเหลือเกิน ไม่ใช่ว่าพวกเราจะได้มีวาสนาได้ลิ้มลองสาวงามเช่นนี้เสียเมื่อไหร่”
“แล้วใครจะเป็นคนปีนลงไปดู ข้าไม่ปีนลงไปหรอกนะ” หนึ่งในนักฆ่าส่ายหน้าตอบ ไม่อยากอาสาปีนป่ายลงไปให้ลำบาก
“คุณหนูเสิ่นตัวเพียงเท่านั้น กระโดดลงไป ข้าว่าอย่างไรก็ไม่รอด ไปกันเถิด”
เสียงหัวเราะได้ใจของชายฉกรรจ์ทั้งสามดังก้องอยู่เหนือน้ำตก งานครั้งนี้ง่ายกว่าที่คิด เพราะในระหว่างทาง ขบวนของคุณหนูเสิ่นผู้นี้ถูกลอบโจมตีติดกันมาถึงสามครั้งสามครา เมื่อต้องเดินทางผ่านป่าเขาเช่นนี้ พวกตนไม่ต้องทำอะไรมากก็สามารถไล่ต้อนเป้าหมายของนายจ้างให้ตายตกไปได้ตามคำสั่ง แม้จะเสียดายความงามของนางอยู่บ้าง หากแต่เม็ดเงินเมื่อกลับไปย่อมทดแทนความหงุดหงิดใจเล็กน้อยในครั้งนี้ได้…
‘ซ่า ซ่า ซ่า’
เสียงน้ำสาดกระเซ็นลอยเข้ามาในโสตประสาท ความหนาวเย็นและเปียกชื้นเฉอะแฉะไปทั้งตัว ซาร่าพยายามลืมตาด้วยความสับสนแต่กลับทำได้ยากเหลือเกิน
เกิดอะไรขึ้นกันแน่ น้ำท่วมฟาร์มเหรอไม่น่านะนี่มันหน้าแล้งน้ำจะท่วมฟาร์มได้ยังไง?
เสี้ยววินาทีต่อมา น้ำกระเพื่อมสูงพัดเข้าจมูกและปากเธอจนร่างกายตอบสนองอย่างรุนแรงโดยการสำลักออกมา ทำให้เธอสามารถลืมตาและยันตัวเองขึ้นมานั่งพิงโขดหินได้
ซาร่าหันมองไปรอบตัวพบว่าเธออยู่ในลำธารหรือแม่น้ำสักแห่ง ด้านบนเป็นน้ำตก มันค่อนข้างสูงเลยทีเดียวในความรู้สึกของเธอ นั่นทำให้ซาร่ายิ่งสับสนเพราะฟาร์มของเธอและบริเวณใกล้เคียงไม่มีน้ำตกอยู่เลย
คิดเรื่อยเปื่อยมองรอบตัวได้ไม่นานความทรงจำต่างๆ ก็หลั่งไหลเข้ามาในสมองราวกับโดนน้ำถังใหญ่สาดเข้าใส่หน้า
ที่นี่คือแคว้นตู้ ภายใต้การปกครองของราชวงศ์ตู้ เจ้าของร่างเดิมเป็นว่าที่พระชายาของหนิงอ๋องแม่ทัพที่ได้รับความเคารพอย่างสูงในแผ่นดินตู้ แต่น่าเสียดายที่ว่าที่พระชายาผู้นี้กลับต้องตายระหว่างการเดินทาง เพื่อขัดขวางความยิ่งใหญ่ของหนิงอ๋อง องค์ชายองค์เล็กของอดีตฮ่องเต้ หลานชายของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน เขาคือชายหนุ่มรูปงามมากความสามารถพร้อมลูกติดจากชายารองผู้ล่วงลับหนึ่งคน เขาคืออ๋องผู้ซึ่งอุทิศชีวิตให้กับการปกป้องแผ่นดินตู้
เอ๊ะ ว่าที่พระชายาหนิงอ๋อง ลูกสาวเสนาบดีฝ่ายซ้าย ตายระหว่างไปแต่งงาน เซินลี่อิน ไม่ใช่สิ เสิ่นลี่อิง นี่มันตัวประกอบในนิยายแปลที่ฉันอ่านบนเว็บนี่นา อ้าว แล้วเขายังอัพไม่จบด้วย แต่นี่มันตัวละครที่ตายตั้งแต่ตอนแรกไม่ใช่เหรอ?!
แปลว่าเวลานี้นางได้มาอยู่ในร่างของเสิ่นลี่อิง ตัวประกอบสุดสวยผู้ถูกบรรยายความงามไว้จนอยากเห็น ยังไม่ทันได้ใช้ความสวยให้เป็นประโยชน์ก็ดันมาตายเสียก่อน เนื้อเรื่องตอนนี้เป็นตอนแรก ในเนื้อหาช่วงนี้เจ้าของร่างคนเดิมจะถูกกล่าวถึงว่าหลังจากโดนตามล่ามาหลายวันในที่สุดนางก็ต้องตกลงมาจากผาน้ำตกตาย
ตัวละครที่นักเขียนกล่าวถึงแค่ครั้งเดียว จากนั้นก็หายไป แทบจะไม่มีผลใดๆ กับเนื้อเรื่องหลักด้วยซ้ำไป แค่ถูกกล่าวถึงเพราะเป็นว่าที่พระชายาเอกของตัวร้าย และเป็นพี่สาวผู้ล่วงลับของนางเอกในนิยาย ซึ่งในตอนที่เสิ่นลี่อิงเสีย นางเอกของเรื่องยังมีอายุเพียงเจ็ดแปดหนาวเท่านั้น ไม่รู้จะกล่าวถึงตัวละครนี้ไปทำไมกัน
หรือคนเขียนอาจจะลืม ตัวละครเยอะจะลืมก็ไม่แปลกมั้ง..
คิดดูแล้วก็น่าโมโห ซาร่าอุตส่าห์ลาออกจาก LAFD มาทำร้านอาหารแบบฟาร์มทูเทเบิลอย่างที่ใฝ่ฝัน ทำได้แค่สามปีเพิ่งจะเริ่มเข้าที่ก็ดันต้องมาอยู่ในโลกนิยายอะไรก็ไม่รู้ จะให้เผยตัวกลับไปเป็นคุณหนูอย่างเดิมก็ไม่แคล้วคงต้องถูกตามล่า
เธอคิดกับตัวเองว่าทุกอย่างคงต้องเริ่มใหม่อีกครั้ง เป็นผู้หญิงในโลกใบนี้จะให้ไปเป็นนักดับเพลิงอย่างเดิมก็คงทำไม่ได้ และอาจไม่มีด้วย แต่ถ้าจะทำร้านอาหารฟาร์มทูเทเบิลอย่างเดิมก็คงจะพอไหว เธอตัดสินใจว่าเป็นไงเป็นกันสู้กันสักตั้ง ภพที่แล้วลองผิดลองถูกมาตั้งมาก ความสามารถในการเอาตัวรอดก็พอมี ตัวเธอเองคงจะไม่เป็นไร
เดี๋ยวตัวประกอบคนนี้จะใช้ชีวิตให้มันสนุกสุดเหวี่ยงแทนเจ้าของร่างเดิมเอง และเสิ่นลี่อิงต้องไม่ตาย ต้องอยู่จนจบเรื่อง ฉันไม่ยอมไม่ได้แก่ตายเป็นครั้งที่สองแน่
————
*LAFD Los Angeles Fire Department หน่วยดับเพลิงของลอสแองเจลิส
บทที่ 19 ผันตัวมาเปิดแผงอาหารท่ามกลางบรรยากาศที่ยังคงมืดมิดนั้น มีแสงตะเกียงส่องสว่างอยู่หน้าโรงเรือนเห็ดของเสิ่นลี่อิง นางลุกขึ้นมาตั้งแต่ยามอิ๋นเพื่อเพาะเห็ดหลินจินดำและเห็ดหลินจือแดงตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เห็ดที่พรมน้ำกลิ่นจันทร์ไว้เริ่มเกิดเชื้อเห็ดปกคลุมแล้ว จึงต้องรีบนำมาเพาะเสียก่อน เห็ดอื่นที่นางเพาะไว้ก็เริ่มเติบโตแล้วเช่นกัน เห็นทีพรุ่งนี้นางคงได้นำเห็ดไปขายแลกเงินแล้วเมื่อจัดการกับหลินจือทั้งสามถังเรียบร้อยแล้ว นางก็นำขวดสเปรย์ในมิติมาฉีดพ่นน้ำเล็กน้อย จากนั้นก็ไปเตรียมตัวออกไปขายของในเมืองเสิ่นลี่อิงปลุกเปาเปาในยามเหม่าจับเด็กน้อยอาบน้ำแต่งตัวให้หอมฉุย เพื่อใช้ความน่ารักของเด็กน้อยมาเรียกลูกค้า “วันนี้ใครผ่านมาหน้าแผ
บทที่ 18 หาเงินสำรองไว้เมื่อกลับมาถึงบ้านไฉ่ตู้ก็นำรถเข็นมาส่งกับนางพอดีพร้อมๆ กันนั้นลุงไฉ่เองก็นำน้ำแกงบะหมี่ของวันมาส่งไว้ให้ด้วยเช่นกัน “แม่นางมาพอดี รถเข็นนี้บ้านป้าสู่ไม่ใช้แล้วขายให้เจ้าหนึ่งร้อยอีแปะ รถยังดีอยู่ ข้าว่าเหมาะสม”“ขอบใจมาก นำเข้าบ้านได้เลย ขอบคุณลุงไฉ่เช่นกันเจ้าค่ะน้ำแกงเดี๋ยวข้ายกเอง”เสิ่นลี่อิงตรวจสอบรถเข็นที่ได้มาก็พบว่ายังดีอยู่จริงๆ หากจะซื้อของใหม่จากในเมืองมีราคาสูงถึงห้าร้อยอีแปะ แม้จะมีเงินมากแต่ผู้ใดจะล่วงรู้อนาคต หากวันใดที่นางต้องพาเปาหลงหนีก็คงออกมาหาเงินไม่ได้อีก“เปาเปาเจ้าเข้าบ้านก่อน ถึงเวลาดื่มนมแล้ว” นางเรียกเปาหลงที่กำลังวิ่งเล่นบนผืนดิน
บทที่ 17 ใช้ชีวิตต่อไปเช้านี้เสิ่นลี่อิงลุกขึ้นจากเตียงอย่างยากเย็น แม้หนิงอ๋องจะเป็นคนแปลกหน้าสำหรับนาง แต่จากการที่เปาหลงยังนึกถึงและกล่าวถึงพ่อของตนเสมอ ก็ทำให้นางเป็นห่วงเขาไม่น้อยเช่นกัน และที่สำคัญคือความรู้สึกของเปาหลง หากรู้ว่าพ่อของตนมิรู้ว่าเป็นเช่นไรจะกังวลหรือไม่ ลี่อิงก็คิดห่วงไปมากมายนางลืมตามองเพดานอยู่นานจนเปาหลงต้องตื่นมาเขย่าให้นางลุกขึ้น เพราะหน้าบ้านไฉ่ตู้กำลังส่งเสียงเรียกนางอยู่ “พี่สาวมีคนมา”“แม่นางลี่อิง! ท่านอยู่หรือไม่ ข้ามาถอนหญ้าต่อ แม่นาง!”“พี่สาว ไฉ่ตู้มา ท่านลุกขึ้น”“ขอเวล
บทที่ 16 ท่านมีศัตรูมากไปหรือไม่“เสียนอ๋อง” หนึ่งในพระญาติของพระเอกและตัวร้ายที่รับบรรดาศักดิ์ต่อจากท่านปู่ของตน และก็นับว่าเป็นญาติผู้พี่ของนางด้วย ฝ่ายมารดาของเขาคือคนจากสกุลเสิ่น แต่จนถึงตอนล่าสุดที่ได้อ่าน นางก็ยังไม่แน่ใจว่าเขาอยู่ข้างใครระหว่าง ‘หนิงอ๋องหรือรัชทายาท’“ว่าที่พระชายาในหนิงอ๋อง แท้จริงแล้วก็ยังไม่ตาย แต่กลับมาอยู่ในที่ดินปกครองของข้าเสียได้ น่าประหลาดใจนัก”“คนนั้นยังไม่สลบ เขาได้ยินแล้วว่าข้ายังไม่ตาย” นางชี้ไปที่นักฆ่าคนหนึ่งที่เพียงแค่ตัวชากระตุกเพราะเครื่องช็อตไฟฟ้า และได้ยินญาติผู้พี่เฉลยตัวตนของเสิ่นลี่อิงออกมาจนหมดเปลือก เสียนอ๋องเห็นเช่นนั้นก็ให้สัญญาณกับองครักษ์ให้ฆ่าทิ้งเสีย แม้เสิ่นลี่อิงจะปวดใจเพราะงานของนางคือการช่วยคน แต่ในสถานการณ์ที่ต้องเลือกระหว่างชีวิตนางหรือชีวิตศัตรู นางย่อมเลือกตนเอง“คนที่นำดาบชี้ข้า มาใหม่หรือ” เสียนอ๋องพยักหน้า อ๋องหนุ่มสะบัดมือให้เหล่าองครักษ์หลบออกไปก่อน “จะเอาผิดหรือไม่”“ไม่ล่ะ เสียเวลา ท่านมาที่นี่ทำไม”“นี่มันเขตการปกครองของข้า เจ้าต่างหากยังไม่ตายเหตุใดจึงไม่กลับไป”“ถูกตามล่าเช่นนี้ หากกลับไปข้าย่อมลำ
บทที่ 15 อันตรายในป่า เสิ่นลี่อิงร้องบอกให้ไฉ่หม่ากลับไปทำงาน ไม่ได้สนใจจะพูดคุยกับฉินเปาแม้เพียงครึ่งคำ “แม่นางมาพอดี น้ำเดือดมาได้สักพักแล้ว” ไฉ่ตู้ที่กำลังเปิดฝาดูไม่ให้น้ำแห้งเอ่ยออกมา“ข้าจัดการต่อเอง ขอบคุณมาก” เสิ่นลี่อิงเติมน้ำเล็กน้อยและใส่ขี้เลื่อยที่ได้มาลงไปด้วย นางต้องปล่อยให้น้ำต้มนี้เดือดไปอย่างน้อยหนึ่งชั่วยาม เวลาระหว่างนั้นนางจึงทำถู่โต้วทอด กินคู่กับเนื้อหมูสันคอย่างชิ้นโต ราดซอสงาขาว เคียงด้วยยำแตงกว่ารสเผ็ดเล็กน้อย แต่สำหรับเปาเปาเขาได้ทานแครอทหั่นแท่งแทน เจ้าของบ้านอย่างลี่อิงแบ่งอาหารให้กับสองพี่น้องไฉ่ด้วย ไฉ่ตู้ชื่นชมนางไม่ขาดปาก หลังกินเสร็จก็เร่งงานยิ่งกว่าเดิม ส่วนอีกคนก็กินแรงตามเคย ทั้งยังบ่นมาตามลมว่านางมีข้าวสารมากมาย แต่ขนเส้นเดียวก็ไม่ยอมถอน“ไม่ถูกใจก็ไม่ต้องกิน!” ลี่อิงเองก็เหลืออดเหลือเกิน จึงพูดกระทบกระเทียบกลับไปบ้าง การกินข้าวของนางจึงได้เงียบสงบลงมาเสียที กินเสร็จเสิ่นลี่อิงก็ดับไฟและปิดฝาไว้ “รอให้เย็นก่อนนะ” ระหว่างนั้นก็ให้เปาเปาเอากิ่งไม้มาฝึกเขียนอักษรบนพื้นดิน พร้อมนางที่นั่งทำเสี่ยวหลงเปาอยู่ข้างกัน ลุงไฉ่
บทที่ 14 งานการมากมาย เสิ่นลี่อิงนำดินที่นางขุดออกมาจากมิติ และให้เปาเปานำขี้ทาเกลือคล้ายทรายมาผสมกับดินที่นางขุดมา เมื่อผสมเสร็จแล้วลี่อิงจึงนำถังไม้ขนาดกำลังดีออกมาสองถัง ถังหนึ่งนางใช้ตะปูตอกให้เป็นรูเล็กๆ เพียงสองรู และนำผ้าขาวบางรองไว้ที่ก้นถัง ก่อนจะสั่งให้เด็กน้อยนำดินที่คลุกผสมทั้งสองส่วนเรียบร้อยแล้วมาตักลงใส่ถังที่มีผ้าขาวบางรองไว้อยู่ “ครานี้เจ้าใช้มือกดลงไปให้แน่นๆด้วยแล้วค่อยเติมลงไปเพิ่ม หากไม่แน่นน้ำจะไหลผ่านเร็วและได้เกลือน้อย”“ขอรับ” เด็กน้อยรับคำสั่งและใช้มือของตนตบดินลงไปจนแน่น เสิ่นลี่อิงเห็นว่าเด็กน้อยทำสุดแรงของตนแล้ว นางจึงใช้มือของตนในการกดลงบ้าง เมื่อนางเห็นว่าแน่นดีแล้วก็พยักหน้าให้เปาเปาตักดินใส่ชั้นต่อไปได้ ทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนเต็มถังไม้ เสิ่นลี่อิงวางถังไม้ที่มีดินอยู่ไว้ด้านบนและถังไม้ที่ไม่มีสิ่งใดไว้ด้านล่างนางตักน้ำใส่ถังที่มีดินลงไป ก่อนจะยกขึ้นดูเล็กน้อยว่ามีน้ำหยดออกมาหรือไม่ เมื่อเห็นว่ามีน้ำหยดแล้ว นางจึงรอให้น้ำด้านบนซึมลงไปก่อนจากนั้นค่อยตักน้ำใส่เพิ่มทีละน้อยทีละน้อย “เหลือเพียงแต่รอแล้ว หากน้ำไหลออกมาเต็มถังนี้ และเค็มเพียงพ







