ถึงจะยังไม่สว่างแต่นิศากรก็ตื่นแล้ว หญิงสาวนอนฟังเสียงลมหายใจของคนที่อยู่อีกฟากของเตียงด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้มบางๆ โดยไม่รู้ตัว
เพราะไม่ต้องตื่นขึ้นมาทำอาหารเช้าเหมือนเช่นทุกวัน เธอจึงหยิบเอาโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาเพื่ออ่านกระทู้ซึ่งเธอเคยตั้งเอาไว้เมื่อหลายเดือนก่อน มีความคิดเห็นมาเพิ่มอีกสองสามความคิดเห็น เธอกดตอบกลับความคิดเห็นพวกนั้นแล้วจึงลุกขึ้นทำธุระส่วนตัวอย่างเงียบเชียบ พอกลับออกมาถึงได้พบว่าบุลินลุกขึ้นมานั่งแล้ว แต่ท่าทางเหมือนยังไม่ตื่นเต็มตา
“พี่บุ้งจะเข้าห้องน้ำเลยไหมคะ”
“ครับ” ชายหนุ่มหยิบไม้ค้ำยันที่วางอยู่ข้างเตียงก่อนจะลุกขึ้นยืนด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องมีเธอช่วยก็ได้ แต่เธอก็อดเข้าไปช่วยเขาไม่ได้อยู่ดี เขาหันมายิ้ม “ไม่ต้องเข้ามาด้วยกันหรอกนะ พี่ปวดท้อง”
คนฟังหน้าเหวอ เธอค้อนใส่เขาเป็นครั้งแรก ชายหนุ่มเห็นท่าทางนั้นแล้วหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเข้าไปจัดการทำธุระส่วนตัวเพียงลำพังคนเดียว เมื่อเรียบร้อยแล้วจึงออกมาใส่ขาเทียมโดยมีนิศากรมองดูวิธีการใส่อย่างใกล้ชิด
หลังจากโทรให้พนักงานขับรถกอล์ฟมารับไปรับประทานอาหารที่ห้องอาหารของทางรีสอร์ตเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาไปเล่นกับน้องแกะ
บุลินมองหาเก้าอี้ซึ่งมีอยู่หลายตัวเพื่อใช้นั่งมองนิศากรด้วยความเพลิดเพลิน เธอใช้หญ้าซึ่งเป็นอาหารแกะหลอกล่อพาพวกมันมาใกล้ๆ เขาอยู่หลายตัว ชายหนุ่มจึงหยิบเอาโทรศัพท์ของตัวเองมาถ่ายภาพเล่นไปเรื่อยเปื่อยและก็ติดหญิงสาวมาหลายภาพ บางภาพก็เป็นภาพเจ้าตัวกำลังเซลฟี่กับแกะนั่นแหละ
แต่พอนิศากรเผลอไกลออกไปจากเขาก็มีใครบางคนเข้ามาหาอีกแล้ว ทำให้เขาคิดว่าหญิงสาวก็ดูเหมือนจะมีเสน่ห์ไม่เบาเลย แล้วก่อนหน้านั้นทำไมไม่เคยคบใครมาบ้างเลยจนอายุตั้งยี่สิบห้า พอนึกถึงชัยกรก็เดาว่าพ่อคงหวงมาก แล้วนี่ต้องให้แต่งกับเขาแบบไม่เต็มใจ คงจะไม่พอใจอยู่เหมือนกันละมั้ง
“บอกผู้ชายคนนั้นไปว่าอะไรเหรอครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามหลังจากหญิงสาวเดินกลับมาหาเขาเพราะเบื่อเล่นกับแกะแล้ว
นิศากรนั่งลงข้างกันบนเก้าอี้ที่ทำจากปูน “บอกว่ามากับแฟนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สีแดง” ซึ่งก็คือตัวที่พวกเขานั่งอยู่ “เขาดูหน้าเจื่อนๆ ไปนะคะ แล้วก็ได้ยินแว่วๆ เขาพูดกับเพื่อนว่ากูบอกมึงแล้วเขามากับพ่อทูนหัว”
บุลินยื่นหน้าเข้าไปใกล้หญิงสาวพลางจ้องอีกฝ่ายนิ่ง ทำเอาคนถูกจ้องเอนตัวถอยหนี “ปกติผู้ชายเข้ามาจีบบ่อยแบบนี้เลยหรือเปล่าครับ”
“ก็ถ้าเข้ามาคุยนิดๆ หน่อยๆ แบบนั้นคือจีบ ก็บ่อยค่ะ แต่สมัยเรียนนะคะ พอเรียนจบแล้วไม่ค่อยได้ออกไปไหนนอกจากไปจ่ายตลาด”
“แล้วทำไมยังโสดมาตั้งแต่สมัยเรียนล่ะ”
“ก็คนที่ชอบเขาชอบคนอื่นไงคะ แล้วอีกอย่างก็เป็นเพื่อนสนิทกันด้วย”
“หืม เสียใจไหมที่เขาไม่ชอบเราน่ะ”
“เสียใจนิดหน่อยค่ะ แต่ก็แค่แป๊บเดียวเอง พอเขามีแฟนก็รู้แล้วว่าไม่ได้ชอบอะไรเขามากมายนักหรอกค่ะ แค่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ”
“แล้วตอนนี้ยังติดต่อกันอยู่หรือเปล่า”
“ติดต่อสิคะ ก็ยังวาดการ์ตูนด้วยกันอยู่เลย”
บุลินเลิกคิ้ว “เรื่องงานเหรอครับ”
“ค่ะ ช่วยกันวาดการ์ตูนลงเว็บน่ะค่ะ พี่บุ้งอยากอ่านไหมคะ” สีหน้าของหญิงสาวดูภาคภูมิใจมาก ทำเอาความรู้สึกกรุ่นๆ เหมือนจะหงุดหงิดหายไปทันที
“อยากครับ”
“เนื้อเรื่องไนท์ไม่ได้เป็นคนคิดนะคะ ไนท์ช่วยตัดเส้นกับลงสีค่ะ เพราะเพื่อนทำงานประจำแต่ละอาทิตย์ก็เลยทำเองทั้งหมดไม่ทัน เขาถึงมาชวนให้ไนท์ทำด้วยกัน” หญิงสาวเล่าพลางกดหยุกหยิกที่หน้าจอมือถือของตัวเอง
บุลินรับมาดู กดอ่านไปสองสามตอนก็หันมาหาคนข้างตัว “การ์ตูนสยองขวัญเหรอครับ”
“ค่ะ แต่ผีในเรื่องไม่ได้น่ากลัวนะคะ ออกแนวน่าสงสาร ตัวเอกที่เป็นหลวงพี่บวชใหม่กับเด็กน้อยที่เป็นเด็กวัดก็ตลกด้วย”
ชายหนุ่มฟังหญิงสาวเล่าด้วยความเพลิดเพลิน ดูท่าทางจะชอบงานที่ตัวเองทำมาก เขาเข้าใจเธอดี เพราะแต่ก่อนตัวเองก็ชอบและหลงใหลการแข่งมอเตอร์ไซค์ยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น เคยคิดว่าจะได้อยู่บนถนนสายนี้ไปจนตายเสียอีก
“หลังเรื่องนี้จบ เรื่องใหม่เพื่อนบอกว่าจะให้ไนท์เป็นคนคิดบ้าง ตอนนี้ก็เริ่มร่างสตอรี่บอร์ดเอาไว้แล้วด้วยค่ะ”
“แต่คือ...พี่เกลียดเรื่องผีๆ น่ะ รออ่านเรื่องที่เธอคิดดีกว่า”
“...” นิศากรมองชายหนุ่มตาปริบๆ ก่อนจะหัวเราะคิกคัก “แต่เรื่องใหม่นางเอกสองคน คนหนึ่งเป็นผีนะคะ”
“เฮ้อ งั้นพี่จะยอมอ่านก็ได้”
นิศากรซบหน้าลงกับไหล่ของชายหนุ่ม “ดีใจจังเลยค่ะที่ถึงพี่บุ้งจะไม่ชอบแนวนี้ แต่ก็จะยอมอ่าน”
ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบหัวของอีกฝ่ายเบาๆ
“พี่บุ้งตัวหอมจริงๆ นะเนี่ย ห้อม หอม” นิศากรเงยหน้าขึ้น “ไม่เห็นพี่บุ้งจะใช้น้ำหอมเลยแต่ทำไมตัวหอมจัง”
เขาดมกลิ่นตัวเอง “ไม่นี่ ไม่เห็นหอม อีกอย่างพี่ก็ใช้แค่สบู่ปกติ”
“มันหอมจริงๆ นะคะ”
บุลินหัวเราะ “คืนนี้ให้นอนกอดพี่เอาไหมล่ะครับ”
เมื่อคืนเพราะที่นี่มีหมอนข้างให้ด้วย หญิงสาวก็เลยเอามันมากั้นระหว่างเขากับเธอเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงนอนอย่างสงบเสงี่ยมเรียบร้อยอยู่แค่ในขอบเขตของตัวเอง
“ดมแค่นี้พอแล้วค่ะ” หญิงสาวเอาหน้าแดงจางๆ ออกห่างจากชายหนุ่มทันที แถมขยับตัวออกห่างอีกนิดด้วย
ชุดว่ายน้ำที่ชายหนุ่มสั่งให้เลอศิลป์เตรียมไว้ให้ดูออกจะคล้ายชุดเดรสสายเดี่ยวเสียด้วยซ้ำ ดังนั้นนิศากรก็เลยไม่ได้รู้สึกเขินมากมายนัก เธอมองดูชายหนุ่มซึ่งลงไปในสระน้ำส่วนตัวบนดาดฟ้าของห้องพักก่อนแล้วก็สงสัย
“พี่บุ้งทำไมหุ่นดีจังล่ะคะ”
บุลินแทบจะหลุดขำพรืดเพราะสายตาอยากรู้อยากเห็นของอีกฝ่าย “ก็พี่ว่างเยอะ ส่วนใหญ่งานก็ใช้ศิลป์ไปทำ แล้วถ้าอยู่เฉยๆ เอาแต่กินกับนอนพี่ก็อ้วนจนใส่ขาเทียมไม่ได้น่ะสิ”
“อ๋อ...” หญิงสาวหย่อนตัวลงในน้ำ
ชายหนุ่มขยับตัวเพียงไม่กี่ทีก็ถึงตัวของหญิงสาวเพราะสระค่อนข้างจะเล็ก “ปกติพี่จะว่ายน้ำออกกำลังกายที่สระใหญ่ของคุณย่า คราวหน้าไปเล่นด้วยกันดีไหมครับ”
นิศากรปล่อยให้ชายหนุ่มโอบแขนรอบเอวของตัวเอง “คำว่าดีไหมครับของพี่บุ้งคือต้องตกลงทุกอย่างเลยใช่ไหมคะ”
“ถามความคิดเห็นครับ” ชายหนุ่มหัวเราะ “แต่ก็อยากให้ตกลง”
“เอาไว้...หลังแต่งงานแล้วกันค่ะ”
“โอเคครับ”
บุลินก้มลงหอมแก้มหญิงสาวเร็วๆ ทีหนึ่ง ทำให้คนที่รู้สึกเขินวักน้ำใส่อีกฝ่ายไปหลายที ก่อนจะถูกแกล้งกลับด้วยการวักน้ำใส่ที่รุนแรงกว่าจนสำลักน้ำ
แค่ก! แค่ก! “พี่...บุ้ง”
ชายหนุ่มได้แต่หัวเราะเพราะสภาพลูกหมาเปียกน้ำของอีกฝ่ายอย่างอารมณ์ดี ในขณะที่หญิงสาวค้อนใส่เขาไปหลายที
นิศากรที่ถูกแกล้งจนสำลักน้ำนั้น ในคืนที่สองก็ยังคงเอาหมอนข้างมากั้นตรงกลางเอาไว้เหมือนเดิมและนอนหันหลังให้กับ
บุลินส่วนอีกวันที่เหลือก็ถูกใช้ไปกับกิจกรรมต่างๆ ของทาง
รีสอร์ตทั้งขี่ม้าและยิงธนู ทำให้วันนี้ทั้งสองคนต่างรู้สึกเหนื่อยมากกว่าปกติ คืนสุดท้ายก่อนจะเดินทางกลับในวันพรุ่งนี้จึงเข้านอนเร็วกว่าปกติ แต่ก็ไม่ได้หลับไปในทันทีบุลินหันไปทางนิศากรที่ดูเหมือนจะยังไม่หลับ “สนุกไหมครับ”
“สนุกมากเลยค่ะ” แต่ฟังจากเสียงก็น่าจะใกล้หลับแล้ว
ชายหนุ่มยันตัวขึ้นมองดูหญิงสาวที่ดวงตากำลังจะปิดลงอย่างช้าๆ และสุดท้ายเสียงลมหายใจก็เริ่มดังอย่างสม่ำเสมอ เขาลดตัวลงนอนพลางหลับตาลง เริ่มคิดว่าอยากให้ถึงวันแต่งงานเร็วๆ จะได้อยู่กับหญิงสาวทุกวัน
เลอศิลป์ไม่ว่างจึงกลายเป็นคนขับรถของที่บ้านชายหนุ่มมารับแทนซึ่งบุลินก็คิดว่าดี เพราะไม่อย่างนั้นคงโดนล้อเลียนจนน่ารำคาญและก่อนจะไปส่งหญิงสาวที่บ้าน บุลินก็พาเจ้าตัวแวะร้านเครื่องประดับแห่งหนึ่งเสียก่อน
“พาไนท์มาทำไมคะ”
“พามาเลือกแหวนสักวงหนึ่งครับ ใส่เอาไว้ก่อนที่นิ้วนางข้างซ้ายน่ะ”
“เอ๊ะ”
“เอาเป็นแบบที่ใส่ได้ทุกวัน ออกไปไหนก็ต้องใส่ไว้ครับ”
“แต่วันงานก็ต้องซื้ออีกนี่คะ”
“แหวนแต่งงานก็ส่วนแหวนแต่งงานสิครับ อันนี้พี่อยากให้ใส่ไว้จะได้รู้ว่ามีคนจองเธอแล้ว” บุลินพูดจบก็หันไปบอกลักษณะแหวนที่อยากได้กับพนักงาน และสุดท้ายนิศากรก็ได้แหวนทองคำขาวกลมเกลี้ยงหนึ่งวงมาอยู่บนนิ้วนางข้างซ้าย
นิศากรเดินเข้าบ้านก็พบกับน้องสาวอย่างมาริษาเข้าพอดี เจ้าตัวอยู่ในชุดนอนทั้งๆ ที่ตอนนี้เกือบจะเที่ยงแล้ว แม้เรียนจบมาได้สักพักแต่ก็ยังไม่เริ่มทำงานอะไรจริงจังสักที
“ดูมีความสุขนะ”
“อืม”
“ชอบผู้ชายหน้าบูดแบบนั้นเหรอยะ ไม่เห็นจะน่าแต่งด้วยตรงไหน”
“เธอพลาดแล้วละ พี่บุ้งออกจะน่ารัก”
“แหม” มาริษายกมือขึ้นกอดอก “ฉันเพิ่งตื่นหิวข้าวอะ กับข้าวจากร้านอาหารที่ซื้อมามันไม่ค่อยถูกปากเลย”
“อยากกินอะไรล่ะ”
“ต้มยำหรืออะไรก็ได้ที่เผ็ดๆ”
“รู้ไหมพี่บุ้งไม่กินเผ็ดเลย”
“เห็นแล้ว ตั้งแต่วันที่เจอกันน่ะ บนโต๊ะอาหารเห็นกินแต่อะไรจืดๆ ดูจืดชืดชะมัด” มาริษาเห็นรอยยิ้มของนิศากร “ยิ้มแบบนั้นคืออะไร”
“ไม่มีอะไรหรอก เดี๋ยวพี่เอาของไปเก็บก่อนนะแล้วจะลงมาทำกับข้าวให้กิน”
“นี่” แต่มาริษากลับเรียกไว้ก่อน “เธอเข้ากับอีตาพี่บุ้งได้ดีใช่ไหม ยังไงก็จะแต่งงานกันแน่ๆ ใช่ปะ”
“แน่นอนสิ”
“ก็ดีแล้ว เธอจะได้ไปๆ จากบ้านนี้สักที” พูดจบหญิงสาวก็เตรียมจะเดินกลับขึ้นไปชั้นบนเหมือนกันเพื่ออาบน้ำ
“มิ้น ขอบใจนะที่เธอไม่ชอบพี่บุ้ง”
“ใครจะไปชอบ แค่สบตาก็รู้แล้วว่าเขาไม่ชอบฉัน แล้วฉันสวยขนาดนี้ทำไมจะต้องไปง้อผู้ชายที่เขาไม่สนใจตัวเองด้วย ตอนนี้อะมีคนน่าสนใจมากกว่าอีตาพี่บุ้งของเธอมาจีบฉันด้วย หล่อกว่าอีกต่างหาก เดี๋ยวเอารูปให้ดู”
“เหรอ” นิศากรลากเสียงยาวเหมือนไม่เชื่อ “ตอนนี้พี่ว่าใครก็หล่อสู้พี่บุ้งไม่ได้หรอก”
“แหวะ ตาหน้าบูดนั่นยังไงฉันก็มองว่าไม่หล่อๆ ไม่หล่อก็คือไม่หล่อ” มาริษาก้าวนำขึ้นไปยังชั้นสองโดยมีเสียงหัวเราะของนิศากรดังไล่หลัง
ตอนที่บุลินกลับมาถึงก็พบว่าเลอศิลป์นั่งทำงานรอเขาอยู่ภายในห้องรับแขก พอเห็นหน้าก็เอ่ยปากแซวทันที
“คนเราพอมีความสุขนี่ดูเด็กลงเยอะเลยนะครับ”
“แล้วนายล่ะ หน้าตาอย่างกับหมีแพนด้าแบบนั้นคืออะไร แถมยังแดงๆ อีกด้วย ร้องไห้มาละสิ”
“ยุ่งน่า” เลอศิลป์กลอกตามองบน “พี่มานี่เลยมาช่วยดูเรื่องรายละเอียดการตกแต่งของโรงแรมสาขาใหม่”
บุลินนั่งลงข้างกันบนโซฟา “หลังแต่งงานฉันจะเข้าไปทำงานแบบเต็มตัวที่บริษัท”
“ครับ...” แต่พอคนฟังประมวลผลได้ว่าคนเป็นเจ้านายพูดว่าอะไรก็หันไปทำตาโต “เฮ้ย! พี่บุ้งพูดจริงดิ จริงเหรอครับ จะออกจากถ้ำแล้ว เอาอะไรเป็นแรงบันดาลใจครับพี่”
ป๊อก! บุลินดีดนิ้วใส่หน้าผากของคนเด็กกว่าอย่างแรง
“ก็ฉันจะมีเมีย ก็ต้องทำงานเลี้ยงเมียเองไหมล่ะ ขืนทำแบบเล่นๆ อย่างทุกวันนี้ เวลาเอาเงินที่ฉันไม่ได้หาเองไปเปย์เมียมันไม่สบายใจ”
เลอศิลป์เปิดปากหัวเราะเสียงดังอย่างไม่เกรงใจ “น้องไนท์นี่เหมือนนางฟ้ามาโปรดผมเลย คราวนี้งานจะได้น้อยลงหน่อย”
“ทำน้อยลง เงินเดือนต้องน้อยลงด้วยสิ”
“ได้ไงเล่าพี่” เสียงหัวเราะของเลอศิลป์ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง
“เลิกหัวเราะแล้วทำงานต่อเถอะน่า”
แม้จะถูกคนเป็นเจ้านายดุ แต่คนเป็นลูกน้องก็ยังหัวเราะต่อไปอีกครู่หนึ่งกว่าจะเริ่มทำงานกันอย่างจริงจัง
ตอนพิเศษ คนที่แสนโชคดี บุลินนอนมองคุณแม่ของลูกสาวทั้งสองซึ่งยังหลับสนิท เพราะวันนี้เป็นวันหยุดของลูกๆ รวมถึงของเขาด้วย เธอจึงไม่ต้องรีบตื่นเพื่อเข้าครัวทำมื้อเช้าให้กับทุกคน เธอปรือตาขึ้นมองสามี แต่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองนิ่งๆ เท่านั้น บุลินอดใจไว้ไม่ไหวจึงยื่นหน้าไปจูบหนักๆ ลงบนหน้าผากของคนที่ยังไม่ตื่นเต็มตา ลูกสาวคนโตนอนหลับอยู่ในห้องส่วนตัวของเธอ ส่วนคนเล็กไปนอนค้างกับบวรและปภาดา ดังนั้นตอนนี้พวกเขาจึงมีเพียงกันและกันอยู่บนเตียงกว้าง ช่างเป็นยามเช้าที่แสนเย้ายวนใจ “น้องไนท์ถุงยางอนามัยหมดแล้ว” บุลินก้มลงกระซิบ มือก็ลากไล้ไปตามเอวของหญิงสาวที่ขยับขยายกว้างขึ้นเล็กน้อยเพราะผ่านการเป็นคุณแม่มาแล้ว นิศากรพยักหน้ารับรู้เบาๆ เขาอมยิ้ม “ถ้าไม่ใช้ก็อาจจะท้องอีกนะครับ” คนฟังขมวดคิ้ว ตอนแรกเธอไม่ได้คิดอะไร แต่พอได้ยินอีกประโยคสติก็เริ่มแจ่มชัด “พี่บุ้งอยากมีอีกคนเหรอคะ” “เจ้าขาก็โตแล้ว จันทร์เจ้าก็ถูกพี่บีแย่งไป เหงาน่ะไม่มีใครให้อุ้มเลย” “ลูกมากจะยากจนนะคะ” นิศากรหัวเราะคิกคัก
ตอนพิเศษ เมื่อพบกันอีกครั้ง ลูกสาวคนโตวัยเกือบเจ็ดขวบกว่านั้นไม่เคยมาขอนอนด้วยอีกเลยตั้งแต่มีห้องส่วนตัวเป็นของตัวเองส่วนลูกสาวคนเล็กที่อายุเพิ่งครบห้าปีก็แทบจะไปนอนกับบวรและปภาดาวันเว้นวัน ดังนั้นสองสามีภรรยาจึงมีเวลาส่วนตัวในยามค่ำคืนอยู่มาก นิศากรหวีผมเรียบร้อยแล้วก็ปีนขึ้นเตียงไปหาสามีที่กำลังอ้าแขนรอ เธอซบหน้ากับอกของชายหนุ่มพลางหายใจเอากลิ่นหอมจากกายสามีเข้าเต็มปอด “มีอะไรครับ” บุลินเอ่ยถามเพราะรู้สึกได้ถึงอาการกังวลใจของภรรยา “เดย์บอกว่าคุณพ่ออยากเจอไนท์ค่ะ” อ้อมแขนแข็งแรงกอดกระชับแน่นขึ้น “อยากเจอหรือเปล่าครับ” เธอพยักหน้า “เดย์บอกว่าคุณพ่อกังวลมากและคิดอยู่นานว่าจะเจอไนท์ดีหรือเปล่า” หญิงสาวถอนหายใจ “ไนท์จะเริ่มต้นใหม่กับคุณพ่อได้ไหมคะ มันจะราบรื่นหรือเปล่า” “ยังไงก็มีเจ้าขากับจันทร์เจ้าอยู่นะครับ คุณพ่อเอ็นดูสองคนนั้นจะตายไป” บุลินพาลูกสาวทั้งสองคนไปเยี่ยมชัยกรอย่างน้อยเดือนละครั้ง “ลูกต้องช่วยให้บรรยากาศระหว่างเธอกับท่านเป็นไปอย่างราบรื่นแน่” “ไนท์ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นค่ะ” “ยังไงก็
ตอนพิเศษ ดุจจันทรา ดุจจันทราหรือน้องจันทร์เจ้าของทุกคน ลูกสาวคนที่สองของบุลิน เป็นเด็กคลอดก่อนกำหนด ทำเอาทุกกังวลใจกันไปหมด แต่หลังจากออกจากตู้อบมาแล้ว ร่างกายก็แข็งแรงดี เพียงแต่เจ้าตัวกลับติดบวรมากกว่าคนเป็นพ่ออย่างบุลินเสียอีก ดังนั้นจึงกลายเป็นพ่อบี พ่อบุ้งไปโดยปริยาย “พรุ่งนี้จันทร์เจ้าจะไปโรงเรียนเป็นวันแรก พี่บีจะไปส่งลูกไหมคะ” ปภาดาซึ่งนั่งหวีผมอยู่หน้ากระจก หันมาถามสามีเมื่อเห็นว่าเขาออกมาจากห้องน้ำแล้ว “พี่ว่าจะไม่ไปหรอก” บวรรับหวีมาจากมือของปภาดาแล้วช่วยแปรงผมให้อย่างเบามือ “อ้าวทำไมล่ะ ลูกไปโรงเรียนวันแรกเลยนะ ไอ้บุ้งก็บอกว่าต้องลองไปสัมผัสดู ครั้งเดียวในชีวิตเลยที่ลูกจะมีวันนี้” ปภาดาฟังประสบการณ์ครั้งแรกของบุลินที่ไปส่งดั่งบุหลันลูกสาวคนโตแล้วตื่นเต้นอยากไปบ้าง “ไม่อยากเห็นน้องจันทร์เจ้าร้องไห้น่ะค่ะ” “โอ๊ย พ่อบี น้องจันทร์เจ้าเก่งจะตายไป ไม่ร้องหรอก” “ต้องร้องแน่ๆ ไม่มีเด็กคนไหนไม่ร้องหรอก ขนาดไอ้บุ้งยังร้องไห้จ้าอยู่เป็นอาทิตย์ๆ” ปภาดาหัวเราะคิกคัก “ปอนด์จำได้ ร้องจนปอนด์รำคาญ แต่เด็กที่ไม่
ตอนพิเศษ ดั่งบุหลัน “เจ้าขาคนดีของพ่อบุ้ง ทำไมถึงไม่อยากไปโรงเรียนล่ะครับ” บุลินถูกภรรยาวานให้มากล่อมลูกสาวคนโตที่งอแงไม่ยอมไปโรงเรียน ชายหนุ่มเท้าคางนอนตะแคงอยู่ข้างลูกสาวที่ขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มนิ่ง แม้ว่าจะพูดอะไรก็ไม่ยอมตอบกลับมาสักคำ “ลืมทำการบ้านหรือเปล่า กลัวคุณครูดุก็เลยไม่อยากไปโรงเรียนเหรอครับ” บุลินพยายามคาดเดาเหตุผลที่ลูกสาวไม่อยากไปโรงเรียน “หรือว่าถูกใครแกล้ง” พอพูดออกไปเขาก็ขมวดคิ้ว เท่าที่ผ่านมาไม่มีเด็กกล้ารังแกลูกเขาหรอก เคยทำคนที่มาแกล้งจนฟันน้ำนมหักเลยด้วยซ้ำ เหตุผลนี้คงไม่ใช่ “เราเคยสัญญากันแล้วไม่ใช่เหรอครับว่ามีอะไรก็จะบอกพ่อบุ้ง เจ้าขาก็รู้ว่าพ่อเก็บความลับเก่งที่สุดเลย” คนร่างจิ๋วภายใต้ผ้าห่มขยับตัวยุกยิก บุลินใจชื้นที่ลูกสาวมีปฏิกิริยาสักที เขารอคอยอย่างอดทนให้ลูกสาวออกมาคุยกันดีๆ แต่แล้วกลับนิ่งไปอีก “เอ๊ะ หรือว่าจริงๆ แล้วป่วย” บุลินพยายามจะดึงผ้าห่มออกจากตัวของลูกสาว “พ่อหนูไม่ได้ป่วยนะ” น้ำเสียงเล็กๆ ที่ตอบกลับมานั้นฟังอู้อี้ “แล้วทำไมไม่อยากไปโรงเรียนล่ะครับ” “ก็มัน...เสียใจ เจ
ตอนที่ ๒๓ ถึงคนเป็นพ่อจะยังไม่หายดีและยังไม่พร้อมเจอกับนิศากร แต่เรื่องที่ยอมให้อยู่กับบุลินได้อย่างเดิมก็ถือว่าเป็นความก้าวหน้าทางด้านอารมณ์ของชัยกรไปในทางที่ดี อย่างน้อยๆ เธอก็ไม่ต้องเผชิญกับอารมณ์เดี๋ยวรัก เดี๋ยวเกลียดของอีกฝ่ายอีกต่อไปแล้ว พอเดินพ้นประตูบ้านเข้าไปด้านในโดยมีมือของบุลินที่กอบกุมมือเธออยู่ ก็พบว่าทุกคนในครอบครัวของเขาอยู่ที่นั่นเพื่อรอต้อนรับการกลับมาของเธอ รวมทั้งน้องสาวฝาแฝดอย่างทิพากรด้วย ซึ่งวันนี้ถูกแต่งหน้าจนสวยกว่าทุกที ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นฝีมือของปภาดาอย่างแน่นอน นิศากรเดินเข้าไปหาแสงรุ้งเป็นคนแรก หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงปลอบโยน “ขวัญเอ๋ย ขวัญมา” แล้วจับมือของหญิงสาวมาบีบเบาๆ “จากนี้ต่อไปก็ขออย่าให้มีอะไรมาพรากเธอไปจากหลานชายฉันอีกเลย” “คงไม่มีแล้วค่ะ ยกเว้นพี่บุ้งจะเบื่อไนท์” “ไม่มีวันนั้นหรอกน่า” บุลินแทรกขึ้นมาทันที “ย่าก็ว่าอย่างนั้นแหละ” หญิงชรายังคงไม่ยอมปล่อยมือของคนอ่อนวัยกว่าและเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แล้วคราวนี้ฉันก็จะไม่ยอมแน่” “นั่นสิ คราวนี้ไม่มีใครยอมหรอกนะน้องไนท์” ปภาดาเบ
ตอนที่ ๒๒ “เราว่าเนื้อเรื่องดูสดใสขึ้นนะ” คเชนทร์ที่ได้รับอนุญาตให้อ่านพล็อตของเพื่อนก่อนใครให้คำวิจารณ์กับเพื่อนสนิท นิศากรยิ้มจนตาหยี “ดีกว่าเดิมใช่ไหม” “เราก็คิดว่าดีกว่าเดิมนะ เหมาะกับลายเส้นน่ารักๆ ของเธอด้วย แถมพระเอกนิสัยสามีแห่งชาติขนาดนี้ เขียนให้เป็นแนวรักไปเลยน่าจะผ่านนะ” เพราะว่าพล็อตคราวก่อนไม่ผ่านจึงต้องมาปรับกันใหม่ “แล้วนี่ อยู่คนเดียวโอเคใช่ไหม” “โอเค เราอยู่ได้ไม่ต้องห่วง แต่ว่าจริงๆ แล้ว พี่บุ้งมาหาทุกสองสามวันเลยแหละ ไม่ค่อยเหมือนอยู่คนเดียวสักเท่าไหร่” คเชนทร์ได้ฟังแล้วก็หัวเราะ เมื่อนึกถึงสามีของเพื่อนที่หย่ากันเพราะความจำเป็น แต่ทั้งสองยังรักกันดีจนเขาอดอิจฉาไม่ได้พอคิดถึงแฟนที่เพิ่งเลิกกันไปก็น้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง “เอ๊ะ นั่นน้องสาวเธอหรือเปล่า” นิศากรหันหน้าไปตามสายตาของคเชนทร์ ก็พบว่าทิพากรเดินเคียงมากับชายหนุ่มร่างสูงท่าทางดูดีมากคนหนึ่ง เธอจำได้ว่านั่นคือยามที่เคยเป็นกระแสในโลกโซเชียลของโรงแรมบุลินซึ่งทำให้ยอดจองช่วงหนึ่งมากขึ้นจนน่าตกใจ “สองคนนั้นสนิทกันเหรอเนี่ย” นิศากรเลิก