หลี่ เยว่ซินรู้ตัวอีกทีก็นอนอยู่ในห้องเสียแล้ว เธอนั้นค่อยๆจะเริ่มชินกับเตียงในห้องของคฤหาสน์ตระกูลหยางขึ้นทุกวัน ร่างบางลุกขึ้นก่อนจะชูแขนไปมาเพื่อไล่ความง่วง เธอจำได้ว่าดูหนังอยู่กับฟาหยางไม่ใช่หรือ? อีกอย่างคนที่ผล็อยหลับไปก่อนหน้าเธอมันก็คือเจ้าของบ้านแต่หากทำไมเธอถึงกลายเป็นคนที่มานอนหลับอยู่บนเตียงได้เสียนี่
"พรุ่งนี้ฉันจะเข้าบริษัท ฝากเลขาหลิงจัดการส่วนนี้ไว้ด้วย" เยว่ซินที่เดินมาชั้นล่างในห้องนั่งเล่นจำต้องชะงักยามที่ได้ยินเสียงของฟาหยางกำลังคุยโทรศัพท์และเหมือนเขาจะรู้ว่ามีคนกำลังเข้ามา ฟาหยางถึงได้หันกลับมามอง "ตื่นแล้วหรือคุณหนูเยว่" เขาวางสายแล้วหันกลับมาถาม ฟาหยางบัดนี้อยู่ในเสื้อยืดและกางเกงวอร์มขายาวสีดำดูแปลกตา ไหนจะผมที่ไม่ได้เซ็ททำให้เยว่ซินเผลอมองค้าง "หืม?" รู้ตัวอีกทีฟาหยางนั้นขยับเข้ามาใกล้ มือหนายกขึ้นทาบบนหน้าผากของคนตัวเล็กกว่าจนเยว่ซินได้กลิ่นหอมของอีกคน "ไม่สบายหรือคุณหนูเยว่ ทำไมหน้าแดง" "ปะ...เปล่าค่ะ" เยว่ซินถอยตัวออกแล้วยิ้มแหยๆให้ "ขอบคุณสำหรับที่นอนนะคะ ฉันรบกวนอยู่เรื่อยเลย" ฟาหยางเอนไปด้านหลังเล็กน้อย เขาวางมือลงบนโต๊ะแล้วทอดสายตามองเยว่ซิน "แล้ว...อาโปล่ะคะ?" คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันยามที่ได้ยินคำถามถึงลูกน้องของตน "คงอยู่ด้านนอก คุณหนูเยว่มีอะไรหรือเปล่า" "อืม...ฉันอยากขอบคุณที่เขาเป็นคนพาฉันไปนอนด้านบนน่ะค่ะ" คนตัวสูงหลุดหัวเราะ "คิดว่าเป็นอาโปงั้นหรือ" "คะ?" เยว่ซินตาโตมองฟาหยางด้วยความแปลกใจ "หรือว่าคุณหยาง..." "ใช่...ฉันเป็นคนอุ้มคุณหนูเยว่ขึ้นไปนอนเอง" เยว่ซินเม้มริมฝีปากส่วนฟาหยางนั้นทำเพียงแค่มองคนตัวเล็กกว่าด้วยสายตาขบขันเท่านั้น "ขอบคุณนะคะคุณหยาง" "อืม...วันนี้ก็ดึกมากแล้ว คุณหนูเยว่นอนที่นี่เถอะ" เยว่ซินลังเล ถึงจะเคยพักที่นี่มาหลายครั้งแต่มันก็เป็นเหตุสุดวิสัยทั้งสิ้น หากครั้งนี้จะพักโดยที่ไม่ได้มีเหตุสมควรก็ดูท่าจะไม่ดีเท่าไหร่ "ฉันไม่อยากรบกวนคุณหยาง" เสียงหวายเอ่ยตอบแต่มีหรือที่ฟาหยางจะสนใจ "พักที่นี่...ไม่เช่นนั้นฉันคงจะหงุดหงิดเรื่องแผลที่คุณหนูเยว่ไม่ไปโรงพยาบาล" เยว่ซินยู่ปาก เธอไม่เห็นจะเข้าใจว่ามันเกี่ยวกันตรงไหน แบบนี้ฟาหยางแกล้งกันชัดๆเลย! "ถึงจะทำหน้าแบบนั้นก็คงรู้ใช่ไหมว่าฉันไม่อนุญาตให้กลับอยู่ดี" "คุณหยางเอาแต่ใจนะคะ" คำพูดนั้นอู้อี้ในลำคอแต่ฟาหยางก็ยังคงได้ยิน "ถ้าหากคุณหนูเยว่ไม่ใช่คนที่อยู่ในสายตาฉันก็คงไม่สนใจ" "..." เยว่ซินเบือนหน้าหนี เธอควรจะรู้สึกอย่างไรกับประโยคเมื่อครู่นี้ดีกัน! "พรุ่งนี้มีงานหรือไม่" "พี่ซูเม่ยยกเลิกไปหมดแล้วค่ะ" "ดีแล้ว" ฟาหยางตอบแค่นั้นแล้วผละตัวออก สุดท้าย หลี่ เยว่ซินก็ไม่มีทางเลือก วันนี้เธอคงจะต้องค้างที่นี่จริงๆ "งั้นฉันยืมครัวหน่อยได้มั้ยคะ?" ฟาหยางหันกลับมา เขายกยิ้มก่อนจะเอ่ยอนุญาต "แน่นอน...ฉันอยากทานฝีมือคุณหนูเยว่อยู่พอดี" ข้าวต้มหมูถูกยกขึ้นมาเป็นอาหารรอบดึกในคืนนี้ ในขณะที่เยว่ซินจับนู่นปรุงนี่ก็มีฟาหยางยืนดูอยู่ไม่ไกล เขาเอ่ยถามบ้างเป็นระยะแต่ก็ไม่ได้สร้างความรำคาญอะไร และใช้เวลาเพียงไม่นานเยว่ซินก็ทำเสร็จ "คุณหนูเยว่ทำอาหารเก่งจริงๆ" คำชมนั้นเป็นผลให้คนทำวาดรอยยิ้มสวย "อาโปไปพักหรือยังคะ" เยว่ซินวางช้อนแล้วเอ่ยถามแต่กลับทำให้คนเป็นผู้นำตระกูลหยางขมวดคิ้วมุ่น "คุณหนูเยว่ถามถึงลูกน้องฉันบ่อยจริง" เยว่ซินหัวเราะก่อนจะแย้ง "ก็แค่อยากจะชวนมาทานด้วยกันน่ะค่ะ" คราวนี้ฟาหยางมีสีหน้านิ่งเรียบลงกว่าเก่าเขาวางช้อนลงแล้วเท้าแขนไปกับโต๊ะ ดวงตาสีรัตติกาลจ้องมองคนตรงกันข้ามอย่างไม่ค่อยพอใจในคำพูดเมื่อครู่เท่าไหร่นัก "แต่นี่คุณหนูเยว่ทำให้ฉันไม่ใช่หรือ" ใครบอกกัน...เธอก็แค่หิวเพราะเพิ่งตื่นนอนไหนจะต้องมายืมครัวเจ้าของบ้านแต่ไม่ให้เจ้าของบ้านทานมันก็กระไรอยู่ แม้จะอยากตอบแบบนั้นแต่เยว่ซินก็ต้องกลืนคำพูดไว้ ช่วงนี้รู้สึกเหมือนว่าจะถูกฟาหยางขุ่นเคืองอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นไม่ควรจะราดน้ำมันในกองไฟเพิ่มอีก "ค่ะ...ของคุณฟาหยาง" หลี่ เยว่ซินเอียงคอเล็กน้อยแล้วยิ้มให้ซึ่งดูเหมือนอีกคนก็ยอมที่จะลดความขุ่นเคืองลงแล้วทานข้าวต่อ เอาใจยากเสียจริงเลยนี่... ใช้เวลาไม่นานในการทานเสร็จ หลังจากที่เยว่ซินทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วก็เตรียมตัวจะขึ้นห้องไปพักผ่อนแต่ฟาหยางกลับรั้งไว้เสียก่อน "คุณหนูเยว่เพิ่งตื่นนอนมาคงยังไม่ง่วง อยู่นั่งเล่นข้างล่างก่อนก็ได้นะ" เยว่ซินคิดเล็กคิดน้อยก่อนจะพยักหน้ารับ ความจริงเธอก็ยังไม่ง่วงจริงๆนั่นแหละนะ "เห็นคุณหยางหายไปเลยหนึ่งอาทิตย์ งานเยอะหรือคะ?" หญิงสาวเป็นคนเอ่ยถามก่อน ตอนนี้ฟาหยางกำลังนั่งดูเอกสารไปพลางๆขณะที่อาโปเดินเข้ามาเสิร์ฟน้ำชาให้ "น้ำชาครับคุณหนูเยว่" "ขอบคุณค่ะ" เวลานี้สาวใช้กลับไปพักผ่อนกันหมดแล้วแต่ทำไมอาโปถึงยังทำงานอยู่ "อาโปทำงานดึกจังเลยนะคะ" คุณหนูหลี่เอ่ยอย่างฉงน ส่วนอาโปนั้นแค่ยกยิ้มให้เล็กน้อย "คุณหยางทำดึกกว่านี้อีกครับ...ผมก็แค่ช่วยเล็กๆน้อยๆ" เขาค้อมตัวให้เจ้านายตนเองแล้วขอตัวออกไป ส่วนฟาหยางนั้นก็ยกชาขึ้นดื่มเงียบๆ "คุณหยางทำงานดึกทุกวันเลยหรือคะ?" "อืม...มันก็ปกติที่ฉันทำมานั่นแหละ ไม่ได้แปลกใหม่อะไร" "แล้วไหนคุณหยางบอกฉันเมื่อตอนเย็นว่าวันนี้จะพักงานล่ะคะ ไปพักผ่อนสักหน่อยดีไหม" คิ้วเรียวสวยขมวดเข้ามากันน้อยๆ เยว่ซินชักเป็นกังวลที่เห็นฟาหยางทำงานหนักเกินไป "คุณหนูเยว่เป็นห่วงหรือ" "ก็ใช่สิคะ...คะ?...ก็ เอ่อ..." ปากมันดันไปเร็วกว่าสมอง รู้ตัวอีกทีก็เผลอพูดอะไรไม่เข้าท่าไปเสียแล้ว เยว่ซินเลิ่กลั่กพยายามแก้ตัวหากแต่ฟาหยางกลับหัวเราะแล้วทอดมองกันอย่างสนใจ "งั้นต่ออีกครู่เดียวแล้วฉันจะไปพักดีไหม?" "อืม...งั้นฉันจะอยู่เป็นเพื่อนจนถึงตอนนั้นนะคะ" เยว่ซินนั่งดื่มชาในขณะที่รออีกคนเงียบๆ ฟาหยางเวลาทำงานนั้นดูเคร่งขรึมและสุขุม เขานั่งไขว่ห้างเช็คตารางหุ้นแล้วเซ็นเอกสารอีกเล็กน้อย "ยังเจ็บแผลอยู่ไหม" เยว่ซินส่ายหน้า ตอนนี้นอกจากรอยแดงเพียงเล็กน้อยก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บแล้ว "ไม่เป็นไรแล้วค่ะ อีกไม่นานก็คงหายดี" "ถ้าหากบาดเจ็บอีกก็ให้รีบโทรฯหาฉัน หรือไม่ก็ติดต่อไปที่อาโปหรือเลขาหลิง" เยว่ซินค่อนข้างแปลกใจที่ฟาหยางดูจะกระตือรือร้นเสียเหลือเกิน "ขอบคุณคุณหยาง แต่ถ้าคุณกำลังยุ่ง..." "ฉันจะเป็นคนบอกคุณหนูเยว่เอง อีกอย่างช่วงนี้ฉันคงพักการเดินทางไปสักระยะ" นั่นหมายความว่าฟาหยางจะอยู่จีนแล้วสินะหลังจากที่เทียวไปเทียวมาอยู่หลายครั้ง "หากเบื่อๆก็ไปที่บริษัทฉันได้" "อืม...ฉันคงไม่รบกวนถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ" เยว่ซินตอบแล้วหัวเราะเบาๆ "ถ้าเป็นคุณหนูเยว่ก็ไม่เป็นไร" "..." คนฟังนิ่งเงียบ รู้สึกถึงความผิดปกติจึงแสร้งเปลี่ยนเรื่องเสียดื้อๆ "เรื่องแบรนด์แอมฯจิวเวลรี่คุณหยางจะประกาศเมื่อไหร่หรือคะ" ยามที่เยว่ซินเปลี่ยนเรื่องกะทันหันหากแต่ฟาหยางก็ไม่ได้ตำหนิอะไร เขาตอบด้วยท่าทีสบายๆ "กำหนดการฉันจะบอกให้คุณหนูเยว่ทราบอีกไม่นาน เพียงแค่ตอนนี้อาจต้องรอไปก่อน" แม้จะสงสัยมากๆแต่หลี่ เยว่ซินก็ทำอะไรไม่ได้ เพียงแค่พยักหน้าตอบรับแล้วยกน้ำชาขึ้นดื่มเป็นครั้งสุดท้าย "ฉันคงพอแค่นี้แล้วแต่คงต้องไปสั่งงานอาโปอีกเล็กน้อย คุณหนูเยว่ขึ้นไปพักผ่อนก่อนเถอะ" ฟาหยางลุกขึ้นแล้วกวักมือเรียกอาโปที่ยืนรออยู่ด้านนอกให้เข้ามาหา "ค่ะ...งั้นก็ฝันดีนะคะคุณฟาหยาง" ร่างสูงยกยิ้มทอดมองคนตัวขาวที่กำลังโค้งตัวให้กันอยู่ "เช่นกัน...ฝันดีอาเยว่" "..." หลังจากนั้นอีกไม่กี่วันโฆษณาน้ำหอมของหยวน อี้ที่เยว่ซินเป็นพรีเซนเตอร์ก็ประกาศทางเพจบริษัทอย่างเป็นทางการ ทันทีที่โฆษณาฉบับสมบูรณ์ออกมานั้นทำเอากระแสในอินเตอร์เน็ตวุ่นวายกันยกใหญ่ 'บอกฉันทีว่านี่คือคุณหนูเยว่ซินตัวจริง' 'นางร้ายเยว่ซินคนนั้นงดงามถึงเพียงนี้เลยหรือ ดูสายตานั่นสิ' 'เธอเข้ากับน้ำหอมกลิ่นนี้ของคุณหยวน อี้จริงๆ' 'เยว่ซินกับกุหลาบแดงเข้ากันสุดๆ' 'ทางหน้าร้านบอกว่าน้ำหอมกลิ่นนี้หมดแล้วค่ะ ใครพอจะซื้อตุนไว้บ้างไหมคะจะขอซื้อต่อในราคาที่สูงกว่าก็ยอม(╥_╥)' เยว่ซินค่อนข้างแปลกใจเพราะไม่คิดว่ากระแสตอบรับจะเป็นเช่นนี้ แม้จะมีคนชอบและตื่นเต้นมากแต่ก็ใช่ว่าคนไม่ชอบจะไม่มี เพียงแค่ซูเม่ยและจางลี่นั้นไม่อนุญาตให้เธอดู จะห่วงกันเกินไปหน่อยแล้ว เธอไม่ใช่คนอ่อนไหวง่ายขนาดนั้นเสียหน่อย! "ขออภัยด้วยค่ะ ตอนนี้ช่วงคิวของคุณหนูเยว่แน่นมากในสามเดือนนี้" เยว่ซินมองซูเม่ยที่กำลังรับสายโทรศัพท์กันมือพัน อาจเพราะอิทธิพลของตระกูลหยวนนั้นก็เป็นที่รู้จักกันในวงกว้างทำให้ยิ่งมีกระแสที่แรงขึ้น เยว่ซินได้รับโทรศัพท์จากหยวน อี้เมื่อเช้านี้ก่อนที่โฆษณาจะออก เขาโทรมาบอกให้เธอเตรียมตัวไว้แต่ก็ไม่ได้คิดว่ามันมากถึงขนาดนี้ พลังของโซเชียลนี่มันรุนแรงเสียจริง! "คุณหนูเยว่! เห็นนี่หรือยัง!" เยว่ซินสะดุ้งยามที่จางลี่วิ่งเข้ามาหา อีกฝ่ายเดินมาเท้าเปล่าโดยไม่ได้ใส่สลิปเปอร์เสียด้วยซ้ำราวกับรีบร้อนเต็มทน "จางลี่อย่าเดินเท้าเปล่าในบ้านสิ" "อย่าเพิ่งสนใจเรื่องนั้น เอาเรื่องนี้ก่อน" ยามที่โดนดุเยว่ซินถึงได้ยู่ปาก ยอมลากสายตาดูไปที่หน้าจอแม็คบุ๊คราคาแพงของเพื่อนตนเอง "เดี๋ยวสิ..." เยว่ซินหน้าเหวอมองข่าวใหม่ที่เพิ่งจะประกาศเมื่อครู่ด้วยความสับสน ทำไมฟาหยางถึงได้มาประกาศว่าเธอเป็นแบรนด์แอมฯของจิวเวลรี่ตระกูลหยางตอนนี้เล่า! "นี่มันบ้าอะไรนี่จางลี่" "ฉันสิต้องเป็นคนถาม แกไปทำงานให้คุณฟาหยางตั้งแต่เมื่อไหร่" เยว่ซินกุมขมับ ถอนหายใจราวกับคนปลงตก "ฉันอยากโทรหาคุณหยาง" "เล่ามาก่อนเลย!" จางลี่คะยั้นคะยอ หากแต่นี่ก็ไม่ใช่เวลาที่ควรมาทำเช่นนั้นเท่าไหร่ "อืม...เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง แต่ฉันอยากจะเคลียร์กับฟาหยางเสียก่อน" เยว่ซินค่อนข้างจะหงุดหงิดมากจริงๆกับการกระทำของฟาหยางที่รวดเร็วเช่นนี้ "ก็พอจะเข้าใจ...คุณฟาหยางเขาดูไม่ค่อยชอบคุณหยวน อี้เสียเท่าไหร่" จางลี่วิเคราะห์ "แต่มันก็ไม่ควรมาตัดหน้ากันเช่นนี้ ฟาหยางทำเกินไปแล้ว" มีอย่างที่ไหนมาเปิดตัวโฆษณาและแบรนด์แอมฯในวันเดียวกันแบบนี้ เยว่ซินรู้ได้ทันทีว่าฟาหยางนั้นต้องการที่จะตัดหน้าหยวน อี้อย่างแน่นอน ฟาหยางชักไม่น่ารักเสียแล้ว! "ใจเย็นๆเสียก่อนคุณหนูเยว่ ยังไงทางนู้นก็คือคุณฟาหยาง" จางลี่เอ่ยปรามแต่มีหรือเยว่ซินจะฟัง เธอไม่ชอบที่ฟาหยางทำเช่นนี้ และจะหงุดหงิดมากถ้าเขากำลังสนุกกับสิ่งที่ทำ! รอไม่นานปลายสายก็รับ หากแต่คนที่พูดนั้นกลับไม่ใช่ฟาหยาง 'สวัสดีค่ะพี่เยว่ซิน พี่ฟากำลังคุยธุระอยู่น่ะค่ะมีอะไรหรือเปล่า' เสียงสดใสจากปลายทางทำให้เยว่ซินต้องระงับความหงุดหงิดของตัวเองเอาไว้ "อาจูหรือ...พอดีฉันมีธุระเร่งด่วนกับคุณฟาหยางน่ะ ช่วยถามเขาหน่อยได้ไหมว่าจะสะดวกคุยเมื่อไหร่" อีกฝ่ายตอบรับคำแล้วหายไปสักพักพร้อมกับผู้มาใหม่แทน 'อาจูถือวิสาสะรับโทรศัพท์ฉันน่ะ คุณหนูเยว่คงไม่ว่าอะไรใช่ไหม' ครั้นได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนั้นเยว่ซินจึงถอนหายใจ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านแถมยังเอ่ยถามเรื่องอื่นได้หน้าตาเฉย "ทำไมคุณหยางถึงมาประกาศวันนี้คะ" ฟาหยางไม่ได้ตอบกลับในทันที เหมือนเขาจะรับรู้ถึงน้ำเสียงที่หงุดหงิดนั้นจึงเงียบไป 'คุณหนูเยว่หงุดหงิดหรือ' ฝ่ายนั้นถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงแต่ก็ไม่ได้ทำให้เยว่ซินรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด "หรือที่คุณหยางอยากให้ฉันเป็นแบรนด์แอมฯก็เพื่อหักหน้าคุณหยวน อี้เท่านั้นคะ?" เสียงหวานยังคงเอ่ยถามอย่างนิ่งเรียบ เธอก็สงสัยมาสักพักแล้วว่าทำไมถึงได้เลือกเยว่ซินนางร้ายคนนี้ให้สวมกุหลาบลูโลหลายพันล้านเส้นนั้นกัน หรือที่ฟาหยางทำทั้งหมดก็แค่เพื่อจะใช้โอกาสนี้ปั่นหัวหยวน อี้กัน? 'อาเยว่เข้าใจฉันผิดแล้ว' ฟาหยางดูท่าร้อนรนกว่าเก่าแต่ยังคงเอ่ยตอบอย่างช้าๆ 'จริงอยู่ที่ฉันตั้งใจประกาศวันเดียวกับหยวน อี้แต่ก็แค่เพราะฉันอยากให้เขารู้ว่าอาเยว่เป็นของตระกูลหยาง' "ฉันไม่ใช่ของของตระกูลไหนนะคะ" '...' ฟาหยางนิ่งเงียบรอให้อีกคนพูดต่อ "ที่คุณหยางเลือกฉันเพราะเป็นหลี่ เยว่ซินหรือเพราะเป็นคนช่วยหักหน้าคู่แข่งคุณหยางหรือคะ" จางลี่และซูเม่ยนั้นนั่งมองเยว่ซินอยู่ห่างๆ ยามที่เยว่ซินหน้านิ่งและเอ่ยถามเสียงเย็นเช่นนี้นั้นน่ากลัวกว่าแต่ก่อนหลายเท่าจางลี่รู้ดี 'เพราะคืออาเยว่' "..." 'ฉันเลือกเพราะหลี่ เยว่ซิน' หญิงสาวถอนหายใจ เธอไม่ชอบเวลาที่ต้องอยู่ตามเกมของใคร และเธอจะไม่มีวันเป็นหมากให้ฟาหยางหรือหยวน อี้ได้จับจูงง่ายๆเด็ดขาด! 'ฉันขอโทษที่ทำตามใจจนคุณหนูเยว่หงุดหงิด' "..." เยว่ซินยอมผ่อนอารมณ์ลงให้คงที่ ถึงรู้ว่าฟาหยางทำเกินไปแต่เธอก็ไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจของสองคนนี้มากไปกว่านี้ 'อาเยว่ซิน' "อย่าทำแบบนี้อีกนะคะ ขอโทษที่ฉันใส่อารมณ์ไปหน่อยค่ะ" ได้ยินฟาหยางพรูลมหายใจราวกับคนโล่งอก 'มันถูกแล้วที่คุณหนูเยว่จะคิดเช่นนั้น' 'ฉันเลิกงานเมื่อไหร่แล้วจะแวะไปหา บอกผู้จัดการให้เคลียร์คิวไว้ให้ฉันด้วย' "..." 'เข้าใจใช่ไหมครับคุณหนูเยว่' อีกฝ่ายย้ำเมื่อเห็นว่าเยว่ซินไม่ตอบ "ค่ะ ฉันจะบอกพี่ซูเม่ยให้" สายถูกวางไปพร้อมกับจางลี่และซูเม่ยที่รีบเดินเข้ามาหากัน "สุดยอดจริงๆคุณหนูเยว่ ไม่โดนคุณฟาหยางดุด้วยแฮะ" จางลี่ค่อนข้างจะเชื่อข่าวลือของฟาหยางและเยว่ซินขึ้นเสียแล้ว "ตอนนี้กระแสหนักขึ้นกว่าเก่าอีกค่ะ มีนักข่าวอยากสัมภาษณ์คุณหนูเยว่เยอะมากเลย" ต่อด้วยซูเม่ยที่รายงานความเคลื่อนไหวตอนนี้ ชื่อของหลี่ เยว่ซินถูกพูดถึงอย่างมากในโซเชียล และเยว่ซินก็ได้รับรู้เต็มอกแล้ว ว่าการที่ก้าวเท้าเข้ามายุ่งเกี่ยวกับฟาหยางและหยวน อี้นั้นสร้างความวุ่นวายในชีวิตเพิ่มขึ้นอีกร้อยเปอร์เซ็นต์!ยี่สิบสี่ธันวาคมคือวันที่คฤหาสน์ตระกูลหยางดูจะครึกครื้นเป็นพิเศษ ได้ยินเสียงถกเถียงของทายาทตระกูลใหญ่ที่หน้าตาเหมือนกันทุกประการพูดแข่งกันราวกับพูดกับกระจก "เฟิ่งบอกว่าจะให้หม่าม๊าใส่ตัวนี้" "ก็เฮียบอกว่าตัวนี้ไงอาเฟิ่ง" เด็กชายวัยกำลังย่างเข้าหกขวบยื้อแย่งชุดคลุมสีแดงที่ทางห้องเสื้อส่งมาให้นายหญิงตระกูลหยางเป็นพิเศษ มีทั้งแบบที่กำลังนิยมในปัจจุบันและแบบที่ตัดออกมาสำหรับคุณหนูเยว่ซินโดยเฉพาะ "หม่าม๊าเอาตัวนี้นะ" เฟยหลงว่าพลางกำลังจะวิ่งเตาะแตะไปทางมารดาตัวเองที่ยืนเลือกแบบขนมสำหรับงานเลี้ยงที่จะจัดพรุ่งนี้ หากแต่กลับโดนมือป้อม ๆ ของแฝดคนน้องยกขึ้นห้ามกันไว้เสียก่อน "ไม่เอา หม่าม๊าต้องใส่ตัวนี้สิ" "เอ่อ..." เหล่าสาวใช้ที่เห็นเหตุการณ์ได้แต่ยืนเหงื่อตก พวกเธอรู้ดีว่าหากเป็นเรื่องเกี่ยวกับหม่าม๊าของเฟยหลงและเฟยเฟิ่งแล้วนั้นจะไม่มีใครสามารถห้ามปรามได้ อาเฟิ่งยอมให้พี่ชายตัวเองได้ทุกอย่างยกเว้นเรื่องหม่าม๊า อาเฟยหลงหลับหูหลับตาไม่มองยามโดนน้องชายตัวเองแอบหยิบของเล่นชิ้นโปรดไปได้แต่ถ้าเป็นเรื่องม๊าเยว่ซินแล้วเขาไม่มีวันยอม "หม่าม๊า/หม่าม๊า" คราวนี้ทั้งคู่พูดขึ้นมาพร้อมกันจนเยว
ในบริษัทตระกูลหยางที่ห้องท่านประธานวันนี้ได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าวกว่าปกติ ฟาหยางจำต้องยกมือขึ้นกุมขมับเล็กน้อยเพราะเสียงถกเถียงกันของเจ้าแฝดหรือก้อนแป้งที่เยว่ซินชอบเรียก "อาเฟิ่งเอาอีกแล้ว!" ได้ยินเสียงเฟยหลงโวยวายอยู่ยกใหญ่ เด็กชายวัยสี่ขวบตัวสูงกว่าพนักวางแขนของโซฟานิดเดียวซึ่งอยู่ในชุดเอี๊ยมน่ารักที่ถูกหม่าม๊าจับแต่งตัวให้ เฟยหลงขู่ฟ่อมองน้องชายตัวเองที่นั่งอยู่บนนั้น "เฮียเสียงดัง" ก่อนเฟยเฟิ่งซึ่งในมือถือถุงขนมที่คาดว่าคงแบ่งกันไม่ลงตัวตอบพลางยกมืออีกข้างขึ้นปิดหู เจ้าก้อนแป้งอยู่ในชุดแบบเดียวกันทั้งหน้าตาที่ถอดแบบกันมาทุกประการ "อาเฟิ่งก็คืนมาสิ!" "ไม่เอา ก็เฟิ่งอยากกิน" คิ้วเริ่มขมวดเข้าหากันน้อย ๆ ปกติแล้วเฟยเฟิ่งมักจะตามใจพี่ชายตัวเองอยู่เสมอซึ่งฟาหยางคิดว่าคงเป็นเพราะอยากตัดรำคาญเสียมากกว่า เฟยหลงอมลมในปาก หันซ้ายหันขวาราวกับกำลังหาตัวช่วย "ป๊า!" ครั้นพอไม่รู้จะพึ่งทางไหนจึงเดินเตาะแตะมาหา ฟาหยางยอมวางปากกาในมือลง วันนี้เยว่ซินไปซื้อของกับจางลี่ถึงได้ฝากลูกลิงทั้งสองคนไว้ที่เขา "อืม...ว่าอย่างไร" แม้ได้ยินชัดทุกคำว่ามีปัญหาอะไรกันมาแต่ฟาหยางก็ยังเอ่ยถาม เขาต้องก
ช่วงหลังจากที่ทราบว่ามีเจ้าก้อนกลมสองก้อนอยู่ในท้องก็เป็นช่วงที่ฟาหยางปวดหัวไม่น้อยเนื่องจากอาการของคนท้องไม่ใช่สิ่งที่จะคาดเดาอะไรได้ ฟาหยางที่วันนี้ต้องกลับจากบริษัทเร็วกว่าทุกวันขนาดที่ว่าเขาเพิ่งจะไปถึงบริษัทได้ไม่เกินสิบห้านาที 'คุณหนูเยว่ร้องไห้ค่ะ ไม่ว่าใครถามอะไรก็ไม่ตอบ บอกแค่ว่าจะเจอคุณหยางแค่คนเดียวค่ะ' สายจากสาวใช้ที่คฤหาสน์โทรมาหากันด้วยน้ำเสียงร้อนรน ปกติเยว่ซินมักเป็นคนที่ยิ้มแย้มและอารมณ์ดีอยู่เสมอ เธอมีเหตุผลกับทุก ๆ เรื่องแต่ยามนี้ที่จู่ ๆ อาจด้วยฮอร์โมนหรืออะไรก็แล้วแต่มันทำให้คนในคฤหาสน์ตื่นตูมกันไปเสียหมด พยายามทั้งปลอบทั้งหาของกินมาเท่าไหร่แต่ก็เหมือนว่าจะไม่เป็นที่พอใจของนายหญิงผู้นี้เลยแม้แต่น้อย "อาซิน" ขายาวก้าวเร็ว ๆ ไปยังห้องนั่งเล่นทันทีที่ลงจากรถ ฟาหยางรีบขนาดที่เขาขับรถมาเองโดยไม่รออาโป ทำเอาฝั่งลูกน้องที่บริษัทก็วุ่นวายอยู่พอสมควร "ฮึก..." ยังได้ยินเสียงสะอื้นจากคนที่ฟุ่บหน้าอยู่กับหมอนอิง เหล่าสาวใช้ที่เห็นว่าฟาหยางมาแล้วจึงรีบลุกขึ้นค้อมศีรษะให้แล้วเดินออกจากบริเวณนั้นทันที "เกิดอะไรขึ้น" เสียงทุ้มเอ่ยถามพลางรวบคนตัวเล็กเข้าในอ้อมแขน เยว่ซิน
สามสัปดาห์หลังจากแต่งงาน แม้ห่าวอู๋จะพูดอยู่ทุกวันว่าให้ทั้งคู่คิดประเทศที่จะไปฮันนีมูนกันเสียทีแต่เยว่ซินก็คิดไม่ออก หญิงสาวบอกเลื่อนทริปมาตลอดจนถึงวันนี้ที่ห่าวอู๋เดินทางมาที่คฤหาสน์ตระกูลหยางด้วยตัวเอง 'เตี่ยจองที่พักบนเกาะไว้ให้แล้ว เรื่องงานที่บริษัทเตี่ยจะจัดการทุกอย่างเอง อาเยว่ซินเตรียมตัวไปฮันนีมูนกับอาหยางได้เลย' นั่นคือประโยคที่ได้ฟังจากห่าวอู๋ก่อนที่วันต่อมาในตอนเช้ามืดก็โดนสามีตัวเองอุ้มขึ้นรถตั้งแต่ยังไม่ตื่นดี เยว่ซินนึกสงสัยอยู่ตลอดว่าทำไมเวลาจะไปทริปต่างประเทศแล้วจะต้องไม่ได้เตรียมตัวเสียทุกครั้งกันนะ แต่ถึงจะอยากโวยวายทั้งประมุขคนก่อนและคนปัจจุบันของตระกูลหยางนี้สักเท่าไรก็คงทำไม่ได้ แน่นอนว่าเธอก็ไม่คิดเสี่ยงจะทำ "คราวนี้อาโปก็มาหรือคะ" สิ่งที่ต่างไปจากทริปที่อิตาลีครั้งนั้นก็ดูเหมือนจะเป็นว่ามีลูกน้องมาด้วยกัน ฟาหยางขานรับในลำคอ "ถือเป็นวันพักผ่อนให้พวกเขาด้วย" เยว่ซินพยักหน้าเห็นด้วย สมควรอย่างยิ่งเพราะลูกน้องฟาหยางแต่ละคนใช่ว่าจะมีงานน้อย ๆ เสียที่ไหน "แต่ไม่ต้องห่วง พวกนั้นกับเราอยู่คนละที่พัก ไม่มีใครกวนตอนเธออยู่กับเหล่ากงได้หรอก" คำพูดเจ้าเล่ห์มาพร
ผ่านไปสองเดือนหลังจากการประกาศแต่งงานในวันนั้น ฟาหยางไม่ให้เยว่ซินรับงานใด ๆ ทั้งสิ้น และงานที่บริษัทก็เหมือนว่าเลี่ยงหรงจะเป็นคนจัดการทุกอย่างและถึงแม้เป็นแบบนั้นเขาก็ยังรายงานแก่ฟาหยางประหนึ่งบริษัทหลี่กลายเป็นบริษัทในเครือของฟาหยางไปเสียแล้ว "คุณหนูเยว่รับขนมอีกไหมคะ" และเพราะวัน ๆ เยว่ซินแทบจะไม่ได้ทำอะไรนอกจากเข้าคอร์สเจ้าสาวที่ห่าวอู๋และเครือญาติตระกูลหยางจัดหาให้จึงทำได้แค่นั่ง นอน กินและออกไปตามนัดบ้างเป็นครั้งคราว "พอแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ" คนตัวเล็กตอบพลางระบายยิ้มงดงาม มือเรียวสวยปิดหนังสือลงแล้วเหลือบมองเวลาเล็กน้อย ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงแล้ว ปกติฟาหยางมักจะกลับมาในเวลานี้เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับงานแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้นในต้นเดือนหน้า "คุณหยางมาถึงแล้วค่ะ" เป็นจังหวะพอดีกับที่มีสาวใช้อีกคนหนึ่งเดินเข้ามารายงานกัน เธอทอดมองคุณหนูเยว่ซินที่อยู่ในชุดกระโปรงยาวสีครีม ผิวขาวราวน้ำนมที่ไม่ได้ต้องแดดมานาน ทั้งแก้มและริมฝีปากแดงระเรื่อ ไม่ว่าจะมองในมุมไหน ๆ คุณหนูเยว่ก็ดูงดงามไปเสียทุกส่วน นี่หรือเปล่าที่เขาว่ากันว่าออร่าของคนกำลังจะเป็นเจ้าสาว "อาซิน" พลันในวินาทีนั้นด้านหลัง
เยว่ซินไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรกับสถานการณ์ในตอนนี้ เธอเพิ่งจะยืนอยู่ที่ครัวในคอนโดเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน แล้วเหตุใดตอนนี้ถึงมาอยู่ที่อิตาลีได้? ไม่ใช่แค่นั้นแต่ตอนนี้เธอมากับฟาหยางแค่สองคน! ใช่...ไม่มีอาโปและลูกน้องมาด้วยกันเลย "อาเยว่อยากทานอะไร" "ดะ...เดี๋ยวก่อนค่ะ" มือเรียวยกขึ้นกั้นระหว่างกันทั้งแววตาที่ฉายความสับสนชัดเจน ฟาหยางหัวเราะเมื่อเห็นปฏิกิริยาเช่นนั้น "นี่มันเหนือความคาดหมายไปหน่อยนะคะ" "ทำไม เธอไม่อยากมาเที่ยวกับอาฟาหรือ?" คนตัวสูงคล้ายสุนัขตัวโตที่เยว่ซินได้แต่ถอนหายใจ มือหนาเอื้อมมาประคองกันไว้พลางเอ่ยขึ้นอีกรอบ "ไม่อยากลองอยู่กันแค่สองคนบ้างหรือ" ครั้นโดนออดอ้อนซึ่ง ๆ หน้าทำเอาคนตัวเล็กไร้คำจะเถียงอีก ตอนนี้ทั้งคู่อยู่กันที่ที่พักแห่งหนึ่งในเกาะซิซิลี เยว่ซินไม่รู้เลยว่าเขาจัดการเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่ตอนไหน "ความจริงชวนฉันดี ๆ ก็ได้นี่คะ อีกอย่างฉันไม่ได้เอาสัมภาระมาเลย" ไม่รู้จะพูดว่าโดนแกล้งได้ไหม เพราะฟาหยางไม่คิดจะบอกเธอสักคำ หากนี่เป็นเซอร์ไพรส์ก็ดูจะเกินเรื่องไปเสียหน่อย "ซื้อใหม่ทั้งหมดที่นี่" "..." "หายหน้ามุ่ยเถอะนะ ถ้าอาฟาบอกเธอล่วงหน