共有

การทรยศ

last update 最終更新日: 2025-06-06 23:15:13

รุ่งอรุณหลังคืนแห่งความวุ่นวาย แสงตะวันสาดส่องเข้ามาในเรือนพักของท่านราชครูจ้าว เหม่ยหลินรู้สึกปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา หลี่เฟยหลง ชิวลี่ฮวา หลี่เฟยหาน และหลี่เฟยหยาง ต่างกอดเธอแน่นด้วยความโล่งใจ การปรากฏตัวของหัวหน้าหมาและท่านราชครูจ้าวราวกับแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์แห่งความมืดมิด

ท่านราชครูจ้าวนั่งลงตรงข้ามกับเหม่ยหลิน ใบหน้าของท่านเต็มไปด้วยความเมตตาและแววตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม

"ท่านแม่เจียง" ท่านราชครูจ้าวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "ข้าต้องขออภัยแทนเจ้าเมืองหลี่กวงหมิงด้วย ที่ทำให้ท่านต้องมาประสบเรื่องราวเลวร้ายเช่นนี้"

เหม่ยหลินก้มศีรษะเล็กน้อย "ไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านราชครู ข้าเข้าใจดีว่าอำนาจมักจะทำให้คนตาบอด"

"ถูกต้อง" ท่านราชครูจ้าวพยักหน้า "เรื่องของเจ้าเมืองหลี่กวงหมิงนั้น ข้าได้ส่งคนไปสอบสวนแล้ว และข้าเชื่อว่าเขาจะต้องได้รับโทษทัณฑ์ตามความผิดที่เขากระทำ"

ท่านราชครูจ้าวหันไปมองหัวหน้าหมาที่ยืนอยู่ข้างๆ "หัวหน้าหมา เจ้าทำความดีความชอบในครั้งนี้ ข้าจะรายงานเรื่องนี้ต่อองค์จักรพรรดิ ให้ท่านได้รับความดีความชอบอย่างที่ควรจะได้รับ"

หัวหน้าหมาก้มศีรษะด้วยความนอบน้อม "ขอบพระคุณท่านราชครูขอรับ"

ความจริงเบื้องหลัง "ซุปแห่งชีวิตอมตะ" และการเชิญเข้าวัง

"ท่านแม่เจียง" ท่านราชครูจ้าวกล่าวต่อ "ข้ามีเรื่องสำคัญจะบอกท่าน" ท่านราชครูจ้าวลุกขึ้นยืน เดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปนอกท้องฟ้าที่กำลังสว่างขึ้น

"ท่านรู้หรือไม่ว่าเหตุใดองค์จักรพรรดิจึงส่งข้ามายังเมืองนี้?" ท่านราชครูจ้าวถาม

เหม่ยหลินส่ายหน้า "ข้าไม่ทราบเจ้าค่ะท่านราชครู"

"องค์จักรพรรดิประชวรหนักมานานแล้ว" ท่านราชครูจ้าวกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า "หมอหลวงทุกคนต่างก็หมดหนทางรักษา ไม่มีใครสามารถเยียวยาพระอาการของพระองค์ได้เลย"

คำพูดของท่านราชครูจ้าวทำให้เหม่ยหลินถึงกับตกใจ เธอไม่เคยคิดเลยว่าองค์จักรพรรดิจะประชวรหนักถึงเพียงนี้

"แล้วเกี่ยวอะไรกับข้าหรือเจ้าคะท่านราชครู?" เหม่ยหลินถามด้วยความสงสัย

ท่านราชครูจ้าวหันกลับมามองเหม่ยหลิน ดวงตาของท่านเป็นประกาย "ข้าได้ยินข่าวลือเรื่องซุปแห่งชีวิตอมตะของท่านแม่เจียง และสรรพคุณอันน่าอัศจรรย์ของมัน"

เหม่ยหลินถึงกับอึ้ง เธอไม่คิดว่าเรื่องซุปของเธอจะไปถึงหูองค์จักรพรรดิได้

"ข้าได้นำซุปแห่งชีวิตอมตะของท่านไปให้องค์จักรพรรดิได้ลองเสวยแล้ว" ท่านราชครูจ้าวกล่าว "และน่าอัศจรรย์นัก! หลังจากที่พระองค์เสวยซุปของท่านไปเพียงครั้งเดียว พระอาการก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด! ร่างกายของพระองค์มีพละกำลังมากขึ้น สีพระพักตร์ก็สดใสขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ!"

คำพูดของท่านราชครูจ้าวทำให้เหม่ยหลินรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก เธอไม่เคยคิดว่าซุปของเธอจะมีอานุภาพถึงเพียงนี้

"ดังนั้น" ท่านราชครูจ้าวกล่าวต่อ "องค์จักรพรรดิจึงมีราชโองการให้ข้ามาเชิญท่านแม่เจียงและครอบครัวเข้าวังหลวง เพื่อให้ท่านไปเป็นพ่อครัวหลวงประจำพระองค์ และปรุงซุปแห่งชีวิตอมตะถวายองค์จักรพรรดิทุกวัน!"

คำประกาศของท่านราชครูจ้าวทำให้ทุกคนในห้องถึงกับตกตะลึง การได้เข้าวังหลวงเป็นพ่อครัวหลวงเป็นเกียรติยศสูงสุดที่พ่อครัวทุกคนใฝ่ฝัน แต่มันก็หมายถึงการเข้าไปพัวพันกับการเมืองในราชสำนัก ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง

"ท่านราชครู" เหม่ยหลินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล "ข้าเกรงว่าข้าจะรับตำแหน่งนี้ไม่ได้เจ้าค่ะ"

"ทำไมจะไม่ได้!" ท่านราชครูจ้าวเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ "นี่คือเกียรติยศสูงสุดที่พ่อครัวทุกคนใฝ่ฝัน! หากท่านตอบรับ ท่านและครอบครัวก็จะได้รับชีวิตที่สุขสบาย มีเงินทองใช้จ่ายไม่ขาดมือ!"

"ข้ามีครอบครัวที่ต้องดูแลเจ้าค่ะ" เหม่ยหลินตอบ "และข้าไม่สามารถทิ้งพวกเขามาอยู่กับท่านได้"

"แต่ในฐานะพ่อครัวหลวง ท่านก็สามารถนำครอบครัวของท่านเข้ามาอยู่ในวังหลวงได้ด้วย!" ท่านราชครูจ้าวกล่าว "พวกเขาจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด! และที่สำคัญที่สุดคือ...พวกเขาจะปลอดภัยจากอันตรายใดๆ ทั้งปวง!"

ข้อเสนอของท่านราชครูจ้าวทำให้เหม่ยหลินถึงกับนิ่งไป เธอหันไปมองลูกๆ ของเธอที่กำลังมองเธอด้วยความหวัง การได้เข้าไปอยู่ในวังหลวงอาจเป็นทางเดียวที่จะทำให้พวกเขาปลอดภัยจากภัยคุกคามที่กำลังจะมาถึง

บททดสอบจากองค์จักรพรรดิและการทรยศที่คาดไม่ถึง

หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน เหม่ยหลินก็ตัดสินใจตอบรับคำเชิญของท่านราชครูจ้าว เธอรู้ว่านี่คือโอกาสเดียวที่จะปกป้องครอบครัวของเธอ และอาจจะเป็นโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของพวกเขาไปตลอดกาล

ในวันรุ่งขึ้น เหม่ยหลินและครอบครัวก็เดินทางเข้าสู่เมืองหลวงอย่างสมเกียรติ พวกเขาได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากผู้คนในเมืองหลวง และได้รับการจัดเตรียมที่พักอย่างดีเยี่ยมในวังหลวง

เมื่อเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิ เหม่ยหลินก็พบว่าองค์จักรพรรดิเป็นชายชราที่ดูอ่อนแอและเหนื่อยล้า แต่ดวงตาของพระองค์กลับเต็มไปด้วยความหวังและปัญญา

"ท่านแม่เจียง" องค์จักรพรรดิเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา "ข้าได้ยินเรื่องราวของท่านมามากแล้ว และข้าก็ซาบซึ้งในพระคุณของท่านที่ช่วยชีวิตข้าไว้"

เหม่ยหลินก้มศีรษะลงอย่างนอบน้อม "เป็นเกียรติอย่างยิ่งเจ้าค่ะฝ่าบาท"

"ข้าต้องการให้ท่านมาเป็นพ่อครัวหลวงประจำพระองค์" องค์จักรพรรดิกล่าวต่อ "และปรุงซุปแห่งชีวิตอมตะให้ข้าเสวยทุกวัน"

"แต่ฝ่าบาท..." เหม่ยหลินเอ่ยขึ้นอย่างลังเล "หม่อมฉันเป็นเพียงแม่ครัวสามัญชน...เกรงว่าจะไม่เหมาะสมกับตำแหน่งอันสูงส่งนี้เจ้าค่ะ"

"ไม่ต้องถ่อมตัวไปหรอก" องค์จักรพรรดิยิ้มบางๆ "ข้าเชื่อในความสามารถของท่าน และข้าก็เชื่อว่าท่านจะสามารถนำพาแสงสว่างมาสู่แผ่นดินนี้ได้"

องค์จักรพรรดิไม่ได้ขอให้เหม่ยหลินบอกสูตรซุปแห่งชีวิตอมตะให้พระองค์ แต่พระองค์มีข้อแม้เพียงอย่างเดียว นั่นคือ เหม่ยหลินต้องปรุงซุปแห่งชีวิตอมตะถวายพระองค์ทุกวัน และจะไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้ห้องครัวของเหม่ยหลินนอกจากคนในครอบครัวของเธอ และทหารองครักษ์ที่ได้รับความไว้วางใจจากองค์จักรพรรดิ

เหม่ยหลินตอบรับข้อเสนอขององค์จักรพรรดิ และเริ่มต้นชีวิตใหม่ในวังหลวง ลูกๆ ของเธอได้รับการศึกษาอย่างดีเยี่ยม หลี่เฟยหลงและหลี่เฟยหานได้รับการฝึกฝนการต่อสู้จากทหารองครักษ์ ส่วนชิวลี่ฮวาก็ได้เรียนรู้เรื่องการจัดดอกไม้และการเย็บปักถักร้อยจากนางกำนัลในวัง

ชีวิตในวังหลวงดูเหมือนจะดำเนินไปอย่างราบรื่น องค์จักรพรรดิมีพระพลานามัยที่แข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยซุปแห่งชีวิตอมตะของเหม่ยหลิน ชื่อเสียงของเหม่ยหลินในฐานะ "เชฟหลวงผู้รักษาจักรพรรดิ" ก็แพร่สะพัดไปทั่วทุกสารทิศ

แต่ในเงามืดของวังหลวง คลื่นใต้น้ำ กำลังก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ

วันหนึ่ง ขณะที่เหม่ยหลินกำลังง่วนอยู่กับการเตรียมวัตถุดิบสำหรับซุปแห่งชีวิตอมตะในห้องครัวส่วนตัวของเธอ จู่ๆ เธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆ ดังขึ้นจากด้านหลัง เมื่อเธอหันไปมอง เธอก็พบกับ หลี่เฟยหาน ลูกชายคนเล็กของเธอ! เขากำลังยืนอยู่หน้าเตาปรุงซุป ดวงตาของเขาเป็นประกายแปลกๆ และในมือของเขากำลังถือ ผงสีดำบางอย่าง!

"หลี่เฟยหาน! เจ้าทำอะไรของเจ้า!" เหม่ยหลินอุทานด้วยความตกใจ

หลี่เฟยหานหันมามองเหม่ยหลิน ใบหน้าของเขาซีดเผือด และในดวงตาของเขาก็ปรากฏแววของความหวาดกลัวและสำนึกผิด

"ท่านแม่...ลูก...ลูกขอโทษขอรับ!" หลี่เฟยหานกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "ลูก...ลูกถูกบังคับ!"

"บังคับอย่างนั้นรึ! ใครบังคับเจ้า!" เหม่ยหลินถามด้วยความตกใจและสับสน

ในขณะนั้นเอง เสียงฝีเท้าดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับร่างของ ขันทีจาง ขันทีคนสนิทขององค์จักรพรรดิ! ใบหน้าของขันทีจางปรากฏรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์และชั่วร้าย

"โอ้! ตื่นแล้วอย่างนั้นรึแม่นางเหม่ยหลิน!" ขันทีจางกล่าวด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย "ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ดูท่าทางเจ้าจะสบายดีขึ้นเยอะเลยนี่"

เหม่ยหลินมองขันทีจางด้วยความไม่เข้าใจ เธอไม่เคยคิดว่าขันทีคนสนิทขององค์จักรพรรดิจะมาปรากฏตัวที่นี่ และยิ่งไม่คิดว่าเขาจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

"ขันทีจาง! ท่านมาทำอะไรที่นี่!" เหม่ยหลินถามด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"ข้าก็แค่มาเก็บของสำคัญบางอย่างเท่านั้นเอง!" ขันทีจางตอบ พลางหันไปมองหลี่เฟยหานที่กำลังตัวสั่นงันงก "หลี่เฟยหาน! เจ้าทำหน้าที่ได้ดีมาก! ต่อไปนี้เจ้าก็จะเป็นคนรวยแล้ว!"

"เจ้าหมายความว่าอย่างไร!" เหม่ยหลินตะโกนขึ้นอย่างโมโห "เจ้าบังคับให้ลูกของข้าทำอะไรกันแน่!"

"ฮ่า ๆ ๆ!" ขันทีจางหัวเราะเสียงดัง "ก็แค่บังคับให้ลูกชายของเจ้าแอบใส่ ยาพิษ ลงในซุปแห่งชีวิตอมตะขององค์จักรพรรดิเท่านั้นแหละ!"

คำพูดของขันทีจางราวกับสายฟ้าฟาดลงกลางใจของเหม่ยหลิน เธอถึงกับเข่าอ่อนด้วยความตกใจและไม่เชื่อหูตัวเอง

"ไม่จริง! เจ้าโกหก!" เหม่ยหลินตะโกน

"จริงสิ!" ขันทีจางตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน "องค์จักรพรรดิผู้ชราภาพจะต้องตายด้วยน้ำมือของท่านเอง! แล้วใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ! ก็ท่านแม่เจียงผู้นี้ไงเล่า! แล้วใครจะเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในวังหลวง! ก็ข้านี่แหละ! ฮ่า ๆ ๆ!"

ขันทีจางหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความชั่วร้ายและโลภโมโทสัน เหม่ยหลินมองหลี่เฟยหานด้วยความเจ็บปวดและผิดหวัง เธอไม่เคยคิดเลยว่าลูกชายของเธอจะถูกใช้เป็นเครื่องมือในการก่ออาชญากรรมที่ร้ายแรงถึงเพียงนี้

この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • ข้านี้แหละที่จะทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวย   พลังงานลึกลับ

    หลายเดือนหลังจากการเอาชนะภัยแล้งและความร่วมมือกับเผ่าหินทมิฬ ความสงบสุขก็กลับมาสู่แคว้นอีกครั้ง เหม่ยหลินยังคงทำหน้าที่เชฟหลวงและครูสอนทำอาหารอย่างไม่ย่อท้อ แต่ในใจของเธอ เธอรู้ว่าความสงบสุขนี้เป็นเพียงช่วงเวลาที่ยืมมาจากโชคชะตาเท่านั้น พลังงานลึกลับ ที่คุณหมอชลธีกล่าวถึง เริ่มแสดงอาการที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆพลังงานที่ปั่นป่วนและอาการผิดปกติของธรรมชาติในคืนหนึ่งที่เงียบสงบ เหม่ยหลินกำลังนั่งสมาธิอยู่ในสวนหลวงเพื่อฝึกจิตให้สงบตามที่คุณหมอชลธีแนะนำ ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกได้ถึงคลื่นพลังงานประหลาดที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย คลื่นพลังงานนั้นทำให้เธอรู้สึกวิงเวียนศีรษะ และได้ยินเสียงกระซิบที่เธอไม่เข้าใจ ความรู้สึกนี้คล้ายกับความรู้สึกในวันที่เธอเดินทางข้ามมิติมายังโลกนี้!เธอรีบไปยังที่พักของคุณหมอชลธีทันที และพบว่าเขากำลังยืนอยู่หน้าต่างด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด"คุณหมอชลธี! คุณรู้สึกไหมคะ!?" เหม่ยหลินถามด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก"ครับ...ผมรู้สึก" คุณหมอชลธีตอบ "มันไม่ใช่แค่ในร่างกายเราแล้วนะครับคุณเหม่ยหลิน...แต่ผมรู้สึกว่ามันกำลังปั่นป่วน มิติ นี้อยู่"อาการผิดปกติเริ่มปรากฏขึ้นทั่วแคว้น สัตว์เลี้ยง

  • ข้านี้แหละที่จะทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวย   มิตรภาพกลางทะเลทราย

    การเผชิญหน้าระหว่างสองอารยธรรมที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ได้ถูกตัดสินด้วยเงื่อนไขที่แปลกประหลาดที่สุด นั่นคือ "อาหาร" เหม่ยหลินไม่รู้สึกหวาดหวั่นเลยแม้แต่น้อย เธอมองไปยังไป๋เฟิงและคุณหมอชลธีด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ส่วนหัวหน้าหินทมิฬและพรรคพวกของเขาก็จ้องมองเธอด้วยความสงสัยระคนดูถูก"ท่านหัวหน้าหินทมิฬ" เหม่ยหลินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สงบ "ก่อนที่ข้าจะเริ่มทำอาหาร ข้าอยากจะขอให้ท่านแสดงน้ำใจแก่พวกข้าเสียก่อน โปรดนำน้ำมาให้พวกข้าสักเล็กน้อยเพื่อใช้ในการปรุงอาหาร และถ้าท่านอนุญาต...ข้าอยากจะขอให้พวกท่านช่วยนำทางพวกเราไปหาวัตถุดิบบางอย่างในพื้นที่ของท่านเพคะ"หัวหน้าหินทมิฬหัวเราะในลำคอ "เจ้ากล้าขอของจากข้าอย่างนั้นรึ! ก็ได้! แต่ถ้าเจ้าปรุงอาหารให้ข้าไม่พอใจ...เจ้าจะต้องถูกโยนลงไปในทะเลทรายที่ร้อนระอุจนกลายเป็นอาหารของสัตว์ร้าย!"เขาสั่งลูกน้องให้นำน้ำมาให้เหม่ยหลินเพียงน้อยนิด และให้ชายหนุ่มคนหนึ่งนำทางเธอไปหาวัตถุดิบ เหม่ยหลินรับน้ำมาด้วยรอยยิ้ม แล้วเดินนำไป๋เฟิงและคุณหมอชลธีออกไปพร้อมกับผู้ช่วยจากเผ่าหินทมิฬการล่าวัตถุดิบในแดนทุรกันดารการเดินทางไปหาวัตถุดิบในดินแดนของเผ่าหินทมิ

  • ข้านี้แหละที่จะทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวย   ภัยแร้ง

    บรรยากาศระหว่างคนทั้งสามตึงเครียดราวกับสายธนูที่ถูกน้าวสุดแรง ไป๋เฟิงมองเหม่ยหลินและคุณหมอชลธีสลับไปมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม เหม่ยหลินรู้สึกเหมือนถูกบีบรัดด้วยความลับที่ปกปิดมานานหลายปี เธอรู้ว่าไม่อาจหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าในครั้งนี้ได้อีกต่อไป"ไป๋เฟิง" เหม่ยหลินเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเธอสั่นเครือแต่แฝงด้วยความเด็ดเดี่ยว "ข้าจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ท่านฟัง แต่ท่านต้องให้สัญญากับข้าว่า ท่านจะไม่ตัดสินข้า และจะเชื่อในสิ่งที่ข้าพูด"ไป๋เฟิงพยักหน้าอย่างช้าๆ "ข้าให้สัญญาขอรับ"เหม่ยหลินจึงเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมด ตั้งแต่วันที่เธอเป็นเชฟในโรงพยาบาลในโลกที่เธอจากมา เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันที่ทำให้เธอหลุดข้ามมิติมายังโลกนี้ การได้พบกับครอบครัวของเจียงเหวิน และการใช้ความรู้จากโลกเดิมเพื่อเอาชีวิตรอดและสร้างชีวิตใหม่ เธอไม่ได้ละเว้นแม้แต่เรื่องราวที่เธอเคยบอกไปแล้วอย่างเรื่องการทำอาหารจากวัตถุดิบประหลาด หรือเรื่องราวของโลกที่เทคโนโลยีเจริญก้าวหน้าไปไกลกว่าโลกนี้มากไป๋เฟิงฟังอย่างเงียบสงบ สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนจากความสงสัยเป็นความเข้าใจและตกตะลึง ในขณะที่คุณหมอชลธีก็เสริมข้อมูลบางอย่างที่เหม่ยห

  • ข้านี้แหละที่จะทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวย   กองโจรกับการหลับมา

    หลายปีผ่านไปนับตั้งแต่เหตุการณ์โจรสลัดหมาป่าทมิฬ ทุกมุมของแคว้นได้ฟื้นคืนชีวิตชีวาอย่างเต็มที่ภายใต้การนำอันชาญฉลาดของเหม่ยหลินและองค์จักรพรรดิ ตระกูลหลี่ได้กลายเป็นตระกูลที่มีเกียรติยศสูงสุดในแผ่นดิน หลี่เฟยหลงก้าวขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่ผู้แข็งแกร่งและซื่อสัตย์ ชิวลี่ฮวาเป็นที่รู้จักในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านพืชพรรณและศิลปะในวัง ส่วนหลี่เฟยหานก็เติบโตเป็นข้าราชการหนุ่มผู้ซื่อตรงและเปี่ยมด้วยความสามารถ หลี่เฟยหยาง น้องสุดท้องก็เป็นหนุ่มน้อยผู้ร่าเริง มีสติปัญญา และมักจะสร้างเสียงหัวเราะให้กับทุกคนในวังเสมอมิตรภาพระหว่างแคว้นของเหม่ยหลินกับแคว้นเยว่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็กกล้า ไป๋เฟิงยังคงเป็นราชทูตผู้ทรงอิทธิพล และมักจะเดินทางมาเยี่ยมเยียนเหม่ยหลินและครอบครัวอยู่เสมอ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเหม่ยหลินนั้นลึกซึ้งเกินกว่าคำว่ามิตร และเป็นที่รับรู้กันในหมู่คนใกล้ชิดว่าไป๋เฟิงมีใจให้กับเชฟหลวงผู้นี้อย่างสุดซึ้ง แต่ความแตกต่างของสถานะและแคว้นทำให้เรื่องนี้ยังคงเป็นเพียงความรู้สึกที่งดงามในใจเท่านั้นแม้ทุกสิ่งจะดูสมบูรณ์แบบ แต่บางครั้ง เงาจากอดีต ก็มักจะคืบคลานกลับมาทักทาย โดยเฉพาะอดีตที่เ

  • ข้านี้แหละที่จะทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวย   โจร

    ความรุ่งเรืองของแคว้นที่ฟื้นคืนชีพจากวิกฤตภัยธรรมชาติ เป็นดั่งแสงสว่างที่ดึงดูดสายตาจากทุกทิศทุกทาง ชื่อเสียงของ "ซุปแห่งชีวิตอมตะ" และความอุดมสมบูรณ์ที่กลับคืนมาอย่างรวดเร็วภายใต้การนำของ เชฟหลวงเหม่ยหลิน ไม่ได้สร้างความชื่นชมยินดีไปทั่วทุกสารทิศเสมอไป ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป ความโลภ กำลังเริ่มคืบคลานเข้าปกคลุมจิตใจของผู้คนบางกลุ่ม เสียงกระซิบของความมั่งคั่งและแผนการร้ายจากแดนเถื่อน ทางทิศตะวันออกไกลโพ้นจากแคว้นที่กำลังฟื้นฟู มีกลุ่มโจรขนาดใหญ่ที่เรียกตัวเองว่า "หมาป่าทมิฬ" อาศัยอยู่ พวกมันเป็นที่หวาดกลัวของผู้คนในแถบนั้น ด้วยความโหดเหี้ยม ป่าเถื่อน และความสามารถในการปล้นสะดมอย่างรวดเร็วราวกับฝูงหมาป่าที่หิวโหย หัวหน้ากลุ่ม คือชายร่างยักษ์ผู้มีใบหน้าดุร้ายและรอยแผลเป็นพาดผ่านดวงตา "ไคเฟิง" เขาได้ยินข่าวลือเรื่องความมั่งคั่งของแคว้นที่ฟื้นคืนชีพ รวมถึงเรื่องอาหารวิเศษที่ทำให้ผู้คนมีพละกำลังและสุขภาพดี "พวกแกได้ยินข่าวลือเรื่องแคว้นทางตะวันตกนั่นรึไม่!" ไคเฟิงคำรามเสียงดังในค่ายโจรที่เต็มไปด้วยกองไฟและเสียงเอะอะโวยวาย "มันว่ากันว่าแคว้นนั้นมีอาหารวิเศษที่ทำให้คนไม่เจ็บไม่ป่วย!

  • ข้านี้แหละที่จะทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวย   การฟื้นฟู

    เสียงโห่ร้องยินดีดังกึกก้องไปทั่วลานประลอง เมื่อขันทีหลงและผู้นำพรรคอัคคีทมิฬถูกคุมตัวออกไป ภาพของประชาชนที่ดื่มด่ำ "ซุปแห่งแสงตะวัน" และฟื้นคืนพลังขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ ได้สยบทุกความแคลงใจ ทุกเสียงกระซิบกระซาบของความไม่พอใจมลายหายไปสิ้น แทนที่ด้วยประกายแห่งความหวังและความเชื่อมั่นที่กลับคืนมาองค์จักรพรรดิทรงเดินลงจากบัลลังก์ มาประทับยืนข้างเหม่ยหลิน พระหัตถ์ของพระองค์วางลงบนบ่าของเธอด้วยความเมตตาและภาคภูมิใจ"ประชาชนของข้า!" องค์จักรพรรดิรับสั่งด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยพลัง "วันนี้! พวกเจ้าได้เห็นแล้วถึงความจริงใจของวังหลวง! พวกเจ้าได้ลิ้มรสแล้วถึงความเมตตาของสวรรค์! และพวกเจ้าได้ประจักษ์แล้วถึงพลังแห่งความสามัคคี! เราจะร่วมกันฟื้นฟูแคว้นของเราให้กลับมารุ่งเรืองยิ่งกว่าเดิม!"เสียงกู่ก้อง "ทรงพระเจริญ!" ดังกึกก้องไปทั่วทั้งลานประลอง ประชาชนต่างคุกเข่าลงด้วยความเคารพและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแผนฟื้นฟูแผ่นดิน: เมล็ดพันธุ์แห่งความหวังหลังเหตุการณ์จลาจล องค์จักรพรรดิได้เรียกประชุมเหล่าขุนนางและผู้เชี่ยวชาญทุกสาขา เพื่อวางแผนฟื้นฟูแคว้นครั้งใหญ่ เหม่ยหลิน ไป๋เฟิง

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status