บุลินยังคงนั่งรถมารับนิศากรเหมือนเมื่อครั้งก่อน แต่ที่ต่างออกไปคือ ชายหนุ่มเริ่มมีบทสนทนากับหญิงสาวมากขึ้น
“คุณย่าดุไหมคะ”
“ดุครับ” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เหรอคะ” น้ำเสียงอ่อยๆ ของหญิงสาวทำให้เขาลอบยิ้ม
“ไม่ต้องกลัวหรอก ท่านก็ดุแค่พี่กับพี่ชายเท่านั้นแหละ กับคนอื่นเห็นใจดีตลอด ยิ่งกับหลานสะใภ้โอ๋มากไปด้วยซ้ำ แตะไม่ได้เลย”
นิศากรถอนหายใจเสียงเบา “แล้วคุณย่าจะชอบขนมบัวลอยที่ไนท์ทำมาไหมคะ”
“ก็คงชอบนั่นแหละ ว่าที่หลานสะใภ้อุตส่าห์ทำให้นี่ครับ”
เลอศิลป์ซึ่งวันนี้ก็ยังมาทำหน้าที่ขับรถให้นั้น ฟังน้ำเสียงเจือการหยอกเย้าว่าที่เจ้าสาวของผู้เป็นทั้งเจ้านายและลูกพี่ลูกน้องกันแล้ว ก็รู้สึกคันปากอยากเมาท์ให้คนอื่นฟังจะแย่ ดังนั้นจึงเร่งความเร็วของรถขึ้นอีกเล็กน้อย
เมื่อนิศากรลงมาจากรถก็มองดูคฤหาสน์หลังโตที่ได้เห็นในระยะใกล้ๆ เป็นครั้งแรกด้วยแววตาทึ่ง เพราะมันใหญ่อย่างกับวัง
“ใหญ่เว่อร์เลยใช่ไหม แต่อยู่กันแค่สามคนเอง คุณย่า พี่ชายของพี่แล้วก็หลานสะใภ้คนโปรดน่ะ”
“แล้วทำไมพี่บุ้งถึงแอบๆ ไปอยู่ข้างหลังคฤหาสน์ล่ะคะ”
“พี่ไม่ได้แอบครับ พี่ต้องการความเป็นส่วนตัวต่างหาก” ชายหนุ่มชี้แจงพลางหัวเราะ
“ค่ะ” นิศากรเองก็หัวเราะด้วยเช่นกัน
เลอศิลป์ซึ่งนำรถไปจอดยังโรงจอดรถ พอเดินกลับมาเห็นว่าบุลินกับนิศากรยังมัวแต่คุยกันกะหนุงกะหนิงอยู่ตรงหน้าคฤหาสน์ ไม่เข้าไปข้างในเสียทีก็อดเย้าไม่ได้
“แหมๆ สนิทกันเร็วจังเลยนะครับ”
บุลินหันไปมองด้วยดวงตาคู่คม “ว่างเหรอ”
“ไม่ว่างหรอกครับ แต่อยากมาทักทายคุณย่าสักหน่อย เดี๋ยวค่อยกลับไปทำงานต่อ” แม้เลอศิลป์จะไม่ใช่หลานแท้ๆ เพราะเป็นญาติทางฝั่งแม่ของบุลิน แต่แสงรุ้งก็เอ็นดูอีกฝ่ายเหมือนหลานของตัวเอง
ทั้งสามคนเดินเข้าไปยังห้องรับแขกพร้อมกัน เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างร่าเริง “คุณย่าขาพวกเขามากันแล้วค่ะ”
แสงรุ้งเงยหน้าขึ้นจากแท็บเล็ตในมือ หญิงสูงวัยขยับแว่นตาพลางพิจารณาหญิงสาวร่างเล็กที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่ดูมิดชิดเสียจนคนมองยังรู้สึกอึดอัดแทน เสื้อชีฟองแขนยาวและกระโปรงยาวคลุมไปจนเกือบมิดไปทั้งขา
นิศากรยกมือขึ้นไหว้ทั้งแสงรุ้งและหญิงสาวซึ่งนั่งอยู่กับพื้นพรมหนานุ่ม ในวงแขนมีสุนัขสายพันธุ์พอเมอเรเนียนหน้าทรงหมีสีขาว และเพราะยกมือขึ้นรับไหว้เธอจึงปล่อยสุนัขออกจากอ้อมกอด เจ้าสุนัขตัวน้อยจึงวิ่งมาหาคนที่มันชอบอย่างบุลินทันที
ชายหนุ่มก้มลงอุ้มมันขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนพลางลูบเบาๆ ด้วยความเอ็นดู พอเห็นนิศากรมองสิ่งมีชีวิตในมือของเขาด้วยดวงตาเป็นประกายจึงส่งให้อีกฝ่ายอุ้มแทน
ดังนั้นนิศากรจึงได้อุ้มเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวน้อยสมใจ เธอมองดวงหน้าของหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของสุนัขอีกครั้ง รู้สึกคุ้นหน้าอีกฝ่ายมาก
ในขณะที่เธอกำลังคิดอยู่นั้น ชายหนุ่มคนหนึ่งที่หน้าตาละม้ายคล้ายกับบุลิน แต่ดูมีอายุมากกว่าก็ปรากฎกายพร้อมกับสุนัขสายพันธุ์เดียวกันกับในอ้อมแขนของนิศากร เพียงแต่ว่ามันมีสีดำสนิทเท่านั้นเอง
“ทุกคนครับน้องชื่อไนท์” เขาแนะนำเธอกับทุกคนอย่างเป็นทางการ “พี่ชายของพี่ชื่อพี่บี ส่วนพี่สะใภ้ชื่อพี่ปอนด์”
“ส่วนไอ้ตัวนี้ชื่อตุ้มตุ้ยนะน้องไนท์” พี่ชายของบุลินยิ้มกว้าง ท่าทางดูใจดี
“ชื่อน่ารักจังเลยค่ะ”
“ต้องขอบคุณคุณย่า ไอเดียท่านน่ะ” คนเป็นหลานสะใภ้อย่างปภาดาหันไปส่งยิ้มประจบแสงรุ้ง
แสงรุ้งเรียกนิศากร “มานั่งใกล้ๆ ย่าหน่อยสิ”
บุลินที่เห็นว่าหญิงสาวยังเกร็งๆ จึงยื่นมือไปรับเจ้าตัวน้อยกลับมาไว้ในอ้อมแขนตัวเอง ก่อนจะใช้มืออีกข้างผลักหญิงสาวเบาๆ ให้เดินตรงไปนั่งข้างแสงรุ้ง ส่วนชายหนุ่มเลือกที่จะนั่งโซฟาตัวเล็ก ในขณะที่อีกสามคนที่เหลืออย่างเลอศิลป์ บวรและปภาดาจับกลุ่มกันนั่งเล่นบนพื้นพรม
นิศากรนั่งลงข้างแสงรุ้ง หญิงชราพิศมองใบหน้าของอีกฝ่ายแล้วก็ยิ้ม “หน้าตาน่ารักกว่าที่ย่าเคยเห็นในภาพอีกนะ”
“ขอบคุณค่ะ”
“หลานของย่าโอเคไหม” แสงรุ้งถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“อะ...โอเคค่ะ” หญิงสาวตอบกลับเสียงเบา
“ย่าจะได้เบาใจ เพราะถ้าทั้งสองคนเข้ากันไม่ได้จริงๆ ย่าจะได้ยื่นทางเลือกอื่นให้พ่อหนูไป”
“แบบนี้ดีแล้วค่ะคุณย่า” นิศากรยิ้มบาง
เสียงหัวเราะคิกคักของเลอศิลป์ บวรและปภาดาทำให้ให้
บุลินต้องหรี่ตามอง“ศิลป์ แกกลับไปทำงานได้แล้วมั้ง ส่วนพี่บีปกติไม่ได้หยุดวันเดียวกับคุณย่าไม่ใช่เหรอครับ”
“แหมๆ ให้พี่บีหยุดเถอะน่า พี่บีเขาก็อยากเจอหน้าว่าที่น้องสะใภ้เหมือนกัน” ปภาดาปกป้องสามี
“ยังไงวันแต่งงานก็ต้องได้เจออยู่แล้ว” บุลินเลิกคิ้ว
“อีกตั้งนานนี่” บวรอมยิ้ม
บุลินได้แต่กลอกตาไปมาให้กับทั้งสามคนที่ดูจะแฮปปี้มากกว่าเขาซึ่งเป็นว่าที่เจ้าบ่าวเสียอีก
“อ๋อ ไนท์จำได้แล้ว พี่ปอนด์เป็นบิวตี้บล็อกเกอร์ทำคลิปสอนแต่งหน้าใช่ไหมคะ”
“อุ๊ยตาย! น้องไนท์เป็นแฟนคลับพี่ด้วยเหรอคะ” ปภาดาวี้ดว้ายด้วยความภาคภูมิใจ
“เมื่อก่อนดูบ่อยค่ะ เพลินดี”
“งานแต่งเราน่ะ ก็ไม่ต้องไปจ้างช่างแต่งหน้าที่ไหนหรอก ให้แม่ตัวดีเขาแต่งให้ ย่ารับรองสวยจนคนชมทั้งงานแน่นอน” แสงรุ้งเอ่ยขึ้น
“ขอบคุณค่ะ” อยู่ๆ นิศากรก็ตื่นเต้นกับงานวิวาห์ขึ้นมา เรื่องแต่งกับบุลินนั้นแน่นอนอยู่แล้ว แต่ได้ช่างแต่งหน้าที่เธอเคยแต่นั่งมองผ่านหน้าจอมาแต่งหน้าให้นี่สิ ไม่ได้คิดมาก่อนเลย
“ใช่ๆ ไม่ต้องจ้างคนอื่นนะเว้ยไอ้บุ้ง เดี๋ยวฉันแต่งให้เอง”
“เออๆ ก็ดีจะได้ประหยัดค่าจ้าง” บุลินเออออไปกับพี่สะใภ้ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก เพราะเป็นเพื่อนบ้านกันมานาน
แสงรุ้งพูดคุยกับนิศากรอยู่พักหนึ่งก็ปล่อยให้หญิงสาวไปกับปภาดาที่ชวนอีกฝ่ายไปเล่นกับลูกๆ ของตัวเองอย่างตุ๊ต๊ะและตุ้มตุ้ยในสนามหญ้า ส่วนบุลินกับบวรก็นั่งดูภรรยากับว่าที่เจ้าสาวของตัวเองพลางคุยกันไป
“เห็นศิลป์ว่านายดูชอบว่าที่เจ้าสาว” บวรเอ่ยถึงคนที่กลับไปทำงานแล้ว
“ก็ไม่ได้ไม่ชอบหรือรู้สึกลำบากใจที่จะต้องแต่ง”
“ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่เห็นต้องเก๊กเลยนี่หว่า”
“เออ! ชอบ ดูเลี้ยงง่ายดี น่ารักพอๆ กับตุ๊ต๊ะ ตุ้มตุ้ยเลย”
บวรที่กำลังยกแก้วเบียร์เย็นๆ ขึ้นจิบแทบจะสำลัก “ไอ้นี่! เอาน้องเขาไปเปรียบกับลูกหมาได้ไง”
“ก็ตัวเล็กๆ”
“ก็ตัวเล็กจริงนั่นแหละ ตัวเท่าลูกหมา”
“ใช่ไหม” บุลินหัวเราะ
“ว่าแต่แกเถอะ ทำตัวเป็นฤๅษีอยู่แต่ในถ้ำตั้งสิบปี น้องชายยังใช้ได้แน่เหรอ”
บุลินวางแก้วเบียร์ลงกับโต๊ะเสียงดังกึก “อยากได้หลานกี่คนล่ะฮึ”
“หลายๆ คนไปเลย จะได้ไม่เหงา” บวรยกมือขึ้นเท้าคาง “ตอนแรกพี่ก็ห่วงนายนะ เพราะต้องแต่งกับคนที่ไม่ได้รักมันจะมีความสุขได้ยังไง แต่เห็นเข้ากับน้องเขาได้ดีก็เบาใจ นายมีความสุข คุณย่ามีความสุข พี่ก็มีความสุข” บวรยิ้มให้น้องชาย
ทางด้านสองสาวนั้นก็เล่นจนเหนื่อยจึงหยุดพัก ปภาดาขยับมานั่งชิดกับนิศากร พลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงซุกซน ส่วนสุนัขตัวน้อยก็นอนซุกกันอยู่ไม่ไกลจากเจ้าของนัก
“พี่ถามจริงๆ เธอชอบไอ้บุ้งไหม”
นิศากรหันไปมองทางบุลินซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะสนามสีขาวกับพี่ชายแวบหนึ่ง “พี่บุ้งใจดีกว่าที่คิดค่ะ”
“ตอบไม่ตรงคำถามอย่างแรงเลยนะเธอ” ปภาดาไม่ได้คาดคั้นต่อ เธอแค่ค้อนใส่อีกฝ่าย “ฉันรู้ว่าคุณย่าอยากมีหลาน อยากได้ทายาท ถึงได้ทำแบบนี้เพราะไอ้บุ้งมันไม่ยอมโผล่หัวออกไปเจอกับใครตั้งแต่ขาของมันถูกตัดเพราะอุบัติเหตุ”
คนเป็นว่าที่เจ้าสาวไม่ได้เอ่ยอะไรเพียงแต่นิ่งฟัง
“พี่อะอยากมีลูกใจจะขาด แต่ทำไงได้ก็คนมันไม่มีมดลูกเป็นของตัวเอง” ปภาดายกมือขึ้นกอดเข่าท่าทางเศร้าจนนิศากรสงสาร แต่ก็ไม่รู้ว่าจะปลอบคนที่แปลงเพศมาอย่างหญิงสาวตรงหน้าอย่างไรดี “พี่จะรอเล่นกับลูกของน้องไนท์กับไอ้บุ้ง”
“ก็...ถ้ามีนะคะ” นิศากรหน้าร้อนขึ้นมานิดหน่อย เพราะเผลอคิดถึงกรรมวิธีการทำลูกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“ต้องมีให้ได้นะ ก่อนที่ไอ้บุ้งจะไม่มีน้ำยา”
นิศากรได้แต่หัวเราะแหะๆ
“เป็นเพื่อนกันมานานแล้วเหรอคะ”
“นานแล้วค่ะ เพราะเป็นเพื่อนบ้านกัน เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก” ปภาดาชี้ไปทางกำแพงสูงด้านที่ติดกับบ้านอีกหลัง “เห็นตอนมาแล้วใช่ไหมล่ะ บ้านพ่อกับแม่พี่เอง”
“กับพี่บีเองก็รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กเลยสิคะ”
“จ้ะ เวลาพี่กับไอ้บุ้งซนมากเกินไปก็ได้พี่บีนั่นแหละออกหน้าช่วย เพราะพี่บีเป็นเด็กดีจนใครๆ ก็ดุไม่ลง”
“ชอบกันมาตั้งแต่เด็กเลยเหรอคะ”
“ไม่ได้ชอบกันหรอก มีแค่พี่ที่ชอบพี่บีอยู่ฝ่ายเดียว” ปภาดาโบกมือไปมา “ก่อนหน้านี้ต่างคนต่างมีทางของตัวเอง เพียงแต่สุดท้ายแล้วมันดันมาบรรจบกันน่ะ” หญิงสาวยกแหวนแต่งงานขึ้นมาอวดหญิงสาวตรงหน้า “พี่เพิ่งแต่งงานกันเมื่อปีก่อนเองนะ แบบว่าดีมากเลย ได้ใส่ชุดเจ้าสาวสมใจสักที แถมเจ้าบ่าวก็หล่อจนผู้หญิงอิจฉากันทั้งงาน อย่างกับงานแต่งงานในฝันเลย พี่บีน่ะนะ...”
นิศากรฟังปภาดาเล่าเรื่องเกี่ยวกับบวรก็อดยิ้มไม่ได้เลย เพราะเธอสัมผัสได้ถึงความรักมากมายจากคำพูดและน้ำเสียงของอีกฝ่าย
หลังจากรับประทานมื้อเที่ยงร่วมกันเรียบร้อยแล้ว แสงรุ้ง บวรและปภาดาต่างก็แยกย้ายกันไปเพื่อปล่อยให้ว่าที่คู่แต่งงานได้มีเวลาส่วนตัวร่วมกัน บุลินพานิศากรกลับไปยังบ้านหลังน้อยที่แอบอยู่ด้านหลังของคฤหาสน์
“ไนท์พี่ขอเบอร์หน่อยได้ไหมครับ”
“ค่ะ” หญิงสาวรับโทรศัพท์มือถือของชายหนุ่มมากดเบอร์ของตัวเองลงไป ก่อนจะกดโทรออกหาเบอร์เธอ
“พอคุณย่าพูดถึงเรื่องเตรียมงานแต่งขึ้นมา พี่ก็เพิ่งคิดได้ว่าเราคงต้องตัดสินใจอะไรหลายๆ เรื่องด้วยกัน ไนท์สะดวกให้พี่ไปรับมาบ่อยๆ ไหม”
“สะดวกค่ะ” นิศากรตอบรับทันที
บุลินยิ้ม “ออแกไนซ์ที่จะใช้จัดงานพี่เลือกไว้แล้วครับ เป็นทีมเดียวกับงานของพี่บีที่เพิ่งแต่งกับไอ้ปอนด์ไปเมื่อปีก่อน”
นิศากรฟังข้อมูลเรื่องการจัดงานจากบุลินด้วยความเพลิดเพลิน พลางนึกถึงน้องสาวฝาแฝดของตัวเองขึ้นมา อีกฝ่ายนั้นค้านเรื่องที่เธอต้องแต่งงานอย่างหนักจนถึงขั้นคิดจะวางแผนให้เธอหนีไปเลยเสียด้วยซ้ำ
“พี่บุ้งคะ ไนท์อยากแนะนำพี่บุ้งกับฝาแฝดของไนท์ค่ะ พี่บุ้งจะสะดวกไหมคะ”
บุลินพยักหน้า เพราะไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องหนักหนาอะไรที่จะต้องคิดให้มากความ จึงตอบตกลงไปทันที
ตอนพิเศษ คนที่แสนโชคดี บุลินนอนมองคุณแม่ของลูกสาวทั้งสองซึ่งยังหลับสนิท เพราะวันนี้เป็นวันหยุดของลูกๆ รวมถึงของเขาด้วย เธอจึงไม่ต้องรีบตื่นเพื่อเข้าครัวทำมื้อเช้าให้กับทุกคน เธอปรือตาขึ้นมองสามี แต่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองนิ่งๆ เท่านั้น บุลินอดใจไว้ไม่ไหวจึงยื่นหน้าไปจูบหนักๆ ลงบนหน้าผากของคนที่ยังไม่ตื่นเต็มตา ลูกสาวคนโตนอนหลับอยู่ในห้องส่วนตัวของเธอ ส่วนคนเล็กไปนอนค้างกับบวรและปภาดา ดังนั้นตอนนี้พวกเขาจึงมีเพียงกันและกันอยู่บนเตียงกว้าง ช่างเป็นยามเช้าที่แสนเย้ายวนใจ “น้องไนท์ถุงยางอนามัยหมดแล้ว” บุลินก้มลงกระซิบ มือก็ลากไล้ไปตามเอวของหญิงสาวที่ขยับขยายกว้างขึ้นเล็กน้อยเพราะผ่านการเป็นคุณแม่มาแล้ว นิศากรพยักหน้ารับรู้เบาๆ เขาอมยิ้ม “ถ้าไม่ใช้ก็อาจจะท้องอีกนะครับ” คนฟังขมวดคิ้ว ตอนแรกเธอไม่ได้คิดอะไร แต่พอได้ยินอีกประโยคสติก็เริ่มแจ่มชัด “พี่บุ้งอยากมีอีกคนเหรอคะ” “เจ้าขาก็โตแล้ว จันทร์เจ้าก็ถูกพี่บีแย่งไป เหงาน่ะไม่มีใครให้อุ้มเลย” “ลูกมากจะยากจนนะคะ” นิศากรหัวเราะคิกคัก
ตอนพิเศษ เมื่อพบกันอีกครั้ง ลูกสาวคนโตวัยเกือบเจ็ดขวบกว่านั้นไม่เคยมาขอนอนด้วยอีกเลยตั้งแต่มีห้องส่วนตัวเป็นของตัวเองส่วนลูกสาวคนเล็กที่อายุเพิ่งครบห้าปีก็แทบจะไปนอนกับบวรและปภาดาวันเว้นวัน ดังนั้นสองสามีภรรยาจึงมีเวลาส่วนตัวในยามค่ำคืนอยู่มาก นิศากรหวีผมเรียบร้อยแล้วก็ปีนขึ้นเตียงไปหาสามีที่กำลังอ้าแขนรอ เธอซบหน้ากับอกของชายหนุ่มพลางหายใจเอากลิ่นหอมจากกายสามีเข้าเต็มปอด “มีอะไรครับ” บุลินเอ่ยถามเพราะรู้สึกได้ถึงอาการกังวลใจของภรรยา “เดย์บอกว่าคุณพ่ออยากเจอไนท์ค่ะ” อ้อมแขนแข็งแรงกอดกระชับแน่นขึ้น “อยากเจอหรือเปล่าครับ” เธอพยักหน้า “เดย์บอกว่าคุณพ่อกังวลมากและคิดอยู่นานว่าจะเจอไนท์ดีหรือเปล่า” หญิงสาวถอนหายใจ “ไนท์จะเริ่มต้นใหม่กับคุณพ่อได้ไหมคะ มันจะราบรื่นหรือเปล่า” “ยังไงก็มีเจ้าขากับจันทร์เจ้าอยู่นะครับ คุณพ่อเอ็นดูสองคนนั้นจะตายไป” บุลินพาลูกสาวทั้งสองคนไปเยี่ยมชัยกรอย่างน้อยเดือนละครั้ง “ลูกต้องช่วยให้บรรยากาศระหว่างเธอกับท่านเป็นไปอย่างราบรื่นแน่” “ไนท์ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นค่ะ” “ยังไงก็
ตอนพิเศษ ดุจจันทรา ดุจจันทราหรือน้องจันทร์เจ้าของทุกคน ลูกสาวคนที่สองของบุลิน เป็นเด็กคลอดก่อนกำหนด ทำเอาทุกกังวลใจกันไปหมด แต่หลังจากออกจากตู้อบมาแล้ว ร่างกายก็แข็งแรงดี เพียงแต่เจ้าตัวกลับติดบวรมากกว่าคนเป็นพ่ออย่างบุลินเสียอีก ดังนั้นจึงกลายเป็นพ่อบี พ่อบุ้งไปโดยปริยาย “พรุ่งนี้จันทร์เจ้าจะไปโรงเรียนเป็นวันแรก พี่บีจะไปส่งลูกไหมคะ” ปภาดาซึ่งนั่งหวีผมอยู่หน้ากระจก หันมาถามสามีเมื่อเห็นว่าเขาออกมาจากห้องน้ำแล้ว “พี่ว่าจะไม่ไปหรอก” บวรรับหวีมาจากมือของปภาดาแล้วช่วยแปรงผมให้อย่างเบามือ “อ้าวทำไมล่ะ ลูกไปโรงเรียนวันแรกเลยนะ ไอ้บุ้งก็บอกว่าต้องลองไปสัมผัสดู ครั้งเดียวในชีวิตเลยที่ลูกจะมีวันนี้” ปภาดาฟังประสบการณ์ครั้งแรกของบุลินที่ไปส่งดั่งบุหลันลูกสาวคนโตแล้วตื่นเต้นอยากไปบ้าง “ไม่อยากเห็นน้องจันทร์เจ้าร้องไห้น่ะค่ะ” “โอ๊ย พ่อบี น้องจันทร์เจ้าเก่งจะตายไป ไม่ร้องหรอก” “ต้องร้องแน่ๆ ไม่มีเด็กคนไหนไม่ร้องหรอก ขนาดไอ้บุ้งยังร้องไห้จ้าอยู่เป็นอาทิตย์ๆ” ปภาดาหัวเราะคิกคัก “ปอนด์จำได้ ร้องจนปอนด์รำคาญ แต่เด็กที่ไม่
ตอนพิเศษ ดั่งบุหลัน “เจ้าขาคนดีของพ่อบุ้ง ทำไมถึงไม่อยากไปโรงเรียนล่ะครับ” บุลินถูกภรรยาวานให้มากล่อมลูกสาวคนโตที่งอแงไม่ยอมไปโรงเรียน ชายหนุ่มเท้าคางนอนตะแคงอยู่ข้างลูกสาวที่ขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มนิ่ง แม้ว่าจะพูดอะไรก็ไม่ยอมตอบกลับมาสักคำ “ลืมทำการบ้านหรือเปล่า กลัวคุณครูดุก็เลยไม่อยากไปโรงเรียนเหรอครับ” บุลินพยายามคาดเดาเหตุผลที่ลูกสาวไม่อยากไปโรงเรียน “หรือว่าถูกใครแกล้ง” พอพูดออกไปเขาก็ขมวดคิ้ว เท่าที่ผ่านมาไม่มีเด็กกล้ารังแกลูกเขาหรอก เคยทำคนที่มาแกล้งจนฟันน้ำนมหักเลยด้วยซ้ำ เหตุผลนี้คงไม่ใช่ “เราเคยสัญญากันแล้วไม่ใช่เหรอครับว่ามีอะไรก็จะบอกพ่อบุ้ง เจ้าขาก็รู้ว่าพ่อเก็บความลับเก่งที่สุดเลย” คนร่างจิ๋วภายใต้ผ้าห่มขยับตัวยุกยิก บุลินใจชื้นที่ลูกสาวมีปฏิกิริยาสักที เขารอคอยอย่างอดทนให้ลูกสาวออกมาคุยกันดีๆ แต่แล้วกลับนิ่งไปอีก “เอ๊ะ หรือว่าจริงๆ แล้วป่วย” บุลินพยายามจะดึงผ้าห่มออกจากตัวของลูกสาว “พ่อหนูไม่ได้ป่วยนะ” น้ำเสียงเล็กๆ ที่ตอบกลับมานั้นฟังอู้อี้ “แล้วทำไมไม่อยากไปโรงเรียนล่ะครับ” “ก็มัน...เสียใจ เจ
ตอนที่ ๒๓ ถึงคนเป็นพ่อจะยังไม่หายดีและยังไม่พร้อมเจอกับนิศากร แต่เรื่องที่ยอมให้อยู่กับบุลินได้อย่างเดิมก็ถือว่าเป็นความก้าวหน้าทางด้านอารมณ์ของชัยกรไปในทางที่ดี อย่างน้อยๆ เธอก็ไม่ต้องเผชิญกับอารมณ์เดี๋ยวรัก เดี๋ยวเกลียดของอีกฝ่ายอีกต่อไปแล้ว พอเดินพ้นประตูบ้านเข้าไปด้านในโดยมีมือของบุลินที่กอบกุมมือเธออยู่ ก็พบว่าทุกคนในครอบครัวของเขาอยู่ที่นั่นเพื่อรอต้อนรับการกลับมาของเธอ รวมทั้งน้องสาวฝาแฝดอย่างทิพากรด้วย ซึ่งวันนี้ถูกแต่งหน้าจนสวยกว่าทุกที ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นฝีมือของปภาดาอย่างแน่นอน นิศากรเดินเข้าไปหาแสงรุ้งเป็นคนแรก หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงปลอบโยน “ขวัญเอ๋ย ขวัญมา” แล้วจับมือของหญิงสาวมาบีบเบาๆ “จากนี้ต่อไปก็ขออย่าให้มีอะไรมาพรากเธอไปจากหลานชายฉันอีกเลย” “คงไม่มีแล้วค่ะ ยกเว้นพี่บุ้งจะเบื่อไนท์” “ไม่มีวันนั้นหรอกน่า” บุลินแทรกขึ้นมาทันที “ย่าก็ว่าอย่างนั้นแหละ” หญิงชรายังคงไม่ยอมปล่อยมือของคนอ่อนวัยกว่าและเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แล้วคราวนี้ฉันก็จะไม่ยอมแน่” “นั่นสิ คราวนี้ไม่มีใครยอมหรอกนะน้องไนท์” ปภาดาเบ
ตอนที่ ๒๒ “เราว่าเนื้อเรื่องดูสดใสขึ้นนะ” คเชนทร์ที่ได้รับอนุญาตให้อ่านพล็อตของเพื่อนก่อนใครให้คำวิจารณ์กับเพื่อนสนิท นิศากรยิ้มจนตาหยี “ดีกว่าเดิมใช่ไหม” “เราก็คิดว่าดีกว่าเดิมนะ เหมาะกับลายเส้นน่ารักๆ ของเธอด้วย แถมพระเอกนิสัยสามีแห่งชาติขนาดนี้ เขียนให้เป็นแนวรักไปเลยน่าจะผ่านนะ” เพราะว่าพล็อตคราวก่อนไม่ผ่านจึงต้องมาปรับกันใหม่ “แล้วนี่ อยู่คนเดียวโอเคใช่ไหม” “โอเค เราอยู่ได้ไม่ต้องห่วง แต่ว่าจริงๆ แล้ว พี่บุ้งมาหาทุกสองสามวันเลยแหละ ไม่ค่อยเหมือนอยู่คนเดียวสักเท่าไหร่” คเชนทร์ได้ฟังแล้วก็หัวเราะ เมื่อนึกถึงสามีของเพื่อนที่หย่ากันเพราะความจำเป็น แต่ทั้งสองยังรักกันดีจนเขาอดอิจฉาไม่ได้พอคิดถึงแฟนที่เพิ่งเลิกกันไปก็น้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง “เอ๊ะ นั่นน้องสาวเธอหรือเปล่า” นิศากรหันหน้าไปตามสายตาของคเชนทร์ ก็พบว่าทิพากรเดินเคียงมากับชายหนุ่มร่างสูงท่าทางดูดีมากคนหนึ่ง เธอจำได้ว่านั่นคือยามที่เคยเป็นกระแสในโลกโซเชียลของโรงแรมบุลินซึ่งทำให้ยอดจองช่วงหนึ่งมากขึ้นจนน่าตกใจ “สองคนนั้นสนิทกันเหรอเนี่ย” นิศากรเลิก