Share

ตอนที่  4  ขนมเปี๊ยะไส้ฟัก

last update Terakhir Diperbarui: 2025-02-27 23:54:22

 

สายตาที่นิ่งดุจน้ำในสระบัวนั้น ทำให้เขาตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะ แต่เมื่อหันไปเห็นคำสั่งที่นำมาด้วย ก็พลันนึกได้ว่านางเป็นใคร และเขาต้องมาที่นี่เพื่อสิ่งใด

“พรุ่งนี้เจ้าต้องเข้าวังกับข้า”

“อะไรนะเจ้าคะ เหตุใดต้องเข้าวังด้วย”

“หึ ยังมีหน้ามาถามว่าเพราะเหตุใด มิใช่เพราะพวกเจ้าหรอกหรือ ที่ยื่นเงื่อนไขนี้ให้ท่านอ๋อง พรุ่งนี้ต้องเข้าวังเพื่อไปรับตำแหน่งฮูหยินตราตั้งของเจ้าอย่างไรเล่า”

สีหน้าของอีกฝ่ายซีดลงจนเขาจับสังเกตได้ แม้เขาจะนึกสงสัย แต่เพราะอคติในใจที่เกิดขึ้น จากบิดาจอมโลภของนาง จึงทำให้แม่ทัพหนุ่มมองนางในแง่ดีไม่ได้

“เตรียมตัวให้พร้อม พรุ่งนี้ยามเฉิน (07.00 น.) ข้าจะมารับที่เรือนเพื่อเข้าวัง”

แม้ว่าจะดูกังวลใจอยู่บ้าง แต่หลินอิงก็เชิดหน้าขึ้นด้วยสีหน้าไม่เกรงกลัว แม้เขาจะเป็นแม่ทัพใหญ่ก็ตาม

“ไม่มีปัญหาเจ้าค่ะ ท่านมีธุระแค่นี้ใช่หรือไม่”

“ที่นี่เป็นจวนแม่ทัพ ข้าจะอยู่หรือไปเกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย เป็นแค่ผู้อาศัย มีหน้าที่ถามเจ้าของจวนด้วยหรือ”

“เช่นนั้นก็เชิญท่านแม่ทัพตามสบายเถิดเจ้าค่ะ ผู้อาศัยขอตัวก่อน”

นางเดินเข้าไปในเรือนแล้ว เขาลอบสังเกตเห็นท่าเดินของนางที่แปลกไป ดูเหมือนว่านางจะเจ็บขาข้างซ้าย แต่ก็พยายามเดินให้เหมือนปกติ

“ไม่น่ามีอะไรละมั้ง คงเมื่อยจากการทำสวน…ลืมเอาขนมไปงั้นหรือ”

หลิวเว่ยหยางยกชาขึ้นมาดื่ม พร้อมกับหยิบขนมเปี๊ยะในจานมา ซึ่งขนมน่าจะพึ่งลงจากเตาได้ไม่นาน กลิ่นจึงหอมยั่วใจจนทำให้เขาอดที่จะลองชิมไม่ได้ 

“ขนมเปี๊ยะธรรมดาแต่ทำอร่อยขนาดนี้เชียว… ใส่ฟักบดลงไปด้วย”

เขานึกได้ว่าเมื่อครู่นี้ นางบอกว่าเป็นคนทำขนมนี้เอง ซึ่งเรื่องนี้อีกทั้งเรื่องที่นางกับสาวใช้เพียงแค่สองคน ค่อย ๆ ทำให้เรือนหลังนี้น่าอยู่ขึ้นมา ทำให้เขารู้สึกแปลกใจมากกว่าเดิม

“คิดไม่ถึงเลยว่า บุตรสาวของเศรษฐีหน้าเลือดอย่างเมิ่งฉี จะทำสวนและขนมด้วยตัวเอง เมิ่ง…หลินอิง เจ้าตั้งใจจะทำอะไรกันแน่”

ในสวน

ปัก ปัก ปัก!

“คุณหนูท่านทะเลาะกับท่านแม่ทัพมาหรือเจ้าคะ”

“เปล่าเสียหน่อย เขาน่ะหรือจะทำข้าโมโหได้”

“แต่ว่าทำไม…”

“หึ”

ปัก ปัก ปัก!

เสียงจอบในมือนางที่ยกหน้าดิน เพื่อจะปลูกผักกระแทกลงไปแรงกว่าปกติจนผิงเพ่ยรู้สึกว่า งานในวันนี้น่าจะเสร็จเร็วกว่าที่คิด

“ที่ข้าโมโหก็คือ… ดันลืมขนมเอาไว้ที่โต๊ะ พอนึกขึ้นได้กลับไม่กล้าเดินไปเอาต่างหากเล่า!”

“โธ่คุณหนูละก็เรื่องแค่นี้เอง ในครัวยังมีเหลืออีก เดี๋ยวข้าไปเอามาให้นะเจ้าคะ ท่านก็นั่งพักสักหน่อยเถอะ”

“ยิ่งคิดยิ่งโมโห ขนมที่ข้าอุตส่าห์ทำกลับโมโหเจ้าคนบ้าอำนาจนั่น จนลืมเอามาจนได้ เจ็บใจนัก”

“คุณหนูท่านอย่าคิดมากเลยเจ้าค่ะ ตอนนี้เราดีกว่าเมื่อก่อนมากแล้ว สามารถซื้อของมาเก็บ และทำขนมได้เท่าที่ต้องการ อยากกินอะไรก็ไม่ต้องคิดแล้วว่าทำได้กี่ชาม”

เมื่อผิงเพ่ยพูดเช่นนี้หลินอิงก็เงียบลงทันที นางลืมไปเสียได้ว่าที่นี่มิใช่จวนสกุลเมิ่ง ที่พวกนางกว่าจะหาอะไรมาทำกินได้แต่ละครั้ง ยากยิ่งกว่าหาทอง แม้ว่าบิดาของนางจะให้เงินเดือน แต่กับสามชีวิตที่ต้องดูแลก็แทบจะไม่พอ จะทำขนมได้สักสามก้อนก็ต้องใช้เวลาเก็บวัตถุดิบมากกว่าสิบวัน

“นั่นสินะข้าลืมไปเลย ตอนนี้ข้าไม่ต้องจำกัดการทำอาหารแล้วนี่นา”

“เช่นนั้นข้าไปเอาขนมมาให้ท่านนะเจ้าคะ วันนี้เราหยุดก่อนเถอะเจ้าค่ะ พรุ่งนี้ค่อยทำต่อ”

“ได้สิ เช่นนั้นเจ้าก็มองที่หน้าเรือนด้วยนะ ว่าเขากลับไปหรือยัง”

“เจ้าค่ะ”

ผิงเพ่ยเดินไปแล้ว นางจึงหันมาล้างมือและนั่งพัก เมื่อนั่งมองจากตรงนี้แล้ว เวลาสองวันที่นางกับผิงเพ่ยช่วยกันทำความสะอาดที่นี่ ก็นับว่าไม่เสียเปล่า เพราะเรือนนี้เมื่อทำความสะอาดแล้ว น่าอยู่มากเลยทีเดียว

“ไม่เสียแรงที่อุตส่าห์ลงแรงไปเยอะละนะ”

“คุณหนูขนมมาแล้วเจ้าค่ะ กำลังร้อน ๆ เลยระวังนะเจ้าคะ”

“เขากลับไปหรือยัง”

“ท่านแม่ทัพกลับไปแล้วเจ้าค่ะ ข้ามาช้าเพราะมัวแต่เก็บกาน้ำชากลับมาเจ้าค่ะ”

“เอ๊ะ แล้วจานขนมละ”

“ตอนที่ข้าไปเก็บ มีแค่กาน้ำชาที่ดื่มจนหมดแล้วเท่านั้นเจ้าค่ะ อย่างอื่นข้าไม่เห็น”

“อะไรนะ”

เรือนหน้า

“ท่านแม่ทัพ นั่นคือ…”

“ทำไม เจ้ามองอะไรกัน นี่ขนมของข้า!”

“ปกติท่านแม่ทัพ ไม่ชอบของหวานพวกนี้มิใช่หรือขอรับ”

“ใครบอกว่าข้าไม่ชอบกิน เพียงแต่ไม่มีใครทำอร่อยเท่านั้นเอง”

“งั้นหรือขอรับ เช่นนั้น…”

จื่อรั่วเมื่อเห็นท่านแม่ทัพกินด้วยความอร่อย ก็นึกอยากลองบ้าง ดูเหมือนว่าหลิวเว่ยหยางเองก็จะรู้ เขารีบดึงจานขนมที่เหลือเพียงสองชิ้นมาที่โต๊ะ

“เจ้ารีบเอารายงานออกไปส่งเถอะ พรุ่งนี้ต้องเตรียมตัวเข้าวังอีก”

“ขอรับ”

เมื่อจื่อรุ่ยเดินออกไปแล้ว เขาก็กินขนมที่เหลือจนหมด เสียดายที่น้ำชาของนาง กาเล็กเหลือเกินเขาจึงกินขนมได้ไม่หมด จำเป็นต้องถือจานของนางกลับมาถึงเรือนหน้านี้ด้วย

“ก็แค่ขนมจานเดียว ทำใจแคบไม่ให้ข้ากินไปได้”

วันถัดมา

“คุณหนูเจ้าคะ ท่านบอกว่าวันนี้ต้องเข้าวัง แล้วชุดเล่าเจ้าคะจะสวมชุดไหนไปดี”

ผิงเพ่ยกังวลเล็กน้อย เพราะเมิ่งหลินอิงไม่เคยสวมชุดใหม่ และแทบจะไม่เคยซื้อชุดให้ตัวเองเลย เงินทุกเหวินของนางเก็บเอาไว้ซื้ออาหารและยาสำหรับมารดาเท่านั้น เมื่อทราบว่าคุณหนูจะต้องเข้าวัง ผิงเพ่ยจึงเริ่มกังวลเพราะหากฮูหยินท่านแม่ทัพแต่งกายไม่เหมาะสมแล้ว จะทำให้นางขายหน้า

“เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก เดิมทีข้าเองก็คิดมากเช่นกัน แต่เจ้าลองดูกล่องนี้สิ”

“นี่มันกล่องสินเดิมที่ติดตัวท่านมานี่เจ้าคะ”

“ใช่แล้ว ฮูหยินใหญ่นางบอกว่านี่เป็นชุดที่สั่งตัดพิเศษพร้อมเครื่องประดับ เดิมทีข้าก็คิดจะเอาไปขายหลังออกจากจวน พึ่งมาเข้าใจในตอนนี้นี่เองว่า เหตุใดนางจึงมอบชุดนี้มาให้ข้า”

ที่แท้ฮูหยินใหญ่รู้อยู่แล้วว่า หลินอิงจะต้องเข้าวังเพื่อไปรับตราตั้งจากท่านอ๋อง นางเกรงว่าจะเสื่อมเสียมาถึงสกุลเมิ่ง จึงได้มอบชุดหรูหราที่ตัดเย็บด้วยผ้าไหมชั้นดี อีกทั้งเครื่องประดับที่เข้าชุดกัน เมื่อทั้งสองเปิดออกมาดูก็พบว่ามันงดงามอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

“คุณหนู ชุดแบบนี้ข้าเคยเห็นแต่คุณหนูใหญ่สวมอยู่ที่จวน นึกไม่ถึงเลยว่าวันนี้ท่านจะได้สวมชุดสวย ๆ เช่นนี้ด้วย ข้าตื่นเต้นยิ่งนักที่จะได้แต่งตัวให้ท่าน รีบสวมเถอะเจ้าค่ะ”

หลิงอิงสวมชุดใหม่ซึ่งมีสีม่วงอ่อน ผิงเพ่ยรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นคุณหนูของตัวเองได้สวมชุดที่เหมาะสมเสียที พวกนางใช้เวลาแต่งตัว ไม่นานหลังจากที่สวมเครื่องประดับเสร็จแล้ว แม่ทัพหลิวก็เดินมาถึงหน้าเรือน

“ท่านแม่ทัพมาแล้ว!”

เสียงของจื่อรุ่ยตะโกนอยู่หน้าจวน ทั้งสองจึงได้รีบเร่งจัดแจงเก็บของ ผิงเพ่ยเป็นคนเดินออกมาก่อน และแจ้งท่านแม่ทัพอีกครั้ง

“ฮูหยินเล่า”

“ฮู…อ้อ ฮูหยินพึ่งจะแต่งตัวเสร็จเจ้าค่ะ”

ผิงเพ่ยไม่คุ้นชินกับสรรพนามนี้ แต่เมื่อท่านแม่ทัพพูดออกมานางก็รู้สึกฮึกเหิมขึ้น บัดนี้คุณหนูของนางเป็นฮูหยินของท่านแม่ทัพแล้ว มิใช่คุณหนูรองสกุลเมิ่งที่อ่อนแอไร้ที่พึ่งอีกต่อไป

เมื่อประตูเปิดออกมา เมิ่งหลินอิงก็เดินออกมาพร้อมกับชุดที่เป็นทางการ ทำเอาแม่ทัพหนุ่มยืนนิ่งเมื่อเห็นสตรีที่งดงาม ใบหน้าของนางแต่งแต้มสีสันเพียงเล็กน้อย แต่สิ่งที่สะดุดตาเขามากที่สุด กลับเป็นริมฝีปากอิ่มที่ทาชาดสีลูกท้อนั่นต่างหาก

“ขออภัยที่ให้ท่านต้องรอนาน ข้าพร้อมแล้วเจ้าค่ะ”

“ท่านแม่ทัพ ฮูหยินบอกว่าพร้อมแล้วขอรับ”

หลิวเว่ยหยางกะพริบตาถี่ ๆ สองสามครั้ง และหันมากระแอมก่อนจะพูดขึ้นมาอีกครั้ง

“รถม้าเตรียมพร้อมแล้วตามข้ามาเถอะ เข้าวังครั้งแรกอย่าไปสายจะดีกว่า”

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ฮูหยินที่รัก ของแม่ทัพคลั่งแค้น   ตอนพิเศษ 2

    เขาบอกเพียงให้นางรับรู้เท่านั้น เพราะหลังจากนี้หลินอิงก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ ท่านอ๋องดุดันทุกสนามรบอยู่แล้ว แม่แต่ศึกรักก็มิได้ว่างเว้น เมื่อได้เริ่มขึ้นแล้ว เขาก็ไม่มีทางหยุดง่าย ๆ “อ๊ะ ท่านพี่เพคะ ตรงนี้ไม่ได้ อยู่ใกล้ห้องลูกเกินไป”“เช่นนั้นไปที่หน้าต่างกัน เจ้าชอบระเบียงมิใช่หรือ”“ท่านมันช่าง…อ๊าา อย่าสอดเข้ามาโดยไม่บอกเช่นนี้สิ หลิวเว่ยหยางคน…นิสัยเสีย อึ๊ยย อ๊าา ลึกไปแล้ว อ๊าาา"สะโพกของนางเบียดกับเขาจนแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่นานเขาก็ยกตัวนางขึ้น และตอกกระแทกเข้ามาที่เอว พระชายาเอนหงายตามแรงที่ถูกกระแทก นางอ้าปากเพื่อระบายหาอากาศหายใจ เมื่อถูกเข้ารุกเร้าเข้ามาไม่ยั้ง ตอนนี้ท่านอ๋องพานางมานั่งที่เตียง โดยให้นางนั่งคร่อมอยู่บนตัวเขา“อื้อ อ๊าาา อย่าดูดแรงสิเพคะ มัน เสียว…อ๊าา”“เช่นนั้นก็กระแทกลงมาให้แรงกว่านี้สิ เจ้าจะได้รู้สึกดีกว่านี้”เขาช่วยจับที่สะโพกของนาง และขยับขึ้นลงเป็นจังหวะ ลิ้นหนายังคงวนอยู่ที่สองเต้างามตรงหน้า ซึ่งเปียกไปด้วยน้ำลายและเริ่มมีรอยจ้ำแดงเต็มไปหมดทั้งตัว“ไปล้างตัวกันเถิด”“แน่ใจหรือเพคะว่าแค่ล้างตัว”ห้องอาบน้ำเขาใช้อ่างไม้ขนาดใหญ่เพื่อพานางมาล้างตัว

  • ฮูหยินที่รัก ของแม่ทัพคลั่งแค้น   ตอนพิเศษ 1

    ห้าปีถัดมา / ตำหนักพระชายา"ข้าว่าปักเลื่อมลงที่ปกเสื้ออีกหน่อย น่าจะสวยนะ"“ข้าก็คิดเช่นนั้นเพคะ”“เสด็จแม่!”“เฉินเอ๋อร์ เจ้ามาได้อย่างไร มิใช่ว่าวันนี้เจ้าไปประชุมกับเสด็จพ่อมิใช่หรือ”“ข้ากลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เช่นนั้นเหตุใดจึงไม่ไปอาบน้ำ แล้วนี่เสด็จพ่อของเจ้าเล่า”“คุยกับท่านอาจื่อรั่วอยู่ข้างนอก ข้าวิ่งมาหาท่านก่อน”“เช่นนั้นก็พอดีเลย มานี่สิแม่กำลังตัดชุดใหม่ให้เจ้า ไหนลองสวมดูหน่อยสิว่าพอดีหรือไม่”พระชายาเริ่มสวมเสื้อให้กับท่านชายน้อย “หลิวซือเฉิน" ซึ่งเป็นโอรสองค์โตของท่านอ๋อง เขามีน้องสาวอีกคนซึ่งตอนนี้อายุได้เพียงสองปี โดยมีแม่นมเลี้ยงอยู่ในตำหนัก“พอดีเลย เหลือแค่ปักลายอีกนิดหน่อย ก็จะสวมทันฤดูหนาวนี้แล้ว”“ข้าจะทันได้สวมไปล่าสัตว์ฤดูหนาว กับเสด็จพ่อหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าเด็กน้อย อายุเท่านี้ก็อยากจะไปล่าสัตว์แล้วหรือ”“ข้าเริ่มฝึกดาบแล้ว ท่านแม่ตอนนี้ข้าเริ่มเก่งแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ”“จ้า ๆ ลูกแม่เก่งที่สุดอยู่แล้ว เอาล่ะเจ้าถอดเสื้อออกมาก่อน แม่ยังตัดเย็บไม่เสร็จ”“พ่ะย่ะค่ะ”ท่านอ๋องที่เสด็จเข้ามาพร้อมกับจื่อรั่ว ทันได้เห็นพระชายาที่กำลังถอดเสื้อให้กับหลิวซือเฉินพอดี เมื่อ

  • ฮูหยินที่รัก ของแม่ทัพคลั่งแค้น   ตอนที่ 30  พิธีส่งตัว...อีกครั้ง (ตอนจบ)

    กว่าสามเดือนแล้ว ที่ทั้งสองย้ายเข้ามาอยู่ในวังหลวงของต้าเฟิง ตำหนักใหม่นี้ถูกสร้างขึ้น หลังจากที่ท่านอ๋องตัดสินใจว่าจะสร้างตำหนักชั้นเดียว เพื่อมิให้พระชายาต้องเดินขึ้นลง แม้ว่าจะอำนวยความสะดวกทุกอย่างเช่นนั้น แต่พระองค์ก็ยังคงไม่ไว้วางพระทัยทุกครั้งหลังจากประชุมเช้าเสร็จ ก็ต้องรีบกลับมาดูอาการของพระชายาเสียก่อน หากรู้เพียงนิดว่าพระชายาเกิดวิงเวียนศีรษะ หรือได้รับอุบัติเหตุ ต่อให้เพียงเล็กน้อย ท่านอ๋องก็รีบเสด็จมาทันทีห้องบรรทม“พอเถิดเพคะ ไหนว่าช่วงบ่ายจะเสด็จไปที่กรมกลาโหม คุยเรื่องเสบียงกองทัพอย่างไรเล่า”“เดี๋ยวก่อนสิ ขอฟังเสียงลูกอีกหน่อย เจ้าไม่เข้าใจหรอกว่าข้ากำลังคุยกับลูกอยู่”“เฮ้อ ไม่คิดว่าท่านพี่จะอาการหนักถึงขั้นนี้ เช่นนั้นให้หม่อมฉันไปด้วยเลยดีไหมเพคะ”“ไม่ได้นะ เจ้าจะเดินมาก ๆ หาได้ไม่ อีกอย่างวันนี้เจ้าดื่มยาแล้วหรือยัง เห็นว่าตอนเช้าอาเจียนอีกแล้ว”“ผู้ใดขยันฟ้องถึงเพียงนี้กันนะ”จื่อรั่วที่ยืนอยู่นอกห้อง จามออกมาโดยไม่ทันรู้ตัว นับตั้งแต่เข้าวังมาท่านอ๋องก็แทบจะไม่เป็นอันทำอะไรเลย หลังจากที่ขึ้นครองบัลลังก์ก็เริ่มส่งมอบงานให้แต่ละฝ่าย แม้ว่าทุกฝ่ายเขาจะดูแลเป็นอย่

  • ฮูหยินที่รัก ของแม่ทัพคลั่งแค้น   ตอนที่  29  พระชายาท่านอ๋อง

    หลินอิงนิ่งอึ้งไปพักใหญ่ กว่าจะทำความเข้าใจกับเรื่องที่เขาพูด แม้ว่าก่อนหน้านี้นางจะเคยรู้มาก่อนแล้วว่า ที่จริงผู้ที่จะขึ้นเป็นท่านอ๋องปกครองเมืองต้าเฟิง เดิมทีก็ต้องเป็นหลิวเว่ยหยางอยู่แล้ว แต่เขาไม่ยอมรับตำแหน่ง ฝ่าบาทจึงต้องให้ชิงอ๋องมาปกครองแทนก็ตาม“ท่านหมายความว่า”“จากฮูหยินตราตั้ง เจ้าก็จะกลายเป็นพระชายาหลิวอ๋องแห่งต้าเฟิงแทนอย่างไรเล่าเด็กโง่”“ขะ ข้าหรือเจ้าคะ”“ถูกต้องแล้ว อีกอย่างบุตรที่กำลังจะเกิดมา ก็จะเป็นท่านชายน้อยและท่านหญิงน้อยด้วย”“นี่มัน…เรื่องอันใดกัน”“เอาล่ะตอนนี้อย่าพึ่งคิดมากเลยนะ ทุกอย่างก็จบลงไปแล้ว จริงสิข้าลืมบอกเจ้าอีกอย่างหนึ่ง วันก่อนข้าสั่งให้คนนำป้ายวิญญาณของท่านแม่เจ้า ไปไว้ที่เรือนหลังเล็ก กำลังจะถามเจ้าว่า จะทำที่นั่นเป็นที่เก็บป้ายวิญญาณของท่านแม่เจ้าเลยดีหรือไม่”“แต่ว่าท่านแม่มิใช่คนสกุลหลิวนะเจ้าคะ”“แม่ภรรยาไม่ต่างกับแม่ตัวเอง หรือเจ้ามีที่ที่เหมาะกว่านั้นเล่า”“ข้าไม่ขัดข้องเจ้าค่ะ ตามใจท่าน”“อีกอย่างเราเองก็คงต้องย้ายเข้าไปในวังหลวงเร็ว ๆ นี้แล้ว จวนนี้คงจะมาได้เป็นครั้งคราวเท่านั้น”“เช่นนั้นหรือเจ้าคะ”“ตอนนี้เจ้านอนพักเสียก่อน รอให้ร่า

  • ฮูหยินที่รัก ของแม่ทัพคลั่งแค้น   ตอนที่  28 โหดเหี้ยมยิ่งนัก

    หลินอิงก้มหน้าลง แต่เขากลับใช้นิ้วจับคางนางขึ้นมา“เจ้ายอมรับโทษเสียแต่โดยดีเสียเถิด โทษหนักจะได้เป็นเบา”“ข้ามิได้ทำผิดอะไรนี่เจ้าคะ อีกอย่างข้าบอกท่านแล้วว่าจะไปหาท่านแม่ ข้ารู้ว่า…”นางเริ่มน้ำตารื้นอีกครั้ง เขาดึงนางเข้ามากอด ครั้งนี้นางยอมให้เขากอดแต่โดยดี และยังกอดตอบอีกด้วย “ข้ารู้ดีที่สุด แต่ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องในวังขึ้นพร้อมกันเช่นนี้ ตั้งแต่วันที่แปลงผักของเจ้าถูกทำลาย ข้าก็รู้ตัวแล้วว่าทำไม่ถูก และกำลังทำร้ายเจ้าทางอ้อมมากขึ้น จึงรีบตัดสินใจที่จะไม่หาจวนให้พวกนาง และติดต่อไปที่ผู้เฒ่าสกุลว่านทันที”“นางคงอยากให้ท่านเป็นบิดาของเฟิงหลานจริง ๆ”“ไม่ใช่หรอก นางเพียงแค่ทำเพื่อตัวเองเท่านั้น ข้ารู้ดีว่านางมีจุดประสงค์ใด แต่ก็ยังใจอ่อนยอมให้นางพักอยู่ที่จวน เพราะทนเห็นหลานชายตัวเล็กซึ่งเป็นลูกของสหาย ออกไปลำบากข้างนอกไม่ได้ จนเผลอทำร้ายจิตใจเจ้า เกือบจะสายเกินไปเสียแล้ว อิงเอ๋อร์ข้าขอร้องเจ้าอย่างหนึ่งได้หรือไม่”“อะไรหรือเจ้าคะ”นางค่อย ๆ คลายอ้อมกอดมามองเขาอีกครั้ง สายตาอ้อนวอนของเขา ทำให้หัวใจนางอ่อนยวบลงมาในที่สุด“จากนี้ไปต่อให้จะทะเลาะกันเช่นไร ข้ายอมให้เจ้าโกรธ ตบตีข้า

  • ฮูหยินที่รัก ของแม่ทัพคลั่งแค้น   ตอนที่ 27  ไม่อยากอยู่ที่นี่

    จวนแม่ทัพหลินอิงกะพริบตาตื่นขึ้นมา ก็มองเห็นเพดานในห้องที่คุ้นเคย ดูเหมือนว่าที่นี่จะเป็นจวนแม่ทัพ และเป็นห้องนอนของนางและเขาบนเรือนใหญ่ นางได้ยินเสียงคนที่คุยกันอยู่ใกล ๆ แต่ก็แทบจะขยับตัวไม่ได้“นะ น้ำ”“อิงเอ๋อร์! ท่านหมอนางฟื้นแล้ว”ไม่นานเสียงฝีเท้าของคนไม่ต่ำกว่าสามคน ก็พากันเดินเข้ามา นางรู้สึกได้ว่าพื้นเรือนสั่น และมือหนาที่อบอุ่นก็หันมาจับนางเอาไว้“อิงเอ๋อร์เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง หิวน้ำหรือ”“อือ…”นางพูดได้เพียงเท่านั้น เสียงรินน้ำและส่งให้และค่อย ๆ ยกป้อนนางนั้นช่างอ่อนโยนยิ่งนัก“เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง ท่านหมอบอกว่าเจ้ามีไข้ และอ่อนเพลียเพราะพักผ่อนน้อย”“ข้าอยากกลับเรือนหลัง”“ไม่ได้ ที่นั่นไม่ปลอดภัย อีกอย่างที่นี่ก็เป็นห้องของเรา จะย้ายไปที่อื่นอีกทำไม”“ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่”"ท่านหมอ อาการของนางเป็นอย่างไรบ้าง รีบตรวจเถอะเร็วเข้า"“ขอรับท่านแม่ทัพ”เมื่อท่านหมอเอาผ้ามารองที่แขนของนาง ก็เริ่มจับชีพจรโดยมีเขาที่พยุงนางอยู่ข้าง ๆ ก่อนหน้านั้นมัวแต่ยุ่งเรื่องทำแผล และคุยกับท่านแม่ทัพ เขาเลยยังมิได้มาตรวจนางอย่างละเอียด เมื่อหันมามองหน้านางสลับกับท่านแม่ทัพก็เริ่มหันมายิ้ม“ฮ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status