บุลินนั่งรอนิศากรอยู่ที่โซฟา มือปัดหน้าจอแท็บเล็ตแก้เบื่อ สายตาคอยแต่จะเหลือบมองยังนาฬิกาบนหน้าจอ จริงๆ เขาคิดว่าจะไปเยี่ยม โผล่หน้าไปให้ตาแก่นั่นเห็น แล้วประกาศให้รู้กันไปเลยว่าเขาจะไม่ยอมหย่า เรื่องอะไรจะต้องคืนภรรยาให้กับพ่อจิตป่วยนั่นด้วย
“เฮ้อ” ชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจและรอคอยต่อไป ที่เขาไม่ไปเพราะนิศากรบอกไว้ตั้งแต่ตอนโทรมาแล้วว่าให้รออยู่ที่บ้าน เธอจะกลับมา นั่นเป็นการบอกอ้อมๆ สินะว่าไม่ต้องไป ถ้าไปก็คงจะลำบากใจน่าดู
เสียงคนที่เดินเข้ามาทำให้บุลินเงยหน้าขึ้นจากอุปกรณ์สี่เหลี่ยมในมือ แต่เขาไม่ได้ยิ้มแย้มหรือดีใจ เพราะเสียงนั้นเป็นเสียงฝีเท้าของคนอื่นไม่ใช่นิศากร
“มีอะไรเหรอครับพี่บี” บุลินเลิกคิ้ว
“ก็มีคนเขาอยากคุยด้วย แต่นายไม่รับโทรศัพท์ เขาก็เลยให้พี่มาตาม”
“คุณย่าเหรอครับ” สีหน้าของบวรทำให้บุลินสังหรณ์ใจแปลกๆ “มีอะไรครับ สีหน้าพี่บอกชัดเลยว่าผมกำลังมีเคราะห์”
“เคราะห์หนักเลยละ” ชายหนุ่มถอนหายใจ
“ผมเหมือนจะเดาได้เลย” บุลินกำมือแน่น “เกี่ยวกับไนท์เหรอครับ”
“พ่อเขาจะเอาเงินมาคืน แล้วก็จะขอตัวลูกสาวคืน”
“เขาติดต่อมาคุยกับคุณย่าตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอครับ ไม่ใช่ว่าตอนนี้นอนพะงาบ ๆ อยู่ที่โรงพยาบาลหรอกเหรอ”
“หลายวันแล้ว เพียงแต่คุณย่าพยายามเจรจาอยู่ เพราะใครๆ ก็รู้ว่าพวกนายรักกัน ก็เลยกะว่าจะจัดการเงียบๆ โดยที่ไม่ให้พวกนายรู้สึกไม่สบายใจ แต่ว่าตอนนี้นายก็รู้แล้วใช่ไหมว่าคุณชัยเขาทำอะไรลงไป”
บุลินเหยียดยิ้มมุมปาก “ให้ตายสิ พ่อตาของผมนี่ไม่น่ารักเลย”
“ถ้าไนท์เอ่ยปากขอหย่านายจะทำยังไง”
“ถ้าผมไม่ยอม ใครจะมาทำอะไรผมได้ล่ะครับ”
“พี่รู้ว่านายเป็นยังไง ถ้าอยากได้อะไรก็ต้องได้ แต่พี่อยากให้นายคิดถึงคนที่ต้องถูกบีบทั้งทางพ่อแล้วก็สามีอย่างไนท์ด้วย จะทำอะไรก็คิดถึงเขาให้มากๆ” บวรยื่นมือมาตบบ่าน้องชายเป็นเชิงให้กำลังใจ
“ผมรู้นะว่าพี่อยากให้ผมเป็นฝ่ายไปง้อพ่อตา ถ้า...” ถ้าพ่อตาเขาปกติละก็ เขาก็จะทำ แต่ว่านี่มันเกินขอบเขตนั้นไปแล้ว “เอาเป็นว่าผมจะคิดถึงจิตใจของไนท์ให้มากที่สุดครับ ยังไงตอนนี้เขาก็สำคัญกับผมมาก”
บวรพยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงรับรู้ถึงความตั้งใจของน้องชาย “แต่ตอนนี้ไปคุยกับคุณย่าก่อน ท่านไม่สบายใจกับเรื่องนี้เลยจริงๆ”
บุลินลุกขึ้นทันที เขาขยับขาปลอมที่สวมอยู่นิดหน่อย นานแล้วที่แทบจะไม่ได้คิดคำนึงถึงมันเลย การได้อยู่กับนิศากรทำให้เขาหลงลืมความปวดร้าวไปจนหมด
นิศากรหยุดยืนเหม่ออยู่หน้าบ้านหลังจากที่ลงมาจากรถ พอนึกถึงชัยกรก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก อาจไม่ใช่แค่พ่อของเธอหรอกที่ทั้งรักทั้งเกลียด ตัวเธอเองก็เหมือนกัน เธอแทบทำอะไรไม่ถูกเลยตอนที่รู้ว่าคนเป็นพ่ออยู่ในระหว่างความเป็นและความตาย
หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึก รู้สึกหนักอึ้งไปหมด ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี เธอก้าวเดินอย่างช้าๆ เข้าไปภายในตัวบ้านก็พบว่าบุลินเท้าแขนกับพนักพิงนั่งหลับตาอยู่บนโซฟา ทันทีที่ได้เห็นร่างกายก็พาเธอไปหยุดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มก่อนจะยกแขนขึ้นโอบรอบคอของเขาเอาไว้แล้วซุกหน้ากับบ่ากว้าง
“กลับมาแล้วเหรอ” บุลินยกมือขึ้นโอบกอดร่างบอบบาง
“พี่บุ้ง”
“ครับ”
“ไนท์เหนื่อยจังเลยค่ะ”
บุลินยกตัวของหญิงสาวขึ้นมานั่งบนตัก แล้วจับตัวให้เธอเอนหัวพิงไหล่ของเขา “งั้นก็พักสักหน่อยสิ”
นิศากรหลับตาลง ปล่อยตัวตามสบายอยู่ภายในอ้อมกอดของชายหนุ่มเนิ่นนาน ซึมซับทั้งความรักและความอ่อนโยนจากบุลิน
“ขอโทษนะคะ”
บุลินก้มลงมองคนในวงแขน “ขอโทษพี่เรื่องอะไรครับ”
“ในหลายๆ เรื่องเลยค่ะ”
“พี่รู้ว่าเธอกำลังหมายถึงอะไร แต่เรื่องพวกนั้นเธอไม่จำเป็นต้องมาขอโทษพี่ เธอไม่ได้ผิดอะไรเลย ไม่ผิดสักนิดเดียว” ชายหนุ่มกดจูบลงบนเรือนผมนุ่มข้างขมับของหญิงสาว
“ไนท์ไม่รู้จะทำยังไงต่อดีแล้วค่ะ” นิศากรเอ่ยออกมาอย่างยากเย็น
“ไนท์ไม่อยากเลือกระหว่างพ่อกับพี่ใช่ไหม” นิศากรตอบคำถามด้วยความเงียบ “พี่มีอะไรจะสารภาพด้วย”
หญิงสาวเงยหน้ามองสามี “อะไรคะ”
“เป็นเรื่องที่ค่อนข้างเสียมารยาทมากๆ แต่พี่ไม่เสียใจหรอกที่ทำแบบนั้น อยากจะโกรธพี่ก็โกรธได้นะ” บุลินถอนหายใจเสียงดัง นิศากรเอียงคอมองบุลินด้วยความสงสัย “พี่รู้เรื่องของเธอทั้งหมดเลยจากโทรศัพท์”
บุลินมองดูหญิงสาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ คนในวงแขนของเขาตัวแข็งทื่อ อ้าปากเหมือนกับจะพูดอะไร แต่ก็ไม่มีเสียงออกมา
“พี่รู้...” ชายหนุ่มกอดคนในวงแขนแน่นขึ้น “เรื่องที่เธอถูกพ่อทำร้ายร่างกาย ไม่ใช่แค่วันนั้น แต่วันอื่นด้วย”
นิศากรนิ่งงัน ตอนนี้บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ารู้สึกอะไร โกรธ โล่งใจ หรือตกใจที่ชายหนุ่มรู้เรื่อง
“ไนท์รู้ว่าพี่บุ้งไม่ชอบคุณพ่อมาตั้งนานแล้ว”
“ตอนนี้เกลียดเลยเหอะ เขาทำแบบนั้นกับเธอได้ยังไง ทำร้ายเธอที่เป็นลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองเนี่ยนะ” บุลินพยายามเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ไม่เจืออารมณ์กรุ่นโกรธที่กำลังพลุ่งพล่านในอกลงไปด้วย
“คุณพ่อท่านไม่ปกติ” นิศากรเอ่ยเสียงเบา “ท่านน่าสงสาร”
“แล้วเธอล่ะ ไม่น่าสงสารกว่าเหรอ พี่เจ็บปวดแทบตายตอนที่รู้ แค่นึกภาพตามก็ยังจะทนไม่ได้ แล้วเธอทนได้ยังไงฮึ”
นิศากรไม่รู้จะตอบคำถามของบุลินได้ยังไง เธอก็ไม่รู้หมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงทนได้
“พี่บุ้งอาจจะคิดว่าไนท์โง่ที่ยอมทน ไม่หนีออกมา แต่ว่าสุดท้ายไนท์หนีไปไม่ได้นี่คะ ไนท์ไม่กล้าจริงๆ ค่ะ แถมลึกๆ ไนท์ก็คิดว่าถึงท่านจะทำร้าย แต่ก็เป็นคนที่รักไนท์มากที่สุด”
“เธอถึงเลือกแต่งงานกับพี่ใช่ไหม”
“...” หญิงสาวพยักหน้าเบาๆ
“จำได้ว่าเธอพูดว่าต่อให้พี่เป็นยังไงเธอก็จะแต่งด้วย”
บุลินยิ้ม “ฉันละอึ้งไปเลย”นิศากรหัวเราะออกมาเบาๆ แต่ดวงตากลับคลอด้วยหยาดน้ำใสๆ “เคยบอกหรือยังคะว่าไนท์โชคดีที่สุดเลยที่ได้แต่งงานกับพี่บุ้ง”
“บอกแล้ว” บุลินหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอ่ยต่อ “แต่เธอรู้ไหมว่าตอนนี้พี่เกลียดการที่เราต้องมาเจอกันแบบนี้มาก พี่เกลียดที่เธอเหมือนเป็นสิ่งของที่ใครมีเงินก็ซื้อมา อยากได้คืนก็จะซื้อกลับ พี่เองก็ทำตัวไม่ต่างจากพ่อเธอเลย แล้วพี่ก็กลายเป็นสิ่งที่ทำให้เธอเจ็บปวด เพราะฉะนั้น”
“...”
“พี่ว่าเราหย่ากันเถอะ”
การได้ยินคำขอหย่าจากบุลิน ทำให้นิศากรตกใจกว่าการที่ได้รู้ว่าบุลินรู้เรื่องพ่อของเธออีก หญิงสาวยันตัวลุกขึ้น มือจับเสื้อของเขาเอาไว้แน่น
“ทำไมล่ะคะ พี่บุ้งไม่รักไนท์แล้ว...”
“รักสิครับ รักมากและจะไม่มีวันหยุดรักด้วย” ดวงตาที่สบกันนั้นมั่นคงราวกับหินผา เธอเชื่อหมดใจว่าเขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ “แต่ฟังพี่นะ เราจะไม่มีความสุขเลยถ้าเธอยังไม่สามารถหลุดออกจากอิทธิพลของคุณชัย พี่อาจจะปกป้องเธอได้ เขาจะไม่สามารถทำร้ายเธอ แต่มันจะเป็นแค่การปกป้องแค่ทางร่างกาย แผลที่ตัวอาจจะหายไป แต่แผลในใจของเธอล่ะ มันจะมีวันหายไปหรือเปล่า เธอจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้จริงๆ เหรอ”
นิศากรเม้มปากแน่น ภายในใจเริ่มสับสน หญิงสาวส่ายหน้าช้าๆ “ไนท์มีความสุขสิ ก็ได้อยู่กับพี่บุ้งทุกวันนี่คะ”
“แล้วทำไมยังแอบกินยาคุมอยู่เลยล่ะครับ”
ใบหน้าของหญิงสาวซีดลงทันที “ไนท์...”
“ตอนแรกพี่แค่เดาน่ะ แต่ทำหน้าแบบนี้แสดงว่ายังแอบกินอยู่สินะ”
“ไนท์ขอโทษ” เธอเกลียดตัวเองที่ทำผิดต่อบุลินซ้ำแล้วซ้ำเล่าและสุดท้ายก็ทำได้แค่เอ่ยปากขอโทษ
“พี่ไม่ได้โกรธ อย่าร้องสิ” บุลินจูบซับน้ำตาบนแก้มของหญิงสาวเบาๆ “เอาละ เด็กดี เชื่อพี่ แล้วมาทำให้เรื่องนี้จบไปด้วยกัน สิ่งสำคัญที่สุดคือเธอต้องเข้มแข็งและเป็นฝ่ายเดินออกมาจากตรงนั้นให้ได้ แต่ก่อนเธออาจจะกลัวเพราะไม่รู้ว่าทางข้างหน้าจะเจอกับอะไรบ้าง แต่ตอนนี้เธอมีพี่แล้ว ไม่ต้องกลัวอะไรเลย พี่จะอยู่ตรงนี้เพื่อเธอเสมอ”
นิศากรโผเข้ากอดบุลินเอาไว้แน่นราวกับจะขอซึมซับความกล้ามาจากเขาให้ได้มากที่สุด เธอกลัวมาตลอด ไม่กล้าที่จะก้าวออกมาจากความสัมพันธ์ที่ผิดเพี้ยนไประหว่างเธอกับคนเป็นพ่อ แต่ถ้ายังปล่อยไปแบบนี้ คนต่อไปที่จะเจ็บปวดก็คือบุลิน เพราะฉะนั้นเธอจะสู้เพื่อตัวเองแล้วก็คนที่เธอรัก
ประตูห้องทำงานของบุลินเปิดออกโดยไม่ได้เคาะ ปภาดาซึ่งเพิ่งกลับจากไปเที่ยวสิงคโปร์กับเพื่อนเดินเข้ามาด้วยท่าทางพร้อมจะมีเรื่อง
“ไอ้บุ้ง!”
บุลินเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสนิทซึ่งพ่วงตำแหน่งพี่สะใภ้แล้วเอ่ยเสียงไม่ดังนัก “มีอะไร ห่างกันแค่นี้มึงจะตะโกนไปทำไม”
“คุณย่าบอกว่ามึงตัดสินใจหย่ากับน้องไนท์แล้ว มึงทำแบบนี้ทำไม น้องเขาผิดอะไร” ปภาดายกมือขึ้นกอดอก
“เขาไม่ได้ผิดอะไร แล้วก็ไม่มีใครผิดด้วย” บุลินนึกถึงวันที่ตัวเองไปคุยกับคนเป็นย่าอย่างแสงรุ้ง
“บอกฉันมาสิว่าเรื่องจริงหรือเปล่าที่ยายไนท์ไม่มีวันท้อง เพราะตั้งใจให้เป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรก” แสงรุ้งเอ่ยด้วยความโกรธเมื่อนึกถึงชัยกร
บุลินได้แต่กลอกตาด้วยความระอา ดูเหมือนว่าพ่อตาจะยอมทำทุกวิถีทางเพื่อเอาตัวนิศากรคืน
“จริงครับ ไนท์เขากินยาคุมตามที่พ่อตัวเองสั่ง”
แสงรุ้งโกรธจัด “ดี งั้นถ้าอยากหย่าแล้วเอาเงินมาคืนก็ทำตามนั้นไปเลย”
“คุณย่าใจเย็นก่อนนะครับ ไนท์ไม่ได้อยากทำตามที่พ่อเขาสั่งเท่าไหร่หรอกครับ พอผมรู้ผมก็ให้เขาเลิกกิน แล้วผมก็เป็นคนคุมให้เอง”
“แล้วแกทำแบบนั้นทำไม ไอ้หลานตัวดีหรือหลงเมียจนหน้ามืดตามัว เขาไม่ยอมมี ก็ตามใจเขา”
“เพราะผมไม่อยากให้เขาเป็นแค่เครื่องผลิตลูกนี่ครับคุณย่า ถ้าเด็กจะเกิดมาก็ต้องเกิดจากความยินยอมพร้อมใจของพ่อกับแม่ตอนนี้ไนท์ยังไม่พร้อม ผมก็จะรอ”
แสงรุ้งนิ่งไปชั่วขณะ เริ่มตระหนักว่าตัวเองนั้นเอาแต่ใช้อารมณ์มากเกินไป ดังนั้นจึงพยายามใจเย็นลง “แล้วตอนนี้แกจะทำยังไงต่อ”
ชายหนุ่มถอนหายใจ “บอกตามตรงเลยครับคุณย่า ผมก็ยังตัดสินใจไม่ได้”
“งั้นฉันคงไม่ยุ่งอะไรด้วยแล้ว อยากทำอะไรก็ตามใจเลย ส่วนเงินนั่นฉันก็ไม่เอา” แสงรุ้งประกาศด้วยน้ำเสียงห้วน ก่อนจะลุกเดินหนีหลานชายไป ทิ้งให้บุลินนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเอง
“ไม่ผิดแล้วมึงขอหย่าน้องไนท์เขาทำไม” เสียงแว้ดของ
ปภาดาทำให้บุลินต้องนิ่วหน้า“ในเมื่อพ่อของไนท์ทำทุกวิถีทางขนาดนั้นที่จะให้เขากับฉันหย่ากัน มึงคิดว่าใครจะเจ็บที่สุด ถ้าฉันไม่ยอมหย่าแล้วเขาต้องตัดขาดจากพ่อไปเลย มึงคิดว่าเขาจะมีความสุขเหรอ”
ปภาดาเม้มปากแน่น “แล้วมึงคิดว่าเขากลับไปอยู่กับพ่อ โดยที่ต้องเลิกกับมึงเขาจะมีความสุขหรือไง”
“ต้องมีสิ เพราะกูแค่หย่ากันไม่ได้เลิกรักกัน” บุลินสบตากับเพื่อนที่มองตัวเองด้วยความโกรธ “มันมีบางอย่างที่มึงไม่รู้และกูไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดออกไปถ้าไนท์ไม่อนุญาต แต่มึงเชื่อกูเถอะว่าการหย่ากันมันไม่ใช่จุดจบของชีวิตคู่พวกกูหรอก”
“กูไม่เข้าใจ” ปภาดาได้แต่ขมวดคิ้ว
เลอศิลป์เดินเข้ามาพอดีและได้ยินสิ่งที่บุลินพูด ชายหนุ่มเองก่อนหน้านี้ก็พูดเรื่องนี้กับอีกฝ่ายไปแล้วรอบหนึ่ง
“พี่ปอนด์เชื่อพี่บุ้งเขาเถอะครับว่าเขาทำเพื่อน้องไนท์ อย่างน้อยๆ การที่พี่บุ้งเป็นคนขอหย่าเอง ก็ทำให้น้องไนท์ไม่ต้องคิดมากหรือต้องคอยมารองรับอารมณ์คนอื่นแบบที่พี่บุ้งเจออยู่ตอนนี้”
ปภาดาเริ่มอารมณ์เย็นลง “แล้วมึงกับน้องไนท์จะกลับมาแต่งงานกันใหม่เหรอ”
“ฉันเชื่อว่าเขารักฉันมากจนกล้าพอที่จะก้าวออกมาจากตรงนั้นและหลังจากนี้การที่เขาตัดสินใจทำอะไรก็แล้วแต่ มันจะไม่ใช่สิ่งที่ต้องทำเพราะอิทธิพลจากคนเป็นพ่อ ไนท์จะเป็นอิสระจริงๆ”
บุลินนึกไปถึงวันที่จูงมือกันไปหย่า มันไม่ได้เต็มไปด้วยความเศร้าหรืออะไรทั้งนั้น เขาพวกกุมมือกันแน่นจนใครหลายๆ คนต่างก็แปลกใจ ใบหย่าในมือไม่ได้ทำให้พวกเขารักกันน้อยลงเลยสักนิด
ตอนพิเศษ คนที่แสนโชคดี บุลินนอนมองคุณแม่ของลูกสาวทั้งสองซึ่งยังหลับสนิท เพราะวันนี้เป็นวันหยุดของลูกๆ รวมถึงของเขาด้วย เธอจึงไม่ต้องรีบตื่นเพื่อเข้าครัวทำมื้อเช้าให้กับทุกคน เธอปรือตาขึ้นมองสามี แต่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองนิ่งๆ เท่านั้น บุลินอดใจไว้ไม่ไหวจึงยื่นหน้าไปจูบหนักๆ ลงบนหน้าผากของคนที่ยังไม่ตื่นเต็มตา ลูกสาวคนโตนอนหลับอยู่ในห้องส่วนตัวของเธอ ส่วนคนเล็กไปนอนค้างกับบวรและปภาดา ดังนั้นตอนนี้พวกเขาจึงมีเพียงกันและกันอยู่บนเตียงกว้าง ช่างเป็นยามเช้าที่แสนเย้ายวนใจ “น้องไนท์ถุงยางอนามัยหมดแล้ว” บุลินก้มลงกระซิบ มือก็ลากไล้ไปตามเอวของหญิงสาวที่ขยับขยายกว้างขึ้นเล็กน้อยเพราะผ่านการเป็นคุณแม่มาแล้ว นิศากรพยักหน้ารับรู้เบาๆ เขาอมยิ้ม “ถ้าไม่ใช้ก็อาจจะท้องอีกนะครับ” คนฟังขมวดคิ้ว ตอนแรกเธอไม่ได้คิดอะไร แต่พอได้ยินอีกประโยคสติก็เริ่มแจ่มชัด “พี่บุ้งอยากมีอีกคนเหรอคะ” “เจ้าขาก็โตแล้ว จันทร์เจ้าก็ถูกพี่บีแย่งไป เหงาน่ะไม่มีใครให้อุ้มเลย” “ลูกมากจะยากจนนะคะ” นิศากรหัวเราะคิกคัก
ตอนพิเศษ เมื่อพบกันอีกครั้ง ลูกสาวคนโตวัยเกือบเจ็ดขวบกว่านั้นไม่เคยมาขอนอนด้วยอีกเลยตั้งแต่มีห้องส่วนตัวเป็นของตัวเองส่วนลูกสาวคนเล็กที่อายุเพิ่งครบห้าปีก็แทบจะไปนอนกับบวรและปภาดาวันเว้นวัน ดังนั้นสองสามีภรรยาจึงมีเวลาส่วนตัวในยามค่ำคืนอยู่มาก นิศากรหวีผมเรียบร้อยแล้วก็ปีนขึ้นเตียงไปหาสามีที่กำลังอ้าแขนรอ เธอซบหน้ากับอกของชายหนุ่มพลางหายใจเอากลิ่นหอมจากกายสามีเข้าเต็มปอด “มีอะไรครับ” บุลินเอ่ยถามเพราะรู้สึกได้ถึงอาการกังวลใจของภรรยา “เดย์บอกว่าคุณพ่ออยากเจอไนท์ค่ะ” อ้อมแขนแข็งแรงกอดกระชับแน่นขึ้น “อยากเจอหรือเปล่าครับ” เธอพยักหน้า “เดย์บอกว่าคุณพ่อกังวลมากและคิดอยู่นานว่าจะเจอไนท์ดีหรือเปล่า” หญิงสาวถอนหายใจ “ไนท์จะเริ่มต้นใหม่กับคุณพ่อได้ไหมคะ มันจะราบรื่นหรือเปล่า” “ยังไงก็มีเจ้าขากับจันทร์เจ้าอยู่นะครับ คุณพ่อเอ็นดูสองคนนั้นจะตายไป” บุลินพาลูกสาวทั้งสองคนไปเยี่ยมชัยกรอย่างน้อยเดือนละครั้ง “ลูกต้องช่วยให้บรรยากาศระหว่างเธอกับท่านเป็นไปอย่างราบรื่นแน่” “ไนท์ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นค่ะ” “ยังไงก็
ตอนพิเศษ ดุจจันทรา ดุจจันทราหรือน้องจันทร์เจ้าของทุกคน ลูกสาวคนที่สองของบุลิน เป็นเด็กคลอดก่อนกำหนด ทำเอาทุกกังวลใจกันไปหมด แต่หลังจากออกจากตู้อบมาแล้ว ร่างกายก็แข็งแรงดี เพียงแต่เจ้าตัวกลับติดบวรมากกว่าคนเป็นพ่ออย่างบุลินเสียอีก ดังนั้นจึงกลายเป็นพ่อบี พ่อบุ้งไปโดยปริยาย “พรุ่งนี้จันทร์เจ้าจะไปโรงเรียนเป็นวันแรก พี่บีจะไปส่งลูกไหมคะ” ปภาดาซึ่งนั่งหวีผมอยู่หน้ากระจก หันมาถามสามีเมื่อเห็นว่าเขาออกมาจากห้องน้ำแล้ว “พี่ว่าจะไม่ไปหรอก” บวรรับหวีมาจากมือของปภาดาแล้วช่วยแปรงผมให้อย่างเบามือ “อ้าวทำไมล่ะ ลูกไปโรงเรียนวันแรกเลยนะ ไอ้บุ้งก็บอกว่าต้องลองไปสัมผัสดู ครั้งเดียวในชีวิตเลยที่ลูกจะมีวันนี้” ปภาดาฟังประสบการณ์ครั้งแรกของบุลินที่ไปส่งดั่งบุหลันลูกสาวคนโตแล้วตื่นเต้นอยากไปบ้าง “ไม่อยากเห็นน้องจันทร์เจ้าร้องไห้น่ะค่ะ” “โอ๊ย พ่อบี น้องจันทร์เจ้าเก่งจะตายไป ไม่ร้องหรอก” “ต้องร้องแน่ๆ ไม่มีเด็กคนไหนไม่ร้องหรอก ขนาดไอ้บุ้งยังร้องไห้จ้าอยู่เป็นอาทิตย์ๆ” ปภาดาหัวเราะคิกคัก “ปอนด์จำได้ ร้องจนปอนด์รำคาญ แต่เด็กที่ไม่
ตอนพิเศษ ดั่งบุหลัน “เจ้าขาคนดีของพ่อบุ้ง ทำไมถึงไม่อยากไปโรงเรียนล่ะครับ” บุลินถูกภรรยาวานให้มากล่อมลูกสาวคนโตที่งอแงไม่ยอมไปโรงเรียน ชายหนุ่มเท้าคางนอนตะแคงอยู่ข้างลูกสาวที่ขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มนิ่ง แม้ว่าจะพูดอะไรก็ไม่ยอมตอบกลับมาสักคำ “ลืมทำการบ้านหรือเปล่า กลัวคุณครูดุก็เลยไม่อยากไปโรงเรียนเหรอครับ” บุลินพยายามคาดเดาเหตุผลที่ลูกสาวไม่อยากไปโรงเรียน “หรือว่าถูกใครแกล้ง” พอพูดออกไปเขาก็ขมวดคิ้ว เท่าที่ผ่านมาไม่มีเด็กกล้ารังแกลูกเขาหรอก เคยทำคนที่มาแกล้งจนฟันน้ำนมหักเลยด้วยซ้ำ เหตุผลนี้คงไม่ใช่ “เราเคยสัญญากันแล้วไม่ใช่เหรอครับว่ามีอะไรก็จะบอกพ่อบุ้ง เจ้าขาก็รู้ว่าพ่อเก็บความลับเก่งที่สุดเลย” คนร่างจิ๋วภายใต้ผ้าห่มขยับตัวยุกยิก บุลินใจชื้นที่ลูกสาวมีปฏิกิริยาสักที เขารอคอยอย่างอดทนให้ลูกสาวออกมาคุยกันดีๆ แต่แล้วกลับนิ่งไปอีก “เอ๊ะ หรือว่าจริงๆ แล้วป่วย” บุลินพยายามจะดึงผ้าห่มออกจากตัวของลูกสาว “พ่อหนูไม่ได้ป่วยนะ” น้ำเสียงเล็กๆ ที่ตอบกลับมานั้นฟังอู้อี้ “แล้วทำไมไม่อยากไปโรงเรียนล่ะครับ” “ก็มัน...เสียใจ เจ
ตอนที่ ๒๓ ถึงคนเป็นพ่อจะยังไม่หายดีและยังไม่พร้อมเจอกับนิศากร แต่เรื่องที่ยอมให้อยู่กับบุลินได้อย่างเดิมก็ถือว่าเป็นความก้าวหน้าทางด้านอารมณ์ของชัยกรไปในทางที่ดี อย่างน้อยๆ เธอก็ไม่ต้องเผชิญกับอารมณ์เดี๋ยวรัก เดี๋ยวเกลียดของอีกฝ่ายอีกต่อไปแล้ว พอเดินพ้นประตูบ้านเข้าไปด้านในโดยมีมือของบุลินที่กอบกุมมือเธออยู่ ก็พบว่าทุกคนในครอบครัวของเขาอยู่ที่นั่นเพื่อรอต้อนรับการกลับมาของเธอ รวมทั้งน้องสาวฝาแฝดอย่างทิพากรด้วย ซึ่งวันนี้ถูกแต่งหน้าจนสวยกว่าทุกที ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นฝีมือของปภาดาอย่างแน่นอน นิศากรเดินเข้าไปหาแสงรุ้งเป็นคนแรก หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงปลอบโยน “ขวัญเอ๋ย ขวัญมา” แล้วจับมือของหญิงสาวมาบีบเบาๆ “จากนี้ต่อไปก็ขออย่าให้มีอะไรมาพรากเธอไปจากหลานชายฉันอีกเลย” “คงไม่มีแล้วค่ะ ยกเว้นพี่บุ้งจะเบื่อไนท์” “ไม่มีวันนั้นหรอกน่า” บุลินแทรกขึ้นมาทันที “ย่าก็ว่าอย่างนั้นแหละ” หญิงชรายังคงไม่ยอมปล่อยมือของคนอ่อนวัยกว่าและเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แล้วคราวนี้ฉันก็จะไม่ยอมแน่” “นั่นสิ คราวนี้ไม่มีใครยอมหรอกนะน้องไนท์” ปภาดาเบ
ตอนที่ ๒๒ “เราว่าเนื้อเรื่องดูสดใสขึ้นนะ” คเชนทร์ที่ได้รับอนุญาตให้อ่านพล็อตของเพื่อนก่อนใครให้คำวิจารณ์กับเพื่อนสนิท นิศากรยิ้มจนตาหยี “ดีกว่าเดิมใช่ไหม” “เราก็คิดว่าดีกว่าเดิมนะ เหมาะกับลายเส้นน่ารักๆ ของเธอด้วย แถมพระเอกนิสัยสามีแห่งชาติขนาดนี้ เขียนให้เป็นแนวรักไปเลยน่าจะผ่านนะ” เพราะว่าพล็อตคราวก่อนไม่ผ่านจึงต้องมาปรับกันใหม่ “แล้วนี่ อยู่คนเดียวโอเคใช่ไหม” “โอเค เราอยู่ได้ไม่ต้องห่วง แต่ว่าจริงๆ แล้ว พี่บุ้งมาหาทุกสองสามวันเลยแหละ ไม่ค่อยเหมือนอยู่คนเดียวสักเท่าไหร่” คเชนทร์ได้ฟังแล้วก็หัวเราะ เมื่อนึกถึงสามีของเพื่อนที่หย่ากันเพราะความจำเป็น แต่ทั้งสองยังรักกันดีจนเขาอดอิจฉาไม่ได้พอคิดถึงแฟนที่เพิ่งเลิกกันไปก็น้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง “เอ๊ะ นั่นน้องสาวเธอหรือเปล่า” นิศากรหันหน้าไปตามสายตาของคเชนทร์ ก็พบว่าทิพากรเดินเคียงมากับชายหนุ่มร่างสูงท่าทางดูดีมากคนหนึ่ง เธอจำได้ว่านั่นคือยามที่เคยเป็นกระแสในโลกโซเชียลของโรงแรมบุลินซึ่งทำให้ยอดจองช่วงหนึ่งมากขึ้นจนน่าตกใจ “สองคนนั้นสนิทกันเหรอเนี่ย” นิศากรเลิก