แชร์

5 เยว่ซินกับกุหลาบงาม

ผู้เขียน: กุญแจฟา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-29 05:35:29

ฟาหยางปรายตามองคนที่อยู่ต่ำกว่า ใบหน้าเย็นชาและดวงตาแข็งกร้าวทำเอาคนใต้เท้าสั่นผวา เขาในเวลานี้พร้อมจะปลิดชีพทุกคนที่ทำให้ไม่พอใจ

"มึงลองพูดอีกครั้งสิ" สรุเสียงนั้นก้องไปทั่วโกดัง เหล่าลูกน้องได้แต่กลืนน้ำลายไว้อาลัยให้กับผู้โชคร้ายคนนั้น

ที่นี่คือฮ่องกง ฟาหยางบินมาเพื่อจัดการคนทรยศที่กล้าหักหลังเขา บุหรี่ในมือถูกขยี้ลงกับพื้น ดวงตาสีรัตติกาลวาววับเมื่อมองเห็นคนใต้อาญัติที่มีสีหน้ากลัวเขาสุดขีด

"กูบอกให้มึงพูดอีกรอบ" ชายคนนั้นตัวสั่นปากสั่น ยกมือท้วมหัวขอให้ฟาหยางเมตตา

เมตตางั้นหรือ? คำคำนั้นไม่เคยมีอยู่ในหัวของฟาหยางสักนิด ถ้ามันกล้าทำก็ต้องกล้ารับผิดชอบต่อสิ่งที่ตามมา

ความกลัวกัดกินในใจจนชายใต้เท้าหน้าซีดเผือด มันพูดคำเดิมซ้ำๆไปมาราวกับเสียสติ ดวงตาล่อกแล่กไปมาเมื่อฟาหยางขยับเดินเข้ามาใกล้

"คะ...คุณหยาง" ชายที่เพิ่งหาเสียงตัวเองเจอจะเอ่ยขอความเห็นใจ แต่มันก็ช้าไปเสียแล้วเพราะฟาหยางตอนนี้ก้มลงถึงพื้นที่มันนั่งอยู่

"กูไม่รู้ว่านรกมีจริงไหม...งั้นมึงไปพิสูจน์ให้หน่อยแล้วกัน" เสียงเหี้ยมเกรียมพูดชิดหู ชายคนนั้นกรีดร้องเสียสติ แม้กระทั่งวาระสุดท้ายของมันนั้น ดวงตายังคงเบิกโพลงด้วยความผวา ดูแล้วน่าเวทนายิ่งนัก

สองสัปดาห์แล้วหลังจากที่เยว่ซินไปถ่ายโฆษณากับผู้กำกับฝูมา ทันทีที่แบรนด์เปิดตัวว่าเธอคือพรีเซนเตอร์เล่นเอาโซเชียลปั่นป่วนไปหมด

ใครจะไปคิดว่าคุณหนูหลี่ เยว่ซินคนนั้นจะเข้าทำงานวงการนี้!

และเพราะกระแสที่แรงชั่วข้ามคืนเป็นผลให้เยว่ซินมีหลายแบรนด์มาสนใจจองตัว จากคนที่ว่างงานไม่รู้จะทำอะไร กลายเป็นเยว่ซินนั้นหัวหมุนต้องจัดการทุกอย่างเองคนเดียว!

"ฉันว่าแกต้องมีผู้ช่วยสักคน" จางลี่เอ่ยขึ้นในขณะที่มองเพื่อนตนเองกำลังพิมพ์ตอบข้อความมือพัน

"อือ...เห็นด้วยเหมือนกัน แต่ฉันว่าให้แกมาเป็นผู้ช่วยฉันดีไหม" จางลี่รีบส่ายหน้ารัว

"รู้อะไรไหม เขาว่ากันว่าเพื่อนสนิทกันห้ามทำงานที่เกี่ยวข้องกับเงินๆทองๆด้วยกัน"เยว่ซินหัวเราะ ดูเหมือนว่าจางลี่จะคิดละเอียดรอบคอบกว่าเธอเสียอีก

"งั้น...ฉันควรเปิดรับสมัคร?" แต่ใครกันล่ะจะมาสมัครเป็นผู้ช่วยให้กับ หลี่ เยว่ซินนางร้ายคนนั้น

แค่คิดเยว่ซินก็ปวดหัวตุบๆแล้ว

สุดท้ายแล้วจางลี่ก็บอกจะช่วยคัดผู้ช่วยให้ ในระหว่างนี้เยว่ซินก็จะต้องจัดการงานต่างๆที่เข้ามาด้วยตัวเองก่อนโดยมีจางลี่คอยให้คำแนะนำ

และในสองอาทิตย์นี้ฟาหยางก็ไม่ได้ติดต่อมาหาเธอเลย เขาหายไปในฮ่องกงจนเยว่ซินนึกแปลกใจอยู่เหมือนกัน

อ้างอิงจากนิยายช่วงที่ฟาหยางไปฮ่องกงนั้น ผู้แต่งบรรยายถึงอาจูที่คอยคิดถึงชายหนุ่มโดยไม่ได้มีบทของเยว่ซินเลยสักนิด

งั้นตอนนี้อาจูกำลังคิดถึงฟาหยางอยู่หรือเปล่านะ?

เยว่ซินส่ายหน้า ไม่ว่าพระเอกนางเอกจะเป็นเช่นไรแต่เธอจะต้องเอาชีวิตให้รอดไปจนท้ายที่สุดให้ได้! เยว่ซินจะไม่ให้จุดจบตัวเองต้องไปอยู่โรงพยาบาลบำบัดเป็นแน่

"คิดอะไรอยู่ฮะคุณหนูเยว่ซิน คงไม่ได้คิคถึงพี่ฟาหยางของแกอยู่ใช่ไหม" เสียงของจางลี่ดึงให้อีกคนหลุดจากภวังค์

"พงพี่อะไรกัน ฉันไม่ได้คิดถึงคุณฟาหยางเสียหน่อย"

"แหม เดี๋ยวนี้แล้วเรียกคุณ เมื่อก่อนทั้งพี่ฟาหยางทั้งอาฟา ตอนนั้นฉันกลัวคุณฟาหยางจะบีบแกให้เละคามือจริงๆ" พูดถึงตรงนี้แล้วเยว่ซินสันหลังวาบ ความเกลียดของพระเอกที่มีต่อนางร้ายอย่างเธอนั้นมันเยอะจริงๆ

"ก็ตอนนี้ฉันไม่ทำแล้วไง อีกอย่างเขานั่นแหละที่เป็นฝ่ายมาวอแว" จางลี่แทบจะล้มหงายหลัง ตั้งแต่เป็นเพื่อนกับเยว่ซินมาเพิ่งจะเคยเห็นเธอปฏิเสธฟาหยางก็ตอนนี้

"ฉันเชื่อแล้วจริงๆว่าแกผีออก" เยว่ซินส่ายหน้าให้กับความขี้เว่อร์ของจางลี่ ถ้าจะพูดให้ถูกน่าจะเป็นผีเข้ามากกว่า

"ช่างเรื่องคุณฟาหยางเถอะ...จางลี่ แกว่าฉันรับงานน้ำหอมนี่ดีไหม" เยว่ซินเลื่อนโน๊ตบุ๊คให้อีกคนดู จางลี่อ่านละเอียดชั่วครู่แล้วเป็นคนกดรับงานเองโดยไม่ถามหญิงสาวสักคำ

"เฮ้...ได้ไงอะ ฉันแค่ถามเฉยๆเองนะ"

"ไม่รับก็บ้าแล้ว นี่มันงานในเครือคุณหยวน"

"หยวน อี้?"

"ใช่ค่ะเพื่อนรัก แกต้องไม่พลาดโอกาสนี้" เยว่ซินเม้มริมฝีปาก จะว่าไปในนิยายเคยเอ่ยถึงกิจการของพระรองอยู่เช่นเดียวกัน และน้ำหอมแบรนด์นี้ก็ติดอันดับของโลกในอนาคตด้วย

"งั้นในเดือนนี้ฉันรับแค่นี้ก่อนแล้วกัน" เยว่ซินยืดตัวขึ้น ปิดโน๊ตบุ๊คแล้วยกชาขึ้นดื่ม

"คุณหนูเยว่ซินนี่ทำฉันแปลกใจได้ตลอดจริงๆ"

"หืม?"

"ก็ดูสิ จัดการทุกอย่างด้วยตัวเองแถมยังเรียบร้อยเสียด้วย หากเป็นเมื่อก่อนเธอต้องอกแตกตายแน่ๆที่ทะเลาะกับพ่อแบบนี้" นั่นก็เพราะนี่ไม่ใช่เยว่ซินเพื่อนคนนั้นของเธอไง แม้อยากจะพูดแต่หญิงสาวก็เลือกแค่หัวเราะตอบไปเท่านั้น

บทสนทนาหยุดลงเมื่อโทรศัพท์มือถือของเยว่ซินดังขึ้น หน้าจอปรากฏเป็นชื่อของคนที่หายไปกับฮ่องกงราวสองสัปดาห์

เยว่ซินในนิยายนั้นมีเบอร์โทรฯฟาหยางด้วยหรือ?

เยว่ซินเงยหน้าขึ้นจะขอความเห็นจากจางลี่ว่าควรรับสายดีไหม แต่เพื่อนตัวดีกลับเบือนหน้าหนีราวชมนกชมไม้ทั้งๆที่ริมฝีปากยิ้มกริ่ม

มือเรียวตัดสินใจกดรับ แนบโทรศัพท์ข้างหูและเอ่ยพูดเสียงหวาน

"สวัสดีค่ะ"

'...' เยว่ซินขมวดคิ้ว ทำไมปลายสายถึงเงียบใส่?

"คุณฟาหยาง?"

'มีเบอร์ฉันจริงๆด้วย' คราวนี้คนฟังสงสัยกว่าเก่า ฟาหยางพูดว่าอะไรนะ?

"คะ?"

'ไม่เจอกันหลายวันเชียวคุณหนูเยว่'

'ฉันอยากชวนเธอไปกินข้าวด้วยกัน คุณหนูเยว่พอจะมีคิวว่างหรือไม่'

"คุณกลับมาแล้วเหรอคะ?" ปลายสายหัวเราะ

'ครับ...เพิ่งถึงจีนเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน" เยว่ซินอยากจะถามว่าทำไมฟาหยางถึงไม่พักผ่อนก่อนแต่รีบนัดเธอทานข้าวเนี่ยนะ?

"ลำบากคุณหยางแล้ว...ตัวงานมีปัญหาหรือคะ ถึงได้รีบนัดฉันไป" เพราะหาเหตุผลที่ดีกว่านี้ไม่ได้ เยว่ซินจึงถามเช่นนั้นออกไป

'ก็แค่ไม่เจอกันนานเลยนึกถึง คุณหนูเยว่ไม่สะดวกหรือเปล่า' เยว่ซินเม้มปาก ตีความของคำว่านึกถึงเป็นอย่างอื่นได้หรือไม่?

"ค่ะ...ถ้าคุณหยางต้องการเช่นนั้นฉันก็ไม่ปฏิเสธ" สายถูกวางไปเมื่อฟาหยางบอกว่าอีกหนึ่งชั่วโมงจะให้อาโปมารับ

"นี่มันแปลกประหลาดเกินไปแล้วคุณหนูเยว่ แกไปทำอะไรให้คุณฟาหยางเปลี่ยนไปขนาดนี้" จางลี่รีบแซวทันทีที่เยว่ซินวางโทรศัพท์ลง

อย่าว่าแค่จางลี่สงสัยเลย...เยว่ซินก็สงสัยเช่นเดียวกัน เนื้อหาจากในนิยายมันเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?

"แบบนี้ตำแหน่งนายหญิงตระกูลหยางคงไม่ไกลเกินไปแล้วมั้ง" เยว่ซินคร้านจะต่อความยาวอีก เธอยอมปล่อยให้จางลี่พูดไปเรื่อยๆจนรออาโปมารับนั่นแหละ...

ฟาหยางมองอีกคนที่อยู่ในชุดเดรสรัดรูปสีดำสั้นเหนือเข่า เยว่ซินให้เหตุผลว่าเมื่อช่วงเช้าเธอต้องไปทดลองถ่ายแบบเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับเครื่องสำอางยี่ห้อหนึ่ง พอเสร็จช่วงเช้าก็มาเจอจางลี่ต่อที่ร้านกาแฟและยังไม่ได้กลับห้องพักจึงยังไม่ได้เปลี่ยน

"ฉันรู้มาว่าคุณหนูเยว่มีโฆษณาหลายตัวติดต่อมา" ตอนนี้ทั้งคู่อยู่ที่ร้านอาหารแบบจีนที่เป็นร้านของเครือตระกูลหยาง เยว่ซินเกร็งเล็กน้อยที่เห็นราคาอาหารในเมนู

ตอนโลกชีวิตจริงนั้นก็ได้ทานของแพงๆบ่อยอยู่เหมือนกัน หากแต่ตอนนี้ที่เธอเข้ามาในโลกนิยายนี่ เธอไม่ได้มีเงินพอใช้ขนาดนั้นแล้วนี่นา...

"ค่ะ...ก็ต้องขอบคุณคุณหยางที่เป็นสปอนเซอร์ให้ คนเลยสนใจกันเยอะ" ต้องยอมรับจริงๆว่าฟาหยางนั้นมีอิทธิพลทั้งด้านธุรกิจและด้านสังคมอย่างล้นเหลือ เพียงแค่เขาขยับตัวหยิบจับอะไรก็สามารถสร้างเงินได้เป็นกอบเป็นกำ คิดว่าชาตินี้ทรัพย์สินของฟาหยางนั้นคงใช้ไม่หมดแน่ๆ

"ไม่เป็นไร...แล้วแบบนี้คุณหนูเยว่ทำคนเดียวไหวหรือ?"

"อืม...จริงๆก็ให้จางลี่ช่วยคัดผู้ช่วยอยู่เหมือนกันค่ะ"

"เอาอาโปไปสิ"

"คะ?" เยว่ซินตาโต นี่เขาให้คนกันเป็นผักเป็นปลาเลยหรือไง!?

เมื่อเห็นหญิงสาวตกใจ ฟาหยางหัวเราะก่อนจะยกชาขึ้นจิบ ท่าทีที่ไม่ทุกข์ร้อนอะไรทำเอาหลี่ เยว่ซินกุมขมับ

"ไม่รบกวนคุณหยางดีกว่าค่ะ ยังไงอาโปก็เป็นคนสนิท"

"ก็ไม่เป็นปัญหาถ้าคุณหนูเยว่ต้องการ" เยว่ซินชักสงสัยนักว่าอะไรที่ทำให้ฟาหยางเปลี่ยนไปมากขนาดนี้?

ไม่นานนักอาหารที่สั่งมาก็มาเสิร์ฟ พนักงานโค้งให้อย่างนอบน้อมเมื่อรู้ว่าแขกโต๊ะนี้เป็นผู้ใดและทันทีที่เขาเงยหน้าขึ้นพบกับหลี่ เยว่ซินซึ่งส่งยิ้มมาให้ทำเอาพนักงานควบคุมมือตนเองไม่ให้สั่นเสียไม่ได้

หลี่ เยว่ซินตัวจริงช่างงดงามยิ่งนัก...

แต่ชายผู้นั้นก็ต้องค้อมให้ศีรษะชิดอก เมื่อรู้ว่าคุณหนูท่านนี้มากับฟาหยาง... ทายาทตระกูลหยางที่ปกครองแผ่นดินจีน...

หลังจากที่พนักงานเดินออกไปกลับเป็นอาโปที่เดินเข้ามาแทน เขาโน้มลงรายงานแก่เจ้านายตัวเอง

"คุณหนูจูอยากขอพบครับ" อาจเพราะเป็นห้องทานอาหารแบบส่วนตัวจึงไม่มีเสียงรบกวน เป็นผลให้เยว่ซินได้ยินอาโปไปด้วย

ฟาหยางหันมามองเธอชั่วครู่เขาเอ่ยตอบลูกน้องราวกับตั้งใจให้เธอได้ยินเช่นนั้น

"บอกคุณหนูจูว่าฉันทานข้าวอยู่กับคุณหนูเยว่ เสร็จจากนี่คงไปทำธุระด้วยกันต่อ...หากมีอะไรเร่งด่วนก็ให้บอกผ่านนายมา" อาโปค้อมตัวลง เดินออกไปทิ้งความเป็นส่วนตัวให้กับเจ้านายตนเอง

"ธุระอะไรหรือคะ?" เมื่อเขาตั้งใจให้เธอได้ยินอยู่แล้ว หลี่ เยว่ซินจึงเอ่ยถาม

"ที่จริงช่วงนี้เครือหยางสนใจทำจิวเวลรี่อยู่ หากคุณหนูเยว่ไม่ไปไหน...ฉันจะพาไปดูน่ะ" เยว่ซินตาโต อ้างอิงจากนิยายนั้นในตอนท้ายๆของเรื่อง ฟาหยางสร้างแบรนด์จิวเวลรี่ให้กับอาจูที่เป็นคู่หมั้น เขาออกแบบและสวมมันให้กับอาจูด้วยตนเอง

แต่ตอนนี้ฟาหยางกำลังชวนเธอไปดูเนี่ยนะ?

เยว่ซินลังเลเล็กน้อย แต่เพราะแบบนั้นเธอก็ยังมีความอยากเห็นด้วยตาตัวเองคู่นี้

"ขอบคุณคุณฟาหยางค่ะ"

"แบบนี้คือไม่ปฏิเสธสินะ"

"ได้เห็นเป็นคนแรกๆทั้งที่ จะปฏิเสธได้ไงคะ" ฟาหยางหัวเราะ เขาเท้าแขนลงบนโต๊ะและทอดมองคุณหนูหลี่ เยว่ซินอย่างเอ็นดูที่สุด...

เยว่ซินดูตื่นตาตื่นใจที่ได้กลับมาคฤหาสน์ตระกูลหยางอีกครั้ง ในห้องรับแขกบนโซฟาตัวยาว ฟาหยางกำลังนั่งไขว่ห้างมองคนที่ดูคอลเลคชั่นจิวเวลรี่อย่างสนใจ

"เส้นนี้สวยจังเลยค่ะ"

"คุณหนูเยว่ตาถึงมากค่ะ เส้นนี้ทำจากพลอยหายากเสริมด้วยทับทิมที่ช่วยเสริมด้านการงาน หากจิวเวลรี่เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อไหร่ สร้อยเส้นนี้จะอยู่ในตู้โชว์อันดับท็อปๆของแบรนด์เราค่ะ" เลขาหลิงร่ายยาวอดชื่นชมคุณหนูเยว่ไม่ได้ที่ไม่ว่าจะสนใจเส้นไหนก็ดูเป็นตัวท็อปทั้งสิ้น

"คุณเยว่ซินลองเส้นนี้ไหมคะ" คุณหนูตระกูลหลี่รับเอาสร้อยคอประดับแซฟไฟร์มาลองสวม เมื่อพลอยสีน้ำเงินยามอยู่บนคอระหงส์ที่ขาวราวหิมะนั้นช่างตัดกันอย่างลงตัว ฟาหยางยกยิ้มเมื่อเห็นว่าเยว่ซินจะใส่เส้นไหนก็น่ามองไปเสียหมด

เลขาหลิงลุกขึ้นยืนและขยับตัวออกเมื่อเห็นเจ้านายตนเองย้ายที่จะมานั่งข้างคุณหนูเยว่ มือหนาประดับรอยสักหยิบยกสร้อยคอที่ประดับด้วยเพชรสีชมพูที่ชื่อว่าLulo Rose

เยว่ซินตกใจเผลอโน้มตัวออกเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าฟาหยางนั้นหยิบอะไรขึ้นมาให้ตน

กุหลาบลูโล หรือ Lulo Rose เป็นเพชรสีชมพูที่งดงามดั่งกับกุหลาบ ถูกจัดให้เป็นเพชรเม็ดโตที่หายากมากที่สุดในโลก เพชรที่หลายคนปรารถนาอยากที่จะครอบครองแต่แค่ได้เห็นก็เป็นบุญตาแล้ว ราคาของกุหลาบลูโลนั้นสูงชนิดที่ต่อให้เยว่ซินทำงานทั้งชาติก็คงไม่สามารถซื้อได้ ต้องมีเงินหลายพันล้านถึงจะได้ครอบครองเพชรกุหลาบลูโลนี้ แล้วฟาหยางผู้นี้กลับมีมันไว้ครอบครองเนี่ยนะ?

"ฉันไม่นึกว่ากุหลาบลูโลจะอยู่ในคอลเลคชั่นที่ตระกูลหยางคิดจะขาย..." เยว่ซินเอ่ยเสียงเบา ความงามของมันที่ได้เห็นใกล้ๆนั้นทำหญิงสาวตื่นเต้นมากจริงๆ

"ถูกของคุณหนูเยว่...กุหลาบลูโลนี้ไม่ใช่ของที่หากันง่ายๆ" เธอรู้ดีเลยล่ะ...แต่นั่นก็หมายความว่าฟาหยางมีทั้งทรัพย์สินและอำนาจมากพอเขาถึงได้มีไว้ครอบครองเช่นนี้

"อยากสวมหรือไม่" เยว่ซินพยักหน้ารัว แน่นอนว่าของดีแบบนี้เธอจะไม่พลาด!

ทั้งเลขาหลิงและเหล่าลูกน้องในบริเวณต่างแปลกใจจนแทบจะอุทานกันไปตามๆกัน เมื่อเยว่ซินตอบเช่นนั้น ฟาหยางหยิบสร้อยกุหลาบลูโลขึ้นแล้วเตรียมสวมให้กับหญิงสาว

เขาโน้มตัวลงไปใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอมของเยว่ซิน มือหนาแตะลงที่หลังคอ เอ่ยขออนุญาตเสียงเบาก่อนจะสวมมันให้กับคุณหนูตระกูลหลี่

อาจเพราะเยว่ซินตื่นเต้นเกินไปถึงไม่ได้สังเกตว่าตอนนี้มีหลายสายตาจับจ้องเธออยู่แบบใด ทันทีที่สร้อยคอประดับเพชรน้ำงามราคาหลายพันล้านอยู่บนลำคอระหงส์นั้น ทุกคนต่างมีความคิดเช่นเดียวกันว่าสร้อยเส้นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อคุณหนูเยว่โดยเฉพาะ!

"อืม...เหมาะกับคุณหนูเยว่จริงๆ" เสียงทุ้มเอ่ยพูด เยว่ซินหันกลับมาวาดรอยยิ้มให้อย่างขอบคุณ

"เพราะสร้อยเส้นนี้มันสวยมากค่ะ"

"ของสวยงามก็ต้องอยู่กับคนแบบเดียวกัน"

"..."

"คุณหลิงเห็นด้วยไหม?"

"ค่ะคุณฟาหยาง...คุณหนูเยว่เหมาะมากจริงๆ" เยว่ซินหน้าแดง เล่นมาชมกันโต้งๆแบบนี้ เธอก็เขินเป็นเหมือนกันนะ!

"เอาไว้ฉันจะให้ช่างปรับสายให้อีกเล็กน้อยแล้วจะส่งไปให้คุณหนูเยว่" เยว่ซินเลิกคิ้ว มองคนตัวสูงด้วยความสงสัย

"ให้ฉัน?...ให้ทำไมคะ?" ถ้าตามนิยาย ฟาหยางต้องให้อาจูไม่ใช่หรือ?

"ก็แค่ต้องการบอกให้หลายๆตระกูลรู้น่ะ"

"..." เยว่ซินเงียบ รอฟังอีกคนพูดต่อ

"ว่าอาเยว่เป็นคนของฉัน หากจะมาแย่งไปก็คงยากเสียหน่อยแล้ว" โดยเฉพาะหยวน อี้ คิดว่าเขาไม่รู้หรือว่าฝ่ายนั้นตั้งใจดึงเยว่ซินไปเช่นเดียวกัน

ถ้าหยวน อี้คิดว่าทำได้ล่ะก็ฟาหยางคนนี้จะรอดูหน่อยแล้วกัน

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เมื่อเธอหลุดเข้ามาในนิยายรัก แต่ดันเป็นนางร้าย   ตอนพิเศษ 4 คริสต์มาสกับตระกูลหยาง

    ยี่สิบสี่ธันวาคมคือวันที่คฤหาสน์ตระกูลหยางดูจะครึกครื้นเป็นพิเศษ ได้ยินเสียงถกเถียงของทายาทตระกูลใหญ่ที่หน้าตาเหมือนกันทุกประการพูดแข่งกันราวกับพูดกับกระจก "เฟิ่งบอกว่าจะให้หม่าม๊าใส่ตัวนี้" "ก็เฮียบอกว่าตัวนี้ไงอาเฟิ่ง" เด็กชายวัยกำลังย่างเข้าหกขวบยื้อแย่งชุดคลุมสีแดงที่ทางห้องเสื้อส่งมาให้นายหญิงตระกูลหยางเป็นพิเศษ มีทั้งแบบที่กำลังนิยมในปัจจุบันและแบบที่ตัดออกมาสำหรับคุณหนูเยว่ซินโดยเฉพาะ "หม่าม๊าเอาตัวนี้นะ" เฟยหลงว่าพลางกำลังจะวิ่งเตาะแตะไปทางมารดาตัวเองที่ยืนเลือกแบบขนมสำหรับงานเลี้ยงที่จะจัดพรุ่งนี้ หากแต่กลับโดนมือป้อม ๆ ของแฝดคนน้องยกขึ้นห้ามกันไว้เสียก่อน "ไม่เอา หม่าม๊าต้องใส่ตัวนี้สิ" "เอ่อ..." เหล่าสาวใช้ที่เห็นเหตุการณ์ได้แต่ยืนเหงื่อตก พวกเธอรู้ดีว่าหากเป็นเรื่องเกี่ยวกับหม่าม๊าของเฟยหลงและเฟยเฟิ่งแล้วนั้นจะไม่มีใครสามารถห้ามปรามได้ อาเฟิ่งยอมให้พี่ชายตัวเองได้ทุกอย่างยกเว้นเรื่องหม่าม๊า อาเฟยหลงหลับหูหลับตาไม่มองยามโดนน้องชายตัวเองแอบหยิบของเล่นชิ้นโปรดไปได้แต่ถ้าเป็นเรื่องม๊าเยว่ซินแล้วเขาไม่มีวันยอม "หม่าม๊า/หม่าม๊า" คราวนี้ทั้งคู่พูดขึ้นมาพร้อมกันจนเยว

  • เมื่อเธอหลุดเข้ามาในนิยายรัก แต่ดันเป็นนางร้าย   ตอนพิเศษ 3 ป่วนฟาหยาง

    ในบริษัทตระกูลหยางที่ห้องท่านประธานวันนี้ได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าวกว่าปกติ ฟาหยางจำต้องยกมือขึ้นกุมขมับเล็กน้อยเพราะเสียงถกเถียงกันของเจ้าแฝดหรือก้อนแป้งที่เยว่ซินชอบเรียก "อาเฟิ่งเอาอีกแล้ว!" ได้ยินเสียงเฟยหลงโวยวายอยู่ยกใหญ่ เด็กชายวัยสี่ขวบตัวสูงกว่าพนักวางแขนของโซฟานิดเดียวซึ่งอยู่ในชุดเอี๊ยมน่ารักที่ถูกหม่าม๊าจับแต่งตัวให้ เฟยหลงขู่ฟ่อมองน้องชายตัวเองที่นั่งอยู่บนนั้น "เฮียเสียงดัง" ก่อนเฟยเฟิ่งซึ่งในมือถือถุงขนมที่คาดว่าคงแบ่งกันไม่ลงตัวตอบพลางยกมืออีกข้างขึ้นปิดหู เจ้าก้อนแป้งอยู่ในชุดแบบเดียวกันทั้งหน้าตาที่ถอดแบบกันมาทุกประการ "อาเฟิ่งก็คืนมาสิ!" "ไม่เอา ก็เฟิ่งอยากกิน" คิ้วเริ่มขมวดเข้าหากันน้อย ๆ ปกติแล้วเฟยเฟิ่งมักจะตามใจพี่ชายตัวเองอยู่เสมอซึ่งฟาหยางคิดว่าคงเป็นเพราะอยากตัดรำคาญเสียมากกว่า เฟยหลงอมลมในปาก หันซ้ายหันขวาราวกับกำลังหาตัวช่วย "ป๊า!" ครั้นพอไม่รู้จะพึ่งทางไหนจึงเดินเตาะแตะมาหา ฟาหยางยอมวางปากกาในมือลง วันนี้เยว่ซินไปซื้อของกับจางลี่ถึงได้ฝากลูกลิงทั้งสองคนไว้ที่เขา "อืม...ว่าอย่างไร" แม้ได้ยินชัดทุกคำว่ามีปัญหาอะไรกันมาแต่ฟาหยางก็ยังเอ่ยถาม เขาต้องก

  • เมื่อเธอหลุดเข้ามาในนิยายรัก แต่ดันเป็นนางร้าย   ตอนพิเศษ 2 อาเยว่ซินงอแง

    ช่วงหลังจากที่ทราบว่ามีเจ้าก้อนกลมสองก้อนอยู่ในท้องก็เป็นช่วงที่ฟาหยางปวดหัวไม่น้อยเนื่องจากอาการของคนท้องไม่ใช่สิ่งที่จะคาดเดาอะไรได้ ฟาหยางที่วันนี้ต้องกลับจากบริษัทเร็วกว่าทุกวันขนาดที่ว่าเขาเพิ่งจะไปถึงบริษัทได้ไม่เกินสิบห้านาที 'คุณหนูเยว่ร้องไห้ค่ะ ไม่ว่าใครถามอะไรก็ไม่ตอบ บอกแค่ว่าจะเจอคุณหยางแค่คนเดียวค่ะ' สายจากสาวใช้ที่คฤหาสน์โทรมาหากันด้วยน้ำเสียงร้อนรน ปกติเยว่ซินมักเป็นคนที่ยิ้มแย้มและอารมณ์ดีอยู่เสมอ เธอมีเหตุผลกับทุก ๆ เรื่องแต่ยามนี้ที่จู่ ๆ อาจด้วยฮอร์โมนหรืออะไรก็แล้วแต่มันทำให้คนในคฤหาสน์ตื่นตูมกันไปเสียหมด พยายามทั้งปลอบทั้งหาของกินมาเท่าไหร่แต่ก็เหมือนว่าจะไม่เป็นที่พอใจของนายหญิงผู้นี้เลยแม้แต่น้อย "อาซิน" ขายาวก้าวเร็ว ๆ ไปยังห้องนั่งเล่นทันทีที่ลงจากรถ ฟาหยางรีบขนาดที่เขาขับรถมาเองโดยไม่รออาโป ทำเอาฝั่งลูกน้องที่บริษัทก็วุ่นวายอยู่พอสมควร "ฮึก..." ยังได้ยินเสียงสะอื้นจากคนที่ฟุ่บหน้าอยู่กับหมอนอิง เหล่าสาวใช้ที่เห็นว่าฟาหยางมาแล้วจึงรีบลุกขึ้นค้อมศีรษะให้แล้วเดินออกจากบริเวณนั้นทันที "เกิดอะไรขึ้น" เสียงทุ้มเอ่ยถามพลางรวบคนตัวเล็กเข้าในอ้อมแขน เยว่ซิน

  • เมื่อเธอหลุดเข้ามาในนิยายรัก แต่ดันเป็นนางร้าย   ตอนพิเศษ 1 ฮันนีมูนกับฟาหยาง nc18+

    สามสัปดาห์หลังจากแต่งงาน แม้ห่าวอู๋จะพูดอยู่ทุกวันว่าให้ทั้งคู่คิดประเทศที่จะไปฮันนีมูนกันเสียทีแต่เยว่ซินก็คิดไม่ออก หญิงสาวบอกเลื่อนทริปมาตลอดจนถึงวันนี้ที่ห่าวอู๋เดินทางมาที่คฤหาสน์ตระกูลหยางด้วยตัวเอง 'เตี่ยจองที่พักบนเกาะไว้ให้แล้ว เรื่องงานที่บริษัทเตี่ยจะจัดการทุกอย่างเอง อาเยว่ซินเตรียมตัวไปฮันนีมูนกับอาหยางได้เลย' นั่นคือประโยคที่ได้ฟังจากห่าวอู๋ก่อนที่วันต่อมาในตอนเช้ามืดก็โดนสามีตัวเองอุ้มขึ้นรถตั้งแต่ยังไม่ตื่นดี เยว่ซินนึกสงสัยอยู่ตลอดว่าทำไมเวลาจะไปทริปต่างประเทศแล้วจะต้องไม่ได้เตรียมตัวเสียทุกครั้งกันนะ แต่ถึงจะอยากโวยวายทั้งประมุขคนก่อนและคนปัจจุบันของตระกูลหยางนี้สักเท่าไรก็คงทำไม่ได้ แน่นอนว่าเธอก็ไม่คิดเสี่ยงจะทำ "คราวนี้อาโปก็มาหรือคะ" สิ่งที่ต่างไปจากทริปที่อิตาลีครั้งนั้นก็ดูเหมือนจะเป็นว่ามีลูกน้องมาด้วยกัน ฟาหยางขานรับในลำคอ "ถือเป็นวันพักผ่อนให้พวกเขาด้วย" เยว่ซินพยักหน้าเห็นด้วย สมควรอย่างยิ่งเพราะลูกน้องฟาหยางแต่ละคนใช่ว่าจะมีงานน้อย ๆ เสียที่ไหน "แต่ไม่ต้องห่วง พวกนั้นกับเราอยู่คนละที่พัก ไม่มีใครกวนตอนเธออยู่กับเหล่ากงได้หรอก" คำพูดเจ้าเล่ห์มาพร

  • เมื่อเธอหลุดเข้ามาในนิยายรัก แต่ดันเป็นนางร้าย   ตอนจบ กับฟาหยางตลอดไป

    ผ่านไปสองเดือนหลังจากการประกาศแต่งงานในวันนั้น ฟาหยางไม่ให้เยว่ซินรับงานใด ๆ ทั้งสิ้น และงานที่บริษัทก็เหมือนว่าเลี่ยงหรงจะเป็นคนจัดการทุกอย่างและถึงแม้เป็นแบบนั้นเขาก็ยังรายงานแก่ฟาหยางประหนึ่งบริษัทหลี่กลายเป็นบริษัทในเครือของฟาหยางไปเสียแล้ว "คุณหนูเยว่รับขนมอีกไหมคะ" และเพราะวัน ๆ เยว่ซินแทบจะไม่ได้ทำอะไรนอกจากเข้าคอร์สเจ้าสาวที่ห่าวอู๋และเครือญาติตระกูลหยางจัดหาให้จึงทำได้แค่นั่ง นอน กินและออกไปตามนัดบ้างเป็นครั้งคราว "พอแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ" คนตัวเล็กตอบพลางระบายยิ้มงดงาม มือเรียวสวยปิดหนังสือลงแล้วเหลือบมองเวลาเล็กน้อย ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงแล้ว ปกติฟาหยางมักจะกลับมาในเวลานี้เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับงานแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้นในต้นเดือนหน้า "คุณหยางมาถึงแล้วค่ะ" เป็นจังหวะพอดีกับที่มีสาวใช้อีกคนหนึ่งเดินเข้ามารายงานกัน เธอทอดมองคุณหนูเยว่ซินที่อยู่ในชุดกระโปรงยาวสีครีม ผิวขาวราวน้ำนมที่ไม่ได้ต้องแดดมานาน ทั้งแก้มและริมฝีปากแดงระเรื่อ ไม่ว่าจะมองในมุมไหน ๆ คุณหนูเยว่ก็ดูงดงามไปเสียทุกส่วน นี่หรือเปล่าที่เขาว่ากันว่าออร่าของคนกำลังจะเป็นเจ้าสาว "อาซิน" พลันในวินาทีนั้นด้านหลัง

  • เมื่อเธอหลุดเข้ามาในนิยายรัก แต่ดันเป็นนางร้าย   31 ภรรยาฟาหยาง

    เยว่ซินไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรกับสถานการณ์ในตอนนี้ เธอเพิ่งจะยืนอยู่ที่ครัวในคอนโดเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน แล้วเหตุใดตอนนี้ถึงมาอยู่ที่อิตาลีได้? ไม่ใช่แค่นั้นแต่ตอนนี้เธอมากับฟาหยางแค่สองคน! ใช่...ไม่มีอาโปและลูกน้องมาด้วยกันเลย "อาเยว่อยากทานอะไร" "ดะ...เดี๋ยวก่อนค่ะ" มือเรียวยกขึ้นกั้นระหว่างกันทั้งแววตาที่ฉายความสับสนชัดเจน ฟาหยางหัวเราะเมื่อเห็นปฏิกิริยาเช่นนั้น "นี่มันเหนือความคาดหมายไปหน่อยนะคะ" "ทำไม เธอไม่อยากมาเที่ยวกับอาฟาหรือ?" คนตัวสูงคล้ายสุนัขตัวโตที่เยว่ซินได้แต่ถอนหายใจ มือหนาเอื้อมมาประคองกันไว้พลางเอ่ยขึ้นอีกรอบ "ไม่อยากลองอยู่กันแค่สองคนบ้างหรือ" ครั้นโดนออดอ้อนซึ่ง ๆ หน้าทำเอาคนตัวเล็กไร้คำจะเถียงอีก ตอนนี้ทั้งคู่อยู่กันที่ที่พักแห่งหนึ่งในเกาะซิซิลี เยว่ซินไม่รู้เลยว่าเขาจัดการเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่ตอนไหน "ความจริงชวนฉันดี ๆ ก็ได้นี่คะ อีกอย่างฉันไม่ได้เอาสัมภาระมาเลย" ไม่รู้จะพูดว่าโดนแกล้งได้ไหม เพราะฟาหยางไม่คิดจะบอกเธอสักคำ หากนี่เป็นเซอร์ไพรส์ก็ดูจะเกินเรื่องไปเสียหน่อย "ซื้อใหม่ทั้งหมดที่นี่" "..." "หายหน้ามุ่ยเถอะนะ ถ้าอาฟาบอกเธอล่วงหน

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status