บรอลยกคบเพลิงขึ้นสูงกว่าเดิม มองไปรอบด้านด้วยคิ้วขมวด
“ข้าไม่ชอบที่นี่เลย…เสียงลมเหมือนเสียงคนคร่ำครวญ มันผิดธรรมชาติ” วินซ์ถอนหายใจเบา ๆ แล้วบ่น “ก็อย่ามัวฟังสิวะ เดินต่อเถอะ ข้าอยากให้เรื่องนี้จบเร็ว ๆ” ซินหันกลับมาหยุดกะทันหัน นางจ้องหน้าวินซ์ “เจ้าไม่เข้าใจเหรอ? ป่าแบบนี้น่ะ...ถ้าเดินโดยไม่ฟังอะไรเลย มีหวังกลายเป็นศพไวขึ้นสามเท่า” แบร์กตันที่เดินนำอยู่หันกลับมา เสียงเย็นชาของเขาดังกระแทกอากาศ “เลิกเถียง...ทุกเสียงที่ได้ยิน ให้จำไว้ว่า ‘มัน’ ก็ได้ยินเราด้วย” (เพิ่มเติมในฉากโขดหินมีรอยเท้า) เมื่อแบร์กตันก้มตรวจรอยเท้า เขาพึมพำ “นีร่า...เจ้ายังมีชีวิตอยู่สินะ” ซินเดินเข้ามาใกล้เงียบ ๆ แล้วพูดเสียงแผ่ว “ท่านแน่ใจใช่ไหม...ว่าคุ้ม?” แบร์กตันไม่ตอบทันที เขาเพียงแค่มองลึกเข้าไปในความมืดเบื้องหน้า แล้วตอบ “เงือกตัวนี้...มีราคาที่สูงกว่าชีวิตพวกเจ้า รวมกันทั้งลำเรือ” บรอลสอดแทรกขึ้นมา “แล้วถ้ามันลากพวกเราทั้งลำลงทะเลล่ะ?” แบร์กตันหันกลับไปสบตาเขา ดวงตาไม่มีแววลังเล “ก็อย่าให้มันได้โอกาส” ป่าทางตะวันตกของเกาะต้องสาป แสงจันทร์ลอดผ่านเรือนยอดไม้เป็นลำ ๆ สะท้อนบนผิวน้ำขังในโพรงดิน อีธานสาวเท้าช้า ๆ ผ่านพงหญ้า ดาบสั้นเหน็บอยู่ที่ข้างเอว เขาก้มมองแผนที่ฉีกขาดที่เขียนด้วยหมึกจางคล้ายเลือดแห้ง ด้านหลังคือไอล่า — หญิงสาวที่เคลื่อนไหวเงียบราวกับเงา ดวงตาคมของเธอกวาดมองไปรอบ ๆ ไม่ไว้ใจแม้แต่เสียงแมลงกระซิบ > “มันเงียบเกินไป…” นางกระซิบเบา ๆ “ข้าว่านีร่าคงไม่ได้อยู่แถวนี้หรอก อีธาน” อีธานตอบโดยไม่หันกลับ > “นีร่าไม่ใช่แค่หนี — นางกำลัง ‘นำ’ เราไปที่ไหนสักแห่ง” ไอล่าขมวดคิ้ว > “แล้วเจ้าจะเดินตามต่อ ทั้งที่รู้ว่ากำลังถูกล่อ?” > “ก็ถ้าอยากเจอนาง ก็ต้องยอมเสี่ยง” เสียง “แผล่บ...แผล่บ...” บางอย่างดังแว่วมาเบื้องหน้า ทั้งคู่ชะงัก อีธานยกมือเป็นสัญญาณให้หยุด จากนั้นเขาค่อย ๆ ย่อตัวลงซ่อนหลังพุ่มไม้ชื้น เบื้องหน้าพวกเขา... ในแอ่งโคลนกลางป่า มี “บางสิ่ง” กำลังก้มหน้าก้มตากัดกินร่างมนุษย์ที่ขาดวิ่นเเละส่งกลิ่นเหม็นเน่ารุนเเรง ไม่ใช่เพียงตนเดียว... เงือกสามตน — ร่างกายแห้งเกรอะกรัง ผิวหนังแตกระแหงราวกับเกล็ดปลาที่ตายมาแล้วหลายวัน ปลายหางสีดำอมเขียวเปื้อนเลือด พวกมันล้อมซากศพที่ใบหน้ายังเบิกตาค้างอยู่ เล็บแหลมแหวะเนื้อออกเป็นชิ้น ๆ เสียงกระดูกถูกแทะราวกับมันคือของหวานหลังอาหาร ไอล่ากลั้นหายใจ นางจับแขนอีธานแน่นจนเขาสะดุ้งเล็กน้อย > “...นั่นไม่ใช่นีร่า” > “ข้าไม่แน่ใจ...” อีธานกระซิบตอบ “แต่ถ้าใช่...นีร่าเปลี่ยนไปแล้ว” ทันใดนั้น เงือกตนหนึ่งเงยหน้าขึ้น เลือดเปื้อนเต็มปาก มันสูดกลิ่นบางอย่างในอากาศราวกับว่าได้กลิ่นที่เเปลกเเละไม่คุ้นเคย แล้ว...หันมาทางพวกเขา เสียงคำรามต่ำ ๆ ดังจากลำคอของมัน ตามด้วยเสียงอื่นอีกสองตัวแทรกซ้อน ดวงตาขาวขุ่นของพวกมันจ้องตรงมาโดยไม่มีหนังตากระพริบ > “วิ่ง” อีธานพูดเบา ๆ > “ไม่ต้องให้ข้าบอกรอบสอง!” ไอล่ากระชากแขนอีธาน แล้วทั้งคู่ก็ถอยห่างออกมาพร้อมเสียงใบไม้สั่นสะเทือนตามแรงฝีเท้า เสียงกรีดร้องของเงือกตามมาในเงามืด — แหลมสูงและไม่ใช่เสียงของมนุษย์ ป่าทึบทางใต้ของเกาะต้องสาป เสียงฝีเท้ากระแทกดินดัง “ตุบ! ตุบ!” ท่ามกลางใบไม้ที่ปลิวว่อนตามแรงลมและเงาไฟจากคบเพลิงที่ไอล่าถือไว้ > “อีธาน!! ทางนี้!!” เสียงไอล่าดังจากด้านขวา แต่เขาไม่ได้ตอบ... เพราะบางสิ่งกำลังไล่ตามเขาอยู่ — เสียงเนื้อเปียกเฉอะแฉะกระแทกพื้น กับเสียงหอบหายใจกระชั้นถี่ที่ไม่ได้มาจากอกของคนธรรมดา “กรรรร...อ๊ากกกก...” อีธานหันกลับไปชำเลืองเพียงแวบเดียว มันมาใกล้กว่าที่คิด... เงือกกินคน — ร่างผอมแห้งแต่มีกล้ามเนื้อกระตุกราวกับสัตว์คลั่ง เส้นผมยาวเปียกชุ่มพันอยู่กับหน้าที่เปื้อนโคลนและเลือด ริมฝีปากฉีกกว้างเผยเขี้ยวแหลมเรียงซ้อนกันหลายชั้น นัยน์ตาของมันไม่มีสติ...มีแต่ความหิว มันพุ่งใส่อีธานเต็มแรง ผั้วะ! ทั้งสองกลิ้งลงไปในหลุมตื้นกลางพงหญ้า มีดพกของอีธานกระเด็นหลุดมือ เขายกแขนขึ้นกันเล็บของมันที่ฟาดลงมาอย่างไม่ยั้ง > “เจ้าทำบ้าอะไรเนี่ย!!” เขาตะโกน พลางพยายามถีบมันออกไป เงือกคำรามใส่หน้าเขาในระยะไม่ถึงหนึ่งไม้บรรทัด น้ำลายปนเลือดหยดลงบนแก้มเขา มีกลิ่นคาวเหมือนปลาตายหมักมาหลายวัน มันพยายามงับคอเขา — แต่เขาเบี่ยงทัน มือคว้าสิ่งแรกที่ใกล้ที่สุด — ท่อนไม้แหลมปลายแตก เขาแทงมันไปโดยไม่คิด ฉึก! ท่อนไม้เสียบทะลุเข้าทางสีข้าง เงือกกรีดร้องด้วยเสียงสูงที่ไม่ใช่มนุษย์ ร่างมันกระตุกอย่างบ้าคลั่ง มันยังไม่ตาย... อีธานคว้าเอามีดที่หล่นไปข้างตัว เขาพลิกตัวขึ้นมาอยู่ด้านบน จ้องตาสัตว์ประหลาดตรงหน้า > “ข้าขอโทษ...แต่ข้าจะไม่ตายที่นี่” แล้วเขาก็ แทงเข้าตรงคอ เลือดสีคล้ำพุ่งออกมาในพริบตา เงือกชักกระตุกสองสามครั้ง ก่อนร่างจะนิ่งสนิท อีธานทรุดตัวลงนั่งหอบ เสียงหัวใจเขาดังอื้อในหู ไอล่าวิ่งมาถึงพอดี เห็นสภาพตรงหน้าแล้วหยุดกึก > “...เจ้าฆ่ามันแล้ว?” > “มันเริ่มก่อน” อีธานตอบเสียงแหบ “และมันไม่ใช่คน...ไม่อีกแล้ว” เงือกตนนั้นนอนนิ่ง ตาเบิกโพลงขึ้นสู่ท้องฟ้าสีหม่น อีธานยังคงหอบหายใจ ดวงตาเขาจ้องร่างของเงือกที่แน่นิ่งอยู่ใต้เท้า เลือดสีคล้ำไหลเป็นทางลงแอ่งน้ำ แต่สิ่งที่ทำให้เขาไม่อาจละสายตาได้...คือรอยยิ้มสุดท้ายของมัน รอยยิ้มที่ไม่ใช่จากความเจ็บปวด ไม่ใช่จากความบ้าคลั่ง แต่ราวกับมัน “รู้บางอย่างที่เขาไม่รู้” ไอล่าเดินเข้ามาใกล้ ค่อย ๆ นั่งยองลงข้างเขา เธอมองใบหน้าของศพ แล้วพูดเสียงเบา > “นั่นไม่ใช่แค่สัตว์ประหลาด…นั่นเคยเป็นมนุษย์” อีธานเงยหน้ามองเธอ ดวงตาวูบไหว > “เจ้ามั่นใจได้ยังไง?” ไอล่าล้วงเข้าไปในถุงข้างเอว หยิบเอาเศษผ้าที่ขาดวิ่นออกมา — มีลวดลายปักเป็นตราสัญลักษณ์ของหมู่บ้านริมชายฝั่ง > “ข้าเคยเห็นผ้าแบบนี้ที่แคมป์ของนักล่าทะเลแถบชายแดนตะวันออก…ไม่มีทางที่เงือกจะมีของแบบนี้ นอกจาก...มันเคยเป็นพวกเขา” อีธานเงียบงัน เขาค่อย ๆ ยืนขึ้น หยิบมีดที่เปื้อนเลือดขึ้นมาเช็ดกับชายเสื้ออย่างช้า ๆ > “พวกเขากลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง…” ทันใดนั้น... เสียงคลื่นเบา ๆ ดังมาจากด้านหลัง — ทั้งที่อยู่กลางป่า ทั้งสองหันขวับ ตรงโคนต้นไม้ใหญ่…มีน้ำซึมไหลออกมาจากดิน เหมือนมีบ่อน้ำใต้ดินแตกขึ้นมา แต่แปลกตรงที่น้ำมัน “ส่องแสงเรือง ๆ สีฟ้าจาง” เสียงเพลงเบา ๆ ดังขึ้นจากที่ไหนสักแห่ง ไม่ใช่เสียงพูด ไม่ใช่เสียงคนร้อง แต่เป็น “เสียงในหัว”…อ่อนหวาน เยือกเย็น และปวดร้าว > “…อย่าไว้ใจเสียงที่เจ้าคิดว่ารู้จัก…” ไอล่าถอยหลังไปหนึ่งก้าว > “อีธาน นั่น...เสียงของนีร่าเหรอ?” อีธานขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยคำถาม > “ข้าไม่แน่ใจ…แต่นางต้องการให้เรารู้บางอย่าง” เขากระชับมีดในมือ “และเราต้องหานางให้พบ ก่อนที่คนอื่นจะเจอก่อนเรา เสียงป่าคลื่นไหวอีกครั้ง แผ่นดินเบื้องใต้เริ่มส่งเสียง “กรอบแกรบ” เหมือนมีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ใต้รากไม้ บางสิ่งกำลังตื่นขึ้น...........ยามค่ำคืน – ริมชายฝั่งที่เงียบสงัดคลื่นทะเลซัดกระทบโขดหินเป็นจังหวะสายลมเย็นปะทะผิวจนหนาวสะท้านดวงจันทร์เต็มดวงส่องแสงจ้าเหนือผืนน้ำสีหมึกนีร่ายืนอยู่บนผืนทรายแผลที่แขนยังพันผ้าแน่น แต่เลือดยังซึมออกไม่หยุดข้างเธอ อีธานยืนเงียบเขาไม่พูดอะไร เพียงแต่จ้องมองหน้าเธอราวกับอยากจำทุกรายละเอียดไว้ให้ขึ้นใจนีร่าหันมามองเขาดวงตาสองคู่สบกันในความเงียบ“ข้าจะรีบกลับมา”เธอเอ่ยเบาๆ น้ำเสียงสั่นอีธานพยักหน้า แต่สายตาเขาเต็มไปด้วยห่วง“นานแค่ไหน?”“ข้าไม่รู้…”นีร่ากลืนน้ำลาย“แค่ไม่กี่วัน ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด”อีธานถอนหายใจ มือใหญ่ลูบผมเธออย่างแผ่วเบา“เจ้าพูดเหมือนมันจะง่าย”“มันไม่ง่าย” เธอยิ้มจางๆ“แต่ข้าต้องลอง”เขาเงียบไปนาน ก่อนจะหยิบมีดสั้นเล่มหนึ่งจากเอวด้ามเป็นเหล็กเรียบเรียง เส้นคมคมกริบ“เอาไว้ป้องกันตัว”นีร่ารับมาไว้ในมือสายตาเธอเริ่มพร่าเธอขยับเข้าไปใกล้ โอบแขนรอบตัวเขาแน่น“ข้ากลัว…”เธอกระซิบ“กลัวว่าจะไม่ได้เห็นหน้าเจ้าอีก”“ข้าก็กลัวเหมือนกัน”เขากอดเธอแน่นยิ่งกว่าเดิม“แต่ข้ารู้ว่าเจ้าเข้มแข็งกว่าใคร ข้าจะรออยู่ตรงนี้…ทุกวัน”นีร่าซบหน้ากับอกเขา น้ำตาไหลเงียบๆเธอไม่
นีร่ายังคงสั่นเทา น้ำตาไหลไม่หยุดอีธานคุกเข่าลงข้างเธอ มือใหญ่ประคองใบหน้าเธอแผ่วเบา“นีร่า…มองข้า…เจ้าอยู่ที่นี่ ปลอดภัยแล้ว”เธอกะพริบตา ถอยหายใจแรงเหมือนจะขาดใจเสียงในคอแหบจนแทบไม่เป็นเสียง“มัน…มันไม่ใช่แค่ฝัน…ข้าเห็นแม่จริงๆ”อีธานกอดเธอไว้แน่นกลิ่นเลือดและเหงื่อยังติดตัวเธอ“แม่ของข้า…ตาเปลี่ยนเป็นสีดำ…”เธอกัดริมฝีปาก มือสั่นจนแทบกำอะไรไม่อยู่“เธอกลายเป็น…สัตว์ประหลาด…พูดว่าข้า…ต้องกลับไป…เป็นเหมือนพวกมัน…”เสียงสะอื้นดังลอดออกมาอีธานค่อยๆ ลูบหลังเธอ“ไม่…เจ้าจะไม่เป็นเหมือนพวกมัน”น้ำเสียงเขาหนักแน่น“ข้าสัญญา”นีร่าเงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงก่ำ“ถ้าแม่ยังมีชีวิต…ข้าต้องหาคำตอบ…ข้าต้องรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น…”“งั้นเราจะไปด้วยกัน”อีธานพูดช้าๆ จ้องตาเธอแน่วแน่“ไม่ว่าต้องไปที่ไหน…เจ้าไม่ได้อยู่คนเดียว”เสียงคลื่นนอกหน้าต่างยังซัดเข้าฝั่งไฟตะเกียงสั่นไหวเงียบๆในอกนีร่า ความกลัวค่อยๆ แปรเป็นแรงฮึดสู้เธอพยักหน้าช้าๆ“เราจะหาความจริง…ไม่ว่าจะต้องเจอกับอะไร…”อีธานกระชับมือเธอแน่นขึ้นและในค่ำคืนที่หนาวเหน็บหัวใจสองดวงก็ผูกพันกันมั่นคงกว่าเดิมสองวันถัดมาแผลบนแขนของนีร่าไม่ดีขึ้น
หัวหน้าเงือกพุ่งใส่อีธานสุดแรงครีบใหญ่หวดอากาศจนเกิดเสียงแตกดัง วืด!อีธานเบี่ยงตัวหลบไปทางซ้ายปลายมีดในมือฟาดเฉียงเข้าที่คอด้านข้างของมันฉึก!เสียงเนื้อฉีกดังชัดเลือดสีหมึกกระฉูดราดเต็มตัวเขาหัวหน้าเงือกคำรามลั่นจนพื้นสะเทือนร่างมหึมาสะบัดถอยหลังไปสองก้าวชั่ววินาทีนั้น…ศรเซรีออนในมือนีร่าเปล่งแสงจ้าเหมือนจะปล่อยพลังสุดท้ายออกมาเธอยกศรขึ้น…ริมฝีปากแห้งแตกพึมพำถ้อยคำเวทเสียงแหบจนแทบฟังไม่ออก“…จบสิ้น…อสูร…”ประกายฟ้ารูปวงเวทหมุนรอบตัวเธอพลังเวททะลักขึ้นจนฝนสาดกระจายเป็นวงแสงจากศรสว่างจ้า—แต่ทันใดนั้นร่างเธอก็สั่นแรงแผลลึกบนแขนซ้ายฉีกกว้างกว่าเดิม เลือดพุ่งร้อนวาบเต็มมือนีร่าหอบแรง สายตาพร่าเสียงในหูเธอกลายเป็นเสียงอื้ออึงภาพรอบตัวพร่ามัวเหมือนฝันหัวหน้าเงือกที่บาดเจ็บคอคำรามต่ำมันถอยไปช้า ๆ หยาดเลือดดำหยดตามพื้นสายตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด…และความเกลียดชังก่อนมันจะพุ่งหนีเข้าความมืดหลังบ้านเรือนพังยับอีธานจะวิ่งตาม—แต่เขาหันมาเห็นนีร่าทรุดลงบนเข่าตัวเองศรเซรีออนร่วงจากมือกระแทกพื้นหิน“นีร่า!”เขาพุ่งเข้าประคองร่างเธอไว้แขนเธออ่อนแรงจนแทบไม่ขยับสายตาคู่สวยค่อย
นีร่าเหวี่ยงศรลงสุดแรงปลายศรเซรีออนเปล่งแสงฟ้าแทงเข้าข้างคอหัวหน้าเงือกฉึก!เสียงเนื้อแตกดังชัดเลือดสีหมึกทะลักออกมาเป็นฝอยดำข้นมันคำรามลั่นทั้งลานบ้านแต่พลังมันยังไม่หมด—เงือกกลายพันธุ์ใช้ครีบหนาฟาดสวนใส่เธอเต็มแรงผัวะ!ร่างนีร่ากระเด็นไถลไปตามพื้นหินเธอรู้สึกเหมือนอากาศในปอดหายไปหมดโลกทั้งโลกหมุนเคว้งอยู่ชั่ววูบเสียงอีธานตะโกน“นีร่า!”เธอพยายามลุก แต่แขนซ้ายชาไปหมดพอเหลือบลงมอง…แผ่นหนังแขนเสื้อขาดเป็นทางยาว เลือดสีแดงสดไหลรินตลอดแนวแผลฝนโปรยแรงขึ้นจนทุกอย่างเย็นเฉียบแต่บาดแผลกลับร้อนจี๊ดราวไฟลวกเธอหอบหายใจ สายตาพร่าเสียงฝีเท้าเงือกกลายพันธุ์ก้าวมาช้า ๆมันก้มลง แยกเขี้ยวใส่เธอนีร่ากัดฟัน พยายามยันตัวขึ้นแม้แขนซ้ายจะสั่นจนแทบยกไม่ไหวศรเซรีออนสั่นแสงพร่าอยู่ในมือข้างขวาอีธานพุ่งมาคุกเข่าข้างเธอ“อย่าฝืน…! ถอยก่อน!”เธอสบตาเขาแม้เจ็บจนตัวสั่น แต่เสียงเธอยังนิ่ง“ไม่ได้…มันจะฆ่าพวกเขาทุกคน…”บีลาร์กับลุงโทบี้พุ่งเข้ามาขวางตรงหน้าหอกไม้ยกขึ้นพร้อมกัน แม้จะสู้ด้วยแรงที่สั่นระริกนีร่าหอบแรงหนึ่งทีแล้วกัดฟันจนเลือดซึมที่ริมฝีปากเสียงฝีเท้าเงือกกลายพันธุ์ที่กำลังจะก
เสียงกรีดร้องดังสะท้อนมาตามลมทะเลนีร่าชะงัก…มือยังถือถ้วยซุปที่อีธานเพิ่งตักให้เมื่อครู่แววตาเธอเปลี่ยนไปทันที — ความนิ่งสงบกลายเป็นความตื่นตัว“เสียงจากหมู่บ้าน…”เธอกระซิบ เบาแต่หนักแน่นอีธานวางชามลงแทบจะพร้อมกัน“ข้าจะไปด้วย”ไอล่าลุกพรวด“เดี๋ยว! มันอาจเป็นกับดัก—”“ไม่ไปตอนนี้จะไม่มีใครให้ช่วยแล้ว!” นีร่าตอบพลางคว้าศรเซรีออน ดวงตาสีฟ้าเรืองแสงจาง ๆศรในมือเธอร้อนจัด—เหมือนมัน “เตือน” ว่า ศัตรูอยู่ใกล้---กลางหมู่บ้าน — เปลวไฟลุกโชนร่างของเงือกกลายพันธุ์ 3-4 ตัว กำลังล้อมครอบครัวหนึ่งที่เหลือเพียงพ่อกับลูกสาว พ่อพยายามยื้อไว้ แต่เด็กหญิงร้องไห้เสียงแหบก่อนที่ครีบแหลมจะฟันลงมาที่ร่างพวกเขา—“ฟึ่บ!”เสียงบางอย่างพุ่งผ่านกลางอากาศแสงฟ้ารูปเกลียว ปรากฏขึ้นกลางฝูงเงือกศรเซรีออนแทงทะลุร่างของหนึ่งในพวกมัน ร่างมันกระตุกก่อนระเบิดเป็นเถ้าทะเล“ทางนี้!” เสียงนีร่าตะโกนเธอพุ่งเข้ามาท่ามกลางเปลวเพลิง ผมยาวสยายตามลม ใบหน้าเปื้อนฝุ่น แต่ดวงตาไม่สั่นไหวศรเวทในมือเปล่งแสงจ้า ราวกับรู้หน้าที่ของมันเองอีธานกระโจนตามมา สะบัดมีดคู่แทงเข้าลำตัวเงือกอีกตัวอย่างแม่นยำ เลือดสีดำทะลัก“หนีไปทา
แสงแดดสีทองอ่อนส่องลอดบานหน้าต่างเข้ามา นีร่ากับไอล่านั่งชิดกันบนพื้นไม้ ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันอีกนาน ต่างคนต่างเงียบราวกับต้องการให้หัวใจได้พักเสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้นที่บันไดอีธานกลับมาแล้วเขาเปิดประตูเข้ามาช้าๆ ในมือหิ้วตะกร้าที่มีก้อนขนมปังแห้ง ผลไม้ป่า และปลาเค็มสองตัว กลิ่นคาวผสมกลิ่นเค็มทะเลโชยอ่อนๆอีธานวางตะกร้าแล้วเดินเข้ามาหาทั้งสองคน เขาสบตานีร่า สายตาคู่นั้นอ่อนโยนจนหัวใจเธอสั่นอีธาน (เสียงทุ้มแผ่ว)“พอจะมีอะไรให้พวกเราอิ่มท้องไปถึงเย็น ข้าออกไปไกลหน่อย…คิดว่าไม่น่ามีใครตามรอยมาได้”ไอล่า (น้ำเสียงยังแหบ)“ขอบคุณ…เจ้าลำบากเพราะพวกเรามากแล้ว”อีธานส่ายหน้า เขาหันไปมองนีร่าแวบหนึ่งอีธาน“พวกเจ้าสองคนคือคนสำคัญ…ไม่มีอะไรเรียกว่า ‘ลำบาก’”นีร่าเม้มริมฝีปาก เธอรู้สึกเหมือนจะร้องไห้ แต่ก็ฝืนใจไว้นีร่า“เมื่อคืน…ข้าคิดว่าเราอาจไม่รอดแล้วจริงๆ”อีธานคุกเข่าลงข้างเธอ มือใหญ่สั่นน้อยๆ ขณะเอื้อมไปแตะแก้มนีร่าอีธาน“ตราบใดที่ข้ายังมีลมหายใจ…ข้าจะไม่ยอมให้มันพรากเจ้าหรือใครไปอีก”เขาหันไปสบตาไอล่าอีธาน“ข้าสาบาน…เราจะพามาริเบลกลับไปฝังอย่างสมเกียรติ และเราจะหาทางล้างแค้นมัน”