ด้วยบารมีการเป็นคนที่ถูกทาบทามจะให้เป็นคู่หมั้นของฟาหยางนั้น อาจูที่เคยบอกผู้กำกับฝูไปว่าจะขอร่วมงานกับเยว่ซินในงานถัดไป ซึ่งตอนนี้เธอเพิ่งได้รับคำตอบกลับของผู้กำกับฝู
'งานตัวใหม่เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับลิปสติกค่ะคุณหนูจู ผู้กำกับฝูต้องการผู้หญิงสองแบบ อย่างคุณหนูจูจะได้เป็นสีชมพูหวานๆน่ารักค่ะ' 'ส่วนคุณหนูเยว่จะเป็นสีแดงแบบร้อนแรง' อาจูตอบรับทันที การถ่ายทำจะเริ่มประมาณอาทิตย์หน้า แต่ในสี่วันที่จะถึงผู้กำกับฝูจะนัดไปคุยรายละเอียดเสียก่อน และจากคำพูดของของฟาหยางในครั้งที่แล้วนั้น มันทำให้อาจูต้องรีบฝึกฝนตนเองไม่ให้น้อยหน้าคุณหนูเยว่ซิน คราวนี้เธอจะให้ฟาหยางนั้นเอ่ยปากชมตัวเองบ้างให้ได้! เธอต้องคู่ควรที่จะเป็นว่าที่คู่หมั้นของตระกูลหยางให้ได้มากที่สุด และคราวนี้สื่อข่าวต่างๆคงจะเลิกทำข่าวเกี่ยวกับฟาหยางและเยว่ซินเสียที "อืม...คุณฟาหยางและอาจูเหมาะสมกันที่สุด!" เยว่ซินตื่นขึ้นมาและพบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในห้องที่บ้าน หากแต่เป็นห้องในคฤหาสน์ตระกูลหยางเสียนี่! มือสวยยกขึ้นขยี้ผมตนเองอย่างแรงจนเสียทรง แหงล่ะ...เยว่ซินพอจำได้ลางๆว่าเธอเมาไปขนาดไหน แต่ไม่แน่ใจนักว่าเผลอพูดหรือทำอะไรน่าอายลงไปมากน้อยแค่ไหน "คุณหนูเยว่...ยาแก้เวียนศีรษะหลังดื่มสุราค่ะ" ราวกับรู้ว่าเธอตื่นแล้ว สาวใช้ที่เยว่ซินพอจะจำได้ว่าเคยช่วยดูแลเธอตอนมาพักที่นี่คราวที่แล้วเดินเข้ามาพร้อมกับถาดที่มียาและน้ำเปล่าวางอยู่ "ขอบคุณค่ะ" เยว่ซินรับมันมาไว้ในมือ เธอยิ้มให้กับสาวใช้เล็กน้อย "เอ่อ...คุณหยางไปทำงานหรือยังคะ?" "ค่ะ...ท่านกำลังรอให้ฉันไปรายงานว่าคุณหนูปวดหัวมากหรือไม่" เยว่ซินเลิกคิ้วเล็กน้อย ทำไมฟาหยางถึงไม่เข้ามาหาเธอกันนะ? "พอดีคุณหยางมีแขกน่ะค่ะ" สาวใช้รีบพูดเมื่อเห็นว่าเยว่ซินมีท่าทีสงสัย และพอได้ยินเช่นนั้นคุณหนูตระกูลหลี่จึงพยักหน้ารับ เยว่ซินจัดการอาบน้ำและทานข้าว ในเที่ยงวันนี้เธอต้องไปซื้อเสื้อผ้ากับพี่ซูเม่ย ซึ่งพอเยว่ซินอาบน้ำเสร็จและลงมาชั้นล่างเพื่อจะทานข้าวก็พบว่าฟาหยางไปบริษัทเสียแล้ว "ไหนบอกว่าซื้อคิวกันไว้...ทำไมผิดคำพูดกันเนี่ย" หญิงสาวบ่นอุบอิบ ก็เมื่อวานฟาหยางบอกเองแท้ๆว่าจะไปซื้อเสื้อผ้ากับพี่ซูเม่ยด้วยกัน หรือแขกของฟาหยางก่อนหน้านี้จะเป็นคนสำคัญ? เยว่ซินคร้านจะคิดอีก จัดการทานข้าวให้เสร็จแล้วขอตัวออกมาจากคฤหาสน์ตระกูลหยาง พอดีกับที่ซูเม่ยส่งข้อความมาหาเธอว่าอยู่ที่ร้านเสื้อผ้าในปักกิ่งแล้ว วันนี้จางลี่มีงานที่ต้องทำกับครอบครัวจึงไม่ได้มาด้วยกัน ใช้เวลาเพียงไม่นานเยว่ซินก็ถึงร้านที่นัดกันไว้ "คุณหนูเยว่" เสียงของซูเม่ยที่เอ่ยเรียกทำให้เยว่ซินต้องหันไปมอง อีกคนอยู่ในชุดสไตล์สีดำเหมือนกับที่เคยเห็นเมื่อวาน หลี่ เยว่ซินวาดรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า เธอทักทายเสียงใสซึ่งซูเม่ยก็โค้งรับอย่างลืมตัว "อย่าสุภาพกับฉันนักสิคะ" เยว่ซินพูดแล้วหัวเราะเบาๆ เธอจับจูงผู้ช่วยของตนเองเข้าร้านเสื้อผ้าที่จางลี่แนะนำมา "สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าจองเป็นชื่ออะไรไว้คะ" พนักงานต้อนรับเข้ามาทักทายพวกเธออย่างนอบน้อม "เยว่ซิน...หลี่ เยว่ซินค่ะ" หลังจากที่เยว่ซินพูดคุยกับพนักงานสักครู่ เธอก็เชิญทั้งสองคนไปด้านใน ซูเม่ยนั้นไม่ค่อยจะกล้าหยิบจับเท่าไหร่นัก ก็ดูด้วยสายตาแล้วราคาน่าจะแพงกว่าเงินเดือนของเธอแน่ๆ! "พี่ซูเม่ย ดูตัวนี้สิคะ" แต่คนเป็นเจ้านายนั้นหยิบตัวนู้น เลือกตัวนี้อย่างเพลิดเพลิน เยว่ซินหยิบเสื้อคอจีนหลายตัวมาให้ซูเม่ยลอง อีกทั้งสีของมันก็ไม่ใช่สีดำแบบที่ซูเม่ยชอบใส่ทุกที "คุณเยว่ซินคะ..คือว่า..." ซูเม่ยค่อนข้างลำบากใจที่จะซื้อมันจริงๆจึงได้แค่ส่ายหน้าปฏิเสธ "พี่ซูเม่ยใส่สีขาวแล้วน่าจะดูดีนะคะ" ดวงตาเป็นประกายราวกระต่ายน้อยทำซูเม่ยต้องยอมแพ้ เธอเดินไปยังห้องลองเสื้อแล้วลองสวมมันให้คุณหนูหลี่ดู ซึ่งหญิงสาวนั้นปรบมือแล้ววาดรอยยิ้มกว้าง "สวยจริงๆด้วย!" ซูเม่ยทำตัวไม่ถูกนัก เธอไม่เคยโดนใครชมแบบนี้มาก่อน แถมคนๆนี้ยังเป็นถึงคุณหนูหลี่ เยว่ซินเสียด้วย! "อืม...เอาตัวนี้ค่ะ" เยว่ซินหยิบเสื้อแบบเดียวกันกับที่ซูเม่ยลองแต่เป็นหลายๆสีให้กับพนักงาน ส่วนอีกคนได้แต่ยืนนิ่งมองเจ้านายตนเองเท่านั้น "คุณหนูเยว่เอาไปทำอะไรเยอะแยะคะ?" ซูเม่ยเอ่ยถามหลังจากที่เข้าไปเปลี่ยนเป็นเสื้อตัวเดิมออกมา "ของพี่ซูเม่ยค่ะ" "คะ?" ซูเม่ยเบิกตากว้างด้วยความตกใจแถมยังเผลออุทานออกมาเสียงดังจนเยว่ซินหัวเราะ "อืม...ใส่สีละวันเลยดีไหมคะ?" "คุณหนูเยว่...คือว่าฉันไม่ได้มีเงิน...เอ่อ..." ซูเม่ยค่อนข้างลำบากใจที่จะพูด หากแต่เยว่ซินทำเพียงแค่ส่ายหน้าเบาๆ ใบหน้างดงามยังคงประดับด้วยรอยยิ้มเสมอ "ใครให้พี่จ่ายคะ...อันนี้ฉันซื้อให้เป็นของขวัญต้อนรับต่างหาก" ซูเม่ยนิ่งค้าง ของขวัญต้อนรับเธออย่างนั้นหรือ? "แต่ว่ามันเยอะไปนะคะ ฉันรับมันไม่ไหว" ดูๆแล้วราคาคงไม่ใช่น้อยๆเลยทีเดียว เพราะนอกจากเสื้อแบบที่ซูเม่ยลองซึ่งเยว่ซินเลือกซื้อไปทุกสีที่มีแล้วยังมีเดรสสุภาพและกี่เพ้าอีกสอง สามตัว สรุปแล้ววันนี้เยว่ซินจะมาซื้อเสื้อผ้าให้ตนเองหรือให้เธอกันแน่? "พี่คงไม่หักหาญน้ำใจฉันหรอกใช่ไหมคะ?" เยว่ซินช้อนตามองผู้จัดการตนเอง ริมฝีปากสวยเบะลงเล็กน้อยจนคนได้มองใจอ่อนยวบ "ขอบคุณคุณหนูค่ะ ฉันจะตั้งใจทำงานเป็นการตอบแทน" เมื่อได้ยินดังนั้นเยว่ซินถึงกับหัวเราะออกมา ผู้จัดการเธอคนนี้ดูเคร่งขรึมทั้งยังใสซื่อเสียจริง "ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ...ฉันให้ก็เพราะฉันชอบพี่ซูเม่ยต่างหาก" ซูเม่ยตั้งตัวไม่ทัน ทั้งๆที่เพิ่งได้เจอกันเพียงครั้งเดียวแต่เหมือนว่าเยว่ซินนั้นมอบความวางใจไว้เธอให้เสียแล้ว... "เป็นคนทำงานร่วมกันเราต้องรักกันไว้นะคะ!" พูดจบเยว่ซินก็เดินออกไปจ่ายเงินกับพนักงานทิ้งไว้แค่ซูเม่ยที่ยืนนิ่งค้างอยู่ที่เดิม เธอไม่คิดว่าเจ้านายคนใหม่ของเธอจะเป็นเช่นนี้ เพราะซูเม่ยนั้นผ่านเจ้านายแบบเก่าๆมาหลายคนนั้นทั้งชอบเอารัดเอาเปรียบและเธอไม่เคยได้รับอะไรดีๆเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่เสร็จจากร้านเสื้อผ้าทั้งคู่ก็แวะเข้าออกอีกหลายร้าน เยว่ซินดูสนุกที่ได้เพื่อนร่วมซื้อของด้วยกันต่างจากซูเม่ยที่หน้าซีด เหงื่อออกเมื่อเห็นราคาที่คุณหนูเยว่ต้องจ่าย! "คุณหนูเยว่ใช้เงินเก่งกว่าที่ฉันคิดนะคะ" คนมีศักดิ์เป็นรุ่นพี่เอ่ยพูดเมื่อตอนนี้ทั้งคู่นั่งพักกันอยู่ที่ร้านไอศกรีมแห่งหนึ่ง "ที่จริงก็ไม่ใช้เยอะขนาดนี้หรอกค่ะ แต่พอดีมีคนซื้อคิวเมื่อวานฉันไปทั้งวันเลยแถมยังให้ค่าตัวเยอะแบบที่ฉันรับงานได้สักสองเดือนน่ะค่ะ" เยว่ซินตอบพร้อมด้วยเสียงหัวเราะคลอ แต่กลับสร้างความตกใจให้คนฟัง เพียงแค่วันเดียวแต่กลับได้รับเงินเยอะขนาดนั้นเลยหรือ? "ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ มันไม่ใช่งานอะไรที่ไม่ดี อีกอย่างคนที่ซื้อคิวฉันก็เป็นถึงมาเฟียแผ่นดินจีน" ซูเม่ยยังคงไม่เข้าใจที่อีกคนพูดแต่ก็ยอมพยักหน้ารับ อย่างน้อยๆเยว่ซินก็ไม่ได้รับงานที่ไม่ดี หลังจากที่ทานเสร็จ ทั้งสองคนก็แยกย้ายกันกลับ ซูเม่ยเดินมาส่งคุณหนูเยว่ที่รถ "อีกสี่วันเราต้องไปคุยรายละเอียดกับผู้กำกับฝูที่ถ่ายโฆษณาลิปสติกนะคะ" เยว่ซินพยักหน้า "อ้อ...งานนี้ถ่ายร่วมกับคุณหนูจูนะคะ" มือเรียวที่กำลังจะเปิดประตูรถชะงักไปเล็กน้อย ถ่ายร่วมกับอาจูงั้นหรือ? "เดี๋ยวฉันจะส่งรายละเอียดอื่นๆไปให้นะคะ ช่วงเช้าฉันจะไปรับคุณหนูที่บ้านค่ะ" "ขอบคุณนะคะพี่ซูเม่ย" ซูเม่ยบอกลาเจ้านายตัวเองก่อนจะแยกไปอีกทาง ส่วนเยว่ซินนั้นได้แค่คิดวนๆอยู่ในหัว เอาอีกแล้วสิ...เหตุการณ์ที่เธอไม่เคยได้อ่านในนิยายมาก่อนน่ะ... หลังจากนั้นสี่วัน เยว่ซินและซูเม่ยก็ไปคุยรายละเอียดเพิ่มเติมกับผู้กำกับฝู และอีกสามวันต่อมาก็ต้องไปถ่ายงานจริง เยว่ซินค่อนข้างแปลกใจที่ในอาทิตย์นี้ฟาหยางหายไปจากเธอเลย ไม่ได้ติดต่อกลับมาและไม่ตอบกลับข้อความที่เธอเคยส่งไปขอบคุณสำหรับที่ให้เธอพักในคฤหาสน์ตระกูลหยางวันนั้น แม้จะอยากรู้นักว่าฟาหยางหายไปไหนแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ แถมเยว่ซินจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่านี่มันคือช่วงไหนของนิยายที่เคยอ่าน... "เป็นยังไงคะพี่ซูเม่ย" หญิงสาวหันมาถามผู้จัดการตนเองที่นั่งรอเธอแต่งหน้าทำผมอยู่ด้านหลัง "แต่งหน้าลุคนี้เข้ากับคุณหนูเยว่ดีค่ะ" เยว่ซินยิ้มกว้าง เธอชวนซูเม่ยคุยต่อในระหว่างที่รอทำผมให้เสร็จ "สวัสดีค่ะพี่เยว่ซิน" แต่ระหว่างนั้นใครอีกคนก็เข้ามาทักเธอเสียงใส อีกฝ่ายอยู่ในชุดเซ็ทสีขาวดูสุภาพเรียบร้อย ใบหน้าหวานสมกับเป็นนางเอกนั้นทำให้เยว่ซินยิ้มรับ "สวัสดีอาจู" อาจูเดินเข้ามาพร้อมกับใครบางคนที่เยว่ซินไม่รู้จักและเมื่อสี่วันก่อนที่เธอมาคุยงานกับผู้กำกับฝูก็ไม่เคยเห็น และเหมือนว่าเธอจะจ้องอีกฝ่ายมากเกินไปอาจูจึงเอ่ยปากแนะนำตัวให้ "นี่คือผู้จัดการที่คุณพ่อหามาให้อาจูค่ะ เธอชื่ออาผิง" เยว่ซินค้อมศีรษะให้เล็กน้อยส่วนอีกฝ่ายก็โค้งตัวให้เช่นกัน "นี่เป็นครั้งแรกของอาจูเลยนะคะ ตื่นเต้นจริงๆ" คนที่มีศักดิ์เป็นนางเอกของเรื่องลากเก้าอี้มานั่งใกล้ๆกัน เธอวาดรอยยิ้มสวยจนทีมงานในห้องต่างเอ็นดูเธอไปตามๆกัน "ไม่ต้องห่วงนะคะคุณหนูจู น่ารักแบบนี้ยังไงงานก็ต้องออกมาดีแน่ค่ะ" ช่างทำผมเอ่ยชมก่อนที่คนในห้องจะเอ่ยปากชมกันไม่หยุด "ขอบคุณนะคะพี่ๆ ถ้าอาจูผิดพลาดตรงไหนฝากเตือนด้วยนะคะ" "ได้สิคะ พี่ยินดีช่วยคุณหนูจูเต็มที่" ตอนนี้เยว่ซินราวกับอากาศที่ไม่มีใครสนใจอีก เธอลุกจากเก้าอี้เพื่อจะไปแต่งตัวแต่กลับโดนนางเอกของเรื่องรั้งไว้เสียก่อน "ให้อาจูไปช่วยนะคะพี่ซิน" หญิงสาวลุกขึ้นมาเกาะแขนเยว่ซินไว้ "ไม่รบกวนคุณหนูจูดีกว่านะคะ ฉันจะเป็นคนช่วยคุณหนูเยว่เองค่ะ" เยว่ซินที่ไม่ทันได้พูดอะไรกลับโดนซูเม่ยแทรกขึ้นก่อน "อ้อ พี่ซูเม่ยนี่เอง จำอาจูได้ใช่ไหมคะ" อีกฝ่ายยังคงยิ้มสดใสมาให้ หากแต่ซูเม่ยนั้นแค่มองนิ่งๆ "ไว้ค่อยคุยต่อแล้วกันนะอาจู ฉันขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ทุกคนเขารอทำงานต่อกันอยู่น่ะ" "อ๊ะ!จริงด้วยค่ะ อาจูขอโทษนะคะ" ใบหน้าหวานดูเศร้าลงหากแต่เยว่ซินก็ไม่มีเวลามาปลอบใจอีกฝ่ายเท่าไหร่จึงเดินแยกออกไปแต่งตัว ผ่านไปไม่นานเยว่ซินเดินเคียงคู่มากับผู้จัดการ ในกองถ่ายตอนนี้ดูครึกครื้นเพราะอาจูนั้นเล่าเรื่องอะไรบางอย่างอยู่ "คุณหนูจูเล่าเรื่องเก่งจริงๆ" "ขอบคุณค่ะ อ๊ะ...พี่เยว่ซิน~" บทสนทนาหยุดลงเมื่ออาจูหันมาเจอเธอ อีกฝ่ายรีบเดินเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มกว้าง "พี่เยว่ซินสวยจังเลยค่ะ" "ขอบคุณนะ" เยว่ซินอยู่ในชุดเซ็ทคล้ายๆกับอาจูเพียงแค่ของเธอนั้นเป็นคนละสี เสื้อครอปโชว์เอวคอดยิ่งทำให้เยว่ซินดูราวกับนางแบบชื่อดัง "งั้นมาเริ่มกันเลย" เสียงผู้กำกับฝูช่วยดึงให้ทุกคนกลับมาโฟกัสที่งานกันต่อ ส่วนซูเม่ยและอาผิงนั้นก็เดินไปนั่งอยู่ไม่ไกลจากจอมอนิเตอร์ ซูเม่ยปรายตามองอีกคน ไม่รู้ว่าเพราะเธอคิดมากไปเองหรือไม่ แต่ซูเม่ยรู้สึกไม่ถูกชะตากับคนๆนี้เอาเสียเลย... "อาจูไม่ต้องเกร็งไหล่นะครับ...ผ่อนคลายลงหน่อย" "อาจูช่วยหันโปรดักส์มาฝั่งขวาหน่อยครับ" "เติมหน้าให้คุณหนูจูด้วย" เสียงของช่างกล้องและผู้กำกับฝูดังสลับกันไป เยว่ซินมองอีกคนที่หน้าถอดสีไปจากเดิม อาจูเป็นคนที่สวยและเก่งก็จริงแต่เพียงแค่เธอไม่เคยทำก็เท่านั้น เยว่ซินคิดว่ายังไงถ้านางเอกคนนี้จะลองทำไปเรื่อยๆล่ะก็คงไม่พ้นเป็นเบอร์ต้นๆของวงการบันเทิงเป็นแน่ ส่วนฝั่งอาจูนั้นได้แต่สงสัยในใจ เธอคิดถึงคำที่ฟาหยางเคยพูดได้ แม้ว่าเยว่ซินจะเพิ่งลองทำงานด้านนี้แต่กลับทำได้ดีเยี่ยมจริงๆ ไม่ว่าผู้กำกับฝูจะบรีฟอะไรก็ดูจะทำได้ถูกใจไปเสียหมด "งั้นเราพักกันสักหน่อยดีกว่า" ผู้กำกับฝูเอ่ยสั่ง ซึ่งอาจูนั้นหน้าเสียลงกว่าเก่า เธอแน่ใจว่าต้องเป็นเพราะเธอจึงทำให้กองต้องชะงัก "ปกติผู้กำกับฝูจะปล่อยพักอยู่แล้วน่ะ...อาจูไม่ต้องคิดมากไป" เยว่ซินพูดขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าของอีกคน เธอรู้ว่านางเอกคนนี้กดดันมากแค่ไหน ซึ่งไม่ใช่ว่าเธอจะไม่เคยเป็น "งั้นหรือคะ...อาจูตกใจแทบแย่" ใบหน้าหวานกลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง "ไปนั่งพักสักหน่อยเถอะ" "ค่ะพี่เยว่ซิน" เยว่ซินเดินไปหาซูเม่ยที่นั่งรออยู่ ในมือของผู้จัดการตนเองมีแก้วชาถือไว้รออยู่ก่อนแล้ว "ชาสักหน่อยนะคุณหนูเยว่" มือเรียวรับมาดื่ม เยว่ซินนั่งลงข้างๆกัน ซูเม่ยไม่ได้พูดอะไรเพราะอยากให้หญิงสาวได้พัก เธอก้มหน้าลงเช็คงานที่มีหลายแบรนด์ติดต่อเข้ามา ส่วนเยว่ซินนั้นนั่งดื่มชาเงียบๆรอผู้กำกับฝู ในระหว่างที่เธอกำลังผ่อนคลายกับช่วงเวลาพัก อยู่ๆด้านหลังกลับมีใครบางคนเซเข้าหาแล้วกระแทกใส่ "ว้าย!คุณหนูเยว่" น้ำชาร้อนๆที่อยู่ในแก้วพลันหกลงบนลาดไหล่ของเยว่ซิน หญิงสาวสะบัดตัวออกหนีความร้อนจึงได้เห็นว่าใครที่อยู่ด้านหลัง "ผะ..ผิงผิงขอโทษค่ะ! คือเท้ามันสะดุด" ผู้จัดการส่วนตัวของอาจูหน้าซีดมองเยว่ซินอย่างตกใจ ซึ่งไม่เพียงแค่เธอเท่านั้นแต่คนในกองก็ตกใจเช่นเดียวกัน "คุณหนูเยว่!" มีเพียงซูเม่ยที่รีบคว้าผ้าแถวเก้าอี้ที่พาดไว้มาเช็ดให้ ผิวขาวราวหิมะของเยว่ซินนั้นแดงอย่างรวดเร็ว "เจ็บไหมคะ...โดนลวกตรงไหนบ้าง" ความแสบร้อนกัดกินผิวจนเยว่ซินเบ้หน้า แม้รู้สึกเจ็บแต่เธอยังคงเก็บอาการเอาไว้เพราะไม่อยากให้ทั้งกองแตกตื่น ผู้กำกับฝูรีบเข้ามาดูพร้อมบอกว่าจะพาไปโรงพยาบาล "ไม่เป็นไรค่ะผู้กำกับฝู ทายาหน่อยเดี๋ยวก็หาย" ซูเม่ยรีบเอ่ยแย้งเสียงแข็งเมื่อได้ยินเช่นนั้น "ไม่ได้นะคะ ผิวแดงขนาดนี้ฉันว่ารีบไปหาหมอเถอะค่ะ" "พี่ซูเม่ยคะ เยว่ซินไม่ได้เป็นอะไร" ซูเม่ยขมวดคิ้ว เธอยังคงบรรจงเช็ดให้กับเจ้านายตนเอง "อาจูขอโทษแทนอาผิงด้วยนะคะ" เยว่ซินมองอาจูที่เดินเข้ามาหาพร้อมด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า ส่วนผิงผิงนั้นก็ยังคงหน้าซีดเช่นเดิม "ผิงขอโทษค่ะคุณหนูเยว่" "ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ใช่ความผิดของเธอมันก็แค่อุบัติเหตุ" ซูเม่ยนั้นแม้ขัดใจเจ้านายตนเองมากแค่ไหนแต่ก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ "งั้นวันนี้เราเลิกกองแค่นี้แล้วกัน คุณหนูเยว่ไปเช็คที่โรงพยาบาลเสียหน่อยก็คงดี เอาไว้แผลหายแล้วค่อยมาถ่ายต่อ" เมื่อผู้กำกับฝูเอ่ยเช่นนั้นเยว่ซินจึงได้แค่พยักหน้าตกลง แม้อยากจะถ่ายให้เสร็จๆในวันนี้แต่เธอก็แสบช่วงไหล่มากจริงๆ "ไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันค่ะ" ซูเม่ยช่วยประคองเจ้านายตนเองไปยังห้องเปลี่ยนชุด เธอหมายมาดไว้ในใจว่ามีโอกาสเมื่อไหร่จะมาคุยกับผิงผิงคนนั้นให้รู้เรื่อง! เยว่ซินกลับถึงบ้านโดยไปซื้อแค่ยาทาจากร้านขายยาเท่านั้นและไม่ไปโรงพยาบาล หญิงสาวเห็นว่ามันไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้นแม้ว่าจะโดนซูเม่ยดุอยู่หลายคำก็ตาม "หากรู้สึกบาดเจ็บขึ้นมารีบโทรมาหาฉันนะคะ ไม่ว่าดึกแค่ไหนก็ตาม" เยว่ซินยิ้มให้กับซูเม่ยที่พูดเช่นนั้น เธอรู้สึกซาบซึ้งมากจริงๆที่ซูเม่ยเป็นห่วงกันมากขนาดนี้ "ขอบคุณค่ะ แต่ฉันดูแลตัวเองได้จริงๆ" "พรุ่งนี้ฉันจะยกเลิกงานของคุณหนูเยว่นะคะ" "ได้ไงคะ เดี๋ยวคืนนี้ทายาไปก็หายแล้วค่ะ" "ไม่ได้ค่ะ คุณหนูเยว่ต้องพักผ่อน หากแผลอักเสบขึ้นมาจะเป็นยังไง" เยว่ซินทอดถอนใจ ดูเหมือนผู้จัดการของเธอจะดุกว่าที่คิด "งั้นขอแค่งานช่วงเช้าได้ไหมคะ ส่วนที่เหลือพี่ซูเม่ยยกเลิกไปได้เลย" "แต่ว่า..." "นะคะ...ช่วงเช้าเป็นสัมภาษณ์ที่ฉันอยากจะออกเสียด้วย" ซูเม่ยถอนหายใจ โดนสายตาราวกระต่ายน้อยจ้องมองกันเช่นนี้แล้วปฏิเสธได้ยากเสียจริง "แค่งานเดียวนะคะ ส่วนที่เหลือฉันจะยกเลิกทั้งหมด" "แน่นอนค่ะ! งั้นไว้เจอกันนะคะ" เยว่ซินโบกมือลาผู้จัดการส่วนตัวแล้วลงจากรถ ซึ่งเมื่อลับสายตาของซูเม่ยนั้นเยว่ซินก็เบะปากแทบจะร้องไห้ออกมา "โดนน้ำร้อนลวกนี่แสบใช้ได้เหมือนกันนะเนี่ย" แน่นอนว่าเช้าต่อมาเยว่ซินมาทำงานจริงๆ เมื่อคืนนั้นลำบากอยู่เหมือนกันที่เธอจะต้องอาบน้ำและทาแผลเอง เรื่องนี้จางลี่รู้แล้วเพราะซูเม่ยนั้นส่งข้อความไปบอก เยว่ซินโดนเพื่อนบ่นยาวที่ไม่ไปโรงพยาบาล จางลี่แทบจะบินกลับมาจากญี่ปุ่นเพราะจะมาจัดการคนดื้อ...แต่ก็นั่นแหละ จางลี่มาไม่ได้เพราะติดงานกับครอบครัว "ตายจริง ฉันลืมยาทาไว้ในรถ เดี๋ยวไปเอาสักครู่นะคะ" เพราะเมื่อเช้าเยว่ซินรีบมาจึงไม่ได้ทายามาก่อน ซูเม่ยจึงบอกให้เอายามาและจะทาให้เมื่อถึงสตูดิโอ "ค่ะ งั้นฉันจะอ่านสคริปต์รอนะคะ" ซูเม่ยพยักหน้าให้ก่อนจะเดินออกไป ทั้งสองคนอยู่ในห้องส่วนตัวกันเพราะเยว่ซินต้องดึงเสื้อลงเวลาทายาซึ่งแผลนั้นลากยาวลงจากไหล่ไปที่หลัง ราวๆห้านาทีต่อมาเสียงเปิดประตูห้องก็ดังขึ้น เยว่ซินยังคงก้มหน้าอ่านสคริปต์ต่อไปแต่เพราะซูเม่ยไม่พูดอะไรเลยทำให้หญิงสาวต้องเงยหน้ามอง "ไม่ทาเหรอคะพี่ซูเม่ย..." เสียงหวานชะงักค้างเมื่อเยว่ซินเงยหน้าขึ้นและมองผ่านกระจกกลับไม่ใช่ซูเม่ย "คุณฟาหยาง" เป็นคนที่หายหน้าหายหน้าไปเป็นอาทิตย์ต่างหาก ฟาหยางตอนนี้อยู่ในลุคที่ไม่คุ้นเคย เชิ้ตสีขาวแขนยาวนั้นดูไม่เรียบร้อยเท่าไหร่ ทั้งยับและติดกระดุมไม่ครบซึ่งแตกต่างจากมาเฟียแผ่นดินจีนที่ดูเนี้ยบตลอดเวลา "คุณมาได้ไงคะ..แล้วพี่ซูเม่ย..." ใบหน้าหล่อฉายแววหงุดหงิด ฟาหยางเดินเข้ามาใกล้แล้วหมุนเก้าอี้ที่เยว่ซินนั่งอยู่ให้หันไปหาเขา มือหนาทั้งสองข้างวางลงที่วางแขนของเก้าอี้เป็นผลให้เยว่ซินโดนกักอยู่ในบริเวณของฟาหยาง "คุณหยางคะ?" เมื่อเห็นท่าทีไม่สบอารมณ์ของฟาหยาง เยว่ซินจึงเอ่ยเรียก มือเรียวแตะเบาๆที่ท่อนแขนแกร่ง "ฉันจะทำยังไงกับเธอดีคุณหนูเยว่?" เสียงทุ้มถามน้ำเสียงยังคงดูหงุดหงิดเช่นเดิม "ฉันรู้เรื่องเมื่อวานแล้ว ถ้าผู้กำกับฝูไม่บอกเธอคงไม่คิดจะบอกฉันใช่ไหม?" ดวงตาสีรัตติกาลจ้องมองกันทำเอาเยว่ซินรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย ฟาหยางตอนนี้ดูแตกต่างจากปกติมากจริงๆ "ก็ฉันไม่รู้ว่าคุณหายไปไหนนี่คะ...อีกอย่างเมื่อวานมันก็แค่อุบัติเหตุ" ฟาหยางถอนหายใจ เขาละตัวออกเล็กน้อย "เจ็บตรงไหน" "..." "โดนน้ำร้อนลวกตรงไหนบ้างคุณหนูเยว่" เยว่ซินเม้มริมฝีปากเมื่ออยู่ๆฟาหยางกลับถามด้วยความอ่อนโยนลง มือหนาแตะไปทั่วแขนราวกับจะหาบาดแผล "เอ่อ..แถวๆนี้น่ะค่ะ" เยว่ซินชี้ไปยังไหล่ "ไปหาหมอหรือยัง ยาทาอันนี้ได้มาจากโรงพยาบาลใช่ไหม" เยว่ซินค่อนข้างแปลกใจที่ในมือของฟาหยางมียาทาของเธออยู่ "เมื่อกี้เจอกับผู้ช่วยคนนั้นฉันเลยขอมา" หญิงสาวพยักหน้าเมื่อได้ยินเช่นนั้น "ฉันไปซื้อจากร้านขายยาน่ะค่ะ...เห็นว่ามันไม่เป็นอะไรมาก" "ฉันอยากจะดุเธอให้แรงกว่านี้ ดุจนเด็กดื้อแบบเธอเบะปากน้ำตาคลอเลยเป็นอย่างไร?" เยว่ซินหลุดหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าของฟาหยางที่บัดนี้ดูไม่สบอารมณ์จนเก็บอาการไม่อยู่ มันดูน่ากลัวก็จริงแต่ในนั้นก็ยังมีความหน่ายใจอย่างเห็นได้ชัด "ฉันโดนทั้งพี่ซูเม่ยและจางลี่ดุมาเยอะแล้วค่ะ งั้นคุณหยางช่วยปลอบฉันได้ไหมคะ" "..." "นะคะ?" ฟาหยางนั้นพยายามหักห้ามใจตนเองไม่ให้เผลอไปบีบปากที่เอ่ยคำพูดน่ามันเขี้ยวของคุณหนูเยว่ "ฉันจะทายาให้" "แต่ว่า..." "ไม่งั้นฉันก็จะดุอีก เอางั้นไหม?" เยว่ซินยอมแพ้ เธอหันหลังให้ฟาหยางแล้วค่อยๆเลิกเสื้อตรงช่วงไหล่ออก "ทาแค่ช่วงไหล่ก็ได้ค่ะ" "แล้วแผลมันมีตรงไหนอีก" "..." "คุณหนูเยว่" ฟาหยางไม่หยุดใช้เสียงดุจนเยว่ซินนั้นปฏิเสธไม่ได้ "ก็ล่างลงไป...แถวๆหลังค่ะ" ฟาหยางบีบยาลงใส่มือ เขานั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆคุณหนูเยว่ กลิ่นหอมประจำตัวของฟาหยางทำให้อีกคนเผลอเกร็งตัวชั่วครู่ เยว่ซินสะดุ้งเล็กน้อยยามที่ความเย็นของยาสัมผัสกับผิว ฟาหยางค่อยๆวนอย่างเบามือแต่ใบหน้านั้นเรียบตึงเพราะเยว่ซินดูผ่านทางกระจก จะไม่ให้เขาหงุดหงิดได้อย่างไร ก็ผิวขาวของเยว่ซินนั้นกลายเป็นสีแดงขนาดนี้ เพียงแค่เขามีปัญหาด่วนจากฮ่องกงไม่กี่วันแต่ดันเกิดเรื่องขึ้นเสียนี่? แถมคนทำยังเป็นผู้จัดการฝึกหัดของอาจูที่อยู่ๆก็สนใจมาทำงานนี้ร่วมกับเยว่ซินด้วยแล้วนั้นฟาหยางยิ่งไม่สบอารมณ์เข้าไปใหญ่ หากมีเวลาเขาจะขอพบอาจูเป็นการส่วนตัว "เจ็บหรือเปล่า" "ไม่ค่ะ...ยามันเย็น" ถึงจะมีความแสบๆอยู่บ้างแต่เยว่ซินก็ไม่กล้าบอก "ฉันบอกผู้กำกับให้แล้วว่ายกเลิกงานไปก่อน" "คะ?" เยว่ซินหันไปหาฟาหยางอย่างรวดเร็ว "ค่าใช้จ่ายทั้งหมดฉันจะจัดการเอง คุณหนูเยว่เตรียมตัวเก็บของแล้วกลับกับฉัน" "แต่ว่าคุณหยางคะ..." เธออุตส่าห์ขอพี่ซูเม่ยมาแต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำงานอยู่ดีเนี่ยนะ! "แต่ถ้าคุณหนูเยว่อยากจะทำต่อฉันก็ไม่ว่า เพียงแต่ผู้จัดการต้องรับผิดชอบ" "แต่มันไม่เกี่ยวกับพี่ซูเม่ยนะคะ" "ฉันเชื่อว่าถ้าอาโปอยู่ตรงนั้น เขาจะไม่ทำตามคำสั่งคุณหนูและพาไปโรงพยาบาลแน่" เยว่ซินยอมเงียบคำ เพียงแค่เธอได้แผลเล็กน้อยเองทำไมทุกคนถึงชอบทำตัวโอเวอร์กันนักนะ! ทั้งพี่ซูเม่ย จางลี่และฟาหยางด้วย! เมื่อเถียงไปก็แพ้ เยว่ซินจึงยอมเก็บของแต่โดยดี ซูเม่ยที่รออยู่ด้านนอกเมื่อเห็นเจ้านายตนเองออกมาจึงรีบเข้าไปหา "เธอกลับไปได้ เดี๋ยวฉันจะไปส่งคุณหนูเยว่เอง" ฟาหยางเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ มือข้างหนึ่งของเขาประคองเยว่ซินไว้หลวมๆ ซูเม่ยรับคำ โค้งให้ทั้งสองคนก่อนจะเดินออกไป ตอนนี้ในกองสำหรับถ่ายทำยังมีทีมงานอยู่ พวกเขาต่างสงสัยกันนักว่าทั้งคู่นั้นสนิทกันถึงเพียงนี้ได้อย่างไร! แม้อยากจะเงยหน้าดูภาพของฟาหยางและเยว่ซินให้เต็มตาแต่ก็ทำไม่ได้! เมื่ออยู่ต่อหน้าฟาหยางนั้นต้องสำรวมสายตามากที่สุดเพราะใครๆก็ไม่อยากมีปัญหากับมาเฟียแผ่นดินจีนคนนี้ ในห้องนั่งเล่นของคฤหาสน์ตระกูลหยาง เยว่ซินยอมนั่งนิ่งๆเป็นตุ๊กตาให้ฟาหยางพาดแขนผ่านหลังเธอไปแล้วม้วนผมเธอเล่นๆในขณะที่บนหน้าจอทีวีเครื่องใหญ่กำลังฉายภาพยนตร์ ฟาหยางดูหงุดหงิดน้อยลงเมื่อเยว่ซินตอบตกลงมาดูหนังกับเขา "คุณหยางไม่มีงานหรือคะ" อดสงสัยไม่ได้เพราะความจริงตอนนี้ฟาหยางควรไปทำงานมากกว่ามานั่งดูหนังอยู่กับเธอตรงนี้ไหม? "ฉันยกเลิกไปหมดแล้ว วันนี้อยากพัก" เยว่ซินพยักหน้า ก็พอเข้าใจว่าอาทิตย์ที่ผ่านมาฟาหยางคงไปทำงานมาเยอะจริงๆ "งั้นก็ไม่เห็นจะต้องพาฉันมาด้วยนี่คะ?...ถ้าเป็นคุณหนูจู..." คำพูดถูกชะงักยามที่ฟาหยางขยับเข้ามาใกล้ ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววขุ่นเคืองเล็กน้อย "ถ้าไม่อยากให้ฉันดุก็ไม่ควรพูดชื่อคนอื่นตอนที่เราอยู่ด้วยกันรู้ไหมคุณหนูเยว่" เสียงนั้นเรียบนิ่งจนเยว่ซินต้องละสายตาออกจากฟาหยาง แต่นั่นมันนางเอก และจะเป็นภรรยาของคุณในอนาคตที่อยู่ในนิยายนะคะ! เยว่ซินเถียงอยู่ในใจ ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรกันอีก ผ่านไปสักพักจนเยว่ซินรู้สึกหนักที่ไหล่จนต้องหันไปมอง "คุณหยางคะ?" เสียงหวานเอ่ยเรียกเมื่อฟาหยางทิ้งตัวลงมาหาเธอ เส้นผมคลอเคลียอยู่แถวแก้ม ใกล้จนเยว่ซินได้กลิ่นหอมของอีกคน "ฟาหยาง?" เอ่ยเรียกอีกครั้งแต่ไร้เสียงตอบรับ เป็นผลให้เยว่ซินรู้ว่าตอนนี้ฟาหยางคงเผลอหลับเสียแล้ว ในขณะเดียวกันอาโปที่ตั้งใจจะเดินมารายงานผลหุ้นแก่บริษัทให้กับฟาหยางจำต้องชะงักเมื่อเห็นภาพเจ้านายในห้องนั่งเล่น เขารู้ดีว่าฟาหยางโกรธเกรี้ยวและเร่งรีบขนาดไหนตอนที่รู้ว่าคุณหนูเยว่ได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งคนสนิทของฟาหยางนั้นรู้ดีว่าเขาเป็นคนหลับยากเพราะภาระงานที่แบกไว้จนติดกลายเป็นนิสัย หากแต่ตอนนี้กลับเผลอหลับไปข้างๆคุณหนูหลี่ เยว่ซินคนนั้นทั้งยังไม่ใช่ในห้องตัวเองเสียด้วย? อาโปก้าวเท้าถอยกลับตัดสินใจไม่ไปรบกวนเวลาพักผ่อนของเจ้านาย "คุณหนูจูกับคุณหนูเยว่?...ใครจะเป็นนายหญิงของตระกูลหยางกันล่ะเนี่ย..."ยี่สิบสี่ธันวาคมคือวันที่คฤหาสน์ตระกูลหยางดูจะครึกครื้นเป็นพิเศษ ได้ยินเสียงถกเถียงของทายาทตระกูลใหญ่ที่หน้าตาเหมือนกันทุกประการพูดแข่งกันราวกับพูดกับกระจก "เฟิ่งบอกว่าจะให้หม่าม๊าใส่ตัวนี้" "ก็เฮียบอกว่าตัวนี้ไงอาเฟิ่ง" เด็กชายวัยกำลังย่างเข้าหกขวบยื้อแย่งชุดคลุมสีแดงที่ทางห้องเสื้อส่งมาให้นายหญิงตระกูลหยางเป็นพิเศษ มีทั้งแบบที่กำลังนิยมในปัจจุบันและแบบที่ตัดออกมาสำหรับคุณหนูเยว่ซินโดยเฉพาะ "หม่าม๊าเอาตัวนี้นะ" เฟยหลงว่าพลางกำลังจะวิ่งเตาะแตะไปทางมารดาตัวเองที่ยืนเลือกแบบขนมสำหรับงานเลี้ยงที่จะจัดพรุ่งนี้ หากแต่กลับโดนมือป้อม ๆ ของแฝดคนน้องยกขึ้นห้ามกันไว้เสียก่อน "ไม่เอา หม่าม๊าต้องใส่ตัวนี้สิ" "เอ่อ..." เหล่าสาวใช้ที่เห็นเหตุการณ์ได้แต่ยืนเหงื่อตก พวกเธอรู้ดีว่าหากเป็นเรื่องเกี่ยวกับหม่าม๊าของเฟยหลงและเฟยเฟิ่งแล้วนั้นจะไม่มีใครสามารถห้ามปรามได้ อาเฟิ่งยอมให้พี่ชายตัวเองได้ทุกอย่างยกเว้นเรื่องหม่าม๊า อาเฟยหลงหลับหูหลับตาไม่มองยามโดนน้องชายตัวเองแอบหยิบของเล่นชิ้นโปรดไปได้แต่ถ้าเป็นเรื่องม๊าเยว่ซินแล้วเขาไม่มีวันยอม "หม่าม๊า/หม่าม๊า" คราวนี้ทั้งคู่พูดขึ้นมาพร้อมกันจนเยว
ในบริษัทตระกูลหยางที่ห้องท่านประธานวันนี้ได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าวกว่าปกติ ฟาหยางจำต้องยกมือขึ้นกุมขมับเล็กน้อยเพราะเสียงถกเถียงกันของเจ้าแฝดหรือก้อนแป้งที่เยว่ซินชอบเรียก "อาเฟิ่งเอาอีกแล้ว!" ได้ยินเสียงเฟยหลงโวยวายอยู่ยกใหญ่ เด็กชายวัยสี่ขวบตัวสูงกว่าพนักวางแขนของโซฟานิดเดียวซึ่งอยู่ในชุดเอี๊ยมน่ารักที่ถูกหม่าม๊าจับแต่งตัวให้ เฟยหลงขู่ฟ่อมองน้องชายตัวเองที่นั่งอยู่บนนั้น "เฮียเสียงดัง" ก่อนเฟยเฟิ่งซึ่งในมือถือถุงขนมที่คาดว่าคงแบ่งกันไม่ลงตัวตอบพลางยกมืออีกข้างขึ้นปิดหู เจ้าก้อนแป้งอยู่ในชุดแบบเดียวกันทั้งหน้าตาที่ถอดแบบกันมาทุกประการ "อาเฟิ่งก็คืนมาสิ!" "ไม่เอา ก็เฟิ่งอยากกิน" คิ้วเริ่มขมวดเข้าหากันน้อย ๆ ปกติแล้วเฟยเฟิ่งมักจะตามใจพี่ชายตัวเองอยู่เสมอซึ่งฟาหยางคิดว่าคงเป็นเพราะอยากตัดรำคาญเสียมากกว่า เฟยหลงอมลมในปาก หันซ้ายหันขวาราวกับกำลังหาตัวช่วย "ป๊า!" ครั้นพอไม่รู้จะพึ่งทางไหนจึงเดินเตาะแตะมาหา ฟาหยางยอมวางปากกาในมือลง วันนี้เยว่ซินไปซื้อของกับจางลี่ถึงได้ฝากลูกลิงทั้งสองคนไว้ที่เขา "อืม...ว่าอย่างไร" แม้ได้ยินชัดทุกคำว่ามีปัญหาอะไรกันมาแต่ฟาหยางก็ยังเอ่ยถาม เขาต้องก
ช่วงหลังจากที่ทราบว่ามีเจ้าก้อนกลมสองก้อนอยู่ในท้องก็เป็นช่วงที่ฟาหยางปวดหัวไม่น้อยเนื่องจากอาการของคนท้องไม่ใช่สิ่งที่จะคาดเดาอะไรได้ ฟาหยางที่วันนี้ต้องกลับจากบริษัทเร็วกว่าทุกวันขนาดที่ว่าเขาเพิ่งจะไปถึงบริษัทได้ไม่เกินสิบห้านาที 'คุณหนูเยว่ร้องไห้ค่ะ ไม่ว่าใครถามอะไรก็ไม่ตอบ บอกแค่ว่าจะเจอคุณหยางแค่คนเดียวค่ะ' สายจากสาวใช้ที่คฤหาสน์โทรมาหากันด้วยน้ำเสียงร้อนรน ปกติเยว่ซินมักเป็นคนที่ยิ้มแย้มและอารมณ์ดีอยู่เสมอ เธอมีเหตุผลกับทุก ๆ เรื่องแต่ยามนี้ที่จู่ ๆ อาจด้วยฮอร์โมนหรืออะไรก็แล้วแต่มันทำให้คนในคฤหาสน์ตื่นตูมกันไปเสียหมด พยายามทั้งปลอบทั้งหาของกินมาเท่าไหร่แต่ก็เหมือนว่าจะไม่เป็นที่พอใจของนายหญิงผู้นี้เลยแม้แต่น้อย "อาซิน" ขายาวก้าวเร็ว ๆ ไปยังห้องนั่งเล่นทันทีที่ลงจากรถ ฟาหยางรีบขนาดที่เขาขับรถมาเองโดยไม่รออาโป ทำเอาฝั่งลูกน้องที่บริษัทก็วุ่นวายอยู่พอสมควร "ฮึก..." ยังได้ยินเสียงสะอื้นจากคนที่ฟุ่บหน้าอยู่กับหมอนอิง เหล่าสาวใช้ที่เห็นว่าฟาหยางมาแล้วจึงรีบลุกขึ้นค้อมศีรษะให้แล้วเดินออกจากบริเวณนั้นทันที "เกิดอะไรขึ้น" เสียงทุ้มเอ่ยถามพลางรวบคนตัวเล็กเข้าในอ้อมแขน เยว่ซิน
สามสัปดาห์หลังจากแต่งงาน แม้ห่าวอู๋จะพูดอยู่ทุกวันว่าให้ทั้งคู่คิดประเทศที่จะไปฮันนีมูนกันเสียทีแต่เยว่ซินก็คิดไม่ออก หญิงสาวบอกเลื่อนทริปมาตลอดจนถึงวันนี้ที่ห่าวอู๋เดินทางมาที่คฤหาสน์ตระกูลหยางด้วยตัวเอง 'เตี่ยจองที่พักบนเกาะไว้ให้แล้ว เรื่องงานที่บริษัทเตี่ยจะจัดการทุกอย่างเอง อาเยว่ซินเตรียมตัวไปฮันนีมูนกับอาหยางได้เลย' นั่นคือประโยคที่ได้ฟังจากห่าวอู๋ก่อนที่วันต่อมาในตอนเช้ามืดก็โดนสามีตัวเองอุ้มขึ้นรถตั้งแต่ยังไม่ตื่นดี เยว่ซินนึกสงสัยอยู่ตลอดว่าทำไมเวลาจะไปทริปต่างประเทศแล้วจะต้องไม่ได้เตรียมตัวเสียทุกครั้งกันนะ แต่ถึงจะอยากโวยวายทั้งประมุขคนก่อนและคนปัจจุบันของตระกูลหยางนี้สักเท่าไรก็คงทำไม่ได้ แน่นอนว่าเธอก็ไม่คิดเสี่ยงจะทำ "คราวนี้อาโปก็มาหรือคะ" สิ่งที่ต่างไปจากทริปที่อิตาลีครั้งนั้นก็ดูเหมือนจะเป็นว่ามีลูกน้องมาด้วยกัน ฟาหยางขานรับในลำคอ "ถือเป็นวันพักผ่อนให้พวกเขาด้วย" เยว่ซินพยักหน้าเห็นด้วย สมควรอย่างยิ่งเพราะลูกน้องฟาหยางแต่ละคนใช่ว่าจะมีงานน้อย ๆ เสียที่ไหน "แต่ไม่ต้องห่วง พวกนั้นกับเราอยู่คนละที่พัก ไม่มีใครกวนตอนเธออยู่กับเหล่ากงได้หรอก" คำพูดเจ้าเล่ห์มาพร
ผ่านไปสองเดือนหลังจากการประกาศแต่งงานในวันนั้น ฟาหยางไม่ให้เยว่ซินรับงานใด ๆ ทั้งสิ้น และงานที่บริษัทก็เหมือนว่าเลี่ยงหรงจะเป็นคนจัดการทุกอย่างและถึงแม้เป็นแบบนั้นเขาก็ยังรายงานแก่ฟาหยางประหนึ่งบริษัทหลี่กลายเป็นบริษัทในเครือของฟาหยางไปเสียแล้ว "คุณหนูเยว่รับขนมอีกไหมคะ" และเพราะวัน ๆ เยว่ซินแทบจะไม่ได้ทำอะไรนอกจากเข้าคอร์สเจ้าสาวที่ห่าวอู๋และเครือญาติตระกูลหยางจัดหาให้จึงทำได้แค่นั่ง นอน กินและออกไปตามนัดบ้างเป็นครั้งคราว "พอแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ" คนตัวเล็กตอบพลางระบายยิ้มงดงาม มือเรียวสวยปิดหนังสือลงแล้วเหลือบมองเวลาเล็กน้อย ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงแล้ว ปกติฟาหยางมักจะกลับมาในเวลานี้เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับงานแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้นในต้นเดือนหน้า "คุณหยางมาถึงแล้วค่ะ" เป็นจังหวะพอดีกับที่มีสาวใช้อีกคนหนึ่งเดินเข้ามารายงานกัน เธอทอดมองคุณหนูเยว่ซินที่อยู่ในชุดกระโปรงยาวสีครีม ผิวขาวราวน้ำนมที่ไม่ได้ต้องแดดมานาน ทั้งแก้มและริมฝีปากแดงระเรื่อ ไม่ว่าจะมองในมุมไหน ๆ คุณหนูเยว่ก็ดูงดงามไปเสียทุกส่วน นี่หรือเปล่าที่เขาว่ากันว่าออร่าของคนกำลังจะเป็นเจ้าสาว "อาซิน" พลันในวินาทีนั้นด้านหลัง
เยว่ซินไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรกับสถานการณ์ในตอนนี้ เธอเพิ่งจะยืนอยู่ที่ครัวในคอนโดเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน แล้วเหตุใดตอนนี้ถึงมาอยู่ที่อิตาลีได้? ไม่ใช่แค่นั้นแต่ตอนนี้เธอมากับฟาหยางแค่สองคน! ใช่...ไม่มีอาโปและลูกน้องมาด้วยกันเลย "อาเยว่อยากทานอะไร" "ดะ...เดี๋ยวก่อนค่ะ" มือเรียวยกขึ้นกั้นระหว่างกันทั้งแววตาที่ฉายความสับสนชัดเจน ฟาหยางหัวเราะเมื่อเห็นปฏิกิริยาเช่นนั้น "นี่มันเหนือความคาดหมายไปหน่อยนะคะ" "ทำไม เธอไม่อยากมาเที่ยวกับอาฟาหรือ?" คนตัวสูงคล้ายสุนัขตัวโตที่เยว่ซินได้แต่ถอนหายใจ มือหนาเอื้อมมาประคองกันไว้พลางเอ่ยขึ้นอีกรอบ "ไม่อยากลองอยู่กันแค่สองคนบ้างหรือ" ครั้นโดนออดอ้อนซึ่ง ๆ หน้าทำเอาคนตัวเล็กไร้คำจะเถียงอีก ตอนนี้ทั้งคู่อยู่กันที่ที่พักแห่งหนึ่งในเกาะซิซิลี เยว่ซินไม่รู้เลยว่าเขาจัดการเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่ตอนไหน "ความจริงชวนฉันดี ๆ ก็ได้นี่คะ อีกอย่างฉันไม่ได้เอาสัมภาระมาเลย" ไม่รู้จะพูดว่าโดนแกล้งได้ไหม เพราะฟาหยางไม่คิดจะบอกเธอสักคำ หากนี่เป็นเซอร์ไพรส์ก็ดูจะเกินเรื่องไปเสียหน่อย "ซื้อใหม่ทั้งหมดที่นี่" "..." "หายหน้ามุ่ยเถอะนะ ถ้าอาฟาบอกเธอล่วงหน