แชร์

บทที่ 44

ผู้เขียน: มายุมายูมายา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-12-01 21:27:22

#####บทที่ 44

 

 

หลังจากวันที่ซูเมิ่งนัดพบกับซือหมิงและตกลงทำสัญญาแต่งงานกัน นางก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย อีกทั้งตอนนี้ทั้งท่านพ่อและท่านพี่ก็ยุ่งกันมาก ทั้งเรื่องที่พี่ใหญ่กลับมาพร้อมกับสามารถจับคนที่วางแผนวางยาพิษในน้ำดื่มใช้ของหมู่บ้านเทียนหลิวแล้วโยนความผิดมาให้ไป๋หย่งคัง ทำให้ท่านพ่อของนางพ้นผิดไปและหลังจากนั้นก็ได้รับการแต่งตั้งตำแหน่งแม่ทัพใหญ่อย่างเดิมด้วยพิธีสมเกียรติ

อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ตระกูลไป๋วุ่นวายคือการที่มีหลากหลายตระกูลผลัดกันนำของกำนัลมามอบให้ไม่ขาดสายเพื่อแสดงความยินดีเรื่องที่จะได้เกี่ยวดองกับราชวงศ์ หรือก็คือมาขอเข้าพวกด้วยนั่นเอง

จากที่ก่อนหน้าตระกูลไป๋ตกต่ำน้อยตระกูลนักที่จะยื่นมือเข้าช่วยแต่พอสามารถพลิกสถานการณ์ได้ก็พากันมาเลียแข้งเลียขาไม่อายเทพเซียนกันจริงเชียว

งานแต่งของนางกับชินหวังจะจัดขึ้นช่วงต้นเดือนหน้า หากนับจากวันนี้ก็เหลือราวหนึ่งเดือนเต็ม เรื่องการจัดเตรียมงานทุกส่วนฝ่ายชินหวังเป็นคนเตรียม มีเพียงเรื่องลำดับพิธีการ มารยาทต่าง ๆที่ควรอบรมเพื่อเข้าเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์และในส่วนของชุดเจ้าสาวที่นางต้องลองเท่านั้น

ซึ่งวันนี้คนของทางจวนของชินหวังจะมารับนางไปลองชุดและฝึกมารยาทที่จวนของเขาเอง เพียงรอเวลาที่นัดกันไว้เท่านั้น ซึ่งการไปที่จวนของเขาครานี้ถือว่าเป็นครั้งแรกเลยที่จะได้เห็นทีพักอาศัยของบุคคลที่ถือได้ว่าเป็นคนที่ติดความหรูหราตัวยง ไม่ว่าจะทั้งรถม้าของเขาหรือเรือที่นางเคยถูกเชิญให้ไปขึ้น รวมไปถึงเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่เขาใช้ดูไกล ๆก็รู้ได้ว่าต้องแพงมหาศาลเป็นแน่

พอรถม้าของจวนชินหวังมาถึงซูเมิ่ง เย่าถิง ไป๋จื่อ และถิงเย่ก็เดินขึ้นรถม้าไป ซึ่งใช้เวลาราวครึ่งชั่วยามเห็นจะได้ในการเดินทางจากจวนตระกูลไป๋ไปยังจวนของชิงหวังที่อยู่ค่อนไปสุดเมืองหลวง

“คุณหนูเจ้าคะ เมื่อเช้าบ่าวไปรับสำรับคุณหนูที่ห้องครัวเห็นบ่าวที่ออกไปข้างนอกจวนคุยกันใหญ่เลยเจ้าค่ะ ว่าคนข้างนอกต่างอิจฉาคุณหนูกันถ้วนหน้า”

ไป๋จื่อพูดไปก็ยิ้มไปสีหน้าดูรื่นเริงเสียจนซูเมิ่งที่เป็นเจ้านายต้องส่ายหน้าระอาก่อนเอ่ยปากต่อ

“อิจฉาข้าเรื่องอะไรล่ะ”

“ก็เรื่องที่คุณหนูมีขบวนสินสอดยาวขนทั้งวันก็ไม่สิ้นสุดที่ชินหวังมาขออย่างไรเจ้าค่ะ และยิ่งคนผู้นั้นคือชินหวังด้วยแล้วยิ่งพากันอิจฉากันใหญ่ คริคริ” 

พูดจบก็หันไปหัวเราะขบขันกับเย่าถิง ซึ่งบ่าวผู้เคยเรียบร้อยคนนี้ก็หัวเราะไปกับเขาด้วย มีเพียงถิงเย่ที่นิ่งสงบไม่สนใจใคร

“เรื่องแค่นี้เอง พวกเจ้าก็ดีใจกันไปได้ทำเหมือนอย่างกับว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาดอย่างนั้นแล”

ให้นางเดาการแต่งงานขององค์ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันหรือแม้แต่ไม่จื่อองค์นี้สินสอดคงยาวไม่แพ้กันหรอก

“คุณหนูไยไม่แปลกเจ้าคะ เพียงขบวนสินสอดของชินหวังก็ยาวเกือบเท่าขององค์ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันแต่งกับฮองเฮาแล้วหนาเพคะ ไหนจะเรื่องที่คนต่างคาดเดาว่าชาตินี้ชินหวังอาจไม่มีชายาแต่อยู่ดีดีก็มาขอคุณหนูเสียงั้น ทั้งที่ก่อนหน้าชื่อเสียงคุณหนูค่อนข้างจะไม่ดีด้วยซ้ำ”

ไป๋จื่อรีบดึงกระโปรงซูเมิ่งอย่างอยากจะแย้งให้ตายตกกันไปข้างนึง จนซูเมิ่งเริ่มรู้สึกเสียหน้าขึ้นมาบ้าง

...ก็นางเพิ่งมาที่ยุคนี้นี่จะไปรู้ว่าสินสอดเท่าใดเรียกมากหรือน้อยได้อย่างไรกัน ชิ

“อ้อหรือ อย่างนั้นก็เรื่องของพวกเขาสิ แล้วพวกเขาไม่รู้หรือว่าที่ข้าหายตัวไปจริง ๆแล้วอยู่กับผู้ใด”

“ตอนนี้รู้แล้วเจ้าค่ะว่าเป็นชินหวัง ซึ่งล้มล้างข่าวลือไร้สาระก่อนหน้าไปหมดเลย และแต่ละคนที่เดาไปต่าง ๆนานาก่อนหน้าคงพากันตกใจหายหลังไปตาม ๆกันเป็นแน่เจ้าคะ บ่าวล่ะสะใจนัก”

พอได้ยินดังนั้นรอยยิ้มมุมปากก็หยักขึ้นบางเบาบนใบหน้าขาวนวลของซูเมิ่ง ...แม้นางจะไม่ได้สนใจข่าวลือมากเท่าใด แต่การมีข่าวดีดีก็ย่อมดีกว่าข่าวแย่อยู่แล้ว

ทั้งซูเมิ่งและไป๋จื่อคุยกันจนไม่รู้ว่ามาถึงที่หน้าจวนชินหวังตั้งแต่เมื่อใด พอรถม้าหยุดลง เป็นถิงเย่ที่นั่งอยู่นอกสุดลงก่อนจากนั้นบ่าวทั้งสองของนางถึงได้ลงและตามด้วยพยุงเจ้านายตัวเองลงด้วยท่าทางนุ่มนวลต่างจากกริยาก่อนหน้าบนรถม้าสิ้นเชิง ความแตกต่างนี้ชัดเจนจนถิงเย่ต้องเขยิบเข้ามาเอ่ยแก่ซูเมิ่งเสียงเบา

“คุณหนูมิต้องเกร็งอันใดเจ้าค่ะ ปฏิบัติตามเคยเลย ที่จวนแห่งนี้หาได้เคร่งอย่างในวังไม่”

สิ้นคำแผ่นหลังที่เหยียดตึงผิดปรกติของซูเมิ่งก็ผ่อนคลายลง จากนั้นก็ปล่อยมือที่วางบนมือของเย่าถิงจากการพยุงตนออกและเดินด้วยท่าทีมั่นคงดุจเดิมตามนางจวนเข้าไปทันที ฝ่ายถิงเย่พอดึงสติกลับมาจากอาการตกตะลึงกับท่าทีผ่อนคลายเกินพอดีของซูเมิ่งได้จึงรีบเข้าไปตามประกบพร้อมอธิบายสิ่งต่าง ๆให้เจ้าตนรู้ทันที

“เนื่องจากว่าฮ่องเต้ทรงประทานจวนแห่งนี้ให้แก่ชินหวังแล้ว และที่แห่งนี้ก็เป็นสถานที่นอกพระราชวัง องค์ชินหวังจึงต้องการให้ที่แห่งนี้มีทุกอย่างเยี่ยงจวนขุนนางปรกติเจ้าค่ะ มิต้องใช้คำราชาศัพท์เยี่ยงยามอยู่ในวัง และบ่าวรับใช้ทั้งชายและหญิงที่นี่จะเรียกชินหวังว่านายท่านทั้งหมดเจ้าค่ะ”

ซูเมิ่งพยักหน้าเข้าใจ พลันจิตใจค่อยรู้สึกโปล่งโล่งขึ้น ด้วยก่อนหน้านางนึกว่าพอแต่งงานกับเขาแล้วจะต้องใช้คำราชาศัพท์ไปตลอดเสียอีก

“และหากคุณหนูแต่งเข้ามาก็จะเรียกท่านว่านายหญิงเจ้าค่ะ”

ซูเมิ่งตกใจเล็กน้อยยามถูกเรียกว่านายหญิง ไม่รู้ทำไมนางถึงนึกถึงรอยยิ้มยอกเย้าของบุรุษเจ้าของจวนแห่งนี้ตอนที่เขาเห็นนางเสียอาการพอได้ยินคำนี้ครั้งแรกเสียทุกที

“แต่ตอนนี้ข้ายังมิแต่งกับเจ้านายเจ้าเสียหน่อยอย่าได้รีบเรียกข้านายหญิงเสียเลย ไว้แต่งแล้วค่อยเรียกก็ยังมิสาย”

ซูเมิ่งส่งยิ้มจืดเจื่อนไปให้

“เจ้าค่ะคุณหนู”

“นายหญิงอยากไปเยี่ยมชนเรือนฝั่งตะวันออกก่อนหรือไม่เจ้าคะ”

ยังไม่สิ้นเสียงรับคำของถิงเย่ดี บ่าวที่นำพวกนางเดินเข้าจวนมาก่อนหน้าก็หันมาถามซูเมิ่งด้วยใบหน้าแย้มยิ้มอ่อนหวาน แต่หารู้ไม่ว่าคำเรียกนั่นทำเอาซูเมิ่งสะดุ้งอีกครา

“เฮ้อ เอาอย่างไรก็ได้ ว่าแต่เรือนตะวันออกนี่คือเรือนอันใดหรือ”

ซูเมิ่งส่ายหน้าเพื่อปลอบประโลมตนเอง นางคงทำได้เพียงจำต้องชินเสียแล้วล่ะ

“เป็นเรือนพักสำหรับนายหญิงเจ้าค่ะ”

พอได้ยินดังนั้นเท้าบางก็หยุดชะงักโดยพลัน “เจ้าหมายถึงสำหรับคนที่จะมาเป็นนายหญิงของนายท่านพวกเจ้าใช่หรือไม่”

“เจ้าค่ะ”

“งั้นเอาไว้ข้าค่อยมาเยี่ยมชมดีกว่า ตอนนี้ข้าอยากฝึกมารยาทเสียแล้ว ไปเย่าถิง ไปไป๋จื่อ อ้อ เจ้ามานำทางสิ”

โอย ไยนางถึงยังไม่ชินเสียทีนะ อย่าลืมสิว่าตัวเองจะต้องมาเป็นนายหญิงที่นี่นะ ไยพอเจอเรื่องอะไรนางถึงได้แสดงอารมณ์ออกเป็นใบหน้าขึ้นสีเสียหมดอย่างนี้เล่า

 

คิดผิด! คิดผิด! คิดผิด!

นางคิดผิดที่บอกว่าอยากฝึกมารยาทแล้ว ตอนนี้นางอยู่กับนางกำนัลอาวุโสซึ่งทำหน้าที่อบรมมารยาทและขั้นตอนวิธีการของงานแต่งงานหรืองานอภิเษกสมรสสำหรับราชวงศ์ นั่งท่องวนไปร้อยรอบหากเป็นเรื่องที่นางสนใจดูผ่าน ๆไม่กี่รอบนางก็จำได้แล้ว แต่พอเป็นเรื่องน่าเบื่อพวกนี้ไม่ว่าซูเมิ่งจะพยายามจำกี่รอบก็ไม่สามารถท่องให้นางกำนัลที่มาคุมฟังได้สักที

“ให้นางพักก่อนเถอะ”

เสียงหนาที่แฝงไปด้วยอำนาจดังขึ้น พร้อมร่างสูงโปร่งในชุดสีรัตติกาลเงางามทั่วทั้งตัวลายเมฆาขลิบทองจะก้าวเท้าเข้ามายังห้องฝึกที่ซูเมิ่งนั่งหลังเหยียดตรงอยู่

ซูเมิ่งรีบหันกลับมองตามเสียงแทบจะทันที นางวางแผ่นอักษรปึกใหญ่ลงบนเก้าอี้ข้างตัว และลุกขึ้นเดินไปหาซือหมิง

“ข้าคิดถึงท่านมากเชียวละเพคะ ท่านพี่ซือหมิงเชิญนั่งลงก่อนเถิด”

พูดพลางถือวิสาสะใช้สองมือคว้าหมับเข้าที่ลำแขนหนาข้างหนึ่งและลากมานั่งบนเก้าอี้ที่ซูเมิ่งนั่งอยู่ก่อนหน้า พอเห็นว่าเจ้าคัมภีร์ที่ท่องเมื่อครู่เกะกะก็เขี่ยทิ้งอย่างมิไยดี

“ท่านคิดถึงข้ามากใช่หรือไม่ ต้องขออภัยท่านนางกำนัลเจี่ยงด้วยที่ท่านพี่ซือหมิงมาขัดจังหวะเพราะทนพิษคิดถึงข้าไม่ไหว”

ซูเมิ่งพูดจบก็หันไปทำตาปริบ ๆให้ซือหมิงที่นั่งลงอย่างไม่รู้ตัว จากนั้นก็ยิ้มหวานส่งไปให้นางกำนัลเจี่ยงตามคำพูดนั่น

ฝ่ายนางกำนัลเจี่ยงจะขึ้นเสียงเอ่ยดุอย่างก่อนหน้าก็ไม่กล้าด้วยนางแอบขาสั่นตั้งแต่ผู้รั้งตำแหน่งชินหวังเข้ามาในห้องนี้แล้ว จึงได้แต่ยิ้มเจื่อนพร้อมส่ายหน้าอย่างไม่ถือสา

“เห็นท่านทั้งสองรักกันอย่างนี้หม่อมฉันก็สุขใจยิ่งเพคะ งั้นเอาเป็นว่าวันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน ไว้คราหน้า...”

“เดินทางโดยสวัสดิภาพเจ้าค่ะ ท่านนางกำนัลเจี่ยง เย่าถิงเจ้าไปส่งนางหน่อยเถอะ”

ยังไม่ทันที่สตรีวัยกลางเจ้าของสายตาเจ้าระเบียบจะพูดจบประโยคซูเมิ่งก็เอ่ยแทรกทั้งยังเดินออกมาดุนหลังนางให้ออกจากห้องไปและปิดประตูมิดชิด

“ฟู่ว ค่อยโล่งอกหน่อย”

ซือหมิงที่ได้แต่ปิดปากนิ่งเงียบมองเพียงซูเมิ่งกระทำการทั้งหมดอย่างไม่คิดเอ่ยขัดแต่อย่างใด ใบหน้าชายหนุ่มไร้ความดุดันอย่างที่มักทำต่อหน้าคนอื่น

“มิอยากเรียนต่อหรือ” 

ซูเมิ่งหันกลับมาสบตาของซือหมิงอย่างคนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าในห้องยังมีอีกคนอยู่ด้วย จากนั้นก็ส่งรอยยิ้มมิใคร่มีความสุขนักมาให้

“ใช่เพคะ”

...แต่นางก็เข้าใจอ่ะนะว่ากฎระเบียบต่าง ๆในราชวงศ์นั้นแสนจะเยอะแยะ หากไม่เรียนรู้ไว้ทำผิดขึ้นมาย่อมส่งผลเสียต่อทั้งนางและเขาด้วย และร้ายแรงที่สุดก็ส่งผลต่อราชวงศ์รัชสมัยนั้น ๆเลย 

“ไม่ชอบเจ้าก็ไม่ต้องเรียน”

ซูเมิ่งตื่นจากภวังค์โดยพลัน เมื่อครู่นางได้ยินไม่ผิดใช่ไหม

“หมายถึงแต่นี้หม่อมฉันไม่ต้องเรียนอีกแล้ว?”

และก็ได้รับการยืนยันจากซือหมิงทันทีสร้างรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของซูเมิ่ง และนางก็ไม่ลืมยอบเข่าขอบพระคุณอย่างงดงาม

“งั้นเอาเป็นว่าหม่อมฉันจะหนังสือพวกนี้ไปอ่านที่จวนแล้วกันเพคะ”

พูดจบก็เดินเข้ามายังเก้าอี้ที่ซือหมิงนั่งอยู่ซึ่งอยู่ใกล้กองคัมภีร์ที่ที่ซูเมิ่งต้องอ่านพอดี พอนางก้มหยิบเอามาไว้ที่อ้อมอกตัวเองก็ต้องหยุดโดยพลันเมื่อได้ยินคำเอ่ยของซือหมิง

“เจ้าคิดถึงข้าอย่างนั้นหรือ?”

สองสายตาสบกัน ฝ่ายหนึ่งต้องการคำตอบแต่อีกคนแฝงความงุนงง แต่พอซูเมิ่งนึกขึ้นได้ว่าคำพูดนั้นคงหมายถึงที่นางบอกแก่นางกำนัลเจี่ยงและใช้มันเป็นข้ออ้างจึงพยักหน้างึก ๆอย่างขอไปที

“ประมาณนั้นเพคะ แฮะ ๆ ส่วนเรื่องที่บอกว่าพระองค์คิดถึงหม่อมฉันนั้นอย่าได้เก็บไปใส่พระทัยเลย หม่อมฉันแค่คิดไปอย่างนะ...”

“ข้าก็คิดถึงเจ้าเช่นเดียวกัน”

ซูเมิ่งนิ่งค้างโดยพลัน ใบหน้าขาวนวลแดงปลั่งอย่างมิอาจห้ามได้ 

“เอ่อ งั้น ๆหม่อมฉันขอตัวกลับจวนก่อน ท่านพะ...พ่อคงเป็นห่วงแล้ว”

พูดจบก็หมุนตัวอย่างเร็วมุ่งไปที่ประตูทันที แต่ก็ถูกมือหนาของบุรุษด้านหลังจับรั้งไว้เสียก่อน

“พ่อเจ้าไม่ได้อยู่ที่จวนหรอก มากับข้าสิ ข้าจะพาไปหาท่านพ่อเจ้าเอง”

หลังจากนั้นซูเมิ่งก็ถูกพาไปยังอีกฝากหนึ่งของจวนของเขา พอมาถึงห้อง ๆหนึ่งก็พบท่านพ่อของนาง และพี่ชายคนโต นอกนั้นก็เห็นเป็นมือปราบฉิงอีอีกด้วย ส่วนบุรุษคนอื่นในห้องราวสามสี่ท่านนางไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน

“คารวะทุกท่านเจ้าค่ะ”

พอทุกคนมองไปยังเบื้องหลังชินหวังที่เดินเข้ามาตามกำหนดเวลานัดหมายพอดีก็มีสีหน้าตกใจ และเป็นไป๋หย่งคังที่ตั้งตนได้ก่อน

“แล้วไยเจ้าถึงได้มานี่ได้ กลับจวนไปก่อนเถอะอย่าได้รบกวนชินหวังเลย”

...อืมพิจารณาจากการที่พวกเขาต่างมารวมอยู่กันพร้อมหน้าแล้วและยิ่งท่านพ่อไล่ซูเมิ่งออกไปขนาดนี้แล้ว เดาว่าอาจมีนัดคุยเรื่องสำคัญยิ่งเป็นแน่

ว่าแต่เหตุใดชินหวังถึงได้พานางมาที่นี่กันล่ะ?

ซูเมิ่งไม่ได้รีบตอบรับคำไล่ของผู้เป็นพ่อแต่นางกลับรอให้คนที่จับแขนพานางมาที่นี่แสดงท่าทีออกมา เพราะนางไม่ใช่คนขอมาที่นี่เสียหน่อย

“นางจะเข้าร่วมประชุมครั้งนี้ด้วย หากทุกท่านพร้อมแล้วก็เริ่มเข้าเรื่องกันเถิด”

สิ้นเสียงถงฝูและลูกน้องของชินหวังก็ช่วยกันปิดประตูปิดหน้าต่างมิดชิด ส่วนซือหมิงจูงแขนซูเมิ่งไปนั่งยังเก้าอี้ข้างเก้าอี้สำหรับประธานการประชุมครั้งนี้ ไม่เพียงซูเมิ่งเท่านั้นที่ประหลาดใจ ทุกคนต่างมีสีหน้าฉายความฉงนออกมาเพียงแต่ไม่มีใครทัดทานเท่านั้น

ใครจะคิดเล่าว่าให้สตรีเข้ามาฟังเรื่องราวต่อไปนี้ด้วยจะเป็นการดีเล่า ยกเว้นก็แต่บุคคลผู้ไม่สามารถขัดได้อย่างชินหวังนั่นแหละ

พอไม่มีใครกล้าขัดเรื่องการที่ให้ซูเมิ่งอยู่ฟังด้วยการประชุมจึงเริ่มขึ้น โดยเป็นทางมือปราบฉิงอีที่รายงานถึงเรื่องการตรวจสอบที่เขาได้รับมอบหมายก่อน นั่นก็คือเรื่องการตรวจสอบชุมโจรที่ซูเมิ่งเป็นคนเจอเมื่อคราไปวัดจิ่นมี่ นางบอกเรื่องนี้แก่ชินหวังไปเมื่อครั้งเขาชวนนางไปล่องเรือชมดาวยามค่ำคืน ซึ่งทำให้รู้ได้ว่าเหตุการณ์ปล้นครานั้นอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบทำร้ายซูเมิ่งจริง แต่พลาดที่ช่วงที่เจ้าพวกโจรล้อมโบสถ์ขณะที่กำลังมีการสวดมนต์ข้ามวัดอยู่นั้นซูเมิ่งแอบออกไปพักข้างนอกพอดี โดยการที่พวกนั้นทำทีเป็นปล้นทรัพย์แทนนั้นก็เพื่อตบตา ทว่าหลังจากที่นางบอกรังโจรว่าเข้าทางไหนไปแล้วนั้น ทางมือปราบฉิงอีก็ไม่ได้บุกเข้าจับกุมทันที แต่ส่งคนไปสังเกตการณ์อยู่พักใหญ่จึงทำให้ล่วงรู้ความลับอันสำคัญมา 

“ท่านมือปราบกำลังจะบอกว่ากองกำลังโจรกลุ่มนี้อาจเป็นคนขององค์ฮองเฮาอย่างนั้นหรือ?”

ไป๋หย่งคังเอ่ยแทรกอย่างอดใจไม่อยู่ น้ำเสียงเขาแสดงถึงความรู้สึกคาดไม่ถึงเช่นเดียวกับบุรุษคนอื่นในห้องที่ได้ฟัง เพราะหากเป็นจริงดังพูดมิใช่หมายความว่าฝ่ายไท่จื่อสะสมกำลังพลลับหลังฝ่าบาทหรอกหรือ? ซึ่งนั่นถือว่าเป็นเรื่องผิดมหันต์ เพราะเป็นเรื่องที่ปฏิบัติกันมาตั้งแต่รัชสมัยก่อนอยู่แล้วเรื่องที่หากองค์ชายองค์ใดได้รับตำแหน่งไท่จื่อจะไม่สามารถมีกำลังทหารในมือได้ นั่นจึงเป็นสาเหตุให้แนวทางการสร้างอำนาจเพื่อความมั่นคงสำหรับไท่จื่อคือการแต่งงานกับหญิงที่มีตระกูลสูงส่งที่มีกำลังทหารอยู่เบื้องหลังแทน

“ไท่จื่ออาจไม่รู้เห็นด้วยขอรับ เพราะดูเหมือนจะเป็นเพียงคนของฮองเฮาเท่านั้นที่ติดต่อกับทางนั้น ส่วนองค์ไท่จื่อมีคนของฝ่าบาทเฝ้าระวังอย่างรัดกุมอยู่แล้วขอรับซึ่งฮองเฮาย่อมรู้ดี”

ซูเมิ่งนั่งฟังเงียบ ๆไม่แสดงความเห็นใด พวกเขาคุยจนกระทั่งถึงเรื่องของการไปตรวจสอบเหมืองแร่ซึ่งสำหรับซูเมิ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่นางไม่เคยได้ยินมาก่อน และที่สำคัญไปกว่านั้นคือผู้ที่จะไปตรวจสอบเรื่องการทุจริตเหมืองแร่คือบุคคลที่อีกไม่ถึงเดือนนี้จะเป็นสามีนางนั่นเอง

ด้วยเรื่องการทุจริตเหมืองแร่ที่กล่าวถึงนี้คือเริ่มเกิดขึ้นในช่วงที่บิดาของซูเมิ่งถูกปลดออกจากตำแหน่งอยู่ ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้จากที่ท่านแม่ทัพหานอวดเบ่งศักดามากอยู่แล้วครานี้เขากลับมีอำนาจเพิ่มเข้าไปอีก เสนาบดีจ้าวได้ให้หลานชายตระกูลซ่งที่ดำรงตำแหน่งเป็นข้าราชการในกรมคลังเข้ามาดูแลเรื่องการจัดงบสำหรับใช้จ่ายในการขุดเหมืองแร่ที่เพิ่งค้นพบขึ้นใหม่ และยังรวมไปถึงการทำรายงานมูลค่าแร่ที่ขุดได้อีกด้วย และพวกนั้นใช้โอกาสช่อโกงเงินและบิดเบือนมูลค่าแร่ที่ขุดได้เข้าตนมากโข ด้วยอาจเป็นเพราะความไม่รอบครอบของหลานชายตระกูลซ่งหรือเป็นเพราะความไม่ไว้ใจที่ฝ่าบาทมีให้อยู่แล้วทำให้ฝ่ายชินหวังที่ถูกรับสั่งให้ตรวจสอบเรื่องนี้ระแคะระคายเข้า เป็นเหตุให้ชินหวังจำต้องเดินทางอย่างลับ ๆไปตรวจสอบยังแหล่งขุดเหมืองแร่และจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทส่งท้าย

    #####บทส่งท้ายมือหนาควานหาร่างอุ่นนุ่มอย่างที่ทำเป็นประจำทุกวัน ทว่าควานไปพบแต่ความว่างเปล่า สองตาค่อย ๆลืมขึ้น ไฉนวันนี้เขาถึงรู้สึกมึนหัวประหลาดหือ วันนี้เขาตื่นสายหรือ ไยเป็นภรรยาเขาที่ตื่นก่อนได้เล่า นางตื่นแล้วไยไม่เรียกเขาเสียหน่อยล่ะ“ใครอยู่ด้านนอกเข้ามาที”เป็นเย่าถิงที่เดินเข้ามา นางชะงักนิดหน่อยเพราะกลิ่นที่เกิดจากการทำกิจกรรมของสองข้าวใหม่ปลามันคละคลุ้งทั่วห้อง ซึ่งเมื่อคืนพวกนางต่างรู้ดีกว่าเกิดอะไรขึ้นในห้อง เพราะเสียงที่ดังทะลุกำแพงออกมาตลอดคืน“นายหญิงไปไหนหรือ?”เย่าถิงยกคิ้วฉงนก่อนตอบ “ก็ไม่ได้อยู่ในห้องหรอกหรือเพคะ” พูดพลางสอดส่องมองทั่วห้องก็ไม่เห็นคุณหนูของตนจริง จึงขออนุญาตเรียกไป๋จื่อและบ่าวคนอื่น ๆมาถามไถ่ แต่ก็ไม่มีใครพบเห็นเลย พอไม่เจอสตรีที่ตนเรียกหาจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ คนของชินหวังทั่วทั้งจวนต่างกระจายกำลังหาทั่วจวน แต่หานานหลายชั่วยามก็ไม่มีใครพบ“พวกเจ้าดูแลนางอย่างไรนายหญิงออกจากห้องไปไยไม่มีใครเห็น!”บรรยากาศโดยรอบของบุรุษผู้ทรงอำนาจเย็นยะเยือกลามไปทั่วทั้งจวน นัยน์ตาดุดันจ้องมองเขม็งไปที่เหล่าบ่าวใช้ที่คุกเข้าตรงหน้า“หม่อมฉันเฝ้าหน้าห้องตลอดไม่เห็

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 50

    #####บทที่ 50นับจากวันที่กลับจากไปเยี่ยมจวนตระกูลไป๋ซูเมิ่งก็รอบางอย่างจนสิ่งที่นางรอคอยก็มาถึง ไป๋จื่อเข้ามาหาซูเมิ่งในห้องหนังสือพร้อมปิดประตูแน่น จนในห้องเหลือเพียงซูเมิ่งและไป๋จื่อสองคน“ครานี้ได้เรื่องแล้วเพคะพระชายา”“ว่ามา...”ตามที่ให้ไป๋จื่อออกไปรับเรื่องที่นางให้เป่าต้ง บ่าวบุรุษที่ซูเมิ่งไว้ใจในจวนตระกูลไป๋ทำเรื่องบางอย่างในจวน การมารายงานครานี้ของเป่าต้งนั้นต่างออกไปจากครั้งก่อน ๆแล้ว เรื่องที่ซูเมิ่งกำลังเฝ้าคอยเป็นเรื่องเกี่ยวกับไป๋หย่งคังบิดาของซูเมิ่งเอง ในวันที่นางกลับไปเยี่ยมบ้านนั้นนอกจากซูเมิ่งจะเข้าไปขอพบหย่งคังเป็นการส่วนตัวแล้วนางยังเรียกเป่าต้งเพื่อมอบหมายงานให้ทำด้วยนั่นก็คือ ให้เขาคอยจับตาดูไป๋หย่งคังตลอดทุกฝีก้าวตอนที่อยู่ในจวนไม่เว้นแม้กระทั่งช่วงกลางคืน และให้มารายงานนางทุก ๆสามวัน ในช่วงแรก ๆ สิ่งที่ไป๋หย่งคังทำนั้นซูเมิ่งคิดว่าปรกติทั่วไป แต่พอได้ฟังคำจากเป่าต้งรายงานหลาย ๆคราซูเมิ่งเริ่มสงสัยบางอย่างเข้าให้แล้ว กิจวัตรหนึ่งที่น่าสงสัยคือไป๋หย่งคังมักจะเทียวไปเรือน ๆหนึ่งทุก ๆสองหรือสามวันเสมอและใช้เวลาอยู่ที่นั่นราวสองเค่อ สิ่งที่น่าประหลาดคือเรือนแห่ง

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 49

    #####บทที่ 49และแล้ววันที่ท่านหมอพิษมาถึงจวนชินหวังก็มาถึง เขาเข้ามาพร้อมกับหยางเหวินเพื่อมาตรวจอาการของซูเมิ่ง “แปลก พระชายาไม่น่ามีพิษชนิดนี้อยู่ในกายได้พะยะค่ะ”หมอพิษพูดพลางลองตรวจสอบพิษอีกรอบผลปรากฎว่าเลือดที่มาจากร่างกายซูเมิ่งนั้นเป็นพิษชนิดที่เขาคิดจริง ๆ“อย่างไรหรือท่านหมอ”ซูเมิ่งเอ่ยถาม นางอยากรู้อย่างที่สุดว่าพิษที่อยู่ในร่างกายนางแต่กำเนิดนั้นคือชนิดใดกันแน่โดยท่านหมอพิษบอกว่าพิษนี้คือพิษที่มีแหล่งกำเนิดจากอาณาจักรชิงจง ซึ่งคืออาณาจักรข้างเคียงที่เป็นศัตรูกับอาณาจักรที่นางอยู่นี้มาช้านานแล้ว โดยพิษนี้เป็นพิษที่หากออกฤทธิ์จะค่อย ๆทำลายอวัยวะทั้งหมดในร่างกาย แต่เงื่อนไขการออกฤทธิ์จะออกฤทธิ์เมื่ออยู่ในกระแสเลือดของบุคคลผู้นั้นนานเป็นเวลาสองปี ซึ่งพิษนี้ไม่ค่อยมีผู้คนนำมาใช้เท่าไหร่นัก แทบไม่มีคนในอาณาจักรนี้รู้จักเลยด้วยซ้ำ แต่สำหรับอาณาจักรชิงจงพิษชนิดนี้จะใช้เฉพาะกับทหารที่ฝึกไว้เพื่อเป็นสายลับเท่านั้น ด้วยเงื่อนไขการออกฤทธิ์นี้ทำให้สามารถใช้เพื่อควบคุมเหล่าทหารยามต้องออกไปปฏิบัติการได้ โดยการให้สายลับทุกคนดื่มพิษชนิดนี้เข้าไปและหากต้องการมีชีวิตต่อเพียงแค่กลับไปที่ฐาน

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 48

    #####บทที่ 48“คุณหนูเจ้าคะ ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ”เป็นเย่าถิงที่เข้ามาปลุกซูเมิ่งที่กำลังกอดกองผ้าห่มนุ่มด้วยอาการมึนงง นางลืมตามองเย่าถิงอย่างเกียจคร้าน“ข้าขอนอนอีกหน่อยได้หรือไม่”ไม่พูดเปล่าซูเมิ่งปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง นางรู้สึกอ่อนเพลีย และปวดเนื้อปวดตัวไปหมดจนไม่อยากขยับเขยื้อน แต่ก็ต้องลืมตาขึ้นอีกครั้งเพราะแขนตัวเองถูกดึงให้ลุกขึ้นและทันทีที่เย่าถิงดึงแขนของซูเมิ่งพ้นผ้าห่มก็ต้องตกใจ นางมองไปยังรอยสีกุหลาบบนผิวขาวผุดผาดของผู้เป็นนายที่ตอนนี้ขึ้นรอยแดงราวถูกแมลงกัดต่อย และยิ่งพอซูเมิ่งเอนตัวขึ้นตามแรงดึงของเย่าถิงแล้วผ้าห่มที่คลุมร่างอยู่ไหลกองลงปิดเพียงเอวยิ่งตระหนกไปใหญ่ ทั้งรอยมือและบางแห่งเกิดเป็นรอยช้ำ เย่าถิงพอนึกถึงว่าที่มารอยพวกนี้มาจากไหนจึงใบหน้าแดงขึ้นลามจนถึงใบหู“ไป๋จื่อเตรียมน้ำอุ่นผสมสมุนไพรให้แล้วเจ้าค่ะ ให้บ่าวพยุงไปนะเจ้าคะ”ซูเมิ่งพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย นางรู้สึกล้าเกินจะลืมตาตื่นด้วยซ้ำ แต่ก็รู้ว่าตามธรรมเนียมแล้วตนจะต้องไปไหว้บุพการีของซือหมิง ซูเมิ่งแทบจะอยากไปหักคอของบุรุษน่าตายนามซือหมิงให้ตายคามือเสียเดี๋ยวนี้เลย เมื่อคืนเขารู้ทั้งรู้แท้ ๆว่าไม่ควรเข้

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47 (ต่อ)

    บทที่ 47 (ต่อ)“คุณหนู พร้อมแล้วออกมาได้เลยนะเจ้าคะขบวนของชินหวังใกล้มาถึงแล้วคุณหนูออกมาได้เลยเจ้าค่ะ”ร่างงามระหงเดินตามนางกำนัลเจี่ยงและคนอื่นออกจากห้องนอนเพื่อไปยังโถงจัดงานไม่นานขบวนเสด็จของชินหวังก็หยุดลง ทั้งขุนนาง และทหารรักษาพระองค์ตั้งขบวนจนหางยาวไปไกลลิบตา บนม้าต้นขบวนร่างกำยำงามสง่าในชุดแดงผ่าเผย นัยน์ตานิ่งลึกล้ำยากคาดเดา ยามปรายตาไปทางใดเหล่าบ่าวใช้ที่ติดตามเจ้านายจวนตระกูลไป๋ออกมาต้อนรับต่างเขินหน้าแดงเป็นลูกตำลึง ซือหมิงเหวี่ยงตัวลงจากอานม้าท่าทางงามสง่าเต็มไปด้วยอำนาจแม้วันนี้เขาจะยังคงท่าทาดุดันเข้าถึงยากอยู่แต่หากเป็นคนสนิทของซือหมิงย่อมมองออกมาเจ้านายของพวกเขานั้นนัยน์ตาเปล่งประกายเจิดจ้ากว่าวันใด และริมฝีปากบางนั่นก็หยักยกเล็กน้อยด้วยพอซือหมิงถูกเชิญเข้ามาในจวนเพื่อไปยังห้องโถงกลาง ก็พอดีกับที่นางกำนัลเจี่ยงจูงมือซูเมิ่งซึ่งมีผ้าสีแดงผืนใหญ่ปิดใบหน้าเดินออกมา ขนาดไม่เห็นหน้าตาซือหมิงยังรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมา เขามองเห็นเพียงทรวดทรงและท่าทางการเดินนั่นก็รู้สึกภาคภูมิใจเป็นไหน ๆ พอถึงย้อนไปคราที่เขาพบนางครั้งแรก ท่ามความมืดมิดในค่ำคืนหนึ่งในป่ากว้าง ร่างงามสง่าผิวข

  • เล่ห์รักบุปผาซ่อนพิษ   บทที่ 47

    #####บทที่ 47วันรุ่งขึ้นตื่นขึ้นมาร่างกายของซูเมิ่งก็เริ่มกลับมาปรกติแล้ว ความเจ็บปวดเมื่อตอนก่อนได้รับเทียบยาถอนพิษคลายลง ทำให้ร่างกายซูเมิ่งกลับมามีแรงอีกครา เมื่อคืนตอนที่นางนั่งคุยกับหยางเหวินทำให้ได้รู้ว่าหมอพิษคนที่ท่านหมอจูบอกว่าเป็นหมอกำจัดพิษที่เก่งที่สุดนั้นแท้จริงคืออาจารย์ผู้สอนหยางเหวินนั่นเอง จากคำกล่าวของหยางเหวิน เขาบอกว่าอาจารย์ของเขาผู้นี้รักความสงบมากมักจะเร้นกายไม่ให้คนขอพบได้ง่าย และเนื่องด้วยเขาอายุมากแล้วไม่แข็งแรงกำยำเหมือนสมัยหนุ่ม ๆจึงไม่รับรักษาคนอีก เหมือนว่าหยางเหวินจะคือลูกศิษย์คนสุดท้ายของเขา แต่แม้หยางเหวินจะได้รับการถ่ายทอดวิชาแต่ด้วยประสบการณ์ตรงในความรอบรู้เรื่องพิษต่าง ๆก็ไม่สู้อาจารย์ได้อยู่ดี แต่หยางเหวินอาจสามารถขอให้อาจารย์มารักษาซูเมิ่งได้เป็นกรณีพิเศษ นี่คือเหตุผลที่ซูเมิ่งคุยกับหยางเหวินจนดึกดื่นใครจะไม่ตื่นเต้นเล่าที่พบหนทางกำจัดพิษได้ นางไม่อยากเป็นสตรีอ่อนแออย่างนี้หรอกนะ ซูเมิ่งตื่นขึ้นมาอีกทีก็ยามเว่ยแล้ว ไป๋จื่อนำอาหารอ่อนเข้ามาให้ซูเมิ่งกินถึงหน้าเตียง พอทานเสร็จก็ขอร้องแกมบังคับให้นางนอนพักผ่อนต่ออีก แต่ด้วยความที่นางเพิ่งทานข้าวไป

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status