แชร์

ตอนที่ 3 ย้ายออกจากบ้านใหญ่

ผู้เขียน: Jiulin
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-28 14:39:05

“พวกเจ้าอย่าได้คิดเอาอะไรในบ้านของข้าไปแม้แต่ชิ้นเดียว ของทุกชิ้นในบ้านนี้เป็นของตระกูลซ่งทั้งหมด!”

ซ่งอวี่ถงและซ่งหงอี้ถึงกับส่ายหน้าอย่างจนใจพวกเขาเข้าไปในบ้านโทรมๆ ที่ถูกแยกออกมาจากตัวบ้านใหญ่ก่อนจะเก็บเสื้อผ้าของใช้เล็กน้อยใส่หีบใบเล็กอย่างรวดเร็ว ซ่งหงอี้รนรานรีบเก็บเสื้อผ้าที่มีน้อยชิ้นของตนเองยัดลงไปในหีบเดียวกันกับผู้เป็นอาด้วยความตื่นเต้นที่จะได้ออกจากบ้านหลังนี้

“เจ้าก็มาเก็บของของเจ้าสิ”

เป็นซ่งอวี่ถงที่เอ่ยออกมาเพราะเมื่อหันไปมองด้านหลังก็เห็นว่ามู่อิงเถาเอาแต่ยืนนิ่งจ้องมองมาที่พวกเขาตาปริบๆ ไม่คิดที่จะขยับตัวเลยสักเพียงนิด

“อ่อ เอ่อได้ๆ”

ท่ามกลางสายตาของชาวบ้านที่มามุงดูสองบุรุษต่างวัยและหนึ่งสตรีอวบอ้วนต่างก็หอบเอาหีบเสื้อผ้าของตนเองออกมาที่ลานหน้าบ้าน และเป็นซ่งอวี่ถงที่เอ่ยปากออกมาในที่สุด

“ท่านพูดเองว่าต่อไปนี้พวกข้ากับบ้านใหญ่ไม่เกี่ยวข้องกันเป็นตายไม่รับรู้กัน เช่นนั้นพวกท่านเองก็อย่ามารบกวนพวกข้าอีกก็เป็นพอ”

“คิดว่าพวกเจ้ามีดีตรงไหนพวกข้าถึงต้องร้องขอเจ้างั้นหรือ”

“เป็นเช่นนั้นก็ดี”

ซ่งอวี่ถงเอ่ยออกมาเพียงสั้นๆก่อนจะจ้องมองฮูหยินซ่งอีกครั้งแล้วรีบพาทั้งสองคนเดินออกไปจากบ้านตระกูลซ่งด้วยความรวดเร็ว

ซ่งอวี่ถงรู้มานานแล้วว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของนาง นางถึงได้ปฏิบัติตัวกับเขาเยี่ยงคนรับใช้เช่นนี้มาโดยตลอด เขาจึงไม่รู้สึกเสียดายหรือเสียใจที่นางตัดขาดเขาออกจากบ้านใหญ่เลยสักเพียงนิด

มู่อิงเถาและซ่งหงอี้เดินตามซ่งอวี่ถงออกมาจากบ้านใหญ่มาตามถนนสายใหญ่จนมาสิ้นสุดที่ถนนสายเล็กๆ เกือบจะท้ายหมู่บ้านอยู่แล้ว นางมองตามแผ่นหลังแกร่งของเขาในใจก็รู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้พวกเขาถูกไล่ออกมาแบบนี้

“เอ่อ พวกท่านโกรธที่ข้า…”

“โกรธเรื่องอะไรเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ”

“ท่านคิดเช่นนั้นหรือ แล้วพวกเราจะไปอยู่ที่ไหนกันล่ะเจ้าคะ”

“นั่นอย่างไรล่ะ บ้านร้างหลังนั้นไม่มีคนอยู่อาศัยมานานแล้วล่ะพวกเราก็ไปอยู่ที่นั่นกันก่อนไว้ให้มีเงินมากหน่อยค่อยไปขอซื้อที่ดินเพื่อสร้างบ้านขึ้นมาใหม่ หงเอ๋อข้าขอโทษนะที่ทำให้เจ้ามาลำบากด้วย”

“พูดอะไรเช่นนั้นขอรับท่านอา พวกเราก็มีกันอยู่แค่นี้คนที่ท่านต้องขอโทษก็คือนางต่างหากเล่า”

“จริงด้วย! อิงเอ๋อข้าขอโทษนะที่ทำให้เจ้าต้องมาลำบากด้วยหากว่าพวกเราไม่ไปสู่ขอตระกูลมู่เจ้าก็คงไม่ต้องมาลำบากกับพวกข้าเช่นนี้”

“พูดอะไรเช่นนั้นกันเจ้าคะท่านพี่หากว่าข้าไม่มาอยู่กับพวกท่าน ตัวข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะถูกขายไปที่ไหนเลย อยู่กับพวกท่านก็ดีแล้วไม่ได้ลำบากอะไรมาก”

‘ใช่เสียที่ไหนกันเล่าตอนนี้ข้าหิวจะตายอยู่แล้ว’

โครกคราก…

‘ไอ้ท้องเวรเอ้ย มาร้องอะไรตอนนี้เล่า’

“คือว่า”

“ฮ่าๆๆ ท่านอาสะใภ้ท้องท่านร้องแล้ว”

“สงสัยข้าคงหิวมากไปหน่อย ข้าไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วเช้ามาก็ต้องมาทำงานต่อเลยลืมไปเสียสนิท”

“เช่นนั้นพวกเจ้าเข้าไปรอข้าที่บ้านหลังนั้นนะ ข้าจะไปจับปลาที่ทะเลสาปไปเพียงครู่เดียวไม่นานหรอก”

“ก็ได้เจ้าค่ะ/ขอรับ”

ซ่งอวี่ถงเดินถือไม้ปลายแหลมไปตามทางเดินไปยังทะเลสาปท้ายหมู่บ้านมู่อิงเถามองตามแผ่นหลังนั้นไปพอดีกับที่เขาหันกลับมามองนาง แววตาฉงนสงสัยนั้นสร้างความกระอักกระอ่วนใจให้แก่นางเป็นอย่างมาก

มู่อิงเถาอยากตามเขาไปที่ทะเลสาปด้วยแต่เพราะนางต้องทำความสะอาดบ้านร้างเก่าๆ แห่งนี้ให้เรียบร้อยเสียก่อนไม่เช่นนั้นคืนนี้คงต้องนอนคลุกกับฝุ่นทั้งคืนเป็นแน่

“ท่านอาสะใภ้”

แววตาใสซื่อของเด็กชายตัวน้อยที่กำลังจ้องมองนางอยู่นั้นทำให้มู่อิงเถาหันมามองด้วยความเอ็นดู

“ว่าอย่างไร”

“ท่านหายดีแล้วงั้นหรือ ข้าเห็นกับตาเลยนะว่าท่านนอนแน่นิ่งไปที่แคร่หน้าบ้านตรงนั้น”

“ข้าก็แค่เหนื่อยน่ะเลยหยุดพัก เห็นหรือไม่ว่าพอพักแล้วข้าก็กลับมาแข็งแรงแล้วอย่างไรเล่า”

มู่อิงเถายิ้มสดใสพร้อมทั้งยืนขึ้นเดินไปมาให้เด็กชายดูแม้ภายในร่างกายของนางนั้นจะระบมเพราะฝีมือฮูหยินใจร้ายผู้นั้นไม่หายแต่ก็ทำใจแข็งเพื่อไม่ให้เด็กน้อยเป็นกังวล

“มา เจ้ามาช่วยข้าทำความสะอาดที่นี่กันเถอะ”

“ขอรับ”

วันนี้ทั้งวันมู่อิงเถาและซ่งหงอี้ช่วยกันทำความสะอาดบ้านเก่าๆ หลังนี้จนสะอาดเรียบร้อย โชคยังดีที่ในบ้านหลังนี้ยังมีของใช้เก่าๆ และแคร่เก่าๆอยู่สองอันให้พอได้ใช้เป็นที่นอนได้ นางรีบนำผ้าปูสำหรับรองนอนออกมาผึ่งแดดเพื่อปูนอนคืนนี้และคิดเอาไว้แล้วว่าพรุ่งนี้จะนำผ้าห่มเหล่านี้ไปซักที่คลองท้ายหมู่บ้านอีกครั้ง

นางถือวิสาสะรื้อหีบผ้าของซ่งอวี่ถงออกมาดู ในนั้นมีแต่เสื้อผ้าชุดเก่าที่ถูกตัดเย็บจนแทบมองไม่เห็นเนื้อผ้าดีๆเลย

“เท่าที่ข้าพอจะจำได้ท่านพ่อของเขาก็ดูจะรักเขามากไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงมีแต่เสื้อผ้าเก่าๆ เช่นนี้นะ”

“คนบ้านใหญ่นั่นแย่จริงๆ ใช้งานบ้านสามจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน อาหารดีๆ ไหนจะเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มยังไม่ยอมเจียดแบ่งมาให้”

จะว่าไปเท่าที่นางจำได้เสื้อผ้าของบ้านใหญ่แทบทุกคนใหม่เอี่ยมกันทั้งนั้นเลยนี่นา ก็คงมีเพียงบ้านสามนี้กระมังที่เหมือนคนรับใช้ไม่มีผิด!

“นั่นเจ้าจะทำอะไร”

“!”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • สามีของข้าคือตัวร้ายไม่ใช่พระเอก   ตอนที่ 48 ชีวิตที่สงบสุข

    เพราะที่ผ่านเซี่ยอิงอิงต้องไปเรียนปักผ้าตามที่มารดาเลี้ยงของนางต้องการจึงไม่มีเวลามาพบปะสนทนากับมู่อิงเถานั่นเอง วันนี้ทั้งวันนางจึงมาอยู่เฝ้าพูดคุยกับมู่อิงเถาจนเวลาล่วงเลยไปถึงยามเย็น เมื่อถึงเวลากลับบ้านดูสาวน้อยผู้นั้นจะอาลัยอาวรณ์นางอยู่ไม่น้อยมู่อิงเถาออกมาส่งนางที่หน้าประตูจวนทั้งยังโบกมือลาให้เด็กสาวเมื่อรถม้าของนางพ้นจากระยะสายตาแล้วก็ได้ยินเสียงของเด็กหนุ่มผู้หนึ่งพูดขึ้นมาว่า“นั่นแม่นางเซี่ยนี่นา นางมาทำไมหรือขอรับอาสะใภ้”“หืม หงเอ๋อเจ้าเองหรอกหรือหายไปไหนมาข้าไม่เจอเจ้าเลยตั้งแต่ที่เข้าเมืองหลวง”“ข้าไปฝึกเรียนวรยุทธ์มาน่ะขอรับอาสะใภ้ ไม่ใช่สิพระชายา”“เรียกข้าว่าอาสะใภ้แบบเดิมน่ะดีแล้ว”“ไม่ได้หรอกขอรับตอนนี้ท่านเป็นถึงพระชายาแล้วจะให้เรียกแบบเดิมได้อย่างไรกัน”“ตามใจเจ้าเถอะ แล้ววันนี้ไม่มีเรียนงั้นหรือ”“ท่านอาจารย์ให้ข้าหยุดได้สิบวันขอรับ ข้าจึงรีบเดินทางมาหาพวกท่าน”“ดีเลยเช่นนั้นช่วงเวลาสิบวันนี้ก็ทำตัวให้ว่างล่ะพวกเราจะไปเที่ยวกัน”“เที่ยว?”“อืม”“ไปไหนขอรับ”หมู่บ้านต้าไห่ เมืองเป่ยเย่-บ้านตระกูลซ่ง-“ท่านแม่ท่านรู้มานานแล้วเช่นนั้นหรือ ที่ท่านไม่อยากให้ข้าไป

  • สามีของข้าคือตัวร้ายไม่ใช่พระเอก   ตอนที่ 47 พานพบอีกครั้ง

    -เจ็ดวันผ่านไป-เมื่องานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของพระชายารัชทายาทและองค์ชายน้อยมาถึงในวังหลวงก็ดูจะครึกครื้นกันยิ่งนักบรรดาเหล่าขุนนางและฮูหยินของพวกเขาต่างก็ทยอยเดินเข้ามาในงานกันเรื่อยๆขณะที่มู่อิงเถาเดินอยู่เคียงข้างกับเยี่ยอ๋องอยู่นั้นก็ได้ยินขุนนางที่ยืนจับกลุ่มกันกำลังซุบซิบนินทานางอยู่แม้จะพูดคุยกันด้วยเสียงอันเบาแต่กับคนที่มีวรยุทธ์แล้วนั้นย่อมได้ยินชัดทุกถ้อยคำ“ท่านอ๋องผู้นี้ช่างเก่งกาจและมีบุญบารมีมากเหลือเกินแต่น่าเสียดายที่ชายาของเขานั้นกลับเป็นหน้าเป็นตาให้เขาไม่ได้”“จริงดังที่ใต้เท้ากล่าวสตรีผู้นั้นเป็นเพียงคนธรรมดาไหนเลยจะส่งเสริมท่านอ๋องได้กัน”“บุตรสาวของใต้เท้าซู ‘ซูม่านอวี้’ ผู้นั้นท่านว่าเป็นอย่างไรนางพึ่งผ่านวัยปิ่นปักไปได้ไม่นานทั้งยังไม่มีคู่ครองอีกด้วยดูเหมือนว่า….”เยี่ยอ๋องที่หยุดเดินกะทันหันก็ทำให้มู่อิงเถางุนงงไปไม่น้อย“มีอะไรหรือเจ้าคะ”เยี่ยอ๋องไม่ตอบนาง เขาหันหลังกลับไปจ้องมองขุนนางกลุ่มนั้นก่อนจะชำเลืองมองไปด้วยแววตาที่น่ากลัวยิ่งนักทำเอาใจของคนที่พบเห็นใจสั่นไหวไม่น้อย“ใต้เท้าผู้นี้พูดถึงชายาของข้าอยู่กระนั้นหรือ”“อะ เอ่อกระหม่อมมิกล้าพ่ะย่ะค่ะท

  • สามีของข้าคือตัวร้ายไม่ใช่พระเอก   ตอนที่ 46 ปรับความเข้าใจ

    มู่อิงเถาไม่มีอารมณ์เดินเที่ยวเล่นต่อแล้วนางเลือกที่จะกลับจวนก่อนจะเดินหนีเขาเพื่อกลับไปที่ห้องอย่างรวดเร็ว“เจ้าเดินช้าๆ หน่อยสิเดี๋ยวก็หกล้มหรอก”“ข้าไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ”มู่อิงเถาไม่หยุดฟังเขาพูด นางเดินต่อไปด้วยย่างก้าวที่เร็วขึ้นเหมือนไม่ต้องการที่จะเดินอยู่เคียงข้างเขาอย่างไรอย่างนั้น จนซ่งอวี่ถงต้องเร่งฝีเท้าขึ้นไปประชิดจนถึงตัวของนางก่อนจะคว้าแขนเล็กนั้นเอาไว้มั่น“อิงเอ๋อข้าบอกว่าอย่าเดินเร็วอย่างไรเล่า เดี๋ยวก็หกล้มหรอก”“ท่านสนใจด้วยหรือ”“เป็นอะไร”มู่อิงเถาหลับตาลงก่อนจะพยายามสงบจิตใจที่ว้าวุ่นของนาง‘ใช่นางเป็นอะไรไป พักนี้ก็ยังไม่เข้าใจตนเองเท่าใดนักก็แค่สตรีคนนั้นคนเดียวนางจะคิดอะไรมากกัน’“ท่านมีอะไรจะพูดกับข้า”“เข้าไปข้างในกันเถอะ”“พูดตรงนี้ก็ได้”ซ่งอวี่ถงถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้านางมืออีกข้างของเขาล้วงเข้าไปในแขนเสื้อหยิบบางอย่างออกมาก่อนจะจับไปมือของนาง มู่อิงเถาคิดอยากจะสะบัดออกแต่ซ่งอวี่ถงกับจับมือของนางเอาไว้แน่น“อยู่นิ่งๆ สิ”“ท่านจะทำอะไร”ซ่งอวี่ถงไม่ตอบเขาชำเลืองมองนางเล็กน้อยก่อนจะหยิบของสิ่งนั้นมาสวมที่นิ้วมือของนาง‘นี่มันแหวนที่ข้าไปจำน

  • สามีของข้าคือตัวร้ายไม่ใช่พระเอก   ตอนที่ 45 แยกย้าย

    -ท้องพระโรง-มู่อิงหลันเคยเป็นหนึ่งในกุ้ยเหรินของฮ่องเต้มู่หรงฉีนางเคยร่วมมือกับเสียนเฟยมารดาขององค์ชายใหญ่ลอบทำร้ายอดีตฮองเฮา แต่ถูกเสียนเฟยโยนความผิดให้นางทั้งหมดจึงถูกขับไล่ออกจากวังหลวงนางจึงได้คิดการก่อเรื่องราวใหญ่โตจนนำมาสู่โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่เสียนเฟยที่ก่อนหน้านี้ถูกลดอำนาจกักขังเพียงในตำหนักของตนแต่เมื่อถูกเยี่ยอ๋องรื้อฟื้นคดีนี้ขึ้นมาและปรากฎว่าเป็นนางที่เป็นคนบงการให้สังหารอดีตฮองเฮาจึงได้ถูกฮ่องเต้ตัดสินให้จองจำในตำหนักเย็นจากนั้นเป็นต้นมาซูเฟยพระมารดาของรุ่ยอ๋องเองก็มีความผิดฐานยุยงส่งเสริมและเคยมอบกองกำลังของสกุลซูแก่องค์ชายใหญ่นางจึงถูกเนรเทศให้ไปอยู่ที่เมืองเล่อซีแดนตะวันตกกับรุ่ยอ๋องโอรสของนางที่เดินทางไปก่อนหน้านี้แล้วนั่นเองฮ่องเต้น่าจะระแคะระคายเรื่องนี้มาบ้างแล้วถึงได้ส่งองค์ชายสามรุ่ยอ๋องไปก่อนแล้วจึงส่งซูเฟยให้ตามเขาไปทีหลัง นับว่าเขายังมีคุณธรรมมากพอไม่คิดสังหารลูกเมียไปจนหมดสิ้นเรื่องราวในราชวงศ์ซับซ้อนและน่ากลัวดังที่เยี่ยอ๋องหรือก็คือซ่งอวี่ถงเคยพูดเอาไว้นั่นเอง เขาจึงไม่มีความคิดอยากที่จะมาเหยียบที่แห่งนี้เลยสักเพียงนิดหากไม่ใช่เพราะอยากเรียกร้องที่มารด

  • สามีของข้าคือตัวร้ายไม่ใช่พระเอก   ตอนที่ 44 ความกังวลใจ

    การเดินทางกลับเข้าเมืองหลวงนั้นใช้เวลาถึงสิบวันเต็มเมื่อครั้งที่นางหนีจากเมืองเป่ยเย่ไปยังเมืองฉางอันใช้วิธีล่องเรือไปนั่นก็ทรมานปวดมวนท้องไปตลอดเส้นทางแล้ว มาครั้งนี้การที่ต้องมานั่งอยู่บนรถม้าก็ยิ่งทำให้นางปวดระบมไปทั้งตัวจนแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว“อดทนหน่อยนะอีกไม่กี่ลี้ก็ถึงเมืองหลวงแล้ว”“ข้าทนได้”“ข้าก็บอกเจ้าไปแล้วว่าอย่าเพิ่งกลับมาก็ไม่เชื่อเห็นหรือไม่ว่าตอนนี้ร่างกายของเจ้ายิ่งแย่เข้าไปใหญ่”“ที่ข้าปวดเนื้อปวดตัวนั่นไม่ใช่เพราะท่านหรอกหรือ”“พูดอะไร”เขาจ้องมองนางเหมือนไม่เข้าใจในสิ่งที่นางพูดหรือเขาแค่คิดไม่ทันกันแน่ ชายหนุ่มได้แต่บีบๆ นวดๆ ให้นางเพื่อให้อาการปวดเกร็งนั้นผ่อนคลายลงแต่นั่นกลับยิ่งทำให้นางเจ็บปวดมากขึ้น“พอแล้วๆ น้ำหนักมือของท่านมากเกินไปมันทำให้ข้าเจ็บมากกว่าเดิมเสียอีก”“ข้าทำเบามือสุดๆ แล้วนะ”มู่อิงเถาหันขวับไปจ้องมองใบหน้าใสซื่อของคนด้านข้าง“เบากระนั้นหรือเมื่อคืนวานไม่ใช่ท่านเป็นคนบอกข้าเองหรอกหรือว่าจะทะนุถนอมข้า แต่เหตุไฉนถึงได้เอาแต่ใจตนเองเช่นนั้นเห็นร่องรอยบนตัวข้าหรือไม่ยังดีที่เย่หยุนฟางเอาแต่ตามติดคุณชายเซี่ยนางถึงไม่ทันได้สังเกตมิเช่นนั้นข้าคงได้

  • สามีของข้าคือตัวร้ายไม่ใช่พระเอก   ตอนที่ 43 กลับเมืองหลวง

    สวนไผ่ที่ตั้งอยู่หลังบ้านเล็กๆ ริมทะเลสาบของนางนั้นเต็มไปด้วยต้นไผ่เขียวชอุ่มที่สั่นไหวไปตามแรงลมเสียงใบไผ่เสียดสีกันดังเป็นจังหวะ เมื่อก่อนนางมักมาเดินเล่นและพักผ่อนในที่แห่งนี้เป็นประจำหลังอาหารมื้อบ่ายมู่อิงเถาตั้งใจจะนอนพักสักงีบแต่ไม่ว่าอย่างไรหญิงสาวก็ไม่อาจหลับตาลงได้จึงออกมาเดินเล่นรับลมในที่แห่งนี้ก่อนที่สองเท้าจะพาตนเองเดินทอดน่องไปจนถึงทะเลสาบที่อยู่ไม่ไกลจากตัวบ้านนักมู่อิงเถาเข้าไปนั่งเล่นที่ศาลาไม้มองเห็นเรือไม้ลำเล็กที่ถูกผูกเอาไว้ที่ท่าน้ำ น่าจะเป็นเรือที่ซ่งอวี่ถงจัดหามานั่นเอง“อากาศเย็นเพียงนี้ยังออกมาเดินเล่นอีกเดี๋ยวก็ได้เป็นหวัดหรอก เหตุใดถึงไม่ใส่เสื้อหนาๆ มาด้วยนะ”‘ตะ ตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย’ชายหนุ่มถอดเสื้อคลุมตัวนอกของเขาออกก่อนจะคลุมไปที่ไหล่บางของนาง ความอบอุ่นของเสื้อคลุมที่เพิ่งถอดออกจากตัวของเขาและกลิ่นกายที่คุ้นเคยนั้นทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาเสียอย่างนั้นปากของเขาก็เอาแต่พร่ำบ่นไม่มีหยุด‘บ่นเป็นตาแก่ไปได้’“เมื่อก่อนท่านไม่เห็นบ่นเช่นนี้เลยนะ”“นั่นมันเมื่อก่อน”พูดจบก็นั่งลงข้างๆ นางจ้องมองใบหน้าหวานนั้นไม่วางตา“เมื่อก่อนข้านั้นโง่เขลายิ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status