“คุณหนูใหญ่” อ๋องเยียนเข้ามาดูอาการของหลี่เฟิ่งเซียน ท่านหมอจึงขอตัวออกไป ท่านอ๋องนั่งลงที่โต๊ะฝั่งตรงข้ามกับนางและจัดการรินชาให้ตัวเอง
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” อ๋องเยียนถาม เขามองแผลถลอกและตุ่มใสบนแก้มของนาง แต่เลือกจะไม่พูดถึง
“ข้าไม่เป็นอะไรมาก เพียงไม่ได้อาบน้ำมาหลายวันแล้วเท่านั้น”
“...อ้อ” อ๋องเยียนตอบได้เพียงเท่านั้น ปกติมีหญิงสาวที่ไหนพูดเรื่องอาบน้ำกับผู้อื่นได้หน้าตาเฉยกัน
“เจ้าหิวหรือไม่” เขายังถามต่อไป
“หิวมาก ตอนนี้ข้าสามารถกินหมูหมดทั้งตัวได้เลย” นางตอบ
“เช่นนั้นเจ้าอยากกินอะไร เดี๋ยวข้าจะให้พ่อครัวทำให้เจ้ากิน แต่ที่นี่อาจไม่มีอาหารดีๆ มากนัก” อ๋องเยียนพูดเพราะรู้ดีว่าคุณหนูใหญ่เลือกกินมากเพียงใด
“ข้าอยากกินซาลาเปาไส้ผักจี้” หลี่เฟิ่งเซียนตอบไปตามความรู้สึก ไม่ได้คิดสิ่งใด แต่ทำให้ท่านอ๋องถึงกับสำลัก
“แค่กๆ!.. เจ้าว่าอะไรนะ!”
“...” พอนึกขึ้นมาได้หลี่เฟิ่งเซียนก็ตกใจไม่น้อย แต่นางเลือกจะก้มหน้ารินชาให้ตัวเองและทำราวกับไม่มีสิ่งใดผิดปกติ
“ท่านย้อนมาทำอะไรที่นี่ ข้าคิดว่าท่านกับท่านพ่อเดินทางไปถึงชายแดนแล้วเสียอีก” หลี่เฟิ่งเซียนเปลี่ยนเรื่องถาม
“ข้ามาตามหาเจ้า” อ๋องเยียนพูด หลี่เฟิ่งเซียนเงยหน้ามองเขา ในตาเป็นประกาย
“ท่านใจดีกับข้าเช่นนี้เลยหรือ หากรู้ว่าข้าหายไปแล้วจะทำให้ท่านออกตามหาด้วยความเป็นห่วง ข้าคงทำไปนานแล้ว” นางยังมีกะใจเกี้ยวเขาเล่น
“เหลวไหล เจ้าทำเรื่องเช่นนี้ รู้หรือไม่ว่าทำให้แม่ทัพหลี่เป็นห่วงมากเพียงใด ทันทีที่รู้ข่าวว่าเกิดเรื่องกับเจ้า ท่านแม่ทัพแทบจะนั่งไม่ติด แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นแม่ทัพ ไม่อาจละเลยหน้าที่ทิ้งกองทัพแล้วมาตามหาเจ้า ได้แต่ขอร้องให้ข้ามาด้วยตัวเองเขาถึงจะวางใจ” เขาดุนาง
หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกผิด ถึงอย่างไรท่านพ่อก็รักนางที่สุด การทำให้เขาเป็นกังวล นางช่างอกตัญญูนัก
“ข้าไม่ได้ตั้งใจให้เป็นเช่นนี้ ข้าไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องขึ้น ต่อไปจะไม่ทำอีก” นางเสียงเบา นางสำนึกผิดจริงๆ
“ช่างเถิด ถึงอย่างไร เจ้าปลอดภัยจึงจะสำคัญที่สุด ไม่เช่นนั้นแม่ทัพหลี่ คงไม่อาจมีใจปกป้องชายแดนแล้ว” อ๋องเยียนปลอบใจนาง
แม้เขาจะอยากถามว่านางไปเจอเรื่องอะไรมาบ้าง แต่อย่างไรเขาก็เป็นผู้ชาย และนางก็เป็นหญิงสาวที่ยังไม่แต่งงาน ถามเรื่องเช่นนี้อาจไม่เหมาะ เขาจึงไม่ได้พูดสิ่งใด
“ท่านพ่อรู้ได้อย่างไรว่าเกิดเรื่องกับข้า ข้าเดินทางลำพัง ยามเกิดเรื่องข้าโดนจับ ข้าก็อยู่ตัวคนเดียว หรือท่านพ่อได้รับจดหมายจากท่านย่าแล้วหรือ”
“ไม่ใช่เช่นนั้นหรอก มีม้าเร็วมาส่งข่าวเมื่อไม่กี่วันก่อน มาจากจุดพักม้าอำเภอเฟิงที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ มาพร้อมกับป้ายหยกของเจ้า และจดหมายข้อความสั้นๆ ที่บอกว่าเจ้าถูกจับตัวไว้ในคุกใต้ดิน ท่านพ่อของเจ้าแทบจะลุกเป็นไฟ เขา..”
อ๋องเยียนยังพูดไม่ทันจบ จู่ๆ หลี่เฟิ่งเซียนก็พรวดพราดลุกขึ้นยืน
“เจ้า..มีอันใด เป็นอะไรหรือ” อ๋องเยียนถาม มองหลี่เฟิ่งเซียนด้วยความฉงน
“ข้าต้องไปช่วยคน” นางตอบหน้าตาเคร่งเครียด
“อะไรนะ!” เขาไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“ข้าต้องไปช่วยคน!!” นางยังตอบคำเดิม
หลี่เฟิ่งเซียนเดินมาข้างหน้าเขาและคุกเข่าลงไป อ๋องเยียนตกใจไม่น้อย ปกติคุณหนูใหญ่รักษาหัวเข่าดั่งทองคำพันชั่ง วันนี้นางกลับคุกเข่าลงง่ายๆ เขาไม่ค่อยชิน
“เดี๋ยวก่อนคุณหนูใหญ่ เจ้ารีบลุกขึ้นมา มีอะไรค่อยๆ พูดจากัน” อ๋องเยียนรีบลุกขึ้นไปจับแขนนางไว้
“ข้าขอยืมทหารของท่าน ไปช่วยคนผู้หนึ่ง ถือว่าข้าติดค้างท่าน” หลี่เฟิ่งเซียนพูดขอร้องจริงจังเป็นครั้งแรก
“ข้าขอร้อง” นางพูด
“เจ้าลุกขึ้นมาก่อน เรื่องทหารเจ้าไม่ต้องห่วง ข้าพามือดีของท่านแม่ทัพมาด้วยหลายคน ตั้งแต่แรกก็เพื่อมาช่วยเจ้า ยามนี้ก็ถือว่าพวกเขาเป็นคนของเจ้าอยู่แล้ว”
หลี่เฟิ่งเซียนควบม้า ด้านหลังของนางมีทหารแปดนายขี่ม้าตามมา อ๋องเยียนก็ตามไปด้วย กลัวว่านางไปคนเดียวจะอันตราย อย่างไรนางก็เป็นผู้หญิง ยังไม่รวมที่ท่านแม่ทัพฝากฝังให้เขาช่วยดูแลนางให้ดีๆ ครั้งนี้ไปช่วยคน พวกเขาจึงปลอมตัวเป็นคนของตระกูลค้าขาย ไม่ได้เปิดเผยตัว
หลี่เฟิ่งเซียนนางไม่มีเวลามาก จึงควบม้าไปด้วยกินซาลาเปาไปด้วย ในใจนึกถึงเรื่องที่คืนนั้นที่เจ้าคนชั่วเขาหยิบเอาต่างหูและถุงเงินของนางไป เขาคงแอบหยิบป้ายหยกไปด้วย นางยังคิดว่าเขาเป็นเพียงคนชั่วที่อยากลักขโมยของ เขาเคยพูดว่าได้ส่งข่าวให้กองทัพแล้ว นางยังคิดว่าเขาพูดไปเช่นนั้นเอง ที่แท้เขาก็ส่งข่าวให้กองทัพจริงๆ
เขาคงรู้นานแล้วว่านางเป็นบุตรสาวของจวนแม่ทัพ ถึงได้มั่นใจว่าจะมีคนมาช่วยนาง แต่นางกลับระแวงเขาไม่เชื่อใจเขา ทั้งยังคิดว่าเขาหลอกนางครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อเช้านางยังคิดว่าจะรอไปหาท่านพ่อก่อนค่อยขอให้ท่านพ่อส่งคนไปช่วยเขา แต่ตอนนี้ นางไม่อาจปล่อยให้เขาอยู่ในกรงสุนัขได้อีกต่อไป
คณะเดินทางของหลี่เฟิ่งเซียนไปถึงที่พักม้า นางคืนเงินให้เจ้าของร้านน้ำชา เจ้าของร้านชายังอดตกใจไม่หาย คิดว่าไม่ได้ม้าคืนแล้ว ยามนี้ได้เงินค่าตอบแทนคืนมากกว่าราคาม้าสามเท่า แม้เงินนั่นจะเป็นของอ๋องเยียนก็ตาม
พวกเขาเดินทางต่อจนถึงทางเลี้ยวโค้งครั้งแรก ไปต่อจนถึงโค้งที่สอง แต่หลี่เฟิ่งเซียนกลับไม่แน่ใจเพราะมีทางแยกสามทาง และอีกสองทางก็โค้งไปทางเดียวกัน นางไม่รู้จะทำอย่างไร สุดท้ายตัดสินใจเลือกเส้นทางแรก นางควบม้าไปเรื่อยๆ แต่ยิ่งเดินทางก็ยิ่งเข้าสู่เส้นทางเล็กแคบ ไม่มีหมู่บ้าน ไม่ต้องพูดถึงหอนางโลม นางช่างโง่เรื่องการเดินทางไม่รู้เวลา ได้แต่ก่นด่าตัวเองในใจ
นางตัดสินใจหยุดม้าและพูดกับทุกคนว่านางอาจหลงทาง อ๋องเยียนแม้จะเหนื่อยหน่ายแต่ก็ไม่ได้พูดอันใด เพราะหลี่เฟิ่งเซียนนางทำหน้าตาคล้ายจะร้องไห้ เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นนางเป็นเช่นนั้น
ปกติใครบ้างไม่รู้ว่าคุณหนูใหญ่ร้ายกาจเอาแต่ใจที่สุด ยามนี้กลับร้อนใจจะช่วยคนผู้หนึ่งจวนเจียนจะร้องไห้ มองแล้วก็ไม่ต่างจากหญิงสาวทั่วไป น่ารักไม่น้อย
ฮูหยินรองรับรู้ว่าเขากำลังเล่นสนุกกับร่องชมพูของนาง แต่นางขยับตัวไม่ไหว ได้แต่อ้าปากร้อง อ้ะอ้ะ ตามปลายนิ้วมือของเขา เมื่อนางตัวสั่นใกล้จะแตกดับอีกครั้งเขาก็สอดใส่มังกรตัวเขื่อนเข้ามา กระแทกกระทั้นไม่กี่ทีนางก็สูดปากด้วยความเสียวสั่นสะท้านเขารู้ว่านางไปถึงฝั่งแล้ว จึงกระแทกรัวๆไม่ยั้งเพื่อพาตัวเองไปยังจุดที่นางพานพบบ้าง เขาจับสะโพกของนางไว้แน่น ปรนเปรอภรรยาเด็กด้วยแรงทั้งหมดของแม่ทัพใหญ่ เสียวซ่านจนไม่มีเวลาคิดว่านางจะรับความรุนแรงนี้ไหวหรือไม่เมื่อพายุความหฤหรรษ์หยุดลง สองสามีภรรยาต่างเหน็ดเหนื่อยแทบสิ้นใจ เขาก้มลงจูบปลอบประโลมภรรยาอย่างอ่อนโยน แต่ก็ขบคอระหงของนางจนเป็นรอยด้วย นางร้องเบาๆแต่เขาไม่ใส่ใจ อาจเพราะเขาไม่ได้เข้าหอมานานจึงมีความต้องการสูงมาก เขาพลิกตัวฮูหยินรองและขึ้นไปขย่มนางบนเตียงต่อไป“ข้าไม่อยากรักท่าน” เสียงอ่อนแรงของเซี่ยอิงเอ่ยขึ้นระหว่างที่เขากำลังกอดกกนางอย่างหลงใหล“เพราะเหตุใด” เขาถามเสียงกระเส่า ไม่ได้ใส่ใจมาก“เพราะข้าไม่อาจแย่งชิงท่านกับท่านหญิงเจียงที่แม่น้ำไน่เหอ นางจะโดดเดี่ยว นางรอท่านมานานมาก” หญิงสาวพูดถึงชีวิตหลังความตายที่คู่รักจะรอกันและกันเพื่อข
ปัง! แม่ทัพหลี่ตบลงไปบนโต๊ะอย่างแรง ฮูหยินรองสะดุ้งหลับตาแน่น แต่ไม่ขยับหนีไปไหน และทำแค่ก้มหน้ามากกว่าเดิม เขาหงุดหงิดอยู่สักครู่ คิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น “ต่อไปข้าจะเรียกเจ้าว่าอิงเอ๋อร์ เจ้าก็ควรเรียกข้าว่าท่านพี่ได้แล้ว อย่างไรข้าก็แต่งตั้งเจ้าเป็นฮูหยินของข้าแล้ว ไม่ใช่อนุ” เขาเสียงเบาลง“เจ้าค่ะ ..ท่านพี่” นางยังถือเสื้อในมือก้มหน้าอยู่ข้างเขาเช่นเดิม แต่หายดื้อแล้ว หลี่เหยาพอใจ จึงลุกขึ้นยืน กางแขนออกให้นางใส่เสื้อให้แต่เพราะนางตัวเล็กถึงจะพยายามเอื้อมมือเพื่อใส่เสื้อให้เขา ท่วงท่าในตอนนี้จึงคล้ายนางกอดเอวเขาอยู่ และเขารู้สึกว่ายังคงอยากกระแทกใส่นางอยู่ จึงโอบกอดนางไว้ในอ้อมแขน“ข้าจะเข้าหอกับเจ้า ให้บุตรแก่เจ้าสักคน เอาไว้วันหน้าหากข้าตาย เจ้าจะได้ไม่โดดเดี่ยว แม้เฟิ่งเซียนของข้าจะไม่ใจดำกระทั่งปล่อยให้เจ้าโดดเดี่ยว แต่อย่างไร หากเจ้ามีบุตรของเจ้าเองย่อมดีกว่า” เขาตัดสินใจ“ไม่เจ้าค่ะ!” นางปฏิเสธทันที เงยหน้ามองเขา ส่งสายตาแน่วแน่ว่านางไม่ต้องการจริงๆ “เพราะอะไร!” หลี่เหยาโกรธจนเส้นเลือดข้างหัวเต้นตุบๆ นี่เขาถึงขั้นเอ่ยปากจะเข้าหอ แต่นางกลับปฏิเสธแทบจะทันทีไม่ต้องคิดด้วยซ้
พอนางไม่หนีและหอบหายใจถี่ให้เขาพึงพอใจ เขาก็เริ่มเบามือและปรนเปรอความเสียวซ่านให้นางด้วยสองมือ หญิงสาวบิดตัวไปมาตามแรงบดขยี้ของฝ่ามือแกร่ง เขาขยับฝ่ามือให้เร็วขึ้นนางก็สั่นตามแรงขยับนั้น จนนางเริ่มทนความสุขสมที่เขาปรนเปรอไม่ไหว จึงเริ่มดิ้นไปมา อ้าปากส่ายหัวอย่างน่ารักน่าเวทนา แต่เขาก็ทำเพียงกอดนางแน่นขึ้น และเร่งให้นางไปสู่ยอดเขาแห่งความสุขสมเร็วขึ้นด้วยการขยี้สะบัดปลายนิ้วไปมาแรงขึ้น“อา อา ซี๊ดดดด...ฮะ...ฮา..” นางกระตุกและสุดปากอย่างควบคุมไม่ได้ หมดแรงอยู่ตรงหน้าอกของเขาหลี่เหยารู้สึกร้อนลวกตรงแท่งหยกที่ใกล้ปริแตกของตัวเอง เพราะมันแนบอยู่กับผิวลื่นๆของนาง แต่เขาไม่ใส่ใจ ทำเพียงจ้องมองร่างที่สั่นเทาอยู่บนอกด้วยความพึงพอใจ เขาเห็นแล้วว่านางสุขสมจนแทบไม่มีแรงขยับ ใบหน้าแดงก่ำ หายใจหอบเหนื่อย แต่เขาอยากกลั่นแกล้งนางให้มากขึ้นจึงเอ่ยออกไป“ลุกขึ้น อย่ามานอนอยู่บนตัวข้า”ร่างของฮูหยินรองลืมตามองเขาอย่างไม่เข้าใจว่าเขายังต้องการอะไรอีก เป็นเขาที่ดึงนางให้แนบกับอกแม้นางจะพยายามหนี ยามนี้กลับทำเป็นรังเกียจที่นางนอนบนอกนี่หรือแม้นางไม่พอใจ แต่ฮูหยินรองกลับกัดฟันจับขอบถังและพยุงขาสั่นๆให้ลุ
ระหว่างเดินทาง ท่านแม่ทัพไม่ได้จับแท่งเนื้อยัดใส่ปากนางอีก แต่ก็กอดนางนอนทุกคืน ก่อนจะนอนมักจะถอดเสื้อผ้าของนาง เล่นกับหน้าอกนุ่มนิ่มและยอดชมพูของนาง ทำจนนางตัวสั่นไปหมดเขาถึงจะพอใจ แรกๆฮูหยินรองรู้สึกอายมาก เพราะเขาจะทำเช่นนั้นและมองนางทุรนทุรายทรมานอย่างพึงพอใจ แต่หลังๆนางชักจะโมโหที่ถูกกลั่นแกล้งเสมอ จึงเริ่มไม่ยอมให้เขาจับหน้าอกเล่นแล้ว นางค้นพบว่าหากแกล้งบีบน้ำตาเขาจะเบามือขึ้น หรือไม่ก็ไม่รังแกนางอีกแต่ถึงอย่างไร แม่ทัพหลี่ก็ยังคงเป็นแม่ทัพหลี่ เขาไม่ปรานีฮูหยินรอง ไม่จับหน้าอก ไม่เขี่ยยอดถันของนางเล่น แต่กลับจับก้นสะโพกและเขี่ยกลีบดอกไม้ตรงหว่างขาของนางเล่นแทน ทำจนนางร้องไห้เอ่ยปากบอกว่าทนไม่ไหวแล้วเขาถึงจะหยุดมือ เขาบอกว่าเป็นการทำโทษที่นางไม่รู้จักปรนนิบัติสามีมาหลายปีฮูหยินรองแม้จะร้องในใจว่าเป็นเขาที่ไม่ยอมมองนาง ทำตัวเป็นน้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลอง แต่ใครจะกล้าพูดออกไปกัน แค่เขามองด้วยสายตาไม่พอใจ นางก็ต้องยินยอมให้เขาทุกอย่างแล้วกระทั่งไปถึงชายแดน มีพื้นที่สะดวกมากขึ้น นางนอนอีกห้อง แม่ทัพหลี่นอนอีกห้อง ฮูหยินรองถึงได้หายใจหายคอนอนหลับได้บ้าง แต่เพียงผ่านไปไม่กี่คืน หลังจากท
เวลาท่านแม่ทัพโมโห บางครั้งน่ากลัวราวกับเทพอสนีบาตก็ไม่ปาน บางคราวเย็นยะเยือกจนไม่มีผู้ใดกล้าขยับ มีแต่ฮูหยินรองที่ต้องรองรับอารมณ์ร้ายของท่านแม่ทัพฮูหยินรองไม่อยากอยู่ใกล้ท่านแม่ทัพนัก แต่จนใจเพราะท่านแม่ก็ป่วยและชรา ส่วนคุณหนูใหญ่ ถูกท่านเขยขังตัวอยู่ในห้องหอตลอดเช้าค่ำ อย่างไรก็ต้องเป็นนางที่ได้ดูแลเขาเสมอ ก่อนหน้านั้นที่นางได้รับอนุญาตให้ดูแลท่านแม่ทัพ นางดีใจอย่างโง่งมที่ได้รับความไว้วางใจจากคุณหนูใหญ่แล้ว แต่ยามนี้นางเริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องน่ายินดีอันใด ท่านแม่ทัพน่ากลัวยิ่งฮูหยินรองเฝ้ารอให้ถึงเวลาที่ท่านแม่ทัพจะกลับไปยังชายแดน เฝ้ารอให้ช่วงเวลาอันแสนสงบของนางกลับมาอีกครั้ง แต่เมื่อใกล้ถึงเวลานั้นจริง ท่านแม่กลับจะให้นางไปอยู่ชายแดนกับท่านแม่ทัพ และดูคล้ายว่าท่านแม่ทัพจะยินยอมด้วย ส่วนคุณหนูใหญ่ที่เคยขัดขวางนางกับท่านแม่ทัพเสมอถึงขั้นเห็นดีเห็นงาม ขอร้องให้ท่านแม่ทัพมาพูดดีกับนางด้วยฮูหยินรองยังจำได้ดี เรื่องของคืนนั้น เมื่อคุณหนูใหญ่อุตส่าห์ขอร้องท่านแม่ทัพให้พูด ‘คำพูดดีๆ’ กับนาง เมื่อนางเข้ามาในห้อง เขาไม่พูดสักคำ เอาแต่จ้องนางสายตาว่างเปล่า คราแรกฮูหยินรองยังนึกว่าเขา
หลังจากแม่ทัพหลี่และหลี่เฟิ่งเซียนออกมาจากวังหลวง เดินเข้าประตูจวนเข้ามาแล้ว แม่ทัพหลี่ถึงจะยอมแสดงความอ่อนแอออกมา เขามีทั้งแผลโดนแทงและแผลถูกเกาทัณฑ์ยิง สาหัสชนิดที่ถ้าเป็นผู้อื่นคงยืนอยู่ไม่ไหว แต่เขายังเสแสร้งว่าแข็งแกร่งยืนค้ำฟ้าในท้องพระโรงได้อยู่นานสองนานหลังจากมู่เฉินรักษาบาดแผลให้ท่านแม่ทัพแล้วก็กำชับฮูหยินรองว่าท่านแม่ทัพอาการสาหัสยิ่ง บาดแผลไม่ลึกถึงขั้นเอาชีวิตได้ แต่ท่านแม่ทัพคงหนีตายพร้อมแผลพวกนั้นมาหลายวัน ไม่มีเวลาดูแลรักษาให้ดี ตอนนี้แผลได้ติดเชื้อลุกลามไปมากแล้ว จำเป็นต้องมีคนดูแลใกล้ชิดคอยทำความสะอาดแผลให้ทุกครึ่งชั่วยามท่านแม่ทัพนอนหลับไปเพราะพิษบาดแผลและฤทธิ์ยาที่มู่เฉินจัดให้ ก่อนหลับไปท่านแม่ทัพรู้สึกชื่นชมเขยคนนี้มาก และชื่นชมตัวเองที่ตัดสินใจไม่ผิด จากนี้ถึงเขาจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ต้องห่วงลูกสาวแล้วกลางดึก แม่ทัพหลี่ได้ยินเสียงคนกระซิบกระซาบบางอย่าง ปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมาท่ามกลางความวิงเวียนและรู้สึกอยากอาเจียน“เจ้าเบาเสียงลงอีก นายท่านเป็นทหารที่หูดีมาก เขาต้องคอยระวังตัวตลอดเวลาจึงทำให้หลับไม่สนิท ถึงเขาจะป่วยอยู่ แต่เจ้าอาจทำให้เขาตื่นได้” “ได้เจ้าค่ะ ..ท่