เสียงไซเรนของตำรวจยังคงดังสนั่นไปทั่วทั้งอาคารที่พักของ คิมหันต์ แต่ร่างของเขาและ พิม กลับไม่อยู่ที่นั่นแล้ว บนพื้นมีเพียงกุญแจมือที่ถูกปลดออกอย่างลวกๆ ทิ้งไว้เป็นหลักฐานถึงการหลบหนีที่เหนือความคาดหมาย
"ไม่น่าเชื่อ...มันหนีไปได้ยังไง?" ณลิน ถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสับสนและไม่เข้าใจ
ปอร์เช่ เดินเข้ามาหาเธอด้วยสีหน้าเคร่งเครียด "ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ...แต่มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ"
"คุณหมายความว่ายังไงคะ?" ณลินถามอย่างร้อนรน
"มันต้องมีคนช่วย...และคนๆ นั้น...ต้องไม่ใช่คนธรรมดา" ปอร์เช่พูดพร้อมกับมองไปที่ณลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล
คำพูดของปอร์เช่ทำให้ณลินถึงกับอึ้งไป เธอไม่คิดว่าเรื่องมันจะซับซ้อนขนาดนี้
"แล้วเราจะทำยังไงต่อไปดีคะ? ถ้ามันกลับมาอีก...เราอาจจะไม่มีโชคดีเหมือนเดิมแล้ว" ณลินพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
ปอร์เช่กอดเธอไว้แน่น "ไม่ต้องห่วงนะครับ...ริน...ผมจะปกป้องเธอเอง...ผมจะไม่มีวันยอมให้ใครมาทำร้ายเธอได้อีกแล้ว"
ณลินพยักหน้าเล็กน้อย เธอรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและความปลอดภัยจากอ้อมกอดของเขา แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็รู้สึกได้ถึงความหวาดระแวงที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ณลินรู้ดีว่าคิมหันต์ไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ง่ายๆ และแผนการของเขาก็อาจจะอันตรายกว่าที่พวกเขาคิดไว้
ในขณะเดียวกันนั้นเอง คิมหันต์ กำลังนั่งอยู่กับ ชายปริศนา ในรถยนต์คันหนึ่ง ชายปริศนามีใบหน้าที่เย็นชาและดวงตาที่คมกริบ เขามองคิมหันต์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความดูถูก
"แกมันอ่อนหัดจริงๆ...คิมหันต์" ชายปริศนาพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา "แค่ผู้หญิงคนเดียว...แกก็จัดการไม่ได้"
คำพูดของชายปริศนาทำให้คิมหันต์ถึงกับหน้าซีดเผือดไปถนัดตา "คุณจะพูดอะไรก็พูดเถอะ! แต่คุณก็หนีไม่พ้นความผิดที่ทำไว้หรอก!"
"ความผิดงั้นเหรอ?" ชายปริศนาหัวเราะในลำคอ "ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด...ฉันแค่ช่วยให้คนที่อ่อนแอ...ได้มีโอกาสที่จะเอาชนะคนที่แข็งแกร่ง...ก็เท่านั้นเอง"
คำพูดของชายปริศนาทำให้คิมหันต์ถึงกับอึ้งไป เขาไม่เข้าใจว่าชายปริศนากำลังหมายถึงอะไร
"แกไม่ต้องเข้าใจหรอก...คิมหันต์...แกแค่ทำตามคำสั่งของฉันก็พอ" ชายปริศนาพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง "ฉันจะให้โอกาสแกอีกครั้ง...แต่ถ้าแกทำไม่ได้...แกก็จะต้องตาย"
คำพูดของชายปริศนาทำให้คิมหันต์ถึงกับตัวสั่นด้วยความกลัว "คุณจะให้ผมทำอะไร?"
"ฉันจะให้แกไปฆ่าณลินกับปอร์เช่...แต่แกต้องฆ่าพวกมันด้วยมือของแกเอง...และแกก็ต้องทำให้พวกมันได้เห็นว่า...แกไม่ได้อ่อนแออย่างที่พวกมันคิด" ชายปริศนาพูดพร้อมกับยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย
คำพูดของชายปริศนาทำให้คิมหันต์ถึงกับเงียบไป เขาไม่สามารถเถียงอะไรได้อีก เพราะเขารู้ดีว่าเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากที่จะทำตามคำสั่งของชายปริศนา
"แล้วพิมล่ะ? คุณจะทำยังไงกับเธอ?" คิมหันต์ถามอย่างร้อนรน
"แกไม่ต้องห่วงเรื่องพิมหรอก...ฉันจะดูแลเธอเอง" ชายปริศนาพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาที่สุด "แต่ตอนนี้...แกไปทำในสิ่งที่ฉันสั่งเถอะ...แล้วเราจะมาเจอกันอีกที"
ชายปริศนาขับรถไปส่งคิมหันต์ในที่แห่งหนึ่ง แล้วเขาก็ขับรถออกไปทันที ปล่อยให้คิมหันต์นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปกันไปหมด ทั้งความกลัว ความโกรธแค้น และความสับสนในสิ่งที่เขากำลังจะต้องทำ
หลายวันผ่านไป ณลินและปอร์เช่ยังคงใช้ชีวิตตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกเขาตัดสินใจที่จะไม่เลื่อนงานแต่งงานออกไปอีกแล้ว เพราะพวกเขาเชื่อว่าคิมหันต์จะไม่กลับมาอีกแล้ว
ในค่ำคืนหนึ่ง ณลินและปอร์เช่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยกัน ณลินเงยหน้าขึ้นมามองปอร์เช่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก
"ปอร์เช่คะ...ฉันมีความสุขมากเลยค่ะ" ณลินพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
ปอร์เช่กอดเธอไว้แน่น "ผมเองก็มีความสุขมากเหมือนกันครับ...ริน...ผมรักเธอ"
คำพูดของปอร์เช่ทำให้ณลินยิ้มออกมา "ฉันก็รักคุณค่ะ...ปอร์เช่...ฉันรักคุณ"
ในขณะนั้นเอง เสียงกริ่งประตูบ้านก็ดังขึ้น ณลินและปอร์เช่มองหน้ากันด้วยความไม่เข้าใจ เพราะพวกเขาไม่ได้นัดใครไว้ ณลินเดินไปเปิดประตู แล้วเธอก็เห็นคิมหันต์ยืนอยู่ตรงหน้าเธอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและรอยแผล
"คิมหันต์! นายมาทำอะไรที่นี่!?" ณลินถามด้วยน้ำเสียงที่ตกใจ
คิมหันต์ยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย "ฉันมาที่นี่...ก็เพราะฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับเธอ"
ในขณะนั้นเอง ปอร์เช่ก็เดินเข้ามาหาณลิน "คิมหันต์! แกต้องการอะไร!?"
คิมหันต์มองหน้าปอร์เช่ด้วยสายตาที่เย็นชา "ฉันไม่ได้ต้องการอะไรจากแกหรอก...ฉันแค่ต้องการให้แกได้เห็นในสิ่งที่แกกำลังจะสูญเสียไป"
คำพูดของคิมหันต์ทำให้ณลินและปอร์เช่ถึงกับอึ้งไป พวกเขาไม่เข้าใจว่าคิมหันต์กำลังหมายถึงอะไร
คิมหันต์ยิ้มออกมา "ฉันจะให้พวกแกได้เห็นว่า...ความรักที่พวกแกมีให้กัน...มันเป็นแค่เรื่องโกหก...และฉันก็จะทำให้พวกแกต้องเจ็บปวด...เจ็บปวดมากกว่าที่ฉันเคยเจ็บปวด!"
ในขณะนั้นเอง คิมหันต์ก็หยิบปืนออกมาจากกระเป๋ากางเกงของเขา แล้วจ่อไปที่ณลิน ปอร์เช่เห็นดังนั้นก็ถึงกับตกใจอย่างสุดขีด เขาไม่รอช้าที่จะพุ่งเข้าไปหาคิมหันต์ทันที
"คิมหันต์! อย่าทำอะไรณลิน!" ปอร์เช่ตะโกนอย่างสุดเสียง
แต่คิมหันต์ก็ไม่สนใจ เขาเหนี่ยวไกปืนทันที
ปัง!
เสียงปืนดังขึ้นอย่างก้องกังวาน ปอร์เช่ล้มลงไปกับพื้นด้วยความเจ็บปวด ณลินเห็นดังนั้นก็ถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความตกใจและหวาดกลัว
"ปอร์เช่! ปอร์เช่!" ณลินตะโกนเรียกชื่อเขาอย่างสุดเสียง
คิมหันต์เดินเข้ามาหาณลิน แล้วก้มลงไปจ้องมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสะใจ "เป็นไงล่ะ!? แกคิดว่าแกจะเก่งกว่าฉันงั้นเหรอ? แกคิดผิดแล้ว!"
ในขณะนั้นเอง ณลินก็ตัดสินใจที่จะรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายในชีวิต เธอใช้มือของเธอในการชกเข้าที่หน้าของคิมหันต์อย่างแรงจนคิมหันต์ล้มลงไปกับพื้น ณลินรีบเข้าไปหาปอร์เช่ แล้วกอดเขาไว้แน่น
"ปอร์เช่...คุณเป็นยังไงบ้าง?" ณลินถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
ปอร์เช่พยายามที่จะยิ้มให้เธอ "ผมไม่เป็นไร...ริน..."
ในขณะนั้นเอง คิมหันต์ก็ลุกขึ้นยืน แล้ววิ่งหนีออกจากบ้านไปทันที ณลินและปอร์เช่มองหน้ากันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโล่งอก แต่ในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
ปอร์เช่ทรุดตัวลงไปนอนกับพื้นด้วยความอ่อนล้า ณลินรีบเข้าไปกอดเขาไว้แน่น แล้วร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด
"ปอร์เช่...อดทนหน่อยนะ...เราจะไปโรงพยาบาลกันเถอะ" ณลินพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
ปอร์เช่ส่ายหน้า "ไม่เป็นไรหรอก...ริน...ผมไม่เป็นไร"
ณลินไม่ฟังคำพูดของปอร์เช่ เธอรีบโทรศัพท์ไปหาตำรวจและรถพยาบาลทันที ณลินกอดปอร์เช่ไว้แน่นแล้วพยายามที่จะปลอบใจเขา
"ปอร์เช่...อดทนหน่อยนะ...คุณต้องไม่เป็นไรนะ...คุณต้องอยู่กับฉัน..." ณลินพึมพำด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือที่สุดในชีวิต
ปอร์เช่ยิ้มออกมา "ผมจะอยู่กับเธอเสมอ...ริน...ผมรักเธอ"
คำพูดของปอร์เช่ทำให้ณลินถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวดและความรักที่เธอมีให้เขา
ข่าวการจับกุม คิมหันต์ และเครือข่ายมาเฟียที่นำโดย เฮียเกา แพร่สะพัดไปทั่วทั้งวงการธุรกิจและสังคมออนไลน์ราวกับพายุที่โหมกระหน่ำ ทุกหน้าหนังสือพิมพ์และทุกสำนักข่าวต่างพาดหัวข่าวใหญ่ถึงจุดจบของชายผู้บ้าคลั่งที่พยายามทำร้าย ณลินและ ปอร์เช่ ณลินและปอร์เช่ที่ตอนนี้กำลังพักฟื้นอยู่ในบ้านของพวกเขามองหน้ากันด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปกันไปหมด ทั้งความโล่งอก ความดีใจ และความเศร้าในสิ่งที่เกิดขึ้น"ในที่สุด...เขาก็ได้รับผลกรรมในสิ่งที่เขาทำลงไปแล้วนะคะ" ณลินพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือปอร์เช่กอดเธอไว้แน่น "ใช่ครับ...ริน...แต่ผมก็ไม่ได้อยากให้เรื่องมันจบลงแบบนี้เลย"คำพูดของปอร์เช่ทำให้ณลินถึงกับอึ้งไป เธอไม่คิดว่าเขาจะพูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้ ณลินมองไปที่ปอร์เช่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย "คุณรู้สึกสงสารเขาเหรอคะ?""ผมไม่ได้สงสารเขาหรอก...ผมแค่รู้สึกเสียใจ...เสียใจที่คนคนหนึ่ง...ต้องจมอยู่กับความแค้นและความอิจฉาริษยาจนชีวิตของเขาต้องพังทลายลงไปแบบนี้" ปอร์เช่พูดพร้อมกับมองไปที่ณลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความอ่อนโยน "ริน...ผมไม่อยากให้เราเป็นเหมือนเขา...เรามาเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกันนะครั
ควันไฟสีดำลอยคละคลุ้งไปทั่วทั้งโกดังร้างที่ตอนนี้กลายเป็นสนามรบไปแล้ว เสียงปืนและเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณ ทิ้งไว้เพียงซากปรักหักพังและร่างของลูกน้องที่นอนจมกองเลือด ปอร์เช่ ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยแต่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น มือของเขากำปืนไว้แน่น ราวกับจะส่งความแค้นทั้งหมดไปที่ คิมหันต์ และ เฮียเกา"ปอร์เช่! แกยังไม่ตายงั้นเหรอ!?" คิมหันต์ตะโกนอย่างสุดเสียงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นปอร์เช่ยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย "ผมไม่ได้ตายหรอกครับ...คุณคิมหันต์...ผมแค่แกล้งทำเป็นตาย...เพื่อที่จะได้ล่อให้แกออกมาจากที่ซ่อน"คำพูดของปอร์เช่ทำให้คิมหันต์ถึงกับอึ้งไป เขาไม่เชื่อในสิ่งที่ปอร์เช่พูดเลยแม้แต่น้อย"โกหก! แกกำลังโกหกฉัน!?" คิมหันต์ตะโกนอย่างสุดเสียงในขณะนั้นเอง เฮียเกา ก็เดินเข้ามาหาปอร์เช่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น "แกมันเลว! เลวที่สุด!"ปอร์เช่หัวเราะในลำคอ "ผมไม่ได้เลวหรอกครับ...เฮียเกา...ผมแค่ทำให้พวกคุณได้รับผลกรรมในสิ่งที่ทำลงไปเท่านั้นเอง"คำพูดของปอร์เช่ทำให้เฮียเกาถึงกับเงียบไป เขาไม่สามารถเถียงอะไรได้อีก เพราะสิ่งที่ปอร์เช่พูดคื
ณลินนั่งเฝ้า ปอร์เช่ ที่โรงพยาบาลจนอาการของเขาดีขึ้นมากแล้ว ในขณะที่ปอร์เช่กำลังวางแผนการที่ซับซ้อนเพื่อที่จะจัดการกับ คิมหันต์ และ เฮียเกา ให้สิ้นซากในค่ำคืนหนึ่ง ปอร์เช่ได้ให้ลูกน้องที่ปลอมตัวเป็นหมอพาเขาไปยังที่ซ่อนของพวกตัวร้าย ลูกน้องของปอร์เช่ได้สลับตัวเขาและปลอมตัวเป็นปอร์เช่ที่ยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอย่างแนบเนียน ไม่มีใครรู้เลยว่าตอนนี้ปอร์เช่กำลังจะไปที่ไหนรถยนต์คันหรูของปอร์เช่ได้ขับมาจอดที่หน้าโกดังร้างแห่งหนึ่ง ชายในชุดสูทสีดำจำนวนหนึ่งได้เดินออกมาจากรถแล้วเปิดประตูรถให้ปอร์เช่ ปอร์เช่เดินออกมาจากรถด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยแต่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น"แกแน่ใจนะว่าพวกมันอยู่ที่นี่?" ปอร์เช่ถามชายคนนั้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาที่สุดชายคนนั้นพยักหน้าเล็กน้อย "แน่ใจครับ...บอส...พวกมันอยู่ที่นี่กันหมดเลย"ปอร์เช่ยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย "ดี...เราไปจัดการพวกมันกันเถอะ"ปอร์เช่และลูกน้องของเขาเดินเข้าไปในโกดังร้างแห่งนั้นอย่างเงียบๆ พวกเขาเดินผ่านโกดังไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครรู้เลยว่าตอนนี้พวกเขากำลังจะไปที่ไหนในขณะเดียวกันนั้นเอง คิมหันต์ และ เฮียเกา กำลังนั่งดื่มเบียร
กลิ่นยาฆ่าเชื้อที่คุ้นเคยในโรงพยาบาลไม่ได้ทำให้ ณลิน รู้สึกไม่สบายใจอย่างที่ควรจะเป็น ตรงกันข้าม...มันกลับเป็นกลิ่นที่ปลุกเธอให้ตื่นจากฝันร้ายอันยาวนาน ณลินนั่งเฝ้า ปอร์เช่ อยู่ข้างเตียงของเขามาทั้งคืน ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยคราบน้ำตาและใบหน้าที่ซีดเซียว เธอไม่ได้หลับตาลงเลยแม้แต่นาทีเดียว"ปอร์เช่...คุณต้องไม่เป็นอะไรนะ...คุณต้องไม่เป็นอะไร" ณลินพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เธอกุมมือของเขาไว้แน่น ราวกับจะส่งความรักและความอบอุ่นไปให้เขาเมื่อเปลือกตาคู่สวยของปอร์เช่ค่อยๆ กระพริบ ณลินก็รู้สึกถึงความหวังที่แทรกซึมเข้ามาในหัวใจ เธอรีบกุมมือของเขาไว้แน่น"ปอร์เช่...คุณฟื้นแล้ว! คุณเป็นยังไงบ้าง? มีอะไรไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?" ณลินถามรัวเร็วด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความร้อนรนปอร์เช่ยิ้มบางๆ "ผมไม่เป็นไร...ริน...ผมไม่เป็นไรแล้ว"คำพูดของปอร์เช่ไม่ได้ทำให้ณลินรู้สึกโล่งใจเลยแม้แต่น้อย "ปอร์เช่...ฉันกลัว...ฉันกลัวว่าเขาจะกลับมาอีก"ปอร์เช่เอื้อมมือไปสัมผัสแก้มของเธอเบาๆ "ไม่ต้องกลัวนะครับ...ผมจะปกป้องเธอเอง...ผมจะไม่มีวันยอมให้ใครมาทำร้ายเธอได้อีกแล้ว"ณลินพยักหน้าเล็กน้อย เธอรู้
เช้าวันรุ่งขึ้น ณลินตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของปอร์เช่ เธอรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและความปลอดภัยที่เธอไม่เคยได้รับมาก่อน แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็รู้สึกได้ถึงความกังวลที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในใจ ณลินเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าหล่อเหลาของเขาที่กำลังหลับอย่างสงบ เธอรู้สึกได้ถึงความรักอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน"คุณตื่นแล้วเหรอคะ?" ณลินถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนปอร์เช่ยิ้มบางๆ "ผมตื่นมานานแล้ว...ผมแค่อยากมองหน้าเธอในตอนที่เธอกำลังหลับ"ณลินกอดเขาไว้แน่น "ฉันมีความสุขมากเลยค่ะปอร์เช่""ผมเองก็มีความสุขมากเหมือนกันครับ...ริน" ปอร์เช่พูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรัก "ริน...ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับเธอ"คำพูดของปอร์เช่ทำให้ณลินรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่างที่ไม่ดี "เรื่องอะไรคะ?""ผมจะให้ลูกน้องของผมปล่อยข่าวออกไปว่าอาการของผมแย่ลง...และผมก็คงอยู่ได้อีกไม่นาน" ปอร์เช่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง "ผมจะใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อให้คิมหันต์กับเฮียเกาออกมาจากที่ซ่อน"คำพูดของปอร์เช่ทำให้ณลินถึงกับอึ้งไป เธอไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำแบบนี้ได้"ปอร์เช่! คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะ! มันอันตรายเกินไป!" ณลินพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ"ผมรู้ครับ..
กลิ่นยาฆ่าเชื้อที่คุ้นเคยในโรงพยาบาลไม่ได้ทำให้ ณลิน รู้สึกไม่สบายใจอย่างที่ควรจะเป็น ตรงกันข้าม...มันกลับเป็นกลิ่นที่ปลุกเธอให้ตื่นจากฝันร้ายอันยาวนาน ณลินนั่งเฝ้า ปอร์เช่ อยู่ข้างเตียงของเขามาตลอดทั้งคืน ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยคราบน้ำตาและใบหน้าที่ซีดเซียว เธอไม่ได้หลับตาลงเลยแม้แต่นาทีเดียว"ปอร์เช่...คุณต้องไม่เป็นอะไรนะ...คุณต้องไม่เป็นอะไร" ณลินพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เธอกุมมือของเขาไว้แน่น ราวกับจะส่งความรักและความอบอุ่นไปให้เขาเมื่อเปลือกตาคู่สวยของปอร์เช่ค่อยๆ กระพริบ ณลินก็รู้สึกถึงความหวังที่แทรกซึมเข้ามาในหัวใจ เธอรีบกุมมือของเขาไว้แน่น"ปอร์เช่...คุณฟื้นแล้ว! คุณเป็นยังไงบ้าง? มีอะไรไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?" ณลินถามรัวเร็วด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความร้อนรนปอร์เช่ยิ้มบางๆ "ผมไม่เป็นไร...ริน...ผมไม่เป็นไรแล้ว"คำพูดของปอร์เช่ไม่ได้ทำให้ณลินรู้สึกโล่งใจเลยแม้แต่น้อย "ปอร์เช่...ฉันกลัว...ฉันกลัวว่าเขาจะกลับมาอีก"ปอร์เช่เอื้อมมือไปสัมผัสแก้มของเธอเบาๆ "ไม่ต้องกลัวนะครับ...ผมจะปกป้องเธอเอง...ผมจะไม่มีวันยอมให้ใครมาทำร้ายเธอได้อีกแล้ว"ณลินพยักหน้าเล็กน้อย เธ