"นั่นรึเปล่าครับหมอ ไอ้รางอะไรที่หมอว่า!? ผมเห็นเป็นเงายาวสีเข้ม ๆ ทอดตัวยาวไปจรดฟากกระโน้นเลย!"
.
พอเปลี่ยนใจคิดจะช่วยอะไร ๆ ก็ง่ายขึ้น เจฟเฟอร์ในสภาพห้อยต่องแต่งใช้เลนส์ออปติคอลซูมในม่านตาเพ่งทะลุกลุ่มควันลงมายังพื้นเจลหลอมเหลวข้างล่างได้ ผดเหงื่อที่หยดติ่ง ๆ ลงมาโดนตัวบวกกับองศาการบินที่ลู่ต่ำลงเรื่อย ๆ ทำให้เจ้าตัวเกิดความสำนึก หมอยูมิโกะคงจะเหนื่อยมากกับการที่ต้องมีเขาเป็นสัมภาระ ลมหายใจเธอหอบรัว การกระชับวงแขนแน่นแต่ละครั้งนั้น บ่งบอกได้ชัดเจนว่าหล่อนกำลังจะพาเขาร่วง
.
"ไหวไหมหมอ! นั่นไงมันโผล่พ้นเจลลาวาขึ้นมาอีกแล้ว ให้ตายสิรู้สึกเหมือนจะมีโบกี้โผล่ขึ้นมาด้วยนะน่ะ ทิศเจ็ดนาฬิกาบินตามนิ้วผมไปเลยหมอ! เดี๋ยวผมนำเองถ้ามองไม่เห็น"
.
"โอเคค่ะถ้างั้นก็ไปกันเลยค่ะ , ฮึบ!"
.
"เหวอ.. อ.. อ.. ! ใช่แบบนี้ซะที่ไหนเล่าหมอ อ๊ากกกกก!"
.
หมอยูมิโกะถอนหายใจพรู เธอปัดมือสองข้างสลับกันไปมาพลางเป่าลมใส่ฝ่ามือเพื่อทุเลาการอักเสบ ให้ตายเถอะ! เธอไม่คิดว่าเจฟเฟอร์จะตัวหนักขนาดนี้ จุลินทรีย์ในอากาศนั้นต่างจากพวกที่อยู่บนพื้นมาก พวกมันแวววับสวยงามก็จริง แต่ก็บอบบางกว่ามากในปริมาณที่เท่ากัน ฉะนั้นพอได้ยินว่าเจฟเฟอร์มั่นใจในพิกัดเป้าหมายของเขาแล้ว หมอสาวก็เลยรีบเหวี่ยงเอาร่างอันหนักอึ้งทิ้งลงมาทันที! เพราะยังไงซะสิ่งมีชีิวิตขนาดเล็กของเธอ ก็ย่อมมีความสำคัญกว่าสายลับแขนขาดเป็นไหน ๆ
.
.
"เป็นไงบ้างคุณเจฟเฟอร์! หมอโยนแม่นรึเปล่า ลอยอยู่บนนี้มองอะไรไม่ค่อยเห็นเลย เฮ้! ได้ยินไหม! เฮ้!"
ชะเง้อคอป้องตามองหา เธอตะโกนสวนกลับไปทั้ง ๆ ที่ร่างแกร่งยังพุ่งทะยานไปไม่ถึงเป้าหมายด้วยซ้ำ
.
ซึ่งก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าหมอแกเข้าใจตรงกันกับสิ่งที่เจฟเฟอร์บอกรึเปล่า เขาบอกว่ามีรางรถไฟกับโบกี้กำลังผุดขึ้นมาจากพื้นเจลในทิศ 7 นาฬิกา แต่ไม่ได้บอกซะหน่อยว่าใกล้หรือไกลแค่ไหน
.
แล้วดูพละกำลังที่เธอเหวี่ยงเขาออกมาสิ โอ้แม่เจ้าโว๊ย! คนนะครับไม่ใช่บั้งไฟพญานาค! พุ่งเร็วแรงอย่างกับขีปนาวุธเกาหลีเหนือ หนังหัวเจฟเฟอร์นี่ลู่ไปกับลม ปากเผยอสั่นพับ ๆ ๆ น้ำลายกระเซ็น มองอะไรก็ไม่เห็นนอกเสียจากสีแดงฉานของเจลลาวาร้อนตึ๋งหนืด ที่บัดนี้แหกเป็นสองซีก! ด้วยฤทธาของหมอยูมิโกะในดินแดนมหัศจรรย์
.
"ตาย ๆ ๆ กูตาย! จะชนแล้วอร๊ายยยย!"
เกร็งคองอเข่าเจฟเฟอร์ทำอะไรไม่ได้นอกจากการใช้ส่วนหนาซับแรงปะทะ ที่จะเกิดขึ้นในอีก 5.. 4.. 3.. 2.. ! โครม!!! โดนเต็ม ๆ ไม่ต้องเกรงใจกัน โบกี้รถไฟนี่ถึงกับหลังคาหลุด ดีที่มันยังไม่ผุดขึ้นมาพร้อมกับรางเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์นัก เจฟเฟอร์ก็เลยยังมีชีวิตรอด เขาค่อย ๆ พยุงตัวเองขึ้นแล้วก็มีอาการเซถลันถลาคล้ายกับนักมวยเมาหมัดบ้างนิดหน่อย ก่อนจะเอื้อมมือไปจับที่ขอบโบกี้ แล้วก็ชะโงกหน้าออกไปดูบรรดาเจลลาวาที่ยังคงเดือดปุด ๆ อยู่ในระยะประชิด
.
"อูยยย~มึนหัวโคตรอ่ะกู.. ซี๊ดดดด! เวรเอ๊ย! หมอแม่งไม่ให้เกียรติความเป็นพระเอกของกูเลย เนื้อเรื่องไม่ไปไหนมาไหนก็เพราะติดอยู่บนชั้น 4 กับแกนี่ล่ะ อะไรกันนักหนาจะให้กูตายให้ได้เลยใช่ไหมห๊ะถามตรง ๆ บัดซบเอ๊ย! "
"แต่ก็ยังดีวะอย่างน้อยหมอแกก็ยังโยนแม่น ถ้าเจ้าโบกี้กับรางรถไฟนี้โผล่ขึ้นมาช้ากว่านี้นิดเดียว มีหวังเราได้พุ่งลงไปในบ่อเจลลาวาแน่ ดูสิระรานตาปกคลุมทุกอย่างไว้หมดเลย ดูทรงแล้วเจ้าเศษเหล็กนี่กับรางคู่ใจของมันคงจะเป็นทางรอดเดียวของเราซะล่ะมั้ง"
เจฟเฟอร์ร่ายยาวอยู่คนเดียว เขาเดินวนไปวนมาอยู่บนโบกี้เหล็กหลังคาเปิงหลายรอบ เฝ้าดูการยกตัวขึ้นพ้นจากเมือกเจลของมัน จนกระทั่งครบร้อยเปอร์เซ็นต์สมบูรณ์ หมอยูมิโกะในลุคของนางฟ้าระยิบระยับก็ได้บินตามลงมาสมทบ
.
"ฮู่ววว.. เป็นไงบ้างคุณ? หมอตกใจแทบแย่แหนะตอนตะโกนลงมาแล้วคุณไม่ตอบ หมอคิดว่าเสียคุณไปซะแล้ว"
.
"หราาาา.. หมอ หราาาา.."
เจฟเฟอร์ประชด
.
"อ่าว! นี่หมอกำลังเป็นห่วงคุณอยู่นะคุณเจฟเฟอร์ ไม่เห็นรึไงว่าโบกี้กำลังเชื่อมต่อกับรางรถไฟอยู่ แล้วคุณก็ลองโผล่หน้าออกไปดูสิ! เห็นไหมว่าใครเป็นคนทำ!"
.
เจฟเฟอร์ทำตามเขาค่อย ๆ ก้มชำเลืองลงไปดู แม้จะงงกับถ้อยคำดังกล่าวอยู่มากโข
.
"มะ.. แมลงวัน! แมลงวันกำลังยิงแสงเลเซอร์เชื่อมล้อกับรางเข้าด้วยกันอยู่ บะ.. บ้าไปแล้ว! ข้างนี้ก็มี! ข้างนี้ด้วย!"
.
"แล้วก็ไม่ใช่แค่นั้นนะคะคุณสายลับอันดับหนึ่งที่เคารพ คุณลองดูตรงตำแหน่งที่คุณพุ่งชนสิ! ถ้าไม่ได้เด็ก ๆ ของหมอช่วยรองรับเอาไว้ คุณคิดว่าตัวเองจะมามุ่ยหน้ามองบนใส่หมอเป็นอีตุ๊ดแบบนี้ได้งั้นเหรอ? เช๊อะ!"
.
ฝูงแมลงวันอีกกลุ่มบินหึ่งออกไปจากตัวถังโบกี้ เล่นเอาเจฟเฟอร์นี่หน้าชาไปตั้งแต่โหนกแก้มจรดฝ่าเท้า เขาพูดไม่ออกเลยหลังโดนชุดคอมโบนี้เข้าไป ในเมื่อมันคือความจริงแทบทั้งหมด เป็นครั้งที่สองแล้วที่เขาได้แมลงวันช่วยชีวิตไว้ แต่ครานั้นหมอยูมิโกะก็เลือกที่จะไม่หยุดรับฟังคำขอโทษใด ๆ จากเขา สงสัยหมอแกจะกลัวเสียเวลามั้ง แกก็เลยหันมาทำงานต่อด้วยการดีดนิ้ว "เปรี๊ยะ" ไปหนึ่งที
.
ชั่วเสี้ยวอึดใจจุลินทรีย์ทั้งหลาย ก็แตกสลายกระจายตััวแวววับขึ้นไปบนฟ้า รวมไปถึงฝูงแมลงวันกรรมกรที่เชื่อมต่อล้อโบกี้เข้ากับรางจนแล้วเสร็จด้วย
.
"น่าจะได้ที่แล้วล่ะ ต่อไปหมอจะกดรีโมทล่ะนะ อย่าตกใจโวยวายอีกล่ะ"
.
"อืม.. คะ.. ครับ ผมจะพยายาม"
ชายหนุ่มกลืนน้ำลายฝืดคอ คือถ้าหมอจะเน้นย้ำขนาดนี้ก็ต้องเป็นอะไรที่ไม่ปกติแน่ เจ้าตัวก็เลยสืบเท้าถอยหลังไปยืนชิดกับขอบโบกี้เอาไว้ก่อน ซึ่งพอมองออกไปจากตรงนี้ทุกอย่างรอบตัวก็ยังเต็มไปด้วยเจลลาวาเดือด ๆ กับม่านควันที่โพยพุ่ง ออกมาเป็นระยะเหมือนเดิม
.
"ติ๊ด!"
.
"เอ๋.. ทำไมไม่ติดล่ะ ถ่านหมดหรอ ติ๊ด ติ๊ด เฮ้! ติ๊ด "
.
เอาแล้วไง! ดันเกิดความผิดพลาดขึ้นซะได้ เมื่อหมอยูมิโกะที่อุตส่าห์โปรยคำซะดิบดีดันกดรีโมทไม่ติด เธอลองยื่นมือออกไปข้างนอกดูก็แล้วแต่ก็ยังเงียบ เจ้าหล่อนก็เลยพยายามเดินหาคลื่นจนเผลอมายืนอยู่ข้าง ๆ เจฟเฟอร์ ที่กำลังเกาะขอบโบกี้อยู่โดยไม่รู้ตัว แล้วเธอก็ได้ทำการเคาะรีโมทป๊อก ๆ เข้ากับขอบโบกี้ซะอย่างงั้น ดีแค่ไหนแล้วที่หมอแกไม่แงะถ่านออกมาเลีย เพราะหลังจากเคาะไปสองสามทีมันก็ได้ผลจริง ๆ
.
"ติ๊ด!"
.
"ครืดดดดด! แกร็กกกก ๆ ๆ ๆ "
.
โอ้พระเดชพระคุณหลวงพ่อ! เจฟเฟอร์นี่แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง นัยน์ตาเขาเบิกโพลงกว้างกระเถิบตัวออกจากขอบโบกี้ จ้วงเท้าตัดหน้าหมอยูมิโกะแล้วชะเง้อออกมาดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับเจลลาวาหลอมเหลวให้เต็มสองตาตัวเอง เขาไม่จำเป็นจะต้องกลัวมันอีกต่อไปแล้ว เพราะเพียงเสี้ยววินาทีที่หมอยูมิโกะกดรีโมท พวกมันก็หยุดนิ่งไปซะเฉย ๆ หยุดเต้นตุบๆ หยุดพ่นควัน มิหนำซ้ำยังเคลื่อนตัวเข้าหากันทบไปทบมาชั้นแล้วชั้นเล่าจนแน่นและจับตัวเป็นก้อนแข็ง เสียงแกร็ก ๆ ๆ ที่ได้ยินตอนต้นคือการกระแทกกันของพวกมัน
.
จากเจลยางหลอมเหลวบัดนี้ก็ได้มีสภาพกลับคืนมาเป็นดินแห้ง ๆ เหมือนเดิมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แถมยังมีพวกต้นไม้แห้ง ๆ เศษหญ้าแล้วก็อาคารบ้านเรือนเก่า ๆ คล้ายกับในหนังคาวบอยในยุค 60's ของแฮริสัน ฟอร์ด อะไรเทือกนั้นโผล่ขึ้นมาด้วย กล่าวคือการกดรีโมทของหมอได้ทำให้โลกหลังม่านเจลนั้นกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง เหมือนตอนที่เจฟเฟอร์โดนตบจนหัวทิ่ม!
.
"หมอครับผมมีข้อสงสัย แล้วไอ้พวกบ้านเรือนพวกนั้นมันมาจากไหนครับน่ะ มันมีอยู่แต่แรกหรือผมไม่ได้สังเกต?"
.
"มันก็ผุดขึ้นมาเหมือนรางรถไฟกับโบกี้นี่ล่ะคุณเจ้าหน้าที่ ไม่ได้มีอยู่แต่แรกหรอก หมอแค่ฝังมันไว้ข้างล่างพอเราเรียกระบบขนส่งพื้นฐานขึ้นมาใช้ เจ้าพวกนี้ก็เลยติดร่างแหมาด้วย นี่ก็หลายปีแล้วเหมือนกันที่แทบจะไม่ได้ใช้งานเลย , ฮึบ!"
ร่างบางกระโจนลงมายืนบนพื้นดิน ฝุ่นคละคลุ้งที่ฟุ้งขึ้นมาบ่งบอกได้ว่าค่อนข้างปลอดภัย เจฟเฟอร์ก็เลยคิดที่จะปีนลงไปตามแต่ก็โดนหมอสาวปรามไว้ซะก่อน
.
"ไม่ต้องค่ะ! คุณอยู่บนนั้นแหละเพราะคุณต้องเดินทางต่อ"
.
"ไปไหนครับ? ผมไม่รู้ทางในนี้สักหน่อย"
.
หมอยูมิโกะเอื้อมมือมาตบที่หัวไหล่ซ้ายของตัวเองป๊าบ ๆ ให้เขาเข้าใจ พลันพยักหน้าอมยิ้ม
.
"เพราะงั้นหมอถึงต้องดึงเจ้ารางเก่า ๆ กับโบกี้โกโรโกโสนี่ขึ้นมาให้คุณไงคะ คุณก็รู้นี่ว่าหมอต้องกลับออกไปข้างนอกเพื่อไปซ่อมนาริตะจังให้ยูมิเขา เพราะฉะนั้นคุณต้องไปหาเอาเองค่ะแขนซ้ายของคุณน่ะ"
.
"ชิบหายแล้ว!"
.
"ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ เพราะระบบรางตัวนี้หมอเป็นคนออกแบบเอง ตอนหมอใช้ที่นี่เป็นแล็บใหม่ ๆ หมอยังควบคุมจุลินทรีย์ไม่ได้ จะไปไหนมาไหนก็ลำบาก ถึงตอนนี้มันจะดูเก่าไปหน่อยแต่รับประกันได้ว่าเจ้านี่จะพาคุณไปถึงโรงงานได้แน่นอน"
.
"โรงงาน? ที่นี่มีแขนเป็นโรงงานเลยหรอครับหมอ!?"
.
"ใช่ค่ะ อย่าว่าแต่แขนเลย ขา , น่อง , สะโพก , ตับ , ไต , แม้แต่ก้านสมองก็มี! แต่ก็อย่างที่เคยบอกแหละว่าหมอไม่ค่อยชอบ ไม่อยากทำเพราะมันแข็งกระด้าง โปรเจคพวกนี้ก็เลยยุบทิ้งไปนานแล้ว แล้วก็ให้ความสนใจมาที่อะไรที่สมจริงมากกว่าอย่างโปรเจคยูมิกับนาริตะ เพราะฉะนั้นถ้าคุณไปถึงแล้วก็อย่าตกใจไป มันอาจจะดูเก่าดูเขรอะไปสักหน่อย แต่เชื่อหมอเถอะว่าคุณจะต้องชอบ เพราะแขนกลรุ่นต่าง ๆ จะห้อยเป็นสายพานให้คุณจิ้มเลือกได้เลยทีเดียว"
.
ตาใสเป็นประกาย นับเป็นความตื่นเต้นครั้งแรกของเจฟเฟอร์เลยก็ว่าได้ หลังจากที่ได้สนิทสนมใกล้ชิดกับหมอยูมิโกะ
.
"ว้าว! ผมชักรอไม่ไหวแล้วสิหมอเอางี้ไหม หมอช่วยเตะเจ้าโบกี้นี่ให้มันวิ่งไว ๆ เป็นจรวดเหมือนตอนทำกับผมหน่อยสิ ผมใจร้อนอยากไปให้ถึงเร็ว ๆ ห่ะ ๆ "
.
"ได้โปรดอย่ากวนตีนค่ะ!"
"แล้วก็โปรดรับนี่ไว้ด้วย , ฟืบ!"
.
"หมับ!"
.
"เหวอเกือบหลุดมือแหนะ โยนของชิ้นเล็กแบบนี้ขึ้นมาโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียงเนี่ยะนะหมอ.. ว่าแต่?"
.
ลักษณะมันเหมือนกับหูฟังไอโฟนไร้สายแต่มีอยู่ข้างเดียว มีเสาอากาศเล็ก ๆ ยืดออกมานิดหน่อย ซึ่งเจฟเฟอร์ก็เดาไม่ถูกอยู่ดีว่ามันคืออะไร
.
"หมอให้ยืมใช่ก่อนค่ะ สิ่งนี้มีไว้เรียกผู้ช่วยเผื่อคุณอาจจะต้องเจอสถานการณ์ฉุกเฉิน หมอเองก็มีเหมือนกันใส่ไว้ตลอดเลยแบบนี้ไง"
หลอนเสยผมขึ้นเผยให้เห็นใบหูที่มีเจ้าหูฟังประหลาดนี่อุดอยู่ ซึ่งแค่นี้ก็เพียงพอให้เจฟเฟอร์ประติดประต่อทุกอย่างได้แล้ว เขาถึงกับหลุดหัวเราะเบา ๆ ออกมาเลยทีเดียว คิดกับตัวเองในใจว่าจะได้เป็นพระเจ้ากับเขาบ้างก็คราวนี้แหละ
.
"ขอบคุณมากครับหมอ เลือกแขนที่ถูกใจได้แล้วผมจะรีบกลับ หมอจะรอผมอยู่ตรงนี้ใช่ไหมตรงลานดินกว้าง ๆ สังเกตง่าย ๆ "
.
"ก็เป็นไปได้ค่ะ.. ขึ้นอยู่กับคุณว่าจะใช้เวลานานเท่าไหร่ ถ้าไม่เจอหมอยังไงก็ติดต่อกับหมอได้ผ่านทางเจ้าสิ่งที่ให้ไปนั่นแหละ แต่หมอขอเตือนไว้อย่างนะคะว่า ในพื้นที่ 70% ของชั้น 4 แห่งนี้ หมอไม่ใช่พระเจ้าอย่างที่คุณเข้าใจ นาริตะจังกับยูมิคือสิ่งที่หมอทำผิดพลาด หมอเองก็ผิดมาเยอะเจ็บมาเยอะเพียงแต่หมอเลือกที่จะซ่อนความผิดเหล่านั้นไว้ใต้นี้ แล้วมันก็ได้พลิกขึ้นมาข้างบนพร้อมกับรางและโบกี้ด้วย เพราะงั้นโปรดระวังตัวด้วย!"
.
"คิดมากน่ะครับ.. ผมมีเจ้านี่อยู่ ยังไงซะหมอก็คือพระเจ้าสำหรับผมอยู่ดี ถึงรอยเดิมมันจะหายไปแล้ว แต่ผมก็ยังจำได้แม่นนะครับว่าหมอซัดผมกระเด็นไปทางไหน เหอะ ๆ ๆ"
.
"ถ้างั้นก็โชคดีค่ะ คุณเจ้าหน้าที่เจฟเฟอร์ แล้วเจอกัน"
.
"เปร๊ียะ!"
.
ยูมิโกะดีดนิ้วอีกครั้ง! แล้วก็เป็นจุลินทรีย์จากภาคพื้นที่ค่อย ๆ ผลักดันกงล้อสนิมเขรอะใต้โบกี้ให้เคลื่อนไหวไปตามราง ก่อนจะไหลลงไปตามทางลาดชันด้วยความเร็วสูง!
.
"นั่นไงกูว่าแล้ว! หมอยูมิโกะเล่นกูอีกแล้ว เร็วไปแล้วเฮ่ย! อ๊ากกกกก! ยู่ฮู้สนุกจังโว๊ยยย!"
.
"อร๊ายยยยย ดรีมเวิร์ลไหมล่ะมึง! "
.
"กร๊ีดดดดดดด!"
.
เจฟเฟอร์ยังคงคิดว่านี่เป็นเรื่องสนุก เขาไม่สนใจฟังคำเตือนจากปากแพทย์หญิงผู้ซึ่งสร้างโลกใบนี้ขึ้นมาด้วยซ้ำ สิ่งผิดพลาดที่หมอยูมิโกะกล่าวถึงนั้นน่ากลัวกว่าที่เขาคิดมาก ทำไมน่ะเหรอ? ก็เพราะว่าพวกมันตามติดเขาอยู่ตลอดเวลา นับตั้งแต่ที่เจ้าตัวก้าวเท้าเข้ามาในนี้แล้วยังไงล่ะ!
"ฟึบฟับ! ๆ , ฟึบฟับ ๆ , โฉ้งเฉ้ง ๆ ๆ !".อย่าว่าแต่ไอร่อนแมนเลย ชั่วยามนี้ทรานฟอร์เมอร์แม่งก็มา เมื่อขากลคู่งามดับไอพ่นลงแล้วแลนด์ดิ้งลงสู่พื้นพรมเปอร์เซียในห้องบอส ผืนพรมราคาแพงยุบบุ๋มลงตามน้ำหนักตัวที่มากโข แต่ครานั้นเจฟเฟอร์ก็ยังอุตส่าห์โพสต์ท่าตะแคงข้าง โชว์ให้เห็นถึงอะไหล่ชิ้นงามที่กำลังสับเปลี่ยนตัวเองกลับคืนรูปลักษณ์."เอิ่ม.. ผมต้องขอประทานโทษด้วยครับบอส คือว่าผมเผลอตัวเผลอใจไปหน่อย มันอดใจไม่ไหวจริง ๆ ก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลย แฮะๆ"."แบบว่าขาข้างใหม่มันยังไม่ชินน่ะครับ เผลอ ปริ๊ด! แค่นิดเดียว ไม่คิดว่าขามันจะสั่นซะจนพุ่งใส่ประตูพังเป็นแถบแบบนี้ ต้องขอโทษคุณผู้หญิงด้ว.. ย.. ย!".เจฟเฟอร์ถึงกับอึ้งไปชั่วขณะจิต ณ ตอนนี้ที่ไฟฉุกเฉินตรงมุมห้องสว่างโล่ขึ้นมา ทำให้เจ้าตัวมีโอกาสได้เห็นหน้านวลนางที่อุปทานว่าเป็นแบร็ควิโดว์แบบจะ ๆ เป็นครั้งแรก."เอ็มม่า!""เธอคือเอ็มม่าแผนกการเงิน ที่อยู่ประจำชั้น 3 นี่นา!?""ไอ้หย๋า! นี่อย่าบอกนะว่าคุณโดดงานมาเอากับบอส! หึ๊ยยย! แรดชุปแป้งทอดชะมัด!".โดนตะคอกใส่แบบนั้น เป็นใครก็ต้องสวนกลับ!."หยุดปากพล่อยเดี๋ยวนี้นะคุณเจ้าหน้าที่เจฟเฟอร์! มันไม่
คุ้มไหมกับการเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย คุ้มไหมกับเวลาที่เสียไปให้แก่แขนข้างหนึ่ง เพื่อเอามาแลกกับการทำอะไรที่ต่ำทรามเช่นนี้."นี่กูจำเป็นต้องทำแบบนี้จริง ๆ เหรอวะ? แม่งเอ๊ย! มันกระจอกเกินไปรึเปล่าวะไอ้เจฟ?".มือซ้ายข้างใหม่ที่เพิ่งได้รับการปลูกถ่ายมาสั่นพับ ๆ เจฟเฟอร์กำลังช่างใจอย่างหนักว่าจะใช้มือข้างนี้ชักว่าวให้แก่ลำควยที่แข็งโด่ขึ้นมาดีไหม เพราะต่อให้เขาจะเป็นคนสถุลหื่นกามยังไง มือข้างใหม่ก็ควรจะนำไปใช้ในภารกิจช่วยโลกไม่ใช่เอามาช่วยตัวเอง."ถ้าแกมีชีวิตแกคงเกลียดฉัน เอาเป็นว่าฉันจะไม่ทำล่ะกัน ตราบใดที่ใจแข็งพอเชื่อว่าไม่นานลำควยก็จะสงบ มันคงอ่อนตัวลงไปเองโดยไม่ต้องง้อการชักว่าว".เคยได้ยินแต่สำนวนที่ว่า "รออย่างมีความหวัง" มาตอนนี้เจฟเฟอร์กับกำลัง "รออย่างมีความเงี่่ยน" อย่าว่าแต่มือเลย นาทีนี้แม้แต่ขาข้างใหม่ก็ยังโรมรันร้องครือครางเอี๊ยด.. อ๊าดดด.. ไม่ต่างจากมอเตอร์ไซต์ 250 cc ของวาเลนติโน่ รอสซี่ ที่เตรียมจะออกตัวจากกริดสตาร์ท มันจวนจะปะทุอยู่รำไร.ก็อย่างที่บอกแหละว่าก่อนหน้านี้ ขาเจ้ากรรมนั้นเคยเดินโทง ๆ ไปหาช่อดอกลาเวนเดอร์เองมาแล้ว กับครั้งนี้เองก็ด้วย! กลไกกับชุดฟันเพืองของม
เปลือกตาหนักอึ้งเริ่มเคล่ือนเปิดกว้าง พรายแสงเจิดจ้าจากหลอดไฟเพดานคือสักขีพยานสำหรับการตื่นตัว บนเตียงผ่าตัดในห้องพยาบาลชั้น 4 ในที่สุดเจ้าหน้าที่เจฟเฟอร์ก็วกกลับคืนสู่โลกภายนอกได้สำเร็จ พร้อมกับแขนและขาข้างใหม่ที่ทั้งสวยงามและวาววับ ไม่มีแล้วกับไอ้ด้วนแขนกุด นาทีนี้มีแต่เจ้าหน้าที่ภาคสนามที่พร้อมจะทำภารกิจทุกชนิด แบบใส่สุดไม่หยุดสุดสัปดาห์.แต่ก็แปลกตรงที่สิ่งแรกที่เจ้าตัวเลือกทำ กลับมิใช่การก้าวเท้าลงจากเตียงผ่าตัดแล้วขยับเขยื้อนยืดเส้นยืดสาย เหมือนกับที่ผู้ช่วยนาริตะทำกับร่างกายของออเจ้าดาวิกา เขากลับเลือกที่จะถามหมอยูมิโกะขึ้นว่า."ดอกไม้ผมอยู่ไหน?"พลางหันซ้ายแลขวา สอดส่ายสายตาลอกแลก."ดอกไม้?! ดอกอะไรของคุณคะ หมอไม่เห็นรู้เรื่อง หรือว่าสมองคุณผิดปกติเพราะได้รับรังสีจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า มันปวดตรงไหนรึเปล่าเอ่ย?"
“งั้นเหรอคะ จริงสิเกือบลืมคุณไปเลยคุณเจ้าหน้าที่เจฟเฟอร์ หมอรักษาสัญญาอยู่แล้วน่าไม่ต้องห่วง เด็ก ๆ จ๊ะมาจับตัวเขาไว้ที!”สิ้นสุดเสียงสั่งสองพี่น้องผู้ช่วยพยาบาลก็ทำตาขวาง พลางถลันตัวเข้ามาจับเจฟเฟอร์ที่แขนขาดข้างหนึ่งเอาไว้.“เฮ้! เดี๋ยวสิออเจ้า นี่มันอะไรกันไม่เห็นจะต้องรุนแรงขนาดนี้ก็ได้นี่!”แน่นอนว่าไม่มีสัญญาณตอบรับใด ๆ กลับมา เพราะออเจ้าดาวิกาได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว.“คุณพูดอะไรของคุณ ฉันฟังไม่เห็นรู้เรื่อง..”.“ไม่ต้องสนใจหรอกน้องนาริตะ แค่พาเขาไปที่เครื่องแปลงมวลสารให้ได้ก็พอ ฮึบ!”.ยูมิจังแทรกขึ้นก่อนจะใช้พลังที่หลงเหลืออยู่ทั้งหมด ออกแรงดันช่วยกันกับน้อง ทำให้แขนกับขาเทียมข้างใหม่ของเจฟเฟอร์ร่วงหลุดจากมือ สายลับหนุ่มพลั้งพลาดเข้าให้แล้ว ร่างแกร่งถลันถลาเซแถด ๆ จนศีรษะมุดเข้าไปอยู่ในอุโมงค์ส่วนหน้าโดยไม่รู้ตัว.“เดี๋ยวก่อน! อธิบายกันก่อนสิหมอ ผมแขนขาดนะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับสมองเลย ทำไมถึงต้อง?! เฮ้! เดี๋ยวก่อนเซ้!”.“ชู่ววว! อย่าเอ็ดตะโรไปสิคะคุณเจ้าหน้าที่ ก็ในเมื่อคุณรู้ความจริงหมดแล้ว ว่าทั้งหมดที่เห็นอยู่ก็แค่ของสมมติที่หมอฝังโปรแกรมไว้ในเลนส์ตาของคุณ ที่จริงคุณจะ Drai
การเรียนรู้ของเราสองคนคือความเข้าใจ เธอเข้าใจและฉันเข้าใจก็ทำให้เรามั่นใจ.. (ในสิ่งนั้น) ซะที่ไหนล่ะ! นาทีนี้แม้แต่ชาติ เดอะวอยซ์ก็ช่วยอะไรไม่ได้ เจฟเฟอร์สายลับหนุ่มผู้อาภัพได้แต่พร่ำพรึงถึงความหลังที่ผ่านมา ว่าตลอดระยะเวลาหลาย 10 ชั่วโมงที่เข้ามาที่นี่ เขาต้องพจญภัยผ่านชะตากรรมอันหนักหน่วงอยู่คนเดียวเพื่ออะไรกัน แขนข้างใหม่ที่เหน็บอยู่ใต้รักแร้กับขาไทเทเนียมอัลลอยเงาวับนี่ล่ะ ทำไมถึงไม่มีใครสนใจใยดีเลย.มากไปกว่านั้น ยูมิจังผู้ช่วยยังมายึดเอาอุปกรณ์ชิ้นสำคัญของเขาไปอีก."คุณเจ้าหน้าที่คะ.. ขอหูฟังคืนด้วยค่ะ หมอให้มาทวง"."เอิ่ม.. ม.. ก็ได้เอ้านี่เอาไป! ชิ!".เจฟเฟอร์ถอดมันออกพลันสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า บรรดาหมู่มวลจุลชีพสีดำขลับนับล้านต่างพากันบินแตกฮือขึ้นไปกลางฟากฟ้า ดั่งได้รับการปลดปล่อย."อานีคาโหตุ.. จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย สุขีอัตตานัง ปะริหารันตุ จงมีแต่ความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด.. สาธุ"ขึ้นเสียงสูงประชดประชันแกมหมั่นไส้ ทั้งที่ความจริงก็ไม่ค่อยแน่ใจนักว่าตนเป็นชาวคริสต์นิกายไหนกันแน่ ถึงได้แผ่เมตตาเข้าใส่ได้อ
"อูยยยย....บัดซบเอ๊ย! ให้ตายเถอะมันจะวินาศสันตะโรอะไรกันขนาดนี้ว่ะเนี่ยะ คุ้มกันไหมกับการสำเร็จความใคร่ใส่หุ่นยนต์แอนดรอยน์ ".ร่างอันล่อนจ้อนแต่สุดจะแข็งแกร่งค่อย ๆ ประคองตัวเองลุกขึ้นยืน ด้านบนคือผืนฟ้ากว้างสุดสายตา ส่วนด้านล่างเป็นพื้นทรายประสมกรวดหินและเศษวัสดุ."สัด! นี่กูกระเด็นมาไกลถึงนี่เลยเหรอวะ? ไม่ใช่ว่าแขนขากูขาดเพิ่มไปแล้วนะเฟ้ย! หึ๊ยยย! ออกไปให้พ้นมันหนักโว๊ยยย! ไอ้ก้อนหินสารเลว!"."เปร๊ีียงงง!".ชั่วเคี้ยวหมากแหลกเศษอิฐผนังที่กระเด็นปลิวทะลุตามมาด้วย ก็โดนเจฟเฟอร์หวดเข้าอย่างจัง มันพุ่งแหวกอากาศย้อนกลับไปทางเดิมด้วยความรุนแรงที่มากกว่าหลายเท่า ก่อนจะชนกระทบเข้ากับผนังโกดังเสียงดัง โครมมม! เพิ่มความเสียหายให้กระจายเป็นวงกว้างมากยิ่งขึ้น."เวร.. เวร.. เวรของกูแท้ ๆ"เจฟเฟอร์ส่ายหน้า พลางสะบัดขาเจ็บแปล๊บ ๆ.ในมุมมองบุคคลที่หนึ่ง (First - person) ตัวเลขความเสียหายวิ่งตื๋อขึ้นมามากมาย บ่งบอกว่าร่างกายของเขานั้นไม่อยู่ในสภาพที่จะใช้การอะไรได้อีกต่อไปแล้ว แขนขาด ขาหมดพลัง แม้แต่ควยกับไข่หำก็ยังแฟบลงเหี่ยวหยดย้อย คล้อยไปกับแสงแดด.นี่จึงเป็นสาเหตุให้เขาออกอาการเซ็งอย่างท