บทที่ 72
ความทรงจำ
แม้เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว แต่อากาศยังคงหนาวอยู่บ้าง
กระนั้น ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับตงตงและเหยียนหลิ่วที่ออกมาเที่ยวชมทะเลสาบนอกเมือง
หลังพิธีหมั้น จางไคเฮ่อกับเว่ยจ้งแนะนำให้ทั้งสองใช้เวลาร่วมกันในวันหยุด
พอหยูฮูหยินกับเสี่ยวซินช่วยกันเตรียมอาหารว่างใส่ตะกร้าเสร็จ พวกเขาก็คะยั้นคะยอให้สองหนุ่มสาวออกมาเที่ยว
ตอนแรก ทั้งสองไม่รู้เลยว่าจะไปเที่ยวกันที่ไหน แต่พอจิ่งฝางบอกว่ายามนี้ดอกไม้แถวๆ ทะเลสาบนอกเมืองกำลังผลิบานสวยมาก เหยียนหลิ่วก็ออกมาเช่ารถม้า จากนั้นสองหนุ่มสาวก็นั่งรถม้าออกมานอกเมือง
เมื่อมาถึงริมทะเลสาบ ข้างทางเต็มไปด้วยต้นจื่อจิงฮวา(หงษ์ฟู่) ที่เรียงกันเป็นแถว พลันนั้น สารถีบังคับให้รถม้าหยุดวิ่ง
เหยียนหลิ่วช่วยตงตงยกของออกมาวางบนพื้นหญ้า ใต้ต้นจื่อจิงฮวาอันไม่ไกลจากทะเลสาบ
เขาปูเสื่อฟางก่อน จากนั้นค่อยปูผ้าผืนหนาทับอีกชั้นหนึ่ง
“เรียบร้อยแล้ว” ชายหนุ่มบอก
ตงตงยิ้มแย้มแล้วนั่งลงบนเสื่อ
ในที่ขณะหยิบกระบอกเก็บความร้อนออกมารินชาใส่จอก นางพูดกับเหยียนหลิ่วว่า “บรรยากาศดีอย่างที่พี่จิ่งฝางบอกเลย”
“อืม”
ชายหนุ่มตอบ พร้อมกับรับจอกชามาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
กลิ่นชาหอมๆ ทิวทัศน์เบื้องหน้าสวยงาม ทั้งยังมีคนรักนั่งเคียงข้าง เพียงเท่านี้เขาก็สุขใจมากแล้ว
ตอนที่ตงตงเปิดกล่องขนมที่หยูฮูหยินเตรียมให้ ครั้นเห็นว่าข้างในคือขนมเปี๊ยะไส้กุหลาบ สีหน้าของนางก็อ่อนโยนลงทันที
“ขนมเปี๊ยะไส้กุหลาบหรือ หยูฮูหยินรู้ได้อย่างไรว่าข้าชอบ” ตงตงพูดพลางหยิบขนมในกล่องออกมา
ขนมจากระบบร้านค้ามีมากมาย ทั้งขนมตะวันออกและตะวันตก แต่ที่ตงตงชอบมากที่สุดก็คือขนมเปี๊ยะไส้กุหลาบนี้
“อืม ชวนให้ข้านึกถึงเมื่อหกปีก่อน”
เหยียนหลิ่วว่า ดวงตาคมมองขนมเปี๊ยะในมือของนางอย่างลึกซึ้ง
“นั่นสินะ”
สำหรับคนอื่น ขนมเปี๊ยะไส้กุหลาบเป็นแค่ขนมราคาแพงนิดหน่อย แต่สำหรับเหยียนหลิ่วกับตงตง กลับเป็นขนมที่มีความทรงจำร่วมกัน
นั่นก็เพราะทำให้นึกถึงค่ำคืนหนึ่งเมื่อหกปีก่อน ในตอนที่เหยียนหลิ่วได้เงินเดือนก้อนแรก
…..
…..
หกปีก่อน
คืนนั้นขณะที่ตงตงกำลังเก็บของที่เพิ่งซื้อจากระบบร้านค้าอยู่ในห้อง หน้าต่างห้องของนางก็ถูกเคาะขึ้นเบาๆ
‘ตงตง เจ้านอนหรือยัง’
เสียงกระซิบของเหยียนหลิ่วดังขึ้นจากนอกหน้าต่าง
ตงตงแปลกใจมาก เพราะเขาไม่เคยมาในเวลาแบบนี้
ไม่สิ ปกติเหยียนหลิ่วจะเข้าออกทางประตู ไม่กล้าแอบย่องมาทางหน้าต่าง
ด้วยความสงสัย นางจึงรีบไปเปิดหน้าต่าง
‘พี่ชายหลิ่ว มาเวลานี้ มีธุระด่วนหรือ’
ดวงตาของเหยียนหลิ่วเหลือบมองซ้ายทีขวาที ทั้งสีหน้าของเขายังแสดงออกด้วยความเขิน
ตงตงรอคอยอย่างใจเย็น
สักครู่ เด็กหนุ่มก็ยื่นกล่องขนมมาให้ตงตง
‘ข้าซื้อขนมมาฝากเจ้า’
ริมฝีปากของตงตงเผยอเล็กน้อย ตั้งท่าจะถามว่า เอามาฝากเวลานี้เนี่ยนะ แต่เมื่อเห็นความตั้งใจของเด็กหนุ่ม ตงตงก็พูดไม่ออก
‘พี่ชายหลิ่วจะเข้ามาก่อนไหม’
‘ไม่เป็นไร ข้ายืนอยู่ตรงระเบียงได้’
ห้องนอนของตงตงมีระเบียงเล็กๆ ยื่นออกไป แม้ไม่ได้กว้างมาก แต่ก็พอให้เหยียนหลิ่วยืนได้ไม่ลำบาก
‘งั้นก็ได้’ นางตอบ
เหยียนหลิ่วยิ้มกว้างราวกับกำลังดีใจ
เห็นท่าทางดีใจของเด็กหนุ่ม ตงตงยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะเปิดกล่องขนมที่บนฝากล่องมีคำว่าฟู่จิน
ครั้นเห็นว่าในกล่องคือขนมเปี๊ยะไส้กุหลาบ ดวงตาของนางพลันเบิกโต
‘ขนมเปี๊ยะไส้กุหลาบจากร้านฟู่จินนี่น่า ได้ยินว่าต้องต่อแถวยาวตั้งแต่เช้ากว่าจะซื้อได้สักกล่อง พี่ชายหลิ่วไปต่อแถวซื้อมาหรือ’
‘เอ่อ…ข้าขอให้เขาทำให้ใหม่น่ะ’
‘เอ๊ะ?’
วันนี้เป็นวันแรกที่เงินเดือนออก เหยียนหลิ่วจึงไปต่อแถวซื้อขนมต้ังแต่เช้า แต่พอถึงคิวของเขา ขนมเปี๊ยะไส้กุหลาบก็ขายหมดเสียก่อน
ความตั้งใจของเหยียนหลิ่วคืออยากให้ตงตงได้กินขนมอร่อยๆ จากร้านขึ้นชื่อในเมืองหลวง เขาเลยอ้อนวอนให้เถ้าแก่ทำให้ใหม่
ขอร้องอยู่นาน เถ้าแก่ร้านฟู่จินถึงยอมทำให้
นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงมาหานางเสียดึก
‘มีอะไรหรือพี่ชายหลิ่ว’
‘ไม่มีอะไรหรอก’ เหยียนหลิ่วส่ายหัว ก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่อง ‘เจ้ากินขนมเปี๊ยะให้อร่อยนะ ข้ากลับละ’
‘ท่านก็กินด้วยกันสิ เอ้า!’
ไม่พูดเปล่า ตงตงยังหิบขนมเปี๊ยะหนึ่งชิ้นส่งให้เขา
‘แต่…’
‘กินหลายคนถึงจะอร่อยนะ’
เมื่อเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของตงตง เขาก็ไม่อยากปฏิเสธ จึงรับขนมเปี๊ยะมา
พอกัดไปคำแรกความหอมหวานและกลิ่นของกุหลาบอบอวลไปทั่วปาก แป้งบางกรอบร่วนกำลังพอดี
‘อร่อยจัง’
ตงตงกินไปยิ้มไป
ครั้นเห็นรอยยิ้มของสตรีในดวงใจ เหยียนหลิ่วก็ยิ่งรู้สึกมีความสุข
บรรยากาศยามดึกเงียบสงัดยิ่งนัก
ระหว่างกำลังยืนกินขนมกันอย่างเงียบเฉียบ ตอนนั้นเอง เหยียนหลิ่วหยิบถุงเงินออกมาแล้วยื่นให้ตงตง
‘อะไรหรือ’ นางถามด้วยสีหน้างุนงง
‘เงินเดือนเดือนแรกของข้า ข้ายกให้เจ้า’
‘ท่านเก็บไว้เถอะ ท่านยังจำเป็นต้องใช้ยิ่งกว่าข้าไม่ใช่หรือ’
‘เจ้าช่วยเหลือข้ามาตลอด ข้าไม่มีอะไรจะตอบแทนเจ้าได้เลย เพราะอย่างนั้นข้าเลยอยากให้เจ้าเก็บเงินนี้ไว้ อ้อ…ไม่ใช่แค่เงินก้อนนี้ จากนี้ตลอดไป ข้าจะยกเงินเดือนของข้าให้กับเจ้า’
ขณะที่ประกาศออกมาอย่างนั้น สีหน้าของเหยียนหลิ่วเต็มไปด้วยความแน่วแน่
ไม่รู้ทำไม หัวใจของตงตงถึงสั่นไหวขึ้นมา
เด็กสาวกระแอม ก่อนจะบอกออกไป
‘ข้าช่วยท่านไม่ได้หวังผลตอบแทน’
‘ข้ารู้ ถึงอย่างนั้น ข้าก็อยากให้เจ้าเก็บเงินไว้’
‘แต่นี่เป็นเงินที่ท่านใช้ความพยายามหามาได้ ท่านเก็บไว้ใช้เถอะ’ พูดแล้ว ก็ผลักถุงเงินคืนไป
ถูกปฏิเสธซ้ำๆ สีหน้าของเหยียนหลิ่วก็ยิ่งเศร้าซึม
ตงตงจนใจจึงรีบถุงเงินมาพลางว่า ‘คนเราอยู่ไม่ได้หรอกนะหากไม่มีเงินติดตัวสักแดง ดังนั้นข้าจะเก็บเงินเดือนท่านไว้ครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งท่านก็เก็บไว้ หากท่านไม่ยอมรับข้อตกลงนี้ ข้าจะไม่รับของจากท่านอีก’
‘แค่เจ้ายอมรับเศษเงินของข้า ข้าก็ดีใจแล้ว’ เหลียนหลิ่วยิ้มอ่อนโยน ทั้งยังลูบศีรษะเล็กๆ ของตงตง ‘ขอบใจนะ’
นางพยักศีรษะเบาๆ พร้อมกับหัวใจที่เต้นแรง
ภายใต้แสงจันทร์และแสงเทียนจากในห้อง เขามองดวงตาของคู่งามที่สั่นไหวของนาง
…..
…..
พอย้อนคิดถึงอดีต ตงตงรู้สึกว่า ครั้งแรกที่นางหวั่นไหวกับเหยียนหลิ่ว คงเป็นตอนที่ได้กินขมเปี๊ยะไส้กุหลาบในตอนนั้น
ครั้นเห็นหญิงสาวนั่งนิ่งอย่างเหม่อลอย เหยียนหล่วจึงเอ่ยทักว่า “คิดอะไรอยู่หรือ”
ตงตงดึงสติกลับมา สั่นศีรษะเบาๆ แล้วตอบ “ไม่มีอะไร แค่คิดว่าขนมเปี๊ยะไส้กุหลาบร้านฟู่จินอร่อยมาก กินเท่าไรก็ไม่เบื่อ”
“เห็นเจ้าชอบ ข้าก็ดีใจ”
ไม่พูดเปล่าๆ ริมฝีปากบางของชายหนุ่มผุดเผยรอยยิ้มอ่อนโยน
เห็นแบบนั้น ตงตงถึงกับหน้าแดงด้วยความเขินอาย
บทพิเศษความลับของตระกูลจาง หนึ่งวันหลังเสร็จสิ้นงานแต่ง จางไคเฮ่อนำชื่อของเหยียนหลิ่วเข้าทะเบียนราษฎร์ของตระกูลจาง นับจากนี้เหยียนหลิ่วจะกลายเป็นคนตระกูลจางเต็มตัว กลายเป็น ‘จางเหยียนหลิ่ว’ ล่วงเข้าสู่วันที่ห้าหลังจากที่ทั้งสองกลายเป็นสามีภรรยากัน เหยียนหลิ่วก็ถูกตงตงจูงมือพาลงไปที่ห้องใต้ดินของโรงเตี๊ยม “ภรรยา…ห้องใต้ดินเป็นความลับของตระกูล เจ้าแน่ใจหรือว่าข้าลงไปที่นั่นได้” เหยียนหลิ่วถามเพื่อให้ตงตงไตร่ตรองอีกครั้ง เหยียนหลิ่วรู้แค่ว่า ภายในห้องใต้ดินเป็นสถานที่เก็บสินค้าและสมบัติของตระกูลจาง กุญแจมีเพียงสองดอกเท่านั้น ดอกหนึ่งจางไคเฮ่อเป็นคนเก็บ และดอกหนึ่งเป็นของตงตง กระนั้น ตงตงกลับหันมายิ้มให้กับเหยียนหลิ่วด้วยสีหน้าสบายๆ “ตอนนี้ท่านเองก็เป็นคนของตระกูลจางแล้ว” “ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่…” “ในอนาคตท่านคิดจะหย่ากับข้าหรือ…หรือว่า…ท่านจะหักหลังตระกูลจาง?” “เรื่องนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด!” เหยียนหลิ่วตอบกลับอย่างหนักแน่น หย่ากันหรือ
บทส่งท้าย ฤกษ์แต่งงานที่เร็วที่ก็คือต้นเดือนหน้า นับวันดูแล้ว พวกเขามีเวลาจัดเตรียมงานไม่ถึง 1 เดือนด้วยซ้ำ ตงตงกับเหยียนหลิ่วจึงต้องตัดชุดแต่งงานกันตั้งแต่เนิ่นๆ เขียนบัตรเชิญส่งให้แขก กำหนดเมนูอาหาร และเริ่มซื้อข้าวของมาตกแต่งสถานที่ พอยุ่งอยู่กับการเตรียมงาน เผลอแป๊บเดียวก็เหลือเวลาอีกแค่ 2 วันเท่านั้น “ตงตง!” เสียงหญิงสาวอันคุ้นเคยดังหน้าประตูโรงเตี๊ยม ตงตงกำลังตรวจความเรียบร้อย หลังจากที่จิ่งฝางกับพวกเสี่ยวกวางแขวนโคมแดงเสร็จ รีบหันมองตามเสียงเรียกนั้น หานเจียเอ๋อร์ยืนยิ้มให้กับตงตง ข้างๆ หานเจียเอ๋อร์คือถังเหวินที่กำลังอุ้มลูกชายวัย 2 ขวบ ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อ 3 ปีก่อน หลังพิธีวิวาห์ สองเดือนถัดมา หานเจียเอ๋อร์ก็ตั้งครรภ์ทันที ถัดจากถังเหวินก็คือซานหลัวเฉินกับภรรยาที่เพิ่งแต่ง ครั้นเห็นคนคุ้นเคย ตงตงก็เดินยิ้มเข้าไปหาทุกคน “พวกท่านมากันแล้ว เข้ามาก่อนเจ้าค่ะ…อาหลงตัวน้อย สบายดีไหมจ๊ะ” เด็กน้อยวัย 2 ขวบพยักหน้าตอบ “อื้อ”
บทที่ 78ขอแต่งงาน 10 วันต่อมา ณ สำนักราชองครักษ์หลวง ทันทีที่กลับมาถึงเมืองหลวง เหิงเจากับเหยียนหลิ่วเข้าพบเสนาธิการเว่ยจ้ง รายงานเรื่องราวทั้งหมดตอนอยู่ป้อมปราการตะวันออก เมื่อเสร็จธุระหมดแล้ว เหยียนหลิ่วขอตัวกลับทันที ชายหนุ่มเดินบนถนนด้วยฝีเท้าเร่งรีบ เมื่อมาถึงโรงเตี๊ยมตระกูลจาง เห็นหญิงสาวในดวงใจยืนต้อนรับลูกค้าอยู่หน้าร้านพอดี เหยียนหลิ่วส่งเสียงเรียกหญิงสาวด้วยความตื่นเต้น “ตงตง!” เสียงเรียกของชายหนุ่มไม่เพียงดึงดูดสายตาของตงตง ยังเรียกความสนใจจากคนรอบข้างอีกด้วย ทว่า… สองหนุ่มสาวหาได้สนใจคนอื่นแต่อย่างใด ในสายตาของทั้งคู่มีเพียงกันและกันเท่านั้น “พี่หลิ่วกลับมาแล้ว!” ตงตงยิ้มกว้าง ก้าวยาวๆ เข้าไปหาชายหนุ่ม เมื่อระยะห่างของทั้งคู่ร่นลงจนไม่เหลือช่องว่าง เหยียนหลิ่วตอบกลับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้ากลับมาแล้ว” เหยียนหลิ่วไม่เพียงพูดเปล่าๆ สองมือใหญ่ยังโอบเอวบางของนาง แล้วยกร่างของนางขึ้นจากพื้นอ
บทที่ 77จู่โจมรวดเร็ว หลังจากหัวหน้าเผ่าฮุยรู้ข่าวเรื่องกองทัพสนับสนุนเดินทางมาถึงป้อมปราการตะวันออก พวกมันก็ไม่อยู่เฉย เคลื่อนทัพท่ามกลางความมืด รอจังหวะบุกโจมตีป้อมปราการตะวันออกอย่างไม่ให้แคว้นเฉียนรู้ตัว หากทว่า กลางดึกคืนเดียวกันนั้น ฟางอู่เซิงวางกองกำลังไว้ที่นอกป้อมปราการอย่างเงียบเฉียบ ทันทีที่แสงแรกมาเยือน หัวหน้าพลธนูที่ซ่อนตัวตั้งแต่กลางดึก ก็ได้ส่งสัญญาณมือให้โจมตี พลธนูที่ซุ่มบนต้นไม้นับสิบนายปล่อยศรพุ่งออกไป ฟิ้ว… “อึก!” “อั่ก!!” ทหารเผ่าฮุยที่ตั้งทัพเตรียมบุกป้อมปราการ ล้มกองบนพื้นทีละคนสองคนราวกับใบไม้ล่วงจากต้น เริ่มต้นสงคราม มองเผินๆ ฝ่ายที่ได้เปรียบอาจจะเป็นทางแม่ทัพฟางอู่เซิง แต่ทันทีที่เผ่าฮุยรู้สึกตัวว่าพวกมันถูกซุ่มโจมตี หัวหน้าเผ่าฮุยได้สั่งการและแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งให้หันกลับไปสังหารพลธนูของแคว้นเฉียน โดยใช้ศพของพวกเดียวกันเป็นเกาะกำบัง อีกฝ่ายหนึ่งทุ่มเทสุดกำลังทำลายป้อมปราการแล้วบุกเข้าไป “แทนที่จะล่าถอย แต่เลือกบุกต่
บทที่ 76กำลังเต็มร้อยด้วยอาหารอัดแท่ง วันต่อมา กองทัพของแม่ทัพฟาง หน่วยคุ้มกันเสบียงของเหิงเจา และหน่วยลอบโจมตีของเหยียนหลิ่ว เคลื่อนตัวออกจากเมืองหลวง เสบียงที่ทหารทุกนายพกติดตัวนั้น ส่วนใหญ่มาจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง นอกจากจะเป็นของแห้งที่เก็บไว้ได้นาน น้ำหนักเบา สารอาหารยังครบถ้วน ไม่เปลืองแรงเวลาต้องหอบหิ้วเวลาที่ต้องเดินทางไกลๆ แถมรสชาติยังอร่อย กินเท่าไรก็ไม่เบื่อ และต้องขอบคุณเสบียงจากโรงเตี๊ยมตระกูลจางเช่นกัน ทำให้การเดินทางมาถึงชายแดนตะวันออกเร็วกว่ากำหนดหลายวัน แม้ระหว่างทาง รถขนเสบียงจะถูกดักปล้น แต่ทหารทุกคนที่ได้กินธัญพืชอัดแท่งที่มีพลังงานสูง พวกเขาจึงปกป้องเสบียงหลวงเอาไว้ได้ โดยที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ในขณะเดินทางไกล เลี่ยงไม่ได้ท่ีจะมีล้มป่วยด้วยพิษไข้ แต่ด้วยยาเม็ดจากโรงเตี๊ยมตระกูลจาง กินเพียงสองเม็ด ไข้หวัดเล็กน้อยพลันบรรเทาลง พร้อมออกเดินทางต่อได้ทันที ไม่ต้องทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้วยเหตุนี้เอง ตอนมาถึงป้อมปราการตะวันออก เรี่ยวแรงของทหารทุกนายจึงยังล้นเหลือ พร้อมออกรบได้ทันที
บทที่ 75คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการ ครั้นพอได้ยินเสียงคุ้นๆ สองหนุ่มสาวที่พลอดรักกันอยู่หน้าบ้าน มองผู้มาเยือนที่ไม่ได้รับเชิญด้วยสายตาเอือมระอา “เข้าบ้านคนอื่นก่อนได้รับอนุญาต ใครกันแน่ที่หน้าไม่อาย” เหยียนหลิ่วบอกด้วยเสียงเย็นชา “แม้ว่าเป็นข้าอย่างนั้นหรือ พี่เหยียนหลิ่ว” เสียงหวานกังวานใสดังขึ้นที่หน้าประตู จากนั้นหญิงสาววัยสิบแปดรูปร่างหน้าตาสะสวย สวมใส่อาภรณ์หรูหราก็ก้าวเข้ามาในบ้าน สาวรับใช้ที่ยืนเท้าสะเอว ทำหน้ายักษ์มองมาที่ตงตง รีบกลับไปยืนข้างหลังหญิงสาวผู้มาใหม่ พร้อมเรียกฝ่ายนั้นว่า “คุณหนู” เหยียนหลิ่วขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจนัก “ถึงจะเป็นคุณหนูสามจากจวนเจ้ากรมพิธีการ ก็ควรเรียนรู้มารยาทสักหน่อย” ถูกชายหนุ่มที่ตัวเองชอบสั่งสอน ซูหลันหลัน…คุณหนูสามแห่งจวนเจ้ากรมพิธีการรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก หันไปขึงตาใส่ตงตงที่นั่งเงียบ เหยียนหลิ่วลุกขึ้น ใช้ร่างใหญ่โตของตนยืนบังตงตงหมายปกป้องหญิงคนรัก แม้จะรู้ว่าคุณหนูสามซูคนนี้จะไม่กล้าแตะต้องตงตงก็ตาม