แชร์

คลื่นใต้น้ำ

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-06 23:00:30

ชัยชนะจากการประลองปัญญาครั้งนั้นส่งให้ชื่อเสียงของ เหม่ยหลิน และ ตระกูลหลี่ ดังกระฉ่อนไปทั่วทั้งตลาด และลามไปถึงหมู่บ้านใกล้เคียงอย่างรวดเร็ว ผู้คนต่างพูดถึง "แม่เจียงคนใหม่" ที่ไม่เพียงแต่ทำอาหารอร่อยเลิศ แต่ยังเฉลียวฉลาดและกล้าหาญ กล้าเผชิญหน้ากับผู้มีอิทธิพลอย่างหัวหน้าหมา

เช้าวันรุ่งขึ้น แผงขายของเหม่ยหลินไม่เพียงแค่คึกคัก แต่กลับแน่นขนัดไปด้วยผู้คนที่มาต่อคิวยาวเหยียด พวกเขาไม่เพียงมาซื้อ "บะหมี่เจผักรวม" และ "ซุปเห็ดหลินจือดำ" เท่านั้น แต่ยังมาเพื่อชมบารมีของเหม่ยหลินและลูก ๆ ของเธอด้วย

"ท่านแม่เจียง! ข้ามาจากหมู่บ้านเจียงเป่ย! ได้ยินว่าอาหารของท่านอร่อยล้ำเลิศนัก ข้าจึงมาขอชิมด้วยตัวเอง!" ชายชราคนหนึ่งกล่าวด้วยความเลื่อมใส

"ท่านแม่เจียง! ข้าซื้อบะหมี่เจของท่านไปให้ลูกเมียกินแล้ว! พวกเขาชอบมากเลย! ขอบพระคุณท่านแม่เจียงที่ทำอาหารดี ๆ แบบนี้มาให้พวกเราได้กิน!" ชาวนาอีกคนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

เหม่ยหลินยิ้มตอบรับคำชมเชยอย่างอ่อนน้อม เธอและลูก ๆ ทำงานกันอย่างขะมักเขม้น หลี่เฟยหลงกับหลี่เฟยหานทำหน้าที่ตักบะหมี่และซุป ส่วนชิวลี่ฮวากับหลี่เฟยหยางก็ช่วยรับเงินและห่ออาหารด้วยความสนุกสนาน

"ท่านแม่! วันนี้เราต้องทำเพิ่มเยอะ ๆ เลยนะขอรับ!" หลี่เฟยหยางเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้น

"ใช่แล้วลูก" เหม่ยหลินตอบ "วันนี้เราจะลองทำเมนูใหม่ด้วยนะ"

เธอใช้ความรู้เรื่องวัตถุดิบและประสบการณ์จากโลกปัจจุบัน มาปรับใช้กับสิ่งที่มีในยุค 70 เธอตัดสินใจทำ "ขนมหัวผักกาดทอด" ซึ่งทำจากหัวไชเท้าขูดผสมแป้งข้าวโพดและปรุงรสด้วยเต้าเจี้ยว แล้วนำไปทอดจนกรอบนอกนุ่มใน และ "ข้าวปั้นไส้เต้าเจี้ยว" ซึ่งทำจากข้าวที่หุงผสมมันเทศ บดให้ละเอียดแล้วปั้นเป็นก้อน สอดไส้ด้วยเต้าเจี้ยวผัดหอม ๆ

เมนูใหม่ของเหม่ยหลินได้รับเสียงตอบรับอย่างดีเยี่ยมเช่นเคย ผู้คนต่างชื่นชมในความคิดสร้างสรรค์และรสชาติที่แปลกใหม่ของเธอ

"นี่มันขนมอะไรกัน! อร่อยอย่างไม่น่าเชื่อ!"

"ข้าวปั้นนี่ก็กินง่าย แถมยังอิ่มท้องอีกด้วย!"

ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ แผงขายของเหม่ยหลินก็กลายเป็นจุดเด่นของตลาด ชื่อเสียงของ "เชฟเหม่ยหลิน" แพร่สะพัดไปทั่วทุกสารทิศ ผู้คนต่างเดินทางมาจากต่างเมืองเพื่อมาลิ้มลองอาหารของเธอ ตระกูลหลี่พลิกจากครอบครัวยากจนข้นแค้น กลายเป็นครอบครัวที่มีฐานะมั่นคงอย่างรวดเร็ว

"ท่านแม่...วันนี้เราได้เงินเยอะมากเลยขอรับ!" หลี่เฟยหลงเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้น เขามองถุงเงินในมือด้วยความไม่เชื่อสายตา

"ใช่แล้วลูก" เหม่ยหลินตอบ "ตอนนี้เรามีเงินพอที่จะซ่อมแซมบ้าน ซื้อเสื้อผ้าใหม่ และซื้ออาหารดี ๆ กินแล้ว"

เธอรู้สึกภูมิใจในตัวลูก ๆ ของเธอ พวกเขาเติบโตขึ้นมาก ไม่ใช่แค่ร่างกาย แต่รวมถึงจิตใจด้วย พวกเขาทำงานหนัก ไม่เกี่ยงงาน และที่สำคัญที่สุดคือพวกเขามีรอยยิ้มและความสุขบนใบหน้าอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนจากเจ้าของร่างเดิม

คลื่นใต้น้ำจากอำนาจที่สูงกว่า

ความสำเร็จของเหม่ยหลินไม่ได้รอดพ้นจากสายตาของ จางไห่ และ มาดามหลี่ ผู้ซึ่งเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา พวกเขารู้สึกเหมือนถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีครั้งแล้วครั้งเล่า และไม่พอใจที่เห็นเหม่ยหลินก้าวขึ้นมามีชื่อเสียงโด่งดัง

วันหนึ่ง ขณะที่เหม่ยหลินกำลังจัดเตรียมของที่แผงขายของเธอ ก็มีชายชุดดำสองคนเดินเข้ามาใกล้ พวกเขาสวมชุดผ้าไหมเนื้อดี ใบหน้าเรียบเฉย ดวงตาคมกริบมองมาที่เหม่ยหลินด้วยสายตาที่เย็นชา

"ท่านคือแม่เจียงอย่างนั้นรึ?" หนึ่งในชายชุดดำเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงห้าวหาญ

เหม่ยหลินรู้สึกได้ถึงออร่าที่แผ่ออกมาจากชายสองคนนี้ มันเป็นออร่าของชนชั้นสูงหรือผู้มีอำนาจ เธอก้มศีรษะเล็กน้อย "เจ้าค่ะ ข้าคือเจียงเหมยลี่ มีอะไรให้ข้ารับใช้หรือเจ้าคะ?"

"พวกเรามาจากจวนเจ้าเมือง" ชายชุดดำอีกคนกล่าวขึ้น "เจ้าเมืองต้องการให้เจ้าไปที่จวนเดี๋ยวนี้"

คำพูดของชายชุดดำทำให้ผู้คนในตลาดต่างตกตะลึง พวกเขาไม่คิดว่าชื่อเสียงของเหม่ยหลินจะไปถึงขั้นเจ้าเมือง

"จวนเจ้าเมืองอย่างนั้นรึเจ้าคะ?" เหม่ยหลินถามอย่างไม่แน่ใจ "ข้าไม่ทราบว่าเจ้าเมืองมีธุระอะไรกับข้า"

"เจ้าเมืองได้ยินชื่อเสียงของเจ้า" ชายชุดดำตอบ "เขาต้องการให้เจ้าไปทำอาหารให้เขาเป็นการส่วนตัว"

คำเชิญชวนของเจ้าเมืองเป็นทั้งโอกาสและกับดัก เหม่ยหลินรู้ดีว่าการเข้าไปในจวนเจ้าเมืองนั้นมีความเสี่ยง แต่ก็เป็นโอกาสที่จะสร้างชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างยิ่งขึ้น

"ข้าขอเวลาเตรียมตัวสักครู่ได้ไหมเจ้าคะ?" เหม่ยหลินขอ

"ไม่ได้!" ชายชุดดำตอบอย่างเฉียบขาด "เจ้าเมืองสั่งให้เจ้าไปเดี๋ยวนี้! หากเจ้าไม่ไป...พวกเราก็จะใช้กำลังบังคับ!"

เหม่ยหลินมองไปที่ลูก ๆ ของเธอที่กำลังมองเธอด้วยความกังวล หลี่เฟยหลงขยับเข้ามาใกล้เธอเล็กน้อย ราวกับต้องการจะปกป้องเธอ

"ท่านแม่...ท่านแม่จะไปได้อย่างไรขอรับ?" หลี่เฟยหลงกระซิบด้วยน้ำเสียงกังวล

เหม่ยหลินยิ้มบาง ๆ "ไม่เป็นไรหรอกลูก แม่จะไป" เธอรู้ว่าเธอไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว

เธอหันไปบอกลูก ๆ "พวกเจ้าดูแลแผงให้ดีนะ แม่จะไปเดี๋ยวเดียวแล้วจะกลับมา"

ก่อนจะหันไปหาชายชุดดำ "ข้าพร้อมแล้วเจ้าค่ะ"

ในจวนเจ้าเมือง

จวนเจ้าเมืองเป็นคฤหาสน์ขนาดใหญ่โอ่อ่าสง่างาม ตัวอาคารสร้างจากไม้เนื้อแข็งแกะสลักอย่างวิจิตรบรรจง มีสวนหย่อมขนาดใหญ่และบ่อน้ำพุที่ตกแต่งอย่างสวยงาม เหม่ยหลินถูกนำตัวมายังห้องโถงรับรองขนาดใหญ่ ภายในห้องตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สลักลวดลายงดงาม มีโคมไฟกระดาษประดับประดาอย่างหรูหรา

เมื่อเหม่ยหลินเข้ามาในห้อง เธอก็เห็นชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดผ้าไหมสีเขียวเข้ม ใบหน้าของเขาดูภูมิฐานและเต็มไปด้วยอำนาจ เขากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้สลักลายมังกร เขาคือ หลี่กวงหมิง เจ้าเมืองแห่งนี้

"ท่านแม่เจียง" หลี่กวงหมิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "ได้ยินชื่อเสียงของเจ้ามานานแล้วว่าเจ้าทำอาหารได้อร่อยเลิศนัก ข้าจึงอยากจะลองชิมด้วยตัวเอง"

เหม่ยหลินก้มศีรษะเล็กน้อย "เป็นเกียรติอย่างยิ่งเจ้าค่ะท่านเจ้าเมือง"

"หึ! ไม่ต้องถ่อมตัวไปหรอก" หลี่กวงหมิงกล่าว "ข้าได้ยินว่าเจ้าทำอาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์ได้อร่อยกว่าบะหมี่เนื้อตุ๋นของมาดามหลี่เสียอีก! เจ้าคิดว่าเจ้ามีความสามารถมากขนาดนั้นเชียวรึ?"

น้ำเสียงของหลี่กวงหมิงเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยและไม่เชื่อในฝีมือของเธอ เหม่ยหลินรู้ดีว่านี่คือการทดสอบ และเธอต้องแสดงฝีมือให้เขาเห็น

"ข้าไม่ได้โอ้อวดเจ้าค่ะท่านเจ้าเมือง" เหม่ยหลินตอบอย่างมั่นใจ "ข้าเพียงแค่ทำอาหารด้วยใจ และใช้ความรู้ที่ข้ามีสร้างสรรค์เมนูใหม่ ๆ ออกมา"

"ดี!" หลี่กวงหมิงกล่าว "ถ้าอย่างนั้น...ข้าจะให้เจ้าเข้าครัวของข้า! ทำอาหารอะไรก็ได้! แต่ต้องเป็นอาหารที่อร้าอร่อยที่สุดเท่าที่เจ้าเคยทำมา! หากทำได้ไม่ถูกใจข้า...เจ้าจะต้องรับโทษ!"

เหม่ยหลินรับคำท้า เธอเดินเข้าครัวของจวนเจ้าเมือง ซึ่งใหญ่โตและเต็มไปด้วยวัตถุดิบมากมายที่ไม่เคยเห็นในตลาดท้องถิ่น ทั้งเนื้อสัตว์หายาก ผักแปลกตา และเครื่องเทศนานาชนิด

เธอสำรวจวัตถุดิบด้วยดวงตาที่เป็นประกาย นี่คือโอกาสที่จะได้แสดงฝีมืออย่างเต็มที่

"ท่านแม่เจียงต้องการอะไรเป็นพิเศษหรือไม่?" พ่อครัวประจำจวนเจ้าเมืองถามด้วยความสงสัย เขาไม่เคยเห็นใครมีท่าทีมั่นใจเช่นนี้มาก่อน

เหม่ยหลินยิ้ม "ข้าต้องการเนื้อปลาหิมะสด ๆ และเห็ดหลินจือสีทองเจ้าค่ะ"

คำขอของเหม่ยหลินทำให้พ่อครัวถึงกับตกตะลึง เห็ดหลินจือสีทองเป็นเห็ดที่หายากยิ่งกว่าเห็ดหลินจือดำหลายเท่า และมีราคาสูงลิบลิ่ว

"ท่านแม่เจียง...ท่านแน่ใจหรือเจ้าคะ? เห็ดหลินจือสีทองหายากมากนะเจ้าคะ" พ่อครัวกล่าว

"ข้าแน่ใจ" เหม่ยหลินตอบอย่างมั่นใจ

เมื่อได้วัตถุดิบครบถ้วน เหม่ยหลินก็เริ่มลงมือปรุงอาหาร เธอตัดสินใจทำเมนู "ปลาหิมะนึ่งซุปเห็ดหลินจือทองคำ" และ "ข้าวผัดจักรพรรดิ"

เธอเริ่มต้นด้วยการนึ่งปลาหิมะด้วยความพิถีพิถัน โดยใช้สมุนไพรจีนบางชนิดเพื่อดับกลิ่นคาวและเพิ่มความหอม จากนั้นเธอก็นำเห็ดหลินจือสีทองมาตุ๋นกับน้ำซุปกระดูกไก่ที่เคี่ยวจนได้ที่ ปรุงรสด้วยเกลือและเครื่องเทศเล็กน้อย เพื่อให้ได้ซุปที่หอมหวานและมีรสชาติล้ำลึกอย่างแท้จริง

ส่วนข้าวผัดจักรพรรดิ เธอใช้ข้าวที่หุงอย่างดี นำมาผัดกับไข่ เนื้อหมูสับ ผักต่าง ๆ และเต้าเจี้ยวปรุงรสพิเศษ เติมกลิ่นหอมด้วยน้ำมันงา และโรยหน้าด้วยต้นหอมซอยอย่างประณีต

กลิ่นหอมของอาหารลอยฟุ้งไปทั่วทั้งจวนเจ้าเมือง ทำให้หลี่กวงหมิงถึงกับอดทนรอไม่ไหว

"กลิ่นอะไรกัน! ทำไมมันถึงได้หอมขนาดนี้!" หลี่กวงหมิงเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ

เมื่ออาหารทั้งสองเมนูถูกยกมาเสิร์ฟบนโต๊ะอาหาร หลี่กวงหมิงถึงกับตาโตด้วยความทึ่ง ปลาหิมะนึ่งดูน่ากิน ซุปเห็ดหลินจือทองคำมีสีทองอร่าม ส่วนข้าวผัดจักรพรรดิก็มีสีสันสวยงาม

หลี่กวงหมิงตักปลาหิมะนึ่งเข้าปากคำแรก ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ รสชาติเนื้อปลาที่นุ่มละมุนลิ้น ผสานกับความหอมของสมุนไพรและน้ำซุปเห็ดหลินจือทองคำที่เข้มข้น ทำให้เขารู้สึกเหมือนได้ขึ้นสวรรค์

"อร่อย! อร่อยอย่างเหลือเชื่อ!" หลี่กวงหมิงเอ่ยชมอย่างจริงใจ "นี่มันอาหารของเทพเจ้าชัดๆ!"

เขาตามด้วยซุปเห็ดหลินจือทองคำ และข้าวผัดจักรพรรดิ ทุกเมนูล้วนสร้างความประทับใจให้แก่เขาอย่างมาก

"ท่านแม่เจียง! เจ้ามันอัจฉริยะชัดๆ!" หลี่กวงหมิงกล่าวด้วยความชื่นชม "ข้าไม่เคยลิ้มรสอาหารที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต! แม้แต่พ่อครัวหลวงในวังหลวงก็ยังเทียบเจ้าไม่ได้!"

เหม่ยหลินยิ้มอย่างอ่อนน้อม "ท่านเจ้าเมืองกล่าวเกินไปแล้วเจ้าค่ะ"

"ไม่เลย! ข้าไม่ได้กล่าวเกินจริงแม้แต่น้อย!" หลี่กวงหมิงกล่าวอย่างหนักแน่น "ข้าตัดสินใจแล้ว! ข้าต้องการให้เจ้ามาเป็นพ่อครัวประจำจวนของข้า!"

คำประกาศของหลี่กวงหมิงสร้างความตกใจให้แก่เหม่ยหลิน เธอไม่คิดว่าเขาจะยื่นข้อเสนอเช่นนี้

"ข้า...ข้าเกรงว่าข้าจะรับตำแหน่งนั้นไม่ได้เจ้าค่ะท่านเจ้าเมือง" เหม่ยหลินตอบอย่างลังเล

"ทำไมจะไม่ได้!" หลี่กวงหมิงกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ "เจ้าไม่อยากได้เกียรติยศและเงินทองอย่างนั้นรึ!?"

"ข้ามีครอบครัวที่ต้องดูแลเจ้าค่ะท่านเจ้าเมือง" เหม่ยหลินตอบ "ข้าไม่สามารถทิ้งพวกเขามาอยู่กับท่านได้"

หลี่กวงหมิงเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะถอนหายใจ "เอาเถอะ...ในเมื่อเจ้าไม่ต้องการตำแหน่งพ่อครัวประจำจวนของข้า...ข้าก็จะไม่บังคับ"

เหม่ยหลินรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย

"แต่!" หลี่กวงหมิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง "ข้าต้องการให้เจ้าส่งอาหารของเจ้ามาให้ข้ากินทุกวัน! และเจ้าต้องบอกสูตรอาหารของเจ้าให้ข้าด้วย!"

ข้อเสนอของหลี่กวงหมิงทำให้เหม่ยหลินถึงกับอึ้ง การบอกสูตรอาหารเป็นสิ่งที่เชฟทุกคนหวงแหนที่สุด

"ท่านเจ้าเมือง..." เหม่ยหลินกล่าวอย่างลังเล "สูตรอาหารของข้าเป็นสิ่งที่ข้าคิดค้นขึ้นมาด้วยตัวเอง...และข้าไม่สามารถบอกใครได้เจ้าค่ะ"

"เจ้ากล้าปฏิเสธคำสั่งของข้าอย่างนั้นรึ!" หลี่กวงหมิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา "เจ้าต้องการให้ข้าสั่งปิดแผงของเจ้าอย่างนั้นรึ!?"

เหม่ยหลินเงียบไป เธอรู้ว่าเธออยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก หากเธอปฏิเสธ เจ้าเมืองก็จะใช้กำลังอำนาจเล่นงานเธอและครอบครัวของเธอ

ต้องหาทางออกที่ชาญฉลาดที่สุด...

"ข้าจะยอมส่งอาหารให้ท่านเจ้าเมืองกินทุกวันเจ้าค่ะ" เหม่ยหลินตอบในที่สุด "แต่เรื่องสูตรอาหาร...ข้าคงต้องขอเวลาคิดสักครู่เจ้าค่ะ"

หลี่กวงหมิงมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

"เอาล่ะ...ในเมื่อเจ้าเลือกที่จะปฏิเสธเกียรติยศและเงินทอง" หลี่กวงหมิงกล่าว "ก็กลับไปได้แล้ว! และอย่าลืมส่งอาหารมาให้ข้ากินทุกวันด้วย! ไม่เช่นนั้น...เจ้าจะต้องเจอดีแน่!"

เหม่ยหลินก้มศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกจากจวนเจ้าเมืองด้วยความรู้สึกหนักอึ้งในใจ เธอรู้ดีว่าการเข้าไปในจวนเจ้าเมืองครั้งนี้ได้สร้างปัญหาใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมให้กับเธอและครอบครัว

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ข้านี้แหละที่จะทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวย   พลังงานลึกลับ

    หลายเดือนหลังจากการเอาชนะภัยแล้งและความร่วมมือกับเผ่าหินทมิฬ ความสงบสุขก็กลับมาสู่แคว้นอีกครั้ง เหม่ยหลินยังคงทำหน้าที่เชฟหลวงและครูสอนทำอาหารอย่างไม่ย่อท้อ แต่ในใจของเธอ เธอรู้ว่าความสงบสุขนี้เป็นเพียงช่วงเวลาที่ยืมมาจากโชคชะตาเท่านั้น พลังงานลึกลับ ที่คุณหมอชลธีกล่าวถึง เริ่มแสดงอาการที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆพลังงานที่ปั่นป่วนและอาการผิดปกติของธรรมชาติในคืนหนึ่งที่เงียบสงบ เหม่ยหลินกำลังนั่งสมาธิอยู่ในสวนหลวงเพื่อฝึกจิตให้สงบตามที่คุณหมอชลธีแนะนำ ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกได้ถึงคลื่นพลังงานประหลาดที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย คลื่นพลังงานนั้นทำให้เธอรู้สึกวิงเวียนศีรษะ และได้ยินเสียงกระซิบที่เธอไม่เข้าใจ ความรู้สึกนี้คล้ายกับความรู้สึกในวันที่เธอเดินทางข้ามมิติมายังโลกนี้!เธอรีบไปยังที่พักของคุณหมอชลธีทันที และพบว่าเขากำลังยืนอยู่หน้าต่างด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด"คุณหมอชลธี! คุณรู้สึกไหมคะ!?" เหม่ยหลินถามด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก"ครับ...ผมรู้สึก" คุณหมอชลธีตอบ "มันไม่ใช่แค่ในร่างกายเราแล้วนะครับคุณเหม่ยหลิน...แต่ผมรู้สึกว่ามันกำลังปั่นป่วน มิติ นี้อยู่"อาการผิดปกติเริ่มปรากฏขึ้นทั่วแคว้น สัตว์เลี้ยง

  • ข้านี้แหละที่จะทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวย   มิตรภาพกลางทะเลทราย

    การเผชิญหน้าระหว่างสองอารยธรรมที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ได้ถูกตัดสินด้วยเงื่อนไขที่แปลกประหลาดที่สุด นั่นคือ "อาหาร" เหม่ยหลินไม่รู้สึกหวาดหวั่นเลยแม้แต่น้อย เธอมองไปยังไป๋เฟิงและคุณหมอชลธีด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ส่วนหัวหน้าหินทมิฬและพรรคพวกของเขาก็จ้องมองเธอด้วยความสงสัยระคนดูถูก"ท่านหัวหน้าหินทมิฬ" เหม่ยหลินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สงบ "ก่อนที่ข้าจะเริ่มทำอาหาร ข้าอยากจะขอให้ท่านแสดงน้ำใจแก่พวกข้าเสียก่อน โปรดนำน้ำมาให้พวกข้าสักเล็กน้อยเพื่อใช้ในการปรุงอาหาร และถ้าท่านอนุญาต...ข้าอยากจะขอให้พวกท่านช่วยนำทางพวกเราไปหาวัตถุดิบบางอย่างในพื้นที่ของท่านเพคะ"หัวหน้าหินทมิฬหัวเราะในลำคอ "เจ้ากล้าขอของจากข้าอย่างนั้นรึ! ก็ได้! แต่ถ้าเจ้าปรุงอาหารให้ข้าไม่พอใจ...เจ้าจะต้องถูกโยนลงไปในทะเลทรายที่ร้อนระอุจนกลายเป็นอาหารของสัตว์ร้าย!"เขาสั่งลูกน้องให้นำน้ำมาให้เหม่ยหลินเพียงน้อยนิด และให้ชายหนุ่มคนหนึ่งนำทางเธอไปหาวัตถุดิบ เหม่ยหลินรับน้ำมาด้วยรอยยิ้ม แล้วเดินนำไป๋เฟิงและคุณหมอชลธีออกไปพร้อมกับผู้ช่วยจากเผ่าหินทมิฬการล่าวัตถุดิบในแดนทุรกันดารการเดินทางไปหาวัตถุดิบในดินแดนของเผ่าหินทมิ

  • ข้านี้แหละที่จะทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวย   ภัยแร้ง

    บรรยากาศระหว่างคนทั้งสามตึงเครียดราวกับสายธนูที่ถูกน้าวสุดแรง ไป๋เฟิงมองเหม่ยหลินและคุณหมอชลธีสลับไปมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม เหม่ยหลินรู้สึกเหมือนถูกบีบรัดด้วยความลับที่ปกปิดมานานหลายปี เธอรู้ว่าไม่อาจหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าในครั้งนี้ได้อีกต่อไป"ไป๋เฟิง" เหม่ยหลินเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเธอสั่นเครือแต่แฝงด้วยความเด็ดเดี่ยว "ข้าจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ท่านฟัง แต่ท่านต้องให้สัญญากับข้าว่า ท่านจะไม่ตัดสินข้า และจะเชื่อในสิ่งที่ข้าพูด"ไป๋เฟิงพยักหน้าอย่างช้าๆ "ข้าให้สัญญาขอรับ"เหม่ยหลินจึงเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมด ตั้งแต่วันที่เธอเป็นเชฟในโรงพยาบาลในโลกที่เธอจากมา เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันที่ทำให้เธอหลุดข้ามมิติมายังโลกนี้ การได้พบกับครอบครัวของเจียงเหวิน และการใช้ความรู้จากโลกเดิมเพื่อเอาชีวิตรอดและสร้างชีวิตใหม่ เธอไม่ได้ละเว้นแม้แต่เรื่องราวที่เธอเคยบอกไปแล้วอย่างเรื่องการทำอาหารจากวัตถุดิบประหลาด หรือเรื่องราวของโลกที่เทคโนโลยีเจริญก้าวหน้าไปไกลกว่าโลกนี้มากไป๋เฟิงฟังอย่างเงียบสงบ สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนจากความสงสัยเป็นความเข้าใจและตกตะลึง ในขณะที่คุณหมอชลธีก็เสริมข้อมูลบางอย่างที่เหม่ยห

  • ข้านี้แหละที่จะทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวย   กองโจรกับการหลับมา

    หลายปีผ่านไปนับตั้งแต่เหตุการณ์โจรสลัดหมาป่าทมิฬ ทุกมุมของแคว้นได้ฟื้นคืนชีวิตชีวาอย่างเต็มที่ภายใต้การนำอันชาญฉลาดของเหม่ยหลินและองค์จักรพรรดิ ตระกูลหลี่ได้กลายเป็นตระกูลที่มีเกียรติยศสูงสุดในแผ่นดิน หลี่เฟยหลงก้าวขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่ผู้แข็งแกร่งและซื่อสัตย์ ชิวลี่ฮวาเป็นที่รู้จักในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านพืชพรรณและศิลปะในวัง ส่วนหลี่เฟยหานก็เติบโตเป็นข้าราชการหนุ่มผู้ซื่อตรงและเปี่ยมด้วยความสามารถ หลี่เฟยหยาง น้องสุดท้องก็เป็นหนุ่มน้อยผู้ร่าเริง มีสติปัญญา และมักจะสร้างเสียงหัวเราะให้กับทุกคนในวังเสมอมิตรภาพระหว่างแคว้นของเหม่ยหลินกับแคว้นเยว่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็กกล้า ไป๋เฟิงยังคงเป็นราชทูตผู้ทรงอิทธิพล และมักจะเดินทางมาเยี่ยมเยียนเหม่ยหลินและครอบครัวอยู่เสมอ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเหม่ยหลินนั้นลึกซึ้งเกินกว่าคำว่ามิตร และเป็นที่รับรู้กันในหมู่คนใกล้ชิดว่าไป๋เฟิงมีใจให้กับเชฟหลวงผู้นี้อย่างสุดซึ้ง แต่ความแตกต่างของสถานะและแคว้นทำให้เรื่องนี้ยังคงเป็นเพียงความรู้สึกที่งดงามในใจเท่านั้นแม้ทุกสิ่งจะดูสมบูรณ์แบบ แต่บางครั้ง เงาจากอดีต ก็มักจะคืบคลานกลับมาทักทาย โดยเฉพาะอดีตที่เ

  • ข้านี้แหละที่จะทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวย   โจร

    ความรุ่งเรืองของแคว้นที่ฟื้นคืนชีพจากวิกฤตภัยธรรมชาติ เป็นดั่งแสงสว่างที่ดึงดูดสายตาจากทุกทิศทุกทาง ชื่อเสียงของ "ซุปแห่งชีวิตอมตะ" และความอุดมสมบูรณ์ที่กลับคืนมาอย่างรวดเร็วภายใต้การนำของ เชฟหลวงเหม่ยหลิน ไม่ได้สร้างความชื่นชมยินดีไปทั่วทุกสารทิศเสมอไป ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป ความโลภ กำลังเริ่มคืบคลานเข้าปกคลุมจิตใจของผู้คนบางกลุ่ม เสียงกระซิบของความมั่งคั่งและแผนการร้ายจากแดนเถื่อน ทางทิศตะวันออกไกลโพ้นจากแคว้นที่กำลังฟื้นฟู มีกลุ่มโจรขนาดใหญ่ที่เรียกตัวเองว่า "หมาป่าทมิฬ" อาศัยอยู่ พวกมันเป็นที่หวาดกลัวของผู้คนในแถบนั้น ด้วยความโหดเหี้ยม ป่าเถื่อน และความสามารถในการปล้นสะดมอย่างรวดเร็วราวกับฝูงหมาป่าที่หิวโหย หัวหน้ากลุ่ม คือชายร่างยักษ์ผู้มีใบหน้าดุร้ายและรอยแผลเป็นพาดผ่านดวงตา "ไคเฟิง" เขาได้ยินข่าวลือเรื่องความมั่งคั่งของแคว้นที่ฟื้นคืนชีพ รวมถึงเรื่องอาหารวิเศษที่ทำให้ผู้คนมีพละกำลังและสุขภาพดี "พวกแกได้ยินข่าวลือเรื่องแคว้นทางตะวันตกนั่นรึไม่!" ไคเฟิงคำรามเสียงดังในค่ายโจรที่เต็มไปด้วยกองไฟและเสียงเอะอะโวยวาย "มันว่ากันว่าแคว้นนั้นมีอาหารวิเศษที่ทำให้คนไม่เจ็บไม่ป่วย!

  • ข้านี้แหละที่จะทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวย   การฟื้นฟู

    เสียงโห่ร้องยินดีดังกึกก้องไปทั่วลานประลอง เมื่อขันทีหลงและผู้นำพรรคอัคคีทมิฬถูกคุมตัวออกไป ภาพของประชาชนที่ดื่มด่ำ "ซุปแห่งแสงตะวัน" และฟื้นคืนพลังขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ ได้สยบทุกความแคลงใจ ทุกเสียงกระซิบกระซาบของความไม่พอใจมลายหายไปสิ้น แทนที่ด้วยประกายแห่งความหวังและความเชื่อมั่นที่กลับคืนมาองค์จักรพรรดิทรงเดินลงจากบัลลังก์ มาประทับยืนข้างเหม่ยหลิน พระหัตถ์ของพระองค์วางลงบนบ่าของเธอด้วยความเมตตาและภาคภูมิใจ"ประชาชนของข้า!" องค์จักรพรรดิรับสั่งด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยพลัง "วันนี้! พวกเจ้าได้เห็นแล้วถึงความจริงใจของวังหลวง! พวกเจ้าได้ลิ้มรสแล้วถึงความเมตตาของสวรรค์! และพวกเจ้าได้ประจักษ์แล้วถึงพลังแห่งความสามัคคี! เราจะร่วมกันฟื้นฟูแคว้นของเราให้กลับมารุ่งเรืองยิ่งกว่าเดิม!"เสียงกู่ก้อง "ทรงพระเจริญ!" ดังกึกก้องไปทั่วทั้งลานประลอง ประชาชนต่างคุกเข่าลงด้วยความเคารพและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแผนฟื้นฟูแผ่นดิน: เมล็ดพันธุ์แห่งความหวังหลังเหตุการณ์จลาจล องค์จักรพรรดิได้เรียกประชุมเหล่าขุนนางและผู้เชี่ยวชาญทุกสาขา เพื่อวางแผนฟื้นฟูแคว้นครั้งใหญ่ เหม่ยหลิน ไป๋เฟิง

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status