แม้ชีวิตของทั้งอลิสาและคีรินทร์จะดูเหมือนสมบูรณ์แบบ ทั้งในด้านความสำเร็จทางธุรกิจและความสุขส่วนตัวที่เปี่ยมล้น แต่ชีวิตคู่ก็ย่อมมีอุปสรรคเล็กๆ น้อยๆ เข้ามาเป็นบททดสอบเสมอ เช่นเดียวกับคลื่นลมในทะเลที่แม้จะสงบราบเรียบ แต่ก็อาจมีคลื่นเล็กๆ ซัดเข้ามาเป็นครั้งคราว ในช่วงเวลานี้ ทั้งสองคู่ต่างต้องเผชิญหน้ากับบททดสอบของความเข้าใจ ที่จะช่วยให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาเติบโตและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ปัญหาแรกเริ่มจากการทำงานร่วมกันในโปรเจกต์ Green City ที่เป็นความท้าทายครั้งใหญ่ ความเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องการบริหารจัดการและทิศทางการดำเนินงานบางประการ ทำให้เกิดความตึงเครียดเล็กน้อยระหว่างอลิสาและคีรินทร์
“พี่คีคะ ลิซคิดว่าเราควรจะลงทุนเพิ่มในส่วนของระบบบำบัดน้ำเสียแบบรีไซเคิลนะคะ มันจะทำให้โครงการของเราเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง” อลิสาเสนอขึ้นในการประชุมทีมงาน
คีรินทร์พยักหน้าแต่สีหน้าเคร่งขรึม “พี่เข้าใจครับลิซ แต่ตอนนี้งบประมาณของเราค่อนข้างจำกัด การลงทุนเพิ่มในส่วนนั้นอาจทำให้เราต้องเลื่อนกำหนดการเปิดตัวออกไป”
“แต่คุณภาพและความยั่งยืนเป็นสิ่งสำคัญนะคะ พี่คี เราจะลดทอนตรงนี้ไม่ได้” อลิสาโต้แย้งด้วยน้ำเสียงจริงจัง
บทสนทนาในที่ประชุมดูเหมือนจะจบลงด้วยความเห็นที่ไม่ลงรอยกัน และความตึงเครียดเล็กๆ นั้นก็ติดตัวกลับมายังบ้านของพวกเขา ในช่วงเย็น อลิสายังคงทำงานในห้องทำงานเงียบๆ เธอรู้สึกไม่สบายใจที่คีรินทร์ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดของเธอ ในขณะที่คีรินทร์ก็รู้สึกหนักใจกับข้อจำกัดด้านงบประมาณและเวลา เขาเดินเข้าไปในห้องทำงานของอลิสา เห็นเธอนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ลิซครับ” คีรินทร์เรียกเบาๆ
อลิสาหันมามองเขา แต่รอยยิ้มที่เคยมีให้กันกลับไม่มี เขาเห็นความหงุดหงิดในแววตาของเธอ
“มีอะไรหรือเปล่าคะพี่คี”
คีรินทร์ถอนหายใจ “พี่แค่อยากคุยกับลิซเรื่องโปรเจกต์ของเราครับ”
“ลิซไม่มีอะไรจะคุยแล้วค่ะ ลิซคิดว่าลิซพูดชัดเจนแล้ว” อลิสาตอบเสียงเรียบ แล้วหันกลับไปสนใจหน้าจอคอมพิวเตอร์
ความเงียบเข้าปกคลุมห้องทำงาน ความตึงเครียดสัมผัสได้ชัดเจน คีรินทร์รู้สึกเสียใจที่ทำให้อลิสาไม่สบายใจ แต่เขาก็ยังคงยืนกรานในเหตุผลของตัวเอง เขาเดินไปยืนข้างๆ เธอ แล้วเอื้อมมือไปวางบนไหล่ของเธอเบาๆ
“พี่เข้าใจว่าลิซอยากให้โปรเจกต์ของเราสมบูรณ์แบบที่สุดนะครับ แต่บางครั้งเราก็ต้องมองในมุมของความเป็นจริงด้วย” คีรินทร์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พยายามปรับความเข้าใจ “พี่ไม่ได้ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดของลิซทั้งหมดนะครับ แค่อยากให้เราค่อยๆ หาจุดกึ่งกลางที่เหมาะสม”
อลิสายังคงเงียบงัน แต่ไหล่ของเธอก็ไม่ได้ขยับหนีจากสัมผัสของเขา คีรินทร์รู้ว่าต้องให้เวลาเธอสักพัก เขาจึงบีบไหล่เธอเบาๆ แล้วเดินออกจากห้องไป ทิ้งไว้แต่ความเงียบและบรรยากาศที่ยังคงอึมครึม
แม้จะมีความเห็นไม่ตรงกัน แต่ความรักที่พวกเขามีให้กันยังคงเป็นรากฐานสำคัญ คีรินทร์ไม่ได้โกรธอลิสา และอลิสาก็ไม่ได้อยากให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาต้องมีปัญหากันเพียงเพราะเรื่องงาน ความห่วงใยที่พวกเขามีให้กันยังคงมีอยู่เสมอ เป็นเพียงคลื่นเล็กๆ ที่กำลังจะซัดเข้ามาเป็นบททดสอบความเข้าใจของทั้งคู่
ในขณะเดียวกันมิ้นท์และปกรณ์เองก็ต้องเผชิญกับบททดสอบในความสัมพันธ์จากการใช้ชีวิตประจำวันร่วมกัน ความแตกต่างของนิสัยบางอย่างที่เพิ่งจะแสดงออกมาอย่างชัดเจนหลังจากที่ได้มาอยู่ด้วยกันเต็มตัว ทำให้เกิดความไม่ลงรอยกันเล็กน้อย
ปัญหาเริ่มต้นจากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น การจัดระเบียบข้าวของในคอนโด มิ้นท์เป็นคนชอบความเป็นระเบียบเรียบร้อย ทุกสิ่งทุกอย่างต้องวางอยู่ถูกที่ถูกทาง ในขณะที่ปกรณ์เป็นคนสบายๆ ไม่ได้ใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เท่าเธอ
“พี่ปกรณ์คะ มิ้นท์บอกกี่ครั้งแล้วคะว่าถอดเสื้อแล้วให้แขวนไว้ในตู้ ไม่ใช่ทิ้งไว้บนเก้าอี้แบบนี้” มิ้นท์บ่นขึ้นมาในเช้าวันหนึ่ง ขณะที่กำลังเก็บเสื้อที่ปกรณ์ถอดทิ้งไว้บนเก้าอี้ในห้องนอน
ปกรณ์ที่กำลังงัวเงียตื่นขึ้นมาด้วยเสียงบ่นของมิ้นท์ก็ทำหน้ามุ่ย “โอ๊ยมิ้นท์ครับ พี่เพิ่งตื่นเองนะครับ”
“เพิ่งตื่นก็ต้องจัดระเบียบให้เรียบร้อยสิคะ” มิ้นท์ยังคงบ่นต่อ “นี่ก็ผ้าขนหนู ไม่ใช่เอาไปกองไว้ตรงนั้นสิคะ ต้องแขวนให้แห้ง”
ปกรณ์รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยกับเสียงบ่นของมิ้นท์ที่ดังตั้งแต่เช้า เขาถอนหายใจแล้วลุกขึ้นจากเตียง เดินไปหยิบผ้าขนหนูที่มิ้นท์บ่นไปแขวน แต่ก็ทำด้วยท่าทางที่ดูไม่พอใจนัก
ความไม่ลงรอยเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้เริ่มสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ จนบางครั้งก็ทำให้เกิดบรรยากาศที่ตึงเครียดขึ้นมาได้ มิ้นท์รู้สึกว่าปกรณ์ไม่ใส่ใจในรายละเอียด และไม่พยายามที่จะปรับตัวเข้าหาเธอ ในขณะที่ปกรณ์ก็รู้สึกว่ามิ้นท์จุกจิกเกินไป และไม่เข้าใจว่าเขาเองก็อยากจะมีพื้นที่ส่วนตัวบ้าง
คืนหนึ่ง หลังจากที่มิ้นท์จัดของในห้องนั่งเล่นจนเรียบร้อย เธอก็เห็นปกรณ์กำลังนั่งเล่นเกมบนโซฟา โดยมีขนมขบเคี้ยววางอยู่เต็มโต๊ะกาแฟ และถุงเปล่าก็ไม่ได้ถูกเก็บลงถังขยะ
“พี่ปกรณ์!” มิ้นท์เรียกเสียงดังด้วยความหงุดหงิด “ทำไมไม่เก็บของให้เรียบร้อยคะ มิ้นท์เพิ่งจัดไปเมื่อกี้เองนะ”
ปกรณ์ตกใจเล็กน้อย เขาเงยหน้าขึ้นมองมิ้นท์ด้วยสีหน้าไม่พอใจ “มิ้นท์ครับ พี่กำลังเล่นเกมอยู่ แล้วก็กินอยู่แค่นี้เอง จะอะไรกันนักกันหนาครับ”
“จะอะไรกันนักกันหนาเหรอคะ!” มิ้นท์ขึ้นเสียง “มิ้นท์เหนื่อยนะคะที่ต้องคอยตามเก็บของพี่แบบนี้ตลอด”
“มิ้นท์ก็ไม่เห็นจะต้องเก็บให้พี่ก็ได้นี่ครับ พี่เก็บเองได้” ปกรณ์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเช่นกัน
บทสนทนาจบลงด้วยความเงียบงัน มิ้นท์เดินหนีเข้าไปในห้องนอนด้วยความโกรธ ส่วนปกรณ์ก็ปิดเกมลงแล้วนั่งนิ่งอยู่บนโซฟา เขารู้สึกเสียใจที่ทำให้มิ้นท์โกรธ แต่ก็ยังคงรู้สึกว่าเธอจุกจิกเกินไปสำหรับเขา
แม้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคู่จะเผชิญกับคลื่นเล็กๆ แต่พวกเขาก็ไม่ได้ปล่อยให้ปัญหาเหล่านี้กัดกินความรักที่มีให้กัน ทั้งสองคู่ต่างพยายามที่จะแก้ไขปัญหาด้วยการพูดคุยและทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน ถึงแม้จะยังไม่สามารถทำได้ในทันที แต่ความพยายามเหล่านั้นคือการแสดงออกถึงความรักและความห่วงใยที่พวกเขามีให้กัน
สำหรับอลิสาและคีรินทร์ หลังจากคืนที่ความเห็นไม่ตรงกัน คีรินทร์ก็พยายามหาจังหวะที่จะพูดคุยกับอลิสาอีกครั้ง ในเช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่อลิสากำลังเตรียมอาหารเช้า คีรินทร์เดินเข้ามาสวมกอดเธอจากด้านหลังอย่างแผ่วเบา อลิสานิ่งไปชั่วครู่ ก่อนที่จะพิงตัวเข้าหาเขา
“ลิซครับ” คีรินทร์กระซิบข้างหูเธอ “พี่ขอโทษนะครับที่เมื่อวานทำให้ลิซไม่สบายใจ”
อลิสาถอนหายใจ “ลิซก็ขอโทษเหมือนกันค่ะพี่คี ที่ใจร้อนไปหน่อย”
คีรินทร์พลิกตัวเธอให้หันมาหาเขา “พี่อยากให้ลิซเข้าใจนะครับว่าพี่ไม่ได้อยากลดทอนคุณภาพของโปรเจกต์ แต่พี่แค่อยากให้เราหาทางออกที่เหมาะสมกับสถานการณ์ตอนนี้ครับ”
อลิสามองสบตาเขา แววตาของเธอดูอ่อนลง “ลิซเข้าใจค่ะพี่คี ลิซแค่ไม่อยากให้เราพลาดโอกาสที่จะสร้างสิ่งที่ดีที่สุด”
“ใช่ครับ และเราจะไม่พลาดโอกาสนั้นแน่นอน พี่เชื่อว่าถ้าเราช่วยกันคิด เราจะหาทางออกที่ดีที่สุดได้เสมอ” คีรินทร์พูดด้วยน้ำเสียงปลอบโยน เขากอดอลิสาแน่น แสดงให้เห็นว่าแม้จะมีความเห็นไม่ตรงกัน แต่ความรักและความเข้าใจที่พวกเขามีให้กันนั้นยังคงสำคัญที่สุด
ในส่วนของมิ้นท์และปกรณ์ หลังจากที่มิ้นท์เดินหนีเข้าห้องนอนไป ปกรณ์ก็นั่งนิ่งอยู่บนโซฟา เขารู้สึกผิดที่พูดจาไม่ดีกับมิ้นท์ ความเงียบที่เข้ามาปกคลุมคอนโดทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ เขาเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วหยิบไอศกรีมรสโปรดของมิ้นท์ออกมา ก่อนจะเดินไปที่ห้องนอน
เขาเคาะประตูห้องนอนเบาๆ “มิ้นท์ครับพี่เอาไอติมมาให้”
มิ้นท์เปิดประตูออกมาด้วยใบหน้าบึ้งตึง แต่เมื่อเห็นไอศกรีมรสโปรดในมือปกรณ์ เธอก็ทำหน้าลังเลเล็กน้อย
“พี่ขอโทษนะครับที่พูดจาไม่ดีกับมิ้นท์ พี่แค่รู้สึกเหนื่อยๆ ครับ” ปกรณ์พูดด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด “พี่รู้ว่ามิ้นท์หวังดี พี่จะพยายามปรับตัวนะครับ”
มิ้นท์มองหน้าปกรณ์ เธอเห็นความจริงใจในแววตาของเขา เธอถอนหายใจ “มิ้นท์ก็ขอโทษเหมือนกันค่ะพี่ปกรณ์ ที่บ่นมากไปหน่อย”
ปกรณ์ยิ้ม เขายื่นไอศกรีมให้เธอ แล้วเขาก็โอบกอดมิ้นท์ไว้แน่น แม้จะยังไม่มีฉากกุ๊กกิ๊กที่ชัดเจนนัก แต่การแสดงออกถึงความรักผ่านการง้อ การให้อภัย และการพยายามเข้าใจอีกฝ่าย คือสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้
“เรามาคุยกันดีๆ นะครับมิ้นท์ พี่ไม่อยากให้เราทะเลาะกันเลย” ปกรณ์กระซิบข้างหูเธอ
“ค่ะพี่ปกรณ์” มิ้นท์ตอบ เธอกอดเขาตอบแน่นเช่นกัน
คลื่นเล็กๆ เหล่านี้เป็นบททดสอบที่สำคัญของทั้งสองคู่ แต่ด้วยความรัก ความเข้าใจ และความพยายามที่จะปรับตัวเข้าหากัน พวกเขาจะสามารถผ่านพ้นอุปสรรคเหล่านี้ไปได้อย่างแน่นอน และจะทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขายิ่งเติบโตและแข็งแกร่งขึ้น พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับคลื่นลูกใหญ่ในอนาคตได้อย่างมั่นคง
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่