Home / รักโบราณ / ย้อนเวลาไปเป็นชายาอ๋องผู้ร้ายกาจ / ตอนที่ 10 เมื่อตำแหน่งกลายเป็นเดิมพัน

Share

ตอนที่ 10 เมื่อตำแหน่งกลายเป็นเดิมพัน

Author: Bosskerr
last update Last Updated: 2025-10-08 01:46:39

ลมยามค่ำพัดเอื่อย เสียงจิ้งหรีดขับขานก้องอยู่รอบเรือน เงาจันทร์ทอดยาวบนลานศิลา ภายในเรือนพักของพระชายาหลิน บ่าวไพร่วุ่นอยู่กับการจัดเตรียมตำรับสมุนไพรและถังน้ำร้อนสำหรับอาบ ม่ออี๋เดินเข้ามาพร้อมถาดผลไม้ ใบหน้าสว่างไสว

“วันนี้ข่าวลือเต็มเมืองเลยเพคะ ต่างก็บอกว่าพระชายากลายเป็นผู้มีเมตตา ทั้งยังช่วยฝ่าบาทไขความจริงอีกด้วย!”

หลินอวิ๋นเอ๋อร์ยกผลไม้ชิ้นเล็กเข้าปาก แย้มยิ้มแต่สายตานิ่ง

“คำพูดลอยลมมีค่าเพียงครู่เดียวเท่านั้น ม่ออี๋ สิ่งสำคัญคือเราต้องทำให้ทุกวันพิสูจน์ว่าสิ่งที่เราเป็นไม่ใช่ภาพลวงตา”

“แต่พระชายาเพคะ” ม่ออี๋โน้มตัวกระซิบ “ข้างนอกก็มีเสียงพูดกันว่าคุณหนูไป๋ไม่พอใจยิ่งนัก”

หลินอวิ๋นเอ๋อร์วางช้อนผลไม้ลงช้า ๆ ริมฝีปากแย้มบาง

“ไม่พอใจย่อมเป็นธรรมชาติ คนที่เคยชินกับการยืนบนที่สูง หากมีใครแย่งแสงไปบ้างย่อมต้องเจ็บตาเจ็บใจเป็นธรรมดา”

อีกฟากหนึ่ง ณ เรือนสกุลไป๋ ตะเกียงน้ำมันส่องสว่างจนเงาพลิ้วบนผนัง ไป๋เยี่ยนหรงนั่งอยู่หน้ากระจกทองเหลือง มือบิดผ้าเช็ดหน้าจนยับยู่ยี่

“นางกลายเป็นคนโปรดของพวกชาวบ้าน อีกไม่นานท่านอ๋องห้าอาจจะมองนางด้วยสายตาใหม่เช่นกัน”

เสียงบ่าวสาวคนสนิทกล่าวด้วยความไม่สบอารมณ์ ไป๋เยี่ยนหรงเงยหน้าขึ้น สายตาคมกริบต่างจากรอยยิ้มละมุนที่นางเคยแสดง

“ท่านอ๋องห้าต้องเป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียว!”

“คุณหนูคิดจะทำสิ่งใดเจ้าคะ”

นางยิ้มเย็น พลางวางผ้าเช็ดหน้าลงบนโต๊ะ

“วันพรุ่งนี้จะมีงานถวายสักการะที่วัดผู่อิน พระชายาหลินก็ต้องไปเช่นกัน เราจะทำให้ทุกคนเห็นว่านางไม่ใช่สตรีบริสุทธิ์อย่างที่ใคร ๆ เชื่อกัน ทำให้นางต้องอับอาย!”

เงาแววตานั้นคล้ายประกายมีดที่พร้อมกรีดลงโดยไม่ลังเล

รุ่งเช้า วัดผู่อินสว่างไสวด้วยควันธูป ชาวเมืองหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย พระชายาหลินซินอวิ๋นสวมชุดแพรสีอ่อน ยกพานดอกไม้บูชา สายตาของผู้คนเต็มไปด้วยความศรัทธา ต่างพากันก้มศีรษะทักทายด้วยความนอบน้อม

ไป๋เยี่ยนหรงเดินตามมาในชุดงามวิจิตรเกินกว่าธรรมเนียมการบูชา แสงตะวันสะท้อนอาภรณ์ระยิบระยับจนผู้คนเหลียวมอง แต่แววตาหลายคู่กลับจับต้องความเกินงามอยู่ในใจ

ขณะหลินอวิ๋นเอ๋อร์ก้าวขึ้นบันไดหิน เสียงร้องโวยดังขึ้น

“พระชายา! ของในพานนั้น เป็นผ้าเส้นไหมที่หายไปจากโรงครัวหลวงมิใช่หรือ!?”

เสียงแตกตะโกนดังจนผู้คนหันมามองกันทั้งลาน ไป๋เยี่ยนหรงยกมือปิดปากแสร้งตกใจ

“เอ๊ะ จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรกัน” น้ำเสียงแฝงพิษร้ายอย่างแนบเนียน

ม่ออี๋หน้าซีดเผือด “พระชายาเพคะ! นี่มันต้องเป็นกลลวงแน่ ๆ!”

หลินอวิ๋นเอ๋อร์ยืนนิ่ง สายตาไม่หวั่นไหวแม้แต่นิด นางยกพานขึ้นสูง เอ่ยเสียงเรียบแต่กังวาน

“ทุกสิ่งในมือข้ามีที่มา หากมีผู้ใดกล่าวหาว่าเป็นของโจร ก็จงหาหลักฐานมาชี้หน้าข้า”

เสียงผู้คนแตกฮือ แต่กลับมีบางส่วนเอียงเข้าข้างนาง เพราะภาพจำที่โรงครัวหลวงยังสดใหม่

“พระชายามีเมตตาขนาดนั้น จะไปขโมยของได้อย่างไร”

“หรือจะมีคนกลั่นแกล้ง”

ไป๋เยี่ยนหรงยืนนิ่ง สีหน้ายังคงละมุน แต่ดวงตาเริ่มฉายแววไม่พอใจ กลลวงที่วางไว้กลับกำลังจะย้อนคืนหานาง

ในเงามุมหนึ่ง จ้าวเยี่ยนฝูที่เพิ่งก้าวเข้ามาได้ยินทุกถ้อยคำ ดวงตาคมวาวเย็นเฉียบกว่าลมหนาว เขามองทั้งหลินอวิ๋นเอ๋อร์ที่ยังคงสงบนิ่ง และไป๋เยี่ยนหรงที่แววตาไหววูบในวินาทีนั้น ในใจเขาเริ่มมีคำตอบว่าใครคือสตรีที่คู่ควรจะยืนเคียงข้างเขาจริง ๆ

ควันธูปลอยเป็นเส้นบาง ๆ ในอากาศช่วงเช้าตรู่ เสียงไม้กวาดลากบนลานหินดังแผ่วเหมือนใครกำลังขีดเส้นชะตาใหม่ของผู้คน วัดผู่อินในวันทำพิธีมีผู้คนหนาแน่นกว่าทุกวัน สีสันผ้าแพรของสตรีชั้นสูงตัดกับสีเรียบของชาวเมืองจนลานศิลาแลดูเหมือนผืนพรมที่ปักอย่างพิถีพิถัน

หลินอวิ๋นเอ๋อร์ยืนอยู่ชานบันได หัวใจเต้นนิ่งดุจเคาะจังหวะด้วยมือที่ชำนาญ นางยกพานดอกไม้และผ้าไหมสีงาช้าง ของถวายที่เตรียมด้วยมือบ่าวไพร่เมื่อคืน ขึ้นประคองระดับอก สายตาหลายคู่จับจ้อง หลังคำกล่าวหาฉับพลันเมื่อครู่ว่า ผ้าในพานคือของที่หายจากโรงครัวหลวง

ไป๋เยี่ยนหรงยืนเยื้องด้านข้าง ริมพัดแตะคางอย่างงดงาม รอยยิ้มละมุนแทบไม่ไหวติง แต่ประกายตาแข็งและคมเหมือนคันศรที่ดึงจนสุดสาย

“ของถวายถูกสงสัย ใครจะไม่ยอมให้ตรวจสอบเพื่อความบริสุทธิ์ของตนกันเล่า”

เสียงหนึ่งจากฝ่ายสตรีดังขึ้นอย่างจงใจ และก้องต่อ ๆ กันราวคลื่นขนาดเล็กในสระน้ำ

“ตรวจสิ” หลินอวิ๋นเอ๋อร์เอ่ยเสียงเรียบ ภายในใจสงบจนแม้ควันธูปยังแลดูช้าลง

“ข้ายอมให้ตรวจอยู่แล้ว”

นางวางพานลงบนโต๊ะไม้ตรงทางขึ้นศาลา แล้วหันไปพยักหน้าให้ม่ออี๋

“นำถุงผ้าตราประทับมาด้วย”

ม่ออี๋รีบวิ่งยกถุงผ้าสีครามปักตราตำหนักอ๋องห้าอย่างพิถีพิถัน ด้ายผนึกสีแดงยังผูกปมเรียบร้อยไม่ชำรุด หลินอวิ๋นเอ๋อร์หันไปบอกพระรูปหนึ่งที่ยืนใกล้ ๆ ให้ช่วยเป็นพยาน

“กราบขอความเมตตาให้ท่านไต้ซือช่วยดูตราผนึก ว่าถูกแกะหรือบิดเบือนหรือไม่”

พระรูปนั้นรับถุงผ้า พลิกดูใต้แสงยามเช้า ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว

“ตราเหน็บด้ายยังอยู่ครบ ข้อมัดแน่นตามวิธีผนึกเดิม มิได้ถูกเปิด”

หลินอวิ๋นเอ๋อร์คลี่ยิ้มน้อย ๆ พลางแก้ปมหย่อนผนึกต่อหน้าสายตาผู้คน นางหยิบผ้าไหมสีงาช้างผืนยาวออกมา มุมผ้ามีป้ายไม้เล็ก ๆ เย็บติดไว้ละเอียด คลังของตำหนักท่านอ๋องห้า ชุดถวายเดือนเพ็ญ พร้อมลายมือแม่ครัวเฒ่าที่คุ้นตา

“ผ้าจากโรงครัวหลวงหลวงย่อมติดตราคลังหลวง มิใช่ตราตำหนักอ๋อง” นางกล่าวชัด “หากยังสงสัย ข้ายินดีให้นำไปเทียบกับตราในคลัง”

เสียงซุบซิบตะลึงพรึงเพริดเปลี่ยนทิศ คล้ายสายลมที่ถูกพัดไปคนละทาง ผู้คนบางส่วนที่เมื่อครู่ทำหน้ากังขาเปลี่ยนเป็นก้มหน้าอับอายแทนตนเอง

จังหวะนั้นเอง เสียงรองเท้าหนังบุนุ่มก้าวขึ้นบันไดหินอย่างมั่นคง จ้าวเยี่ยนฝูปรากฏกายเงียบ ๆ แต่ทั้งลานก็เหมือนเงียบตามไปด้วย เขาไม่ได้มองผู้คนแม้แต่น้อย สายตาคมกริบกดลงบนพานและถุงผ้าแค่ครู่เดียวก็พอจะเข้าใจทุกสิ่ง

“ใครกล่าวหา” เสียงทุ้มต่ำของเขาราบเรียบ แต่เย็นจนผ้าพลิ้วไหวช้าลง

คนกลุ่มเล็กด้านหลังสตรีงามสวมชุดสีน้ำชาเหลือบมองกัน ก่อนที่หญิงคนหนึ่งจะกัดฟันก้าวออกมาก้มหน้า

“เป็นหม่อมฉันเองเพคะ หม่อมฉัน...หม่อมฉันได้ยินข่าวมาจาก...”

“ข่าวลือ” หลินอวิ๋นเอ๋อร์พูดต่อให้อย่างสุภาพ

“ข้าไม่ถือโทษที่เจ้าห่วงความสะอาดของสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ แต่ต่อจากนี้ ใครก็ตามที่เอ่ยคำว่าได้ยินมาก่อนคำว่าได้ตรวจสอบแล้ว ข้าจะถือว่าได้กระทำผิด!”

“พูดได้ดี” พระรูปนั้นเอ่ยยิ้ม ๆ ราวกับชื่นชมความไม่พล้อยตามลม

ดวงตาของจ้าวเยี่ยนฝูตวัดมองพระชายาของตนเพียงเสี้ยววินาที เขาไม่พูดสิ่งใดออกมา แต่ถึงกระนั้นปลาในลำธารก็ยังรู้สึกได้ถึงกระแสน้ำที่อุ่นขึ้นเล็กน้อย

หลินอวิ๋นเอ๋อร์ก้าวขึ้นศาลา ค้อมถวายพานด้วยท่วงท่างดงาม แล้วกลับลงมาอย่างใจเย็น พอพ้นเฉลียง ชายแขนเสื้อนางก็ไปเกี่ยวหัวตะปูไม้บานประตูเก่า

แคว่ก!

ผ้าขาดเป็นเส้นบางบาดผิวจนเกิดรอยแดงเล็ก ๆ ที่ท่อนแขน

“อุ๊ย!” ม่ออี๋ร้องเบา ๆ “พระชายา เลือดซึมแล้วเพคะ ”

ไม่ทันให้ใครขยับ เงาร่างสูงก็ขวางแสงยามเช้าที่สาดส่อง

“ยื่นมือมา” จ้าวเยี่ยนฝูเอ่ยเสียงนิ่ง

หลินอวิ๋นเอ๋อร์เลิกคิ้วน้อย ๆ ยังคงพยายามรักษาท่าทีอันสง่างาม

“แค่รอยข่วนเองเพคะ ”

“ข้าไม่ได้ขอความคิดเห็น” เขาตอบเสียงแข็ง แต่สายตากลับไม่ได้ดุดันแต่อย่างใด แต่มันกลับมีความอบอุ่นและความห่วงใยแฝงอยู่ในนั้น

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ย้อนเวลาไปเป็นชายาอ๋องผู้ร้ายกาจ   ตอนที่ 38 พบกันอีกครั้ง

    เช้าวันนัด บนท้องฟ้ามีเมฆบาง ๆ เคลื่อนช้าเหมือนใครตั้งใจยืดเวลาออกให้นานที่สุด ลมหลังฝนพัดเย็นจนใส่สูทแล้วพอดี หลินอวิ๋นเอ๋อร์ยืนหน้ากระจกในห้อง ทำผมหางม้าสูงเรียบร้อย ลองยิ้มเบา ๆ ที่ไม่ตึงเกินและไม่อ่อนปวกเปียกเกินไป จากนั้นสูดลมหายใจยาว ครั้งหนึ่งเพื่อบอกหัวใจว่า นี่คือโลกของความจริง ไม่ใช่วังหลังที่เธอเคยไปอยู่เธอสวมต่างหูมุกเม็ดเล็ก เหลือบมองสมุดไดอารี่ปกผ้าลินินบนโต๊ะ“ไปด้วยกันนะ”เธอเอ่ยกับสมุดเหมือนคุยกับเพื่อนทั้งที่รู้ว่ามันเป็นแค่สมุด ก่อนจะหยิบแล็ปท็อปสีน้ำตาลเข้ม กอดแฟ้มเอกสารไว้แน่น เธอพร้อมแล้วสำหรับวันนี้...ย่านธุรกิจยังไม่ถึงชั่วโมงเร่งด่วนเต็มกำลัง รถยังไหล เธอลงจากแท็กซี่หน้าตึกบริษัท อินฟินิตี้ เกม สตูดิโอ จำกัด ตึกกระจกสูงสะท้อนเมฆสีเทาอ่อนเหมือนผืนไหมแผ่ปกท้องฟ้า เสี้ยววินาทีที่ยกหน้าเงย เธอได้ยินเสียงหัวใจตัวเองดังเหมือนเสียงกลองยามล็อบบี้หินอ่อนกลิ่นน้ำหอมจาง ๆ ให้ความมั่นใจแปลก ๆ เสียงรองเท้าหนังของผู้คนจังหวะต่างกันสับสน แต่ทุกคนมีทิศทางของตัวเอง บนผนังหน้าจอแอลอีดีฉายฉากไฮไลต์จากเกมดัง“คุณหลินอวิ๋นเอ๋อร์ใช่ไหมคะ” เลขาหน้าตาคมในชุดสูทครีมก้าวเข้ามาหา ยิ้

  • ย้อนเวลาไปเป็นชายาอ๋องผู้ร้ายกาจ   ตอนที่ 37 เสนองานใหม่

    เช้าวันฝนตก เมฆครึ้มเหนือเมืองหลวงทอเงาหนาแน่นไปทั่วตึกสูงเรียงราย ถนนใหญ่เต็มไปด้วยรถที่เคลื่อนช้า ๆ ฝนโปรยละอองบางจนกระจกแท็กซี่พราวน้ำ หลินอวิ๋นเอ๋อร์นั่งเบาะหลัง กำเอกสารแฟ้มสีน้ำเงินแน่น แล็ปท็อปถูกเก็บอยู่ในกระเป๋าหนังสีน้ำตาลเรียบหรูที่เธอเพิ่งซื้อเพื่อโอกาสนี้โดยเฉพาะหัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่รถเคลื่อนผ่านตึกสูง จนกระทั่งแท็กซี่หยุดหน้าสำนักงานใหญ่ของบริษัท อินฟินิตี้ เกม สตูดิโอ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้พัฒนาเกมระดับท็อปของภูมิภาค ตึกกระจกสูงกว่าสี่สิบชั้นสะท้อนท้องฟ้าสีหม่น แต่โลโก้สีทองรูปมังกรพันวงล้อเกมกลับเปล่งประกายชัดเจนเหนือประตูใหญ่ เธอลงจากรถ สูดลมหายใจลึก พยายามบอกตัวเองให้ใจเย็น ๆ“หลินอวิ๋นเอ๋อร์ วันนี้ไม่ใช่แค่วันธรรมดา แต่คือวันที่อาจเปลี่ยนชีวิตเธอไปทั้งชีวิต สู้ ๆ นะ”โถงล็อบบี้โอ่อ่าตกแต่งด้วยหินอ่อน เงากระจกใสสะท้อนภาพพนักงานในชุดสูทยุคใหม่สลับกับจอแอลอีดีขนาดใหญ่ที่ฉายตัวอย่างเกมดัง ๆ ของบริษัท เสียงพนักงานต้อนรับเอ่ยทักพร้อมรอยยิ้ม“คุณหลินอวิ๋นเอ๋อร์ใช่ไหมคะ? เชิญที่ชั้น 15 ห้องประชุมใหญ่เลยค่ะ ทีมพัฒนารออยู่”“ขอบคุณค่ะ”เธอยกมือไหว้เล็กน้อยก่อนก้าวเข้าสู่ล

  • ย้อนเวลาไปเป็นชายาอ๋องผู้ร้ายกาจ   ตอนที่ 36 ลาออกเพื่อหนีความเศร้า

    หลังจากที่ตัดสินใจอยู่นาน ในที่สุดหลินอวิ๋นเอ๋อร์ก็ตัดสินใจยื่นใบลาออก เธอพยายามอย่างเต็มที่ที่จะลืมเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เธอได้เผชิญมา แต่ก็ไม่สามารถทำได้เลย การลาออกไปพักกายพักใจ อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้ บางทีการได้ไปสถานที่ใหม่ ๆ ทำสิ่งใหม่ ๆ อาจจะช่วยให้หายเศร้าไก้บ้าง ถึงแม้ว่าหัวหน้าของเธอจะพยายามบอกให้เธอตัดสินใจใหม่ แต่หลินอวิ๋นเอ๋อรก็ยังคงยืนกรานคำเดิม“ฉันตัดสินใจดีแล้วค่ะหัวหน้า ฉันจะอยู่ทำงานต่ออีก 2 สัปดาห์ เคลียร์งานที่ค้างอยู่ให้เสร็จค่ะ”“ในเมื่อเธอตัดสินใจแล้ว งั้นก็โชคดีนะอวิ๋นเอ๋อร์ เธอเป็นคนเก่ง ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ต้องสำเร็จแน่”“ขอบคุณนะคะหัวหน้าที่เข้าใจฉัน และก็ขอบคุณที่ดูแลอย่างดีมาตลอดค่ะ”เวลา 2 สัปดาห์มาถึงอย่างรวดเร็ว โต๊ะทำงานถูกเก็บอย่างเรียบร้อย เธอเอ่ยลาเพื่อนร่วมทีมทีละคน“ไว้เจอกันนะ”“ไปพักให้เต็มที่ อย่าคิดถึงที่นี่ก็กลับมาได้เสมอ” หัวหน้าเอ่ยกับเธออีกครั้ง“ส่งรูปทะเลมาอวดด้วยนะ” เพื่อนอีกคนเอ่ยแซวหลังจากกอดลาทุกคนเสร็จแล้ว เธอก็เดินไปยังหน้าลิฟต์ได้อย่างไม่โหวกเหวก แต่พอประตูลิฟต์ปิดลง เธอก็เห็นภาพสะท้อนของตัวเอง หญิงสาวร่างบางเล็กที่กำล

  • ย้อนเวลาไปเป็นชายาอ๋องผู้ร้ายกาจ   ตอนที่ 35 ความว่างเปล่า

    ค่ำคืนที่ออฟฟิศปิดไฟหมดแล้ว มีเพียงแสงจากจอมอนิเตอร์สาดลงบนใบหน้าซีดของเธอ นิ้วพิมพ์ไปเรื่อย ๆ น้ำตาก็หยดลงบนคีย์บอร์ด เธอหัวเราะทั้งน้ำตา“หลินอวิ๋นเอ๋อร์ เธอนี่บ้าจริง ๆ ถึงขนาดคิดถึงคนที่ไม่มีอยู่จริงไปซะได้”เช้าวันจันทร์ฝนพรำ รถไฟฟ้าแน่นขนัดจนเธอต้องขยับเท้าตามแรงเบียด เหงื่อคนอื่นผสมกลิ่นน้ำหอมจาง ๆ ลอยปะทะ เธอตรึงสายตาไว้กับประกาศสีฟ้า “สถานีถัดไป” เหมือนตั้งใจจ้องอะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้ใจหลุดไปไกลกว่านี้ แต่ระหว่างเสียงรถลากรางโลหะ เธอกลับได้ยินเสียงกลองยามเสียดขึ้นแทรกมาในหัวอย่างดื้อดึง จังหวะนั้นเองที่เธอก้มลงมองมือขวาของตัวเอง มือที่ครั้งหนึ่งเคยถูกกุมแน่นไว้ใต้ศาลาดอกเหมย แล้วรีบชักสายตาหนี ราวกับการมองนานจะทำให้ความทรงจำกลายเป็นจริงขึ้นมาอีกประตูรถเปิด ชุดทำงานพรืดไหลลงชานชาลา เธอก้าวเร็ว ๆ ฝนเม็ดเล็กกระทบแก้ม เธอแอบขำกับตัวเอง ฝนในโลกนี้ก็เย็นเหมือนฝนในโลกนั้น แต่ทันทีที่วูบนึกถึงคำว่า “โลกนั้น” หัวใจเธอก็ร่วงวูบเหมือนยืนอยู่บนโถงหินว่างเปล่าทันทีออฟฟิศกระจกสูงสะท้อนท้องฟ้า บัตรแตะประตูดังติ๊ด ไฟสีเขียวสว่างขึ้น เธอฝืนยิ้มทักทีม“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”เธอกล่าวทักทายเพื่อนร่

  • ย้อนเวลาไปเป็นชายาอ๋องผู้ร้ายกาจ   ตอนที่ 34 ตื่นจากความฝัน

    เสียงพัดลมคอมหมุนเบา ๆ ภายในห้องเงียบงัน ต่างกับเมื่อครู่ที่ยังเต็มไปด้วยเสียงกลองและเสียงเอ่ยถวายบังคม เธอก้มลงกอดเข่า น้ำตาไหลพรั่งพรู“นี่มันแค่ความฝันจริง ๆ หรือว่า ข้าจะไม่ได้เจอท่านอีกแล้วใช่ไหม ท่านอ๋อง...”หน้าจอสี่เหลี่ยมวาวแสงสีฟ้าจาง ๆ สะท้อนเงาใบหน้าซีดของหลินอวิ๋นเอ๋อร์ ดวงตาแดงฉ่ำชื้นด้วยน้ำตา ขนตาเปียกชิดกันเป็นแพ เธอยังนั่งท่าเดิม มือซ้ายคาเหนือแป้นพิมพ์ มือขวาวางทับเมาส์ เหมือนโลกทั้งใบเพิ่งถูกหยุดเวลาไว้ตอนที่เธอยังหายใจเข้าไม่สุดเธอเหลือบสายตาไปมุมจอ นาฬิกาดิจิทัลบอกเวลา 03:17 น. ตัวเลขนิ่งสนิทจนทำให้หัวใจเจ็บยิ่งขึ้น เพราะเวลาตี 3 ของโลกนี้ ไม่ใช่ยามสามของวังหลังที่เธอเคยได้ยินเสียงฆ้องยามจากหอระฆังดังกังวานก้องบนหน้าจอเกมเล่ห์รักวังบุปผาค้างอยู่ที่ฉากสุดท้าย กล่องข้อความกรอบทองหม่นกึ่งโปร่งปรากฏอยู่กลางจอ ปุ่มยืนยันกะพริบเป็นจังหวะช้า ๆ เหมือนจงใจกลั่นแกล้ง สายตาเธอถูกตรึงด้วยบรรทัดเดียวที่เย็นชากว่าดาบ“จบสิ้นแล้ว”เธอขยับนิ้วโป้งไถแป้นเมาส์เล็กน้อย ความเคยชินบอกให้ลองคลิก คลิกเพื่อย้อน คลิกเพื่อหาเส้นทางลับ คลิกเพื่อเปิดอะไรสักอย่างที่พาเธอกลับไป แต่หน้าจอกลับ

  • ย้อนเวลาไปเป็นชายาอ๋องผู้ร้ายกาจ   ตอนที่ 33 การเผชิญหน้าครั้งสุดท้าย

    ท้องพระโรงวันนี้แตกต่างจากทุกครั้ง เสียงกลองดังขึ้นสามครั้ง ฮ่องเต้เสด็จมาประทับบนบัลลังก์ ขุนนางน้อยใหญ่เรียงรายตามลำดับชั้น จ้าวเยี่ยนฝูและหลินอวิ๋นเอ๋อร์ยืนเคียงกันต่อหน้าพระพักตร์ สายตาผู้คนจับจ้องพวกเขาเต็มไปด้วยความคาดหมายเว่ยหลางก้าวออกมากลางลาน ก้มคำนับแล้วรายงาน“กระหม่อมได้หลักฐานยืนยันจากกรมอาญาและหมอหลวง ว่ากระปุกยาที่พบในเรือนของพระชายา ไม่ใช่ยาพิษร้ายแรง หากแต่เป็นเพียงยาล่อให้คนเข้าใจผิด อีกทั้งพบปิ่นปักผมของสาวใช้สกุลไป๋ ที่กำแพงฝั่งตะวันตก นอกจากนี้ เซวียนเอ๋อร์สาวใช้คนสนิทของคุณหนูไป๋ก็ได้สารภาพแล้วว่าทุกสิ่งที่ทำเป็นคำสั่งของนาง”เสียงฮือฮาดังก้องไปทั่วท้องพระโรง ประตูด้านข้างถูกเปิดออก ไป๋เยี่ยนหรงถูกนำตัวเข้ามา นางยังคงแต่งกายงดงามแต่ใบหน้าเคร่งเครียด สายตาแดงกร้าวจ้องหลินอวิ๋นเอ๋อร์อย่างไม่ปิดบัง“เป็นเจ้า! นังสารเลว! นังคนชั่วที่มาแย่งสิ่งที่ควรเป็นของข้า!” เสียงของนางก้องสะท้อน สั่นไปทั่วท้องพระโรงหลินอวิ๋นเอ๋อร์ไม่หวั่นไหว นางก้าวออกมายืนกลางลาน ใบหน้าอ่อนโยนแต่สายตาแน่วแน่“สิ่งที่เจ้าพยายามไขว่คว้ามาแต่ต้นคือหัวใจของเขา แต่หัวใจไม่ใช่สิ่งที่จะปล้นหรือบังคั

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status