Share

โคตรเลวที่รักเธอ
โคตรเลวที่รักเธอ
Author: Madam Hangover

ปฐมบท

last update Last Updated: 2025-12-10 23:45:24

[พาร์ท : ตะเข้]

“พ่อมึงจับได้ว่ามึงแอบดูดบุหรี่อีกแล้วดิ”

เพื่อนผมทักผมหลังจากที่ผมมาเรียนตั้งแต่เช้าอย่างสุดเซ็ง แสดงอาการไม่พอใจกระแทกกระเป๋านักเรียนแบบแบนที่ไม่มีหนังสือเรียนอยู่ในนั้นนอกจากซองบุหรี่ที่ว่างเปล่าลงกับเก้าอี้อย่างแรง

“เออดิ” ผมชูซองบุหรี่ที่โดนพ่อเผาทิ้งพร้อมขยะเมื่อเช้าให้พวกมันดูเป็นขวัญตา “ซองที่ห้า”

“มึงสิบสี่แล้วนะเว้ย อย่าให้พ่อมาคุมชีวิตมึงได้” เพื่อนผมหัสวเราะกันร่วน อาจเพราะบ้านของพวกมันพ่อแม่แทบไม่มีเวลามานั่งห้ามอบายมุขพวกนี้ ผมเคยรู้สึกแย่กับบ้านแบบนั้น แต่ตอนนี้ชักเริ่มอยากมีพ่อแม่ที่ไม่ค่อยว่างมานั่งจับผิดผมแบบนี้บ้าง “แค่บุหรี่เอง ใครๆ ก็ดูดกัน”

“เออ พ่อกูก็ดูด” ผมกระแทกตีนบนโต๊ะ เซ็งๆ เพราะวันนี้น้องชายฝาแฝดของตัวเองไม่มาโรงเรียนเพราะโดดเรียนไปอยู่กับเด็กที่บ้านของน้องคนนั้น (เห็นเปรยๆ ว่าผู้หญิงโทรมายั่วยวนบอกว่าพ่อแม่ไม่อยู่ทั้งวัน) ส่วนผมดิไม่มีเด็กอะไรทั้งนั้น

“หรือมึงจะไปไถจากพวก ม.4 - ม.5 ละ ไอ้พวกนั้นก็ดูดกันไม่ต่าง เผลอๆ จะได้ LM ซองแดงมาดูดปุ๋ยๆ ขำๆ” เพื่อนผมกระซิบ “พวกนั้นมันกลัวเราจนขี้แทบแหก”

“ไม่ถูกกับบุหรี่ลูกคุณหนูเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ขัดข้อง” ผมกระตุกยิ้มหยัน พวกคุณๆ ที่อ่านกันอยู่น่ะ ไม่รู้จักผมเหรอวะ เดี๋ยวจะบอกให้

ผมชื่อตะเข้ เด็กถิ่นรอบด่านแบบชนิดที่ว่าใครอย่ามาแตะ เฟสบุ้คที่ผมมีค่อนข้างดังมากในสมัยนี้ ผู้ติดตามหลักพัน พ่อผมติดตามผมอยู่ (ผมไม่รับแอดพ่อตัวเอง เพราะอะไรก็น่าจะรู้กันอยู่) พ่อบอกอย่าให้ผมเอาเฟสไปให้แม่ดูไม่งั้นแม่จะหัวใจวาย แต่ต่อหน้าแม่ผมก็ทำเป็นเด็กดี

จะให้แม่รู้ไม่ได้ว่าตอนอยู่โรงเรียนผมแม่งเกเรขนาดไหน ไม่งั้นแม่จะบ่นจนน่ารำคาญ เพราะแม่ผมนั้นเรียบร้อยสุภาพสตรีเกินกว่าใคร เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่สยบพ่อผมจนแทบกราบไหว้เช้าเย็น เชื่อไหมว่าผมเคยต่อยเพื่อน ม.1 จนหน้าแหกตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเรียน ห้องปกครองต่อสายตรงโทรหาแม่มา แล้วแม่ก็นั่งบ่นผมอยู่ตรงนั้นได้สองชั่วโมงเต็ม

เพราะผมตัวใหญ่กว่าเด็ก ม.2 ทั่วไป ผมเลยโดนตั้งเป็นหัวหน้าแก้ง แก้งเรามันชื่อว่าเด็กเปรต ที่เปรตสมชื่อ ฉายานี้ได้มาจากความเหี้ยของผม ไม่ว่าจะเป็นแอบจุดประทัดในห้องน้ำอาจารย์ ทิ้งก้นบุหรี่ลงกลางจานข้าวของอาจารย์ ไม่นับเรื่องต่อยตีเป็นนิจ แถมยังแหกกฎโรงเรียนเป็นว่าเล่นจนโดนเรียกเข้าห้องปกครองถี่ยิบ

ส่วนเรื่องไถตังค์รุ่นพี่รุ่นน้องอันนั้นไม่นับ ก็รุ่นน้องกำลังขัดสนรุ่นพี่ก็ต้องช่วยดิจริงปะ

เด็ก ม.5 กลัวผมกันหัวหด

ส่วนน้องผม ไอ้กระทิง มันเป็นเสือผู้หญิง สิบสี่แล้วแต่ฟันเด็กไปทั่ว นับว่าความเหี้ยมันมาตกอยู่ที่เราสองแฝดอย่างเดียวจริงๆ พวกตัวที่มันจัดจ้านไม่ได้เท่ามันเลยชอบนินทาลับหลังผมว่า ไอ้คู่แฝดนรก

บ้านผมมีกันสามคนพี่น้อง พี่สาวคนโตตอนนี้เรียนมหาลัยเพราะอายุมากกว่าเราหลายปี เธอเป็นคนอยู่ในร่องในรอยตามที่พ่อแม่ต้องการ แต่ไม่ค่อยกลับมาบ้านหรอก ติดผู้ชาย ถึงจะเรียนดียังไงก็เหอะ

ผมรู้ว่าพวกเราแม่งจิ๊ด เอาจริงๆ ที่เกเรเพราะผมก็อยากโชว์สาวด้วยส่วนหนึ่ง ส่วนไอ้กระทิงมันหน้าม่อ แต่ใจมันป๊อดจะตายห่า ได้เวลาตีกับโรงเรียนอื่นทีไรมันหายหัวตลอด

เอาจริงๆ ปะ

เคยมีคนบอกว่าผมเหมือนพ่อตอนเด็ก

ผมไม่อยากเหมือนไอ้หนวดนั่นหรอก สภาพพ่อผมไม่น่าจะเคยเฟี้ยวอย่างผมได้ขนาดนั้น

ไอ้คนที่มันชอบเอากรรไกรตัดขนจมูกตัดแท่งบุหรี่ผม เผาบุหรี่ผมทิ้ง เผาหนังสือโป๊ผม เวลาผมโดนเรียกผู้ปกครองก็ต้องเป็นคนมานั่งฟังแล้วตบหัวผมประกอบกับประโยคบ่นแกมด่าของอาจารย์

ผมไม่อยากเหมือนมันหรอกรู้ปะ

พ่อผมกับผมไม่ถูกกันเอามากๆ มีคนบอกผมเหมือนพ่อ แต่คนแบบไหนที่พังมอเตอร์ไซค์ลูกไปขายให้อู่แถวบ้าน พ่อบอกมอเตอร์ไซค์ผมแต่งจนเกินหน้าเกินตาไป พ่อไม่โอเค กลัวตำรวจตามมาจับแล้วจะเสียชื่อปู่

ไม่ตลกโว้ย!

คอยดู กูจะไถตังค์เด็ก ม.5 มาแต่งรถใหม่!!

“เดี๋ยวนี้ไอ้ทิงไม่ค่อยกลับบ้าน มันไปไหน?”

“พ่อก็โทรถามมันดิ เข้จะรู้ปะ” ผมตอบพ่อที่นั่งดูทีวีอย่างกวนประสาท หลังจากกลับมาจากโรงเรียนผมก็นั่งเล่นเกมมือถืออยู่ที่บ้านจนพ่อที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านช่วงเย็นโพล่งขึ้นมาเมื่อไม่เห็นหัวไอ้กระทิงแฝดผม พ่อบอกให้ผมอยู่บ้านก่อนค่อยออกตอนทุ่มนึง ผมแม่งอย่างเซ็ง นั่งเล่นเกมจนเปื่อย

“ไม่ใช่ว่ามันไปหาหญิงอีกหรือไง มึงเป็นแฝดกันมึงต้องรู้” ผมเหลือบสายตาไปมองพ่ออย่างเซ็งๆ จะบอกอะไรให้ไหม พ่อผมเขารักลูกไม่เท่ากัน ทีพูดกับพี่สาวผมนะ ร็อคอย่างนั้นร็อคอย่างนี้ ทีพูดกับพวกผมแทนตัวลูกชายว่ามึง คือไรวะ

ชีวิตพ่อไม่เคยลำเอียงอะไรมั่ง

“มันจะไปหาใครเกี่ยวอะไรกับเข้อ่ะ”

“แต่มันไม่กลับบ้านมาสองวัน อย่าคิดว่ากูเลี้ยงพวกมึงตามใจแล้วจะทำอะไรก็ได้นะไอ้เข้” พ่อชี้หน้าด่าผมอย่างจริงจัง “ถือว่ามึงเป็นพี่ มึงควรจะเตือนน้องว่าอย่าให้มันงามหน้ามากเกินไป”

“พ่อรู้เหรอว่ามันไปไหน” ผมทำทีเลิกคิ้วถาม

“กูรู้หมด” พ่อกอดอกตอบกลับผม “ไปหาน้องพลอยที่แฟลต”

“เฮ้ย” ผมตบมือให้พ่อ “เจ๋ง”

“เป็นไง” พ่อยักคิ้วให้ผม ผมกับพ่อเป็นพวกที่เหมือนจะเข้ากันได้ก็ไม่เชิง จะเข้ากันไม่ได้ก็ใช่ ที่ผมเป็นเด็กมีปัญหาส่วนหนึ่งก็เพราะพ่อเลี้ยงมาแบบห่ามๆ ให้ลองผิดลองถูกเอง ปล่อยจอย แต่มันก็จบที่พ่อที่คิดไปเองว่าสนิทกับลูกตบหัวผมแล้วไล่ผมออกจากบ้าน “เพราะงั้นมึงไปตามไอ้ทิงมาคุยกับกูให้ได้ก่อนคืนนี้ แล้วจะไสหัวไปแว๊นที่ไหนมึงก็ไป”

“พ่อจะบอกแม่ปะ” ผมถามแบบนั้น พ่อตามใจผมอยู่แล้วถ้าช่วงนี้ผมเป็นเด็กดี

“ถ้ามึงกลับก่อนเที่ยงคืนกูจะไม่บอก”

เอาจริงๆ พ่อกับผมก็ไม่ได้ไม่ถูกกันเหมือนพ่อกับพี่เพลงสมัยก่อนซะทีเดียว พ่อแค่เป็นทาสแม่ แม่กำชับเด็ดขาดไม่ให้ผมดูดบุหรี่เพราะผมดูดบุหรี่ให้แม่เห็นตอน ม.1 (ตอนกำลังหัดเฟี้ยว) พ่อเลยต้องเข้ามาคุมเพราะเป็นผู้ชายเหมือนกัน

แม่ผมไม่ใช่คนดุ ออกจะใจดี อ่อนหวาน แต่ขี้บ่นเป็นบ้า ทำอะไรนอกลู่นอกทางหน่อยไม่ได้ บ่นยังกะช้างล้ม

ที่ผมบอกว่าผมไม่ชอบพ่อ เพราะพ่อชอบกวนตีน ห้ามดีๆ ไม่เป็น ต้องตัดทิ้งไม่ก็เผาทิ้ง ไม่ก็ทำร้ายร่างกายลูกตัวเอง (ตบหัว ตบหน้าอะไรแบบนี้ เรียกว่าเลี้ยงด้วยลำแข้งของจริง)

เอาจริงๆ ที่ผมเกเรส่วนนึงเพราะพ่อเลี้ยงแบบนี้ คือเขาไม่มีวินัยในตัวเองอะจบปะ เหมือนพอเป็นลูกผู้ชายจะทำไรก็ทำ เรื่องของมึง

ที่ให้ผมไปตามไอ้ทิงวันนี้เพราะแม่ถามมาใช่ไหมละ ผมรู้หรอกน่า พ่อแม่งไม่เฟี้ยวอ่ะ ต้องมาแพ้ให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างแม่

ผมจะไม่มีจุดจบแบบนั้นเด็ดขาด

บรืน!

“กลับมาก่อนเที่ยงคืนนะไอ้เข้ อย่าให้กูต้องโทรตาม!”

พ่อตะโกนไล่หลังตอนที่ผมถอยเวฟที่เหลืออยู่ออกไป ไม่เท่ไม่เฟี้ยวเอาซะเลย คันเก่าผมมันเอ็มเอสเอ็กซ์แต่งจัดเลยนะเว้ย แล้วต้องมาขับเวฟเก่าของพ่อไปตามไอ้ทิง

แม่งไม่คูลเลยอะ

ผมกดโทรหาเพื่อน เพราะวันนี้จะไปแว๊นซิ่งตอนกลางคืนกับพวกรุ่นพี่แถวมหาวงศ์

[โหล]

“ออกมาเลยไอ้สัส กูจะไปตามไอ้ทิงที่แฟลตแล้วจะตามมึงไปมหาวงศ์” ผมพูดกับเพื่อน แล้วมันก็หัวเราะ

[มึงตามไอ้กระทิงกลับบ้านเหรอวะ เด็จพ่อสั่งเหรอไง]

“นิดนึง”

[เออ ไปส่งมันแล้วเดี๋ยวกูไปรอที่มหาวงศ์]

ติ๊ด

ผมกดวางแล้วซิ่งไปแฟลตทหารเรือ บ้านเด็กไอ้ทิงอยู่ที่นั่น ผมโทรหามันแล้วโทรไม่ติด เลยโทรระหว่างขับรถอย่างเซ็งๆ

ต้องไปส่งมันที่บ้านอีก โคตรเบื่อ

ติ๊ด

[โทรมาทำไมวะไอ้เข้ กูอยู่กับน้องพลอย!] มันกดรับทันทีเพราะรู้ว่าเป็นผม ไอ้กระทิงมันอยู่กับเด็กมันเห็นไหม ถึงมันไม่บอกแต่ใครก็ดูออก ขนาดพ่อยังดูมันออกเลย

“พ่อเรียกคุย ไปเลยมึง” ผมพูดแค่นั้น “กูมีหน้าที่โทรแค่นี้แหละไอ้สัส เดี๋ยวไปรับ”

[เฮ้ย เดี๋ยว] มันเบรก [พ่อเรียกเหรอวะ]

“เออ สงสัยแม่ถามหาว่ามึงหายไปไหน พ่อเลยมาตามมั้ง” ผมแอบนินทาพ่อตัวเอง “มึงก็รู้ พ่อแม่งทาสแม่แบบเต็มสูบ”

[เชี่ย ซวยแล้ว พ่อแม่งรู้เรื่องพลอยแล้วแหง]

“รู้นานล่ะไอ้เตี้ย”

[มารับกูเลย แต่งตัวแปป] มันพูดกับผมแล้วหันไปบอกกับน้องพลอย [พลอย เลิกกันนะ ได้กันแล้ว พ่อพี่เรียก...]

ติ๊ด

ผมพ่นลมหายใจ บอกเลิกเด็กหลังฟันอีกละ เมื่อไหร่แม่งจะเลิกสันดานนี้ซะทีวะ

จะไปด่าแม่งก็ไม่ได้ เพราะผมก็สันดานนี้เหมือนกัน

ผมแทบเบรกเมื่อขับผ่านเด็ก ม.4 คนนึง สวย แต่ให้ทำไง ต้องไปรับไอ้ทิงอีก ไม่มีเวลาเหล่สาวแถวนี้

“ไปไหนครับ!” ผมทักรุ่นพี่สุดสวย เธอเงยหน้าขึ้นมามอง พอเห็นว่าเป็นผมที่แว๊นผ่านไปก็จูงมือเพื่อนเดินหนีกันอย่างว่องไว

เด็กแว๊นอย่างผมแม่งฮิตอยู่นะ โดยเฉพาะเด็ก ม.1 อ่ะ

ม. อื่นมองผมเป็นแค่เด็กแว๊น

ไม่รู้ว่ะ ไปรับไอ้กระทิงก่อนละกัน เรื่องผู้หญิงยังไม่ใช่เรื่องที่ผมโฟกัสสักเท่าไหร่

ชีวิตวัยรุ่นตอนนี้แหละที่แม่งมันส์กว่า!

“พ่อว่าไงมั่งวะ”

ไอ้กระทิงถามผมระหว่างที่กำลังซ้อนรถกลับบ้าน มันบอกน้องพลอยร้องไห้หนักมากหลังจากมันบอกเลิกไป แต่มันเจอคนใหม่แล้ว รอฟันอยู่เลยไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่

หน้าหล่อไม่พอดันเหี้ยด้วย น้องผม

“พ่อบอกกลับไปมึงเละเป็นขี้แน่”

“เชี่ย”

“กูล้อเล่น”

“ไอ้เข้!” ไอ้กระทิงตะคอกใส่หูผม “กูกลัวนะเว้ย มึงอย่ามาล้อเล่นตอนนี้ดิ๊”

“มึงจะกลัวพ่อทำไม พ่อแม่งไม่เห็นมีไรเลย”

“มึงไม่เคยเห็นตอนพ่อโกรธ” ไอ้ทิงพูดกับผม มันมีท่าทางขนลุกขนพองสยองเกล้า “โคตรน่ากลัว กูจำได้เลยตอนตบหน้าพี่เพลง”

“กูจำไม่เห็นได้” ผมพูดว่างั้น ที่มันบอกคือมันจำได้ตอนมันเจ็ดขวบไรสักอย่าง แต่ตอนนั้นผมแม่งลืมหมดล่ะว่าเคยมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง รู้แค่พ่อเคยเล่าว่าตอนเด็กๆ พี่สาวผมต่อต้านพ่อหนักมาก

แต่มาดูตอนนี้ดิ ย้ายไปอยู่กับผัว กลับมาทีไรพ่อแม่รักยังกะเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้าน

รำคาญชิบ

“พ่อไม่เคยตีเรา มึงจะกลัวไปทำเหี้ยอะไร”

“แล้วถ้าพ่อตีอ่ะ” ผมนิ่งไป หันไปมองข้างหน้า แล้วฉีกยิ้มกว้าง

“ก็เผาบุหรี่พ่อดิวะ เหมือนที่พ่อทำกับกูไง!”

พ่อหลอกผม!

“มึงนั่งเลยทั้งคู่” ทันทีที่ถึงบ้าน แทนที่พ่อจะเทศนาไอ้กระทิงแล้วปล่อยผมไปจอยตี้มหาวงศ์ต่อกับเพื่อนๆ และรุ่นพี่ พ่อกลับเรียกทั้งผมและไอ้กระทิงมานั่งด้วยกันที่โซฟาที่ห้องนั่งเล่น

“อะไรอีกอะ” ผมโพล่งขึ้นมา ไอ้กระทิงนั่งก้มหน้า ไอ้นี่มันกลัวพ่อจนหัวหด ไม่รู้จะกลัวไปทำไม ก็แค่ตัวใหญ่ แค่ไว้หนวดรกเฟิ้มเหมือนพวกโจรป่า ก็แค่สักทั้งตัวเอง ผมยังไม่กลัวเลย

“แม่ให้ตามพวกมึงมาคุยด้วย” พ่อพูดกับพวกผม มองหน้าไอ้กระทิงอย่างคาดคั้น แต่ผมก็ไม่รู้นะว่าผมเกี่ยวอะไรด้วย

“พ่อ เข้ไม่เกี่ยวปะ เข้จะไปมหาวงศ์” ผมขัดใจเลยโพล่งขึ้นมา

“แม่ไม่ให้มึงไป”

“โห่เอ้ย”

“แล้วมึงไปหาน้องคนนั้นที่แฟลตทำไมไอ้ทิง พ่อแม่เค้ารู้เรื่องไหม” พ่อหันมาเค้นน้องชายฝาแฝดผมต่อ เรื่องพวกนี้ไม่รู้พ่อจะแอบคุยกับพวกผมทำไม สงสัยเพราะแม่ผมรู้แค่เรื่องที่ผมกลับดึกกับไอ้กระทิงที่ชอบไปนอนค้างบ้านเพื่อน แต่ไม่เคยรู้รายละเอียดปลีกย่อย

เพราะพ่อไม่บอก เขาบอกกลัวแม่ผิดหวังในตัวเราจนร้องไห้

ก็ดี เอาจริงๆ ผมก็ขี้เกียจฟังแม่บ่นเหมือนกัน

“น้องเค้าอยู่คนเดียวพ่อ” ไอ้กระทิงตอบเสียงอ่อน

“มึงจำเป็นต้องไปหาไหม เด็กเดี๋ยวนี้พ่อแม่ปล่อยอยู่คนเดียวเยอะแยะ”

“ก็น้องพลอยมันแรด พ่อจะไปสนใจทำไมอ่ะ” ผมโพล่งขึ้นมาเพราะรู้จักเด็กทุกคนของไอ้กระทิงทั้งนั้น บางคนก็ไปให้ท่ามันเองด้วยซ้ำ ไอ้กระทิงมันก็แค่เด็กวัยรุ่นวัยสะออนไม่ใช่พระไม่ใช่เจ้าสักหน่อย “ถึงไม่มีไอ้ทิงไปนอนสักวันก็ต้องเละอยู่ดี”

“มึงพูดแบบนี้กับเพศแม่ไม่ได้นะไอ้เข้”

“ก็มันเรื่องจริง” ไอ้กระทิงหันมามองหน้าผมแล้วเบ้หน้า มันคงกลัวพ่อจนขี้แทบเล็ด เลยอยากให้ผมพูดแทนมัน โชคร้ายจริงๆ ที่เสือกเป็นแฝดกับไอ้ขี้ป๊อดอย่างนี้ ผมเลยตีหน้าเซ็ง “พ่อห่วงเรื่องอะไร”

“มึงใส่ถุงมั้ยไอ้ทิง” พ่อถามตามตรง

“ไม่ได้มีไรกันพ่อ” เสียงไอ้ทิงค่อยมาก “ทิงแค่ไปนอนบ้านน้องพลอย แค่จับมือกันหนุงหนิง”

“อ่อเหรอ”

“พ่อทำงี้ไม่ใช่ไหม” ผมยังต่อต้านไม่เลิก “เข้มีนัดที่มหาวงศ์ เพื่อนเข้มาแล้วเนี่ย ปล่อยได้ยัง”

“มึงจะไปได้ยังไง น้องมึงต้องโดนสอบปากคำ มึงเป็นพี่ชายมึงต้องอยู่ฟังด้วย”

“พ่อเป็นตำรวจหรือไง? ไม่รู้อะผมไม่เกี่ยว ก็สอบปากคำไอ้ทิงไปคนเดียวดิ” ผมพูดแล้วลุกขึ้นดึงกางเกง พ่อผมเบรกไว้ด้วยคำพูด

“เดี๋ยว มึงได้เสพอะไรไหม?”

“เสพอะไรพ่อ”

“เดี๋ยวนี้เนื้อฮิตในหมู่เด็กมัธยม หวังว่ามึงคงไม่ได้ไปเสพอะไรพวกนี้จากเพื่อน” พ่อคงหมายถึงกัญชาใช่ไหม ผมแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง

“เนื้ออะไรอะพ่อ เพื่อนผมไม่มีหรอกของแบบนั้น”

“พูดจริงไหม”

“ผมแว๊นแค่นั้นอะ ยาเสพติดไรผมไม่ยุ่ง” ผมฉีกยิ้ม เห็นไอ้กระทิงมองหน้าผมเหมือนอยากให้ผมอยู่ต่อเพื่อต่อปากต่อคำกับพ่อแทนมัน แต่โทษที สู้ต่อไปนะไอ้น้องเลิฟ ผมขอผ่าน

“ถ้ามึงเสพ พ่อคงพูดอะไรไม่ได้มากนอกจากจะไล่มึงออกจากบ้าน”

“โอเคพ่อ”

ผมรับแค่นั้น แล้วรีบเดินหนีออกไปจากบ้านทันที

ใครๆ ก็รู้

เพื่อนผมมันเล่นอยู่

ผมมาที่มหาวงศ์ เจอหน้าเพื่อนที่คุ้นหน้าคุ้นตากัน แล้วแท็กมือกันอย่างคุ้นเคย

“ไงมึง”

“วันนี้มาแว๊นกับเด็กถิ่นไหน”

ผมถามเพื่อน เพราะถึงจะอายุสิบสี่แต่เราแม่งก็แสบพอตัว ไม่ค่อยเรียน แถมยังหาเรื่องชกต่อยกับคนอื่น ดูมันเลวร้ายในสายตาคนอื่น แต่พอได้มาใช้ชีวิตแบบนี้จริงๆ มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น

มันก็สนุกดี

“ถิ่นพี่บอม พี่บอมเค้าขายกัญชาสามถุงสามร้อย” มันพูดแล้วตบบ่าผม “มึงเอาปะ กูสอนดูด”

“ยังไม่เอาว่ะ กูไม่ชอบเล่นยา” ผมตอบปัด เอาจริงๆ ผมไม่ได้รู้สึกว่ายาเป็นเรื่องแย่เหมือนที่พ่อเตือน แค่ผมไม่ชอบวิธีการเสพของมัน เลยยังไม่อยากลองสักเท่าไหร่ มีแค่ดูดบุหรี่ที่เพื่อนผมสอนเท่านั้นที่น่าลองกว่า “กูขอซี๊ดบุหรี่ให้เป็นก่อน”

“แล้วมึงคิดจะเล่นตอนไหน ยิ่งนานยิ่งแพง” มันแนะนำ ผมเลยชะงักไป

“ตอนอายุสิบแปด” ผมมั่นใจโคตรๆ เลย “คงไม่มีใครมาว่ากูได้”

ถ้าสิบแปดมันบรรลุนิติภาวะ งั้นผมก็เล่นยาได้

ตำรวจสาวไม่ถึงหรอก แถวนี้ตำรวจแม่งก็พวกเดียวกัน

จนอายุสิบหก ผมซ้ำชั้นอยู่ ม.3 มาปีนึง พ่อเริ่มเตือนผมเรื่องที่ผมเหลวไหล แต่เพราะผมวัยรุ่นสุดๆ เลยไม่คิดที่จะฟัง

ผมบอกเพื่อนว่าสิบแปดผมจะติดยา แต่จริงๆ แล้วพออายุสิบหกผมก็เริ่มเล่นเนื้อตามเพื่อน เริ่มไม่สนใจแฝดน้องอย่างไอ้กระทิงแล้วใช้ชีวิตเป็นของตัวเองจนอยู่ไม่ติดบ้าน

เนื้อหรือกัญชา พอดูดแล้วทำให้ลอย ใครลองมาวิจารณ์ดิ ผมแม่งเล่นเละหมดอ่ะ

ชีวิตผมแม่งเหลวไหลมากช่วงนี้ แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันดี

จนวันนึงที่พี่กรที่ผมรู้จัก มันเป็นนายหน้าขายยา เด็กวงในจะรู้จักมันดี วันนั้นหลังสุมหัวผมกลับบ้านไปก่อนตอนดึกๆ เพราะแม่โทรตามเลยทำตัวเป็นเด็กดี แม่ผมเตือนพ่อเรื่องไม่ให้ผมออกไปเที่ยวเหลวไหลอีก แต่ก็ไม่เคยสำเร็จ

แล้ววันนั้นตำรวจก็ขึ้นมารวบตัวพวกพี่กรถึงบ้าน หลังจากที่รวบตัวเพื่อนผมที่ไม่เกี่ยวกับยาเสพติดไว้เป็นแพะแล้วมันรู้จักเลยสาวเรื่องมาถึงพี่กร

ผมถึงรู้ว่า ในโลกนี้มันมีตำรวจหลายแบบ

แล้วตำรวจหลายแบบก็เสือกทำงานด้วยกันอีก เลยเละเป็นข้าวต้มอย่างที่เห็น

ผมโชคดีที่กลับมาบ้านเลยไม่ถูกรวบ หลังจากนั้นเลยบอกกับเพื่อนว่าผมจะเลิกติดยา เลยเลิกกัน ลาขาดตั้งแต่วันนั้น

พ่อแม่ผมไม่รู้เพราะผมไม่ได้เล่าอะไร ที่เล่ารวบยอดคือตอนนั้นผมรู้แค่ตัวเองฝ่ายเดียว ไม่มีใครมารู้กับผมด้วย

จนอายุสิบเจ็ด ผมก็โดนไล่ออกเพราะซ้ำชั้นบวกกับความประพฤติเหลวไหล

ตั้งแต่สิบห้าที่พ่อไม่เคยเรียกมาคุย จนวันนี้พ่อเริ่มเรียกมาถามจริงจังถึงชีวิตของผม เพราะพ่อไม่เคยใช้สายส่วนตัวตามชีวิตแฝดสองอย่างพวกเรา ตามแต่พี่สาวผมอย่างเดียว ตามประสาคนเป็นพ่อที่ห่วงลูกสาว

ไม่แปลกที่พ่อจะไม่รู้ แต่พอสังเกตได้จากสีหน้า

“กูว่าถึงคราวที่กูต้องไล่มึงออกจากบ้านให้ไปใช้ชีวิตเองจริงจังแล้ว” พ่อพูดกับผมในวันนึง “มึงจะได้รู้ว่าโลกมันกว้างใหญ่กว่าที่มึงคิด”

ผมเงียบไม่เถียงอะไร

“แม่ขอไว้ไม่ให้มึงออกจากบ้าน แต่มึงรู้ใช่ไหมไอ้เข้ ว่าแม่ไม่ได้ตามติดพวกมึงเพราะฝากให้กูดูแล แล้วพวกมึงก็เป็นแบบนี้”

“...”

“มึงโดนไล่ออกจากโรงเรียน มึงจะเรียนอีกไหม กูขอถาม”

“ไม่พ่อ ไม่อยากเรียน” ผมตอบไปตามตรง เพราะไม่ได้อยากเรียนต่ออยู่แล้ว “ผมอยากทำงานโรงงาน เพื่อนผมก็ทำ”

“ได้”

“...”

“แต่ถ้าทำไม่ถึงเดือนแล้วออก มึงต้องกลับไปเรียน”

เป็นอย่างที่พ่อพูดไว้ เหมือนฟ้าสั่งมา

ผมทำงานโรงงานไม่ถึงเดือนจริงๆ เพราะพอทำตามเพื่อน ผมมันก็ไอ้ตัวอู้งาน โดดงานไปเที่ยวกับเพื่อนบ่อยๆ ไม่มีวุฒิภาวะตามอายุที่โตขึ้น แต่พอดีเพื่อนมันได้บรรจุแล้ว แต่ผมเป็นพนักงานใหม่

ผมเลยถูกไล่ออก

ผมมายืนอยู่ต่อหน้าพ่ออีกครั้งในวันนี้ เห็นพ่อมองมาด้วยแววตาเหมือนรู้ว่าแม่งจะจบแบบนี้ เหมือนรู้ดีอยู่แล้ว

“มึงโดดงาน” พ่อพิพากษาผมเสียงเข้ม “เลยถูกเด้ง?”

“เพื่อนผมก็โดดนะพ่อ” ผมแก้ตัวพัลวัน แต่เหมือนแก้ให้มันแย่กว่าเดิมมากกว่า

“มึงรู้ใช่ไหม เราตกลงอะไรกันไว้”

“ก็รู้”

“...”

“แต่ผมไม่อยากเรียน เรียนไปแล้วได้อะไรอะ ไม่เห็นได้ไรเลย” ผมย้อนถามพ่อ จริงปะ ผมเห็นไอ้พวกเรียนสูงๆ จบไปตกงานก็เยอะแยะ “ทีพ่อยังไม่เรียนเลย”

ใช่ พ่อก็เรียนไม่จบอาชีวะเหมือนกัน แถมได้ข่าวว่าตอนนั้นก็ไม่ได้ต่างไปจากผมเลย

“แล้วมึงทำงานได้ไหม ถามหน่อย”

“...”

“อย่าเอากูไปเทียบกับมึง กูผ่านอะไรมามาก กูทำงานตั้งแต่อายุสิบห้านะ” พ่อย้อนกลับมาอีก ผมเลยสะอึกแล้วพูดอะไรไม่ออก เพราะมันก็จริงของพ่อ “ถ้ามึงไม่ไปเรียนก็ต้องอยู่บ้าน”

“...”

“มึงอยู่ได้เหรอ วันๆ ไม่ทำอะไร”

อยู่ได้ดิวะ

ผมคิดในใจ ใครมันจะอยู่ไม่ได้อะ อยู่บ้านสบายๆ ไม่ต้องทำเหี้ยอะไรเลย งานก็ไม่ต้องทำ นอนผลาญเงินพ่อแม่ไปวันๆ

เอาน่า พ่อก็ยังไม่แก่มาก หาเงินให้ลูกชายเลวๆ ใช้ไหวอยู่แล้ว

“ตกลงยังไง”

“อยู่ได้พ่อ” ผมตอบ แล้วพ่อก็กระตุกยิ้มกริ่มออกมาทันที

“แล้วมาดูกัน ว่าไอ้หัวแข็งอย่างมึงจะทนอยู่บ้านไปได้สักกี่เดือน”

พ่อพูดอะไรวะ ผมแม่งไม่เข้าใจเลย

อยู่บ้านมันไม่ดีหรือไง? ดีจะตาย ผมเบื่อการเรียน ไม่ต้องเรียนแถมงานก็ไม่ต้องทำ

วันนี้ผมออกไปหาหญิงดีกว่า

ผมตัดสินใจแต่งตัวออกจากบ้านไปหาหญิงแถวมหาวงศ์ที่เดิมที่เดียวในใจ สเปคผมคือชอบแบบสก๊อยๆ หน่อย เพราะเข้าใจในความเป็นผมดี ไม่เถียงอะไรมาก ได้ก็ได้กันง่ายๆ

เรียกว่าสังคมแบบผม ผู้หญิงแบบนี้แม่งฮอตฮิตติดชาร์ต

ผู้หญิงแบบอื่นผมไม่เคยเห็น แต่คิดว่าคงไม่เฟี้ยวเท่า

อีกอย่างสก๊อยแม่งไม่เรียนกัน มีเวลาคลุกกับผมทั้งวัน

ผมเริ่มคบกับผู้หญิงคนนึง ชื่อตี้ เราคบกันแล้วผมไปบ้านเธอบ่อย (ไปเพื่อไปได้กัน) แล้วก็วนกลับมาบ้าน ติดต่อเพื่อนไม่ได้เพราะแม่งติดเรียนกันหมด โทรหาใครมันก็เรียน พวกที่ไม่เรียนก็ทำงาน

ผมเลยมีแค่ตี้ ที่อยู่กับผม

“ตี้ ถ้าวันนึงตี้ไม่อยู่เค้าจะอยู่ยังไง” ผมพูดกับตี้ในห้องส่วนตัวเท่ารังหนูของเธอ ตี้มันอยู่คนเดียวเพราะพ่อแม่ไม่เลี้ยง ผมเลยมานอนกับมันบ่อยๆ

“เข้ก็อยู่ได้ เดี๋ยวเข้ก็เจอเมียใหม่”

“เค้าไม่ลืมตี้หรอก เค้ารักตี้” ผมพูดแล้วกอดร่างบางในชุดสายเดี่ยวกางเกงขาสั้นติดตูดเอาไว้แน่น

ผมจะคบตี้จนกว่าเราจะแต่งงานกันเลย

แต่แล้ววันนึง ตี้มันก็ไปมีผัวใหม่ระหว่างที่คบกับผม เราเลยต้องเลิกกัน

ผมเพ้อลงเฟสทุกวัน ความรักแม่งไม่มีจริง ผู้หญิงเหี้ยทุกคนอะ หลอกให้รัก หลอกฟันแล้วไปมีผัวใหม่ ส่วนผมก็ไม่ได้เชิงฟันผู้หญิงแล้วทิ้ง เพราะจริงๆ แล้วผมก็ค่อนข้างอ่อนประสบการณ์เรื่องความรัก แค่พูดให้เท่ไปอย่างงั้น

ผมไม่ช่ำชองแบบไอ้กระทิงหรอก

ผมซึมเพราะผมรักตี้มาก วันๆ เก็บตัวอยู่แต่บ้าน นอนเล่นเฟส โพสต์นู้นแชร์นี่แนวอกหักไปเรื่อยตามประสาคนว่างบวกถูกทิ้ง ทักเพื่อนไปก็มีแต่คนติดเรียน ติดงาน

ผมคบกับตี้มาปีนึง ปีนึงที่เข้าออกห้องตี้บ่อยกว่าห้องตัวเอง

ตอนนี้ผมต้องมานอนเซ็งชีวิตอยู่บ้าน

โคตรน่าเบื่อ

ผู้หญิงแม่งเหี้ย นัดพวกรุ่นพี่ที่ไม่สนิทแดกเหล้าดีกว่า

“วันนี้มาแดกกับพวกพี่เหรอวะ”

พี่ก้อตทักผมตอนที่ผมมาถึงร้านเหล้า แอบจิ้กตังค์ใต้เก้ะพ่อมาห้าร้อย พวกพี่ก้อตเป็นรุ่นพี่ที่ผมไม่สนิทเท่าไหร่ เพราะมันชอบดูถูกเพื่อนผมบ่อยๆ ผมไม่ค่อยชอบแต่ไม่มีเพื่อนแดก ไม่อยากแดกคนเดียวเลยยอมมากับเขา

“เออพี่ เพื่อนผมแม่งติดเรียน”

“ไอ้เอเพื่อนมึงมันเรียนเหรอวะ” พี่ก้อตหัวเราะร่วน “กูว่าไม่ถึงปีมั้งไอ้สัส”

“ไอ้ห่านี่เรียนอ่อนจะตาย” อีกคนโพล่งขึ้นมา จะบอกว่าไอ้เอเป็นเพื่อนรักผม ผมเลยนั่งจ้องหน้ามันเงียบๆ “ไม่รู้แม่งจะไปได้สักกี่น้ำ”

“มันก็ตั้งใจเรียนอยู่พี่” ผมพยายามแก้ต่างให้เพื่อนตัวเอง ตอนนี้ไอ้เอมันเรียนอาชีวะแผนกบัญชี มันก็ตั้งใจของมันนะ

“มึงต้องทำใจนะไอ้เข้ กลุ่มพวกมึงมันอ่อนทั้งกลุ่ม” พี่ก้อตหัวเราะแล้วตบไหล่ผมแปะๆ “พวกที่ไปเรียนมันก็แค่พวกไม่มีทางเลือก ไอ้ลูกแหง่พ่อแม่บังคับ ทีมึงยังไม่เรียนเลย เหมือนพวกกูอ่ะ”

“...”

“กูว่าทำงานไปก็ไม่ได้อะไรหรอกว่ะ” พี่ก้อตพูดอีก “พ่อแม่รวยก็ใช้ไปดิ ไม่เห็นต้องเรียนให้เสียเวลา เสียตังค์อีก”

“...”

“อย่างไอ้เหี้ยเอ ไม่รู้แม่งจะโดนกระทืบตายก่อนเรียนจบป่าว”

“...”

“ถ้าใช่ ก็ฝีมือพวกกูนี่แหล...”

พลั่ก!!

กว่าจะทันคิดได้ว่าทำอะไรลงไป ผมก็กระแทกหมัดเข้าหน้าไอ้พี่ก้อตจนมันล้มลงไปนอนกับพื้น

“เฮ้ย! ไอ้เข้ มึงทำไรวะ” พวกเพื่อนๆ มันกรูกันไปดูไอ้ก้อต มันถูกพยุงลุกขึ้นยืน ไอ้ก้อตแม่งมองหน้าผมอย่างโมโห

“ต่อยกูทำไม!!”

“อย่ามาดูถูกกลุ่มกู” ผมลุกขึ้นยืนบ้างเหมือนกัน

“...”

“เพื่อนกูคือเพื่อน ไม่ใช่ขี้ปากพวกมึง!!”

ผมโดนอัดจนเละ แต่อย่างว่า ผมมันเก่ง สามรุมหนึ่งไง ผมตัวคนเดียวแต่ผมสอยเรียบหมด

กลับบ้านไปแม่ตกใจที่เห็นสภาพผมมาก แม่รีบพาผมไปส่งโรงพยาบาลพร้อมๆ กับพ่อ แล้วผลที่ได้ก็คือผมได้ทำแผลยาวๆ เลย เพราะหัวแตก

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ผมต่อยกับไอ้พวกพี่ก้อตจนน่วม เพราะแค่อยากปกป้องเพื่อนที่มันเรียนอยู่

เอาจริงๆ ผมไม่ต้องมาเดือดร้อนก็ได้ปะ

ผมพ่นลมหายใจพรืดใหญ่ตอนที่ยืนดูดบุหรี่อยู่หน้าตึกโรงพยาบาล พ่อกับแม่รอจ่ายเงินรับยาอยู่ข้างใน ส่วนผมคนเจ็บแม่งมายืนดูดบุหรี่อยู่ข้างนอก

พอดูดเสร็จกำลังจะเดินเข้าไป ผมก็ชนกับน้องคนหนึ่ง ใส่ชุดนักเรียน ม.ปลาย ถักเปียสองข้าง ท่าทางไร้เดียงสา

“อะ ขอโทษค่ะ” เธอยกมือไหว้ผมปะหล่กๆ แล้วก้มลงเก็บของที่ตกพื้น

ผมตอนแรกจะเดินไปแล้วเพราะมาชนผมเอง แต่ก็จำใจเป็นคนดีลงไปช่วยน้องเก็บ ก่อนที่น้องจะเงยหน้ามาขอบคุณ

“ขอบคุณนะคะ”

ผมชะงักไป เมื่อเห็นแวบแรกว่า ขาว น่ารัก เรียบร้อย

“ไม่เป็นไรน้อง” ผมพูดเสียงเบาหวิว มองใบหน้าเล็กที่มองผม ก่อนที่เธอจะก้มหัวให้เหมือนคนกำลังประหม่า แล้วรับของจากมือผมก่อนที่จะเดินออกไป

ผมยืนค้างอยู่ตรงนั้น ยืนมองจนเห็นน้องขึ้นรถเมล์ที่เห็นว่ามันขึ้นเป็นป้ายเดียวกับซอยบ้านผมไป

กูจะไม่ทน!

ปีกว่าแล้วที่ผมอยู่แต่บ้านไม่ทำเหี้ยอะไร

เวลาว่างๆ ผมก็ไปตามสืบว่าน้องขาวสวยหมวยน่ารักคนนั้นว่าชื่ออะไร เริ่มจากมาที่โรงพยาบาลทุกวัน (ทำทีเป็นเจ็บแผลทั้งที่หายดีแล้ว) แล้วก็ตามสืบดู ดูเหมือนว่าน้องจะเป็นลูกสาวของพยาบาลที่นี่

น้องอยู่บ้านใกล้ๆ ผม เชื่อปะว่าผมตามไปถึงหน้าบ้านโดยที่น้องไม่รู้มาก่อน แล้วก็ได้รู้ว่าเราอยู่ซอยเดียวกัน

ทำไมอยู่ใกล้กันขนาดนี้ผมถึงไม่เคยสนใจ?

ผมนึกถึงรอยยิ้มแสนหวานบนใบหน้าเล็กจิ้มลิ้ม แล้วหยิบหมอนมาปิดหน้าตีส้นตีนเขินอยู่คนเดียว

น่ารักขนาดนี้ ไอ้เข้ไม่ทนแล้วนะเว้ย

“มึงจะไปไหนไอ้เข้”

พ่อเบรกผมไว้ในวันต่อมาที่ผมจะไปหาน้อง ผมหันไปมองหน้าพ่ออย่างเซ็งๆ แล้วยักไหล่

“เที่ยว”

“มึงเที่ยวหลายวันล่ะ มานี่ มาดูที่ลงเรียนกับพ่อ” พ่อกวักมือเรียกผมให้เดินเข้ามาหา ผมกลอกตา ก่อนที่จะล้วงกระเป๋าแล้วเดินมาหาพ่ออย่างเหม็นเบื่อ “เรียนอาชีวะมั้ย พ่อก็เคยเรียน”

“ไม่” ผมตอบอย่างจริงจัง “ไม่เรียนอะไรทั้งนั้นแหละ”

“มึงนี่เหมือนใครวะ ไม่เรียน ไม่ไปทำงาน แล้วจะทำห่าไรกิน”

“ก็ให้เมียเลี้ยงดิ” ผมเสนอแนวทาง

“มึงต้องหัดดูแลเพศแม่มากกว่าให้เพศแม่มาดูแล อย่าดูถูกผู้หญิง ถ้าดูถูกผู้หญิงสักวันจะต้องมีน้ำตา จำเอาไว้”

“เอ้า ก็เห็นว่าเพศแม่เป็นได้แค่ช้างเท้าหลังไม่ใช่ไง?” ผมถามพ่ออย่างกวนตีนหน่อยๆ เพราะผมไม่อยากคุยเรื่องนี้แล้ว มันน่าเบื่อ ดูถูกผู้หญิงแล้วจะเสียน้ำตาอะไรกัน เพราะผมรักผมดูแลนี่แหละ ไอ้ตี้ที่เป็นเพศแม่มันเลยทิ้งให้ผมมีน้ำตา

“ไอ้เด็กเวรนี่”

พอเห็นว่าพ่อบ่นพร้อมกับทำหน้าเซ็งผมเลยอาศัยจังหวะนั้นเดินหนีออกไปจากบ้านทันที

ไม่รู้จะบังคับผมไปถึงเมื่อไหร่

ไม่อยากทำก็คือไม่อยากทำอะ จบไหมวะ

“นุ่ม กลับบ้านเองได้ใช่ไหมลูก”

“ค่ะ” ผมนั่งมองน้องอยู่ตรงที่รอระหว่างเรียกคิวคนไข้ ก่อนหน้านั้นมีจตาลุงคนหนึ่งพยายามจะเดินมานั่ง แต่ผมเห็นเดินช้าเกินเลยล้มลงนั่งเองซะเลย แย่งที่นั่งคนแก่นั่งอ่ะ เท่ปะล่ะ

ผมเห็นพยาบาลแก่ๆ คนนึงเรียกน้องว่านุ่ม

ชื่อนุ่มเหรอวะ อยากลองจับดูจังว่าจะนุ่มเหมือนชื่อไหม

สาวผมยาวหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มรับถุงยาจากพยาบาลแก่ๆ แล้วเดินออกไป ผมเห็นน้องก้มหน้าก้มตาเดินเหมือนเป็นเด็กซื่อๆ

ผมลุกขึ้นล้วงกระเป๋าเดินตามหลังน้องไป

จนกระทั่ง

กึก

น้องนุ่มหยุดเดินกะทันหัน ผมที่เดินผิวปากเพลินเลยชนน้องเข้าเต็มๆ

“อะ” ร่างเล็กสะดุ้ง ในขณะที่ผมก็รู้สึกว่า ชิบหาย

“โทษครับ”

“... ค่ะ” เธอมองผมอย่างไม่ไว้วางใจ คงรู้ตัวแล้วมั้งว่าผมเดินตามมา ผมเลยไม่อยากเสียเวลา

“น้องชื่ออะไรครับ” ผมถามตรงไปตรงมา ในขณะที่น้องมีท่าทางงุนงง

“นะ... นุ่มนิ่มค่ะ”

นุ่มนิ่ม น่าจับ ขอพี่ทัชได้ป่าว

“พี่ชื่อตะเข้นะ เรียกว่าพี่เข้ก็ได้” ผมเลยถือโอกาสแนะนำตัวเอง น้องนุ่มเอียงคอมองผม แววตาเธอดูมึนงงว่าทำไมอยู่ๆ ผมถึงมาเสนอหน้าแนะนำตัวเองต่อหน้าเธออย่างนี้

“... ค่ะ มีอะไรกับนุ่มเหรอ?”

“พี่คุยอะไรกับน้องแปปได้ไหม พอดีอยากทำความรู้จัก”

“เอ่อ...” น้องนุ่มมองผมอย่างกล้าๆ กลัวๆ

“น่า”

“...”

“พี่ไม่ทำอะไรหรอก ที่นี่โรงบาลนะน้อง”

ผมชวนน้องนุ่มมาคุยตรงที่ที่มีคนพลุกพล่านเพราะน้องดูกลัวผมมาก เลยอยากให้สบายใจว่าผมไม่ได้จงใจจะมาฉุดเธอไปทึ้งที่ไหน

น้องนุ่มบอกผมว่าแม่เธอเป็นพยาบาลอยู่ที่นี่ แล้วเธอก็กำลังจะเรียนต่อพยาบาลตามแม่ (อันนี้ผมหลอกถามเอาเอง) ผมเลยคิดว่านี่แหละไอ้สัสรักแท้ ผู้หญิงดีๆ แบบนี้จะหาได้จากที่ไหน

“แล้วพี่ล่ะคะ?” พอพูดถึงตัวเองจบ คนตัวเล็กก็ถามผมกลับเหมือนถามไปตามมารยาท

“พี่ทำงานแล้ว” ผมโกหกอย่างเนียนๆ ทำงานเหี้ยอะไร ยังผลาญเงินพ่อแม่ใช้ไปวันๆ อยู่เลย

“อ๋อ...”

“แล้วน้องนุ่มชอบผู้ชายแบบไหนคะ มีแฟนยัง?” ผมเผลอพูดตรงๆ กับน้องเพราะความหวานที่น้องมี น้องนุ่มมองผม ดวงตากลมโตมีท่าทางลำบากใจโคตรๆ แต่น้องก็ยอมตอบ

“นุ่มไม่มีแฟนค่ะ” เธอมองหน้าผมอย่างเกร็งๆ “แต่... นุ่มชอบคนเรียนแพทย์... ค่ะ”

“แต่... นุ่มชอบคนเรียนแพทย์... ค่ะ”

“แต่... นุ่มชอบคนเรียนแพทย์... ค่ะ”

“แต่... นุ่มชอบคนเรียนแพทย์... ค่ะ”

คำพูดน้องนุ่มวนเวียนอยู่ในหัวผม ในขณะที่ผมแว๊นมอไซค์กลับไปที่บ้านอย่างหมดหวัง

น้องนุ่มชอบคนเรียนแพทย์ หมายถึงหมออะไรพวกนี้ใช่ไหม? แล้วดูผมดิ ไม่ได้เรียน ไม่ได้ทำเหี้ยอะไรด้วยซ้ำ

ที่ผมบอกว่าทำงานก็โกหกทั้งเพ รอบนี้อกหักตั้งแต่ยังไม่ทันได้เริ่มเลยว่ะ

ผมนั่งเซ็งอยู่ในห้อง เลื่อนดูหน้าเฟสก็มีแต่คนเรียนไม่ก็ทำงาน เพื่อนผมแม่งก็ทำงานกันหมด เว้นเสียแต่ผม

ผมเดาะลิ้นอย่างไม่สบอารมณ์

แต่กูอยากได้น้องนุ่มจริงๆ นะเว้ย ผมค้านกับตัวเองในใจ

แล้วให้ทำไงอ่ะ

ผมกระดิกตีน อยู่ดีๆ ก็เด้งพรวดขึ้นมาเพราะนึกอะไรออก เหมือนคำที่พ่อพูดก่อนหน้านั้นจะดังเข้ามาในหัว

“เรียนอาชีวะไหม พ่อก็เคยเรียน”

ผมแค่นหัวเราะ ทางเลือกกูมีไม่มากนักหรอก ถ้าอยากให้น้องนุ่มมาติด

ก็ต้องเรียนดีให้หญิงรัก

“พ่อ” ผมเดินไปหาพ่อที่นั่งกินกาแฟอยู่บนโต๊ะ พ่อหันมามองผมเหมือนแปลกใจที่อยู่ๆ ผมก็เข้ามาชวนคุยทั้งที่ปกติแทบไม่ทำ ในขณะที่ผมจะลูบคอตัวเองแก้เก้อ

เพื่อนก็เรียนกับทำงาน เอาไงก็เอากันวะ

“อะไร”

“ผมจะกลับไปเรียน”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • โคตรเลวที่รักเธอ   EP.3 คนเลว (1) Trigger Warning**

    Trigger Warning :พาร์ทนี้มีการกระทำของตัวละครที่ไม่เหมาะสม มีเนื้อหาเกี่ยวกับการข่มขืนโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านรบกวนไม่ดราม่าเพราะเราเตือนตั้งเเต่หน้าเรื่องเลยนะคะนิยายเรื่องนี้เป็นเพียงนิยายสะท้อนสังคมเรื่องหนึ่งเท่านั้น พระเอกได้รับผลกรรมเเน่นอน“แล้วมึงจะตามไปเทียวรับเทียวส่งเมียใหม่ที่ปทุมเหรอวะ ไกลไปป่าว”ไอ้โล้นพูดกับผมระหว่างที่เรานั่งกระดกเหล้ากันสามคน ผมมองไปที่แก้วเหล้า ก่อนที่จะเติมน้ำแข็ง“ไม่ไกลอ่ะ กูแค่ขับรถไปชั่วโมงเดียว”“เช้าๆ รถติดจะตายห่า มึงไปยังไง แล้วเมียมึงเรียนตอนไหน”“เออ นั่นดิ” ผมนึกขึ้นได้ หลังจากข่มขืนน้องนุ่มนี่ก็ข้ามคืนไปแล้วที่ผมแดกเหล้ากับเพื่อน ผมว่าจะทักเธอไปอยู่ แต่จำได้ว่าปาโทรศัพท์น้องนุ่มแตกไปแล้ว ไม่รู้เสียไปหรือยังคิดแล้วก็หยุดกระดกเหล้าไปซะเฉยๆ ทำแบบนั้นก็แย่ไปหน่อย ถ้าเป็นผมโดนเขวี้ยงโทรศัพท์ ก็คงโกรธ“ไม่ต้องถาม เดี๋ยวคืนนี้กูจะกลับไปหาน้อง” ผมพูดแล้วกระตุกยิ้มออกมาบางๆ“มึงนี่เรื่องผู้หญิงนานๆ ทีจะมีนะ ติดใจไรอีก” ไอ้โล้นถามผมขึ้นมา ผมเหลือบมองไอ้ห้อยที่นั่งก๊งเหล้าเงียบๆ มันเป็นคนไม่ค่อยพูดเท่าไหร่แต่ถนัดที่จะฟังคนอื่นพูดมากกว่า ไม่ได

  • โคตรเลวที่รักเธอ   EP.2 เมื่อคืน (3) จบตอน Trigger Warning**

    Trigger Warning :พาร์ทนี้มีการกระทำของตัวละครที่ไม่เหมาะสม มีเนื้อหาเกี่ยวกับการข่มขืนโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านรบกวนไม่ดราม่าเพราะเราเตือนตั้งเเต่หน้าเรื่องเลยนะคะนิยายเรื่องนี้เป็นเพียงนิยายสะท้อนสังคมเรื่องหนึ่งเท่านั้น[พาร์ท : ตะเข้]ผมข่มขืนน้อง แล้วก็มานั่งอวดเพื่อนในเฟสเหมือนว่าตัวเองนั้นเจ๋งมากที่สามารถทำระยำกับผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งได้สำเร็จไปด้วยดีไอ้เข้ เทพบุตรใจหมา : กูได้น้องแล้วโล้นนักเจ๊ด เจ็ดราตรี : เร็วดีนี่หว่าเพื่อน ใจมึงนี่มันได้จริงๆผมกระตุกยิ้มให้กับข้อความ แต่ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ดังมาจากอีกฝั่ง เห็นเป็นน้องนุ่มที่นอนร้องไห้อยู่ เธอร้องไห้ตั้งแต่ผมเริ่มทำจนจบ ร่างเล็กซุกอยู่ใต้ผ้าห่ม แล้วสะอื้นออกมาอย่างน่าอดสูผมมองเธออย่างไม่มีความรู้สึกผิดใดๆ หยิบมวนบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบแล้วพ่นควันขาวคลุ้งให้ลอยละล่องกับธาตุอากาศผมเองก็ชอบน้องอยู่พอตัว ผมลงทุนมารังสิตเพื่อมาหา ก่อนที่เรื่องเลวๆ ที่เคยเห็น เคยโดนมาตลอดจะทำให้ผมคิดได้แต่เรื่องแย่ๆ“ฮึก... ทำไมพี่ทำกับนุ่มอย่างงี้ล่ะ” ผมหันไปมองคนที่นอนเปลือยหลังห่มผ้าร้องไห้ซิกๆ อยู่บนเตียง เธอถามคำถามที่ผมเองที่ไร้ซึ่งควา

  • โคตรเลวที่รักเธอ   EP.2 เมื่อคืน (2) Trigger Warning**

    Trigger Warning :พาร์ทนี้มีการกระทำของตัวละครที่ไม่เหมาะสม มีเนื้อหาเกี่ยวกับการข่มขืนโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านรบกวนไม่ดราม่าเพราะเราเตือนตั้งเเต่หน้าเรื่องเลยนะคะนิยายเรื่องนี้เป็นเพียงนิยายสะท้อนสังคมเรื่องหนึ่งเท่านั้นเราอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำ ถูสบู่กับแขนเรียวเล็กของตัวเอง แล้วถูตามตัวลงไปเรานึกถึงพี่ตะเข้แล้วก็ได้แต่ทำหน้ามุ่ยอยู่ในห้องน้ำผู้ชายคนนั้นน่ากลัวที่สุดเราคิดในใจแล้วล้างตัวด้วยฝักบัว สระผม แปรงฟัน แล้วออกมาจากห้องน้ำในชุดผ้าเช็ดตัวผืนเดียว เพราะอยู่ในห้องแค่คนเดียวก็เลยไว้ใจแต่ทว่าเรากลับสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นผู้ชายคนนึงยืนสูบบุหรี่อยู่หน้าระเบียง เรามองไปแล้วตกใจที่เห็นว่าเป็นพี่ตะเข้ เขาใส่กางเกงยีนส์ตัวเดียวแล้วยืนมองเราจากหน้าระเบียงตั้งแต่หัวจรดเท้าเราไม่คิดว่าระเบียงฝั่งนี้จะปีนได้เพราะมันห่างกันมากแล้วก็คงไม่มีใครบ้าบิ่นปีนมาขนาดนั้นเลยเปิดไว้ให้ลมเข้า แต่ปิดผ้าม่านไว้กลัวคนจากอีกตึกแอบดู แต่ไม่คิดว่าพี่เขาจะปีนขึ้นมาแล้วเปิดม่านทิ้งไว้เพื่อมองเข้ามาในห้องเรารู้สึกหวาดกลัวมากตอนที่พี่เขาทิ้งบุหรี่ลงระเบียงแล้วเดินเข้ามาใกล้ จะหลบเข้าห้องน้ำแต่ขาก็แข็งจนขย

  • โคตรเลวที่รักเธอ   EP.2 เมื่อคืน (1) Trigger Warning*

    Trigger Warning :พาร์ทนี้มีการกระทำของตัวละครที่ไม่เหมาะสม โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน“หอพักที่นี่ไม่อนุญาตให้ผู้ชายเข้านะคะ”แล้วผมก็ต้องทำหน้าเซ็งเมื่อมาส่งถึงหอ (ที่น้องนุ่มบอก) ถึงได้รู้ว่านี่เป็นหอพักหญิงล้วน มีแต่ผู้หญิงพัก ส่วนหอผู้ชายอยู่อีกฝั่งเหี้ยไรวะ ทำไมผมถึงเข้าไม่ได้“ป้า แต่ผมไม่มีที่ไปนะ ผมแม่งขับรถจากบางนามารังสิตอ่ะ”“ค่ะ”“เข้าห้องน้องไม่ได้เหรอ”“ไม่ได้ค่ะ” ป้าแม่งยืนยันเสียงแข็ง ผมรู้สึกอยากเค้นคอป้าแต่ได้แค่หันไปยิ้มให้คนข้างๆ“น้องนุ่มบอกดิคะว่าเราเป็นแฟนกันอ่ะ” ผมพูดหน้าตาเฉย ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกทันทีเพราะผมแม่งเล่นแง่โดยไม่ปรึกษา“... คะ?”“บอกไปดิคะว่าพี่เป็นแฟนน้องอ่ะ พี่ตามมาจากรังสิตเลยนะ” ผมพูดแล้วถลึงตากดดันน้องแบบที่ปกติชอบทำกับไอ้พวกที่ผมไปไถตังค์บ่อยๆ น้องนุ่มมีสีหน้ากลัวๆ ก่อนที่จะหันมายิ้มแหยๆ ให้ป้า“คะ... คือพี่เค้าเป็นแฟนหนูเอง... ค่ะ” ท้ายประโยคเธอหันมามองผมอย่างสิ้นหวัง“อ๋อ ถ้าหนูยืนยันแบบนี้ก็ได้นะ แต่ที่นี่มีห้องพักรายวันอยู่ข้างๆ กัน ยังไงก็อยู่ด้วยกันไม่ได้นะจ้ะ ให้แฟนหนูไปอยู่ที่นั่นละกัน”“...”“แต่ค้างคืนวันนึงก็ราคาประมาณเจ็ดร้อยนะ ไห

  • โคตรเลวที่รักเธอ   EP.1 คนดีเป็นยาก (2) จบตอน

    ใครอ่ะ ที่มาหาเรา“เอ้ เดินไปกับเราหน่อยนะ” เราพูดกับเพื่อนสนิทอย่างกล้าๆ กลัวๆ หลังจากผละออกมาจากเพื่อนคนนั้นที่อุตส่าห์หวังดีมาบอก ที่เรากลัวจนต้องพึ่งเอ้เพราะไม่คุ้นชินกับคนแปลกหน้าอยู่แล้ว เอ้รีบพยักหน้ารับและเดินไปพร้อมกับเราที่หน้ารั้วมหาลัยอย่างว่าง่ายทันทีว่าแต่... ใครกันนะ ที่อยากมาเจอเรา เพราะเราแทบจะไม่มีเพื่อนในนี้เลยหมับ!เราสะดุ้งเมื่อคิดอะไรไม่ทันจบอยู่ดีๆ ข้อมือก็ถูกคว้าโดยผู้ชายคนหนึ่ง พอหันกลับไปมองก็เห็นว่าเป็นผู้ชายท่าทางอันธพาล มีรอยสักเต็มแขนทั้งสองข้าง ผมยาวแสกกลางยุ่งเหยิง แถมยังมองเราอย่างหงุดหงิดเดี๋ยวนะว่าแต่หงุดหงิดเหรอ?“อะ... อะไรคะ” ทั้งเราและเอ้ตกใจที่มีผู้ชายท่าทางแบบนี้เข้ามาในวิทยาลัยพยาบาลที่ส่วนมากจะมีแต่ผู้หญิง ผู้ชายที่อยากเป็นพยาบาลส่วนมากจะเป็นคนนิสัยอ่อนโยน แต่ไม่ใช่แนวๆ นี้เลย“น้องนุ่มของพี่” แล้วอยู่ๆ สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเป็นตื้นตัน ก่อนที่ร่างสูงจะรั้งเอวเราเข้ามากอดทันที “คิดถึงว่ะ”ดะ... เดี๋ยวก่อนนะคะ!เรามารู้ทีหลังว่าคือพี่ตะเข้คนนั้นหลังจากที่พี่เขาอธิบายพอกอดเราจนพอใจ“แค่กอดเอง น้องทำเหมือนพี่ไปข่มขืนอ่ะ” เขาตัดพ้อหลังจากที่เรา

  • โคตรเลวที่รักเธอ   EP.1 คนดีเป็นยาก (1)

    หลังจากที่น้องนุ่มบอกว่าชอบคนเรียนแพทย์ ผมจึงบอกพ่อว่าจะกลับไปเรียนช่างกล แล้วสามเดือนที่ผ่านมาหลังจากนั้นของผมก็ดีดีเหี้ยไรล่ะไอ้สัส“มึงไปตีกับวิทยาลัยอื่น? แล้วยังไง” พ่อสอบปากคำผมในวันหนึ่ง หลังจากที่วิทยาลัยช่างกลเปิดเทอมผมก็ไม่เอาเรียน แต่เอาตัวไม่รอดแทน วันๆ โดดเรียนไปแว๊นกับไปตีวิทยาลัยอื่น จนเรื่องแดงถึงหูพ่อแล้วก็เกมดิ ผมโดนพ่อเรียกมาถามตรงๆ“มันมาสะกิด ตีนผมเลยกระดิก” นี่คือคำตอบของผม พ่อส่ายหัวอย่างระอา“มึงยี่สิบแล้วนะไอ้เข้” พ่อย้ำอายุผมให้รู้ว่าตอนนี้ผมบรรลุนิติภาวะแล้ว “ที่มึงบอกว่าจะกลับไปเรียนกูก็นึกดีใจ แต่จนเวลาผ่านไปมึงก็ยังไม่เปลี่ยนนิสัย”“พ่อก็รู้ นิสัยคนมันไม่ได้เปลี่ยนกันง่ายๆ ทีไอ้ทิงแม่งยังทำเด็กท้องเลย พ่อไม่ไปด่ามันอ่ะ”เออ มีเรื่องจะบอก ไอ้ทิงแฝดนรกผมมันทำเด็กสิบเจ็ดท้อง พ่อแม่เด็กเกือบเอามันเข้าคุก โชคดีที่พ่อเข้าไปเคลียร์เองตรงๆ ว่าจะขอลูกสาวมารับผิดชอบค่าดูแลลูกในท้องเองเลยจบดี ไอ้ทิงกับน้องได้หมั้นกัน ตอนนี้อยู่กินกันแล้วส่วนผมเหรอ?ใช้ชีวิตไปเรื่อย นานๆ จะมีคนโดนใจทีนึง ตอนนี้ก็สนใจน้องนุ่มอยู่“มึงอย่าไปโบ้ยไอ้ทิง รายนั้นเรื่องจบไปแล้ว มาเอาเรื่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status