หลี่เฟิ่งเซียนค่อยๆหันกลับไป กะพริบตาปริบๆ ไม่อยากเชื่อว่าใครๆก็มองออก แต่นางไม่รู้ตัว นี่นางโง่เพียงนี้เชียวหรือ
“เจ้าไม่ชอบเขา แล้วสั่งทำกล่องเข็มให้เขาทำไมหรือ” นางยังคาใจ
“ท่านเป็นคนสัญญาว่าจะออกเงินสร้างสิ่งที่เขาอยากได้ไม่ใช่หรือเจ้าคะ เขาบอกว่าอยากได้กล่องเข็มครบ 18 แบบ ข้าจึงไปสั่งร้านช่างในหมู่บ้านให้ ใช้เวลาหลายสิบวันกว่าจะเสร็จ วันก่อนช่างเอามาส่งแต่ข้าลืมบอกท่าน” ยู่ยี่อธิบาย
นางสัญญาไปเช่นนั้นจริงๆ นางรีบร้อนจะตามอ๋องเยียนไปขี่ม้าดูบึงใหญ่ จึงรับปากเขาไปส่งๆ จนนางก็ลืมไปแล้ว ดังนั้น ถือว่ากล่องเข็มนี้นางเป็นคนมอบให้เขา ไม่ใช่ยู่ยี่
หัวใจของหลี่เฟิ่งเซียนพองโต นางไม่ต้องแย่งชิงเขากับยู่ยี่ เขาไร้ญาติขาดมิตร ครอบครัวก็ไม่มี ขอเพียงนางรวบหัวรวบหาง เขาต้องเป็นของนางแน่ ถึงเขาจะน่าเกลียดมากไปหน่อย แต่ไม่เป็นไร อย่างน้อยนัยน์ตาของเขางดงามมาก นางชอบนัยน์ตาของเขาที่ราวกับเก็บดวงดาวไว้ทั้งท้องฟ้ายามค่ำคืน
คิดแล้วนางก็หยุดตัวเองไม่ได้ อยากจะไปหาเขาตอนนี้เสียเลย
หลี่เฟิ่งเซียนวิ่งไปหาลู่มู่เฉิน ไม่สนใจว่ายามนี้ดึกมากเพียงใด ยู่ยี่ห้ามอย่างไรนางก็ไม่ฟัง นางเอากล่องเข็มไปด้วย นางอยากมอบให้เขาด้วยตัวเอง วิ่งไปหยุดอยู่ที่หน้าห้องของเขา กำลังจะเคาะประตู
“เจ้าแน่ใจนะว่าไม่ไปศึกษาต่อที่เมืองหลวง” เสียงท่านหมอพูด
“ขอบคุณท่านหมอที่ไว้ใจข้า เพียงแต่ข้า..” ลู่มู่เฉินเงียบไป
“เอาเถิด ตัดสินใจไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ข้าเพียงอยากให้เจ้ารักษาอาการแพ้พวกนี้เท่านั้น ข้าเองก็ไร้ความสามารถ อ่านตำรามาก็มากยังไม่เคยเห็นโรคเช่นเจ้า มีแต่ท่านหมอหลวงอิ่นที่ข้าหวังว่าเขาจะช่วยเจ้าได้ ข้าจึงคิดว่าถึงเขาจะมีฐานะสูงส่ง แต่อาจขอให้คุณหนูใหญ่หรือไม่ก็ท่านแม่ทัพช่วยเจ้าได้ แต่หากเจ้าไม่ยินดี ข้า..”
“เจ้าต้องไป!!” หลี่เฟิ่งเซียนพรวดพราดเข้าไปในห้องของลู่มู่เฉิน ทุกคนต่างตกใจ
“เจ้า เข้ามาในห้องข้าได้อย่างไร มันไม่ควร” ลู่มู่เฉินดุ
“ข้า..ข้าเอากล่องเข็มมาให้เจ้า” นางรีบหาเรื่องแก้ตัว แต่ลู่มู่เฉินขมวดคิ้วมองนางเป็นเชิงตำหนิ หลี่เฟิ่งเซียนได้แต่ก้มหน้าสลด
“ข้าจะช่วย เจ้าต้องไปรักษาตัว ข้าจะขอให้ท่านพ่อช่วย ส่วนกล่องเข็มนี่ข้าเป็นคนจ่ายเงิน เจ้าอย่าเรื่องมาก เอาไปใช้เถิด” หลี่เฟิ่งเซียนพูดจบก็รีบวางกล่องเข็มไว้และรีบออกจากห้องไป
“แค่กๆ อ้อ นี่ก็ดึกแล้ว ข้าควรกลับได้แล้ว” ท่านหมอแสร้งกระแอมไอและรีบขอตัวกลับเช่นกัน
รุ่งขึ้นหลี่เฟิ่งเซียนเข้าไปหาท่านแม่ทัพระหว่างที่เขากำลังคุยกับอ๋องเยียนโดยไม่สนใจสิ่งใด นางขอให้ช่วยส่งตัวลู่มู่เฉินไปรักษาตัวกับหมอหลวงอิ่น แต่ท่านแม่ทัพกลับปฏิเสธ
“เหตุใดไม่ได้ ท่านอยากให้เขาตายเร็วๆหรือ ยามนี้เขาใกล้ตายแล้ว หากมีหนทาง ท่านไม่คิดจะยื่นมือเข้าช่วยหรือ” หลี่เฟิ่งเซียนโวยวาย
“ไม่ใช่เช่นนั้น เพียงแต่หมอหลวงอิ่นเป็นคนประหลาด ก่อนมาอยู่ในวังหลวงเขาท่องเที่ยวไปทั่ว ฮ่องเต้ยังต้องขอร้องเขาอยู่หลายปีกว่าเขาจะยอมเข้าไปอยู่ในวัง ตอนนี้เขายังเป็นถึงหมอเทวดาอันดับหนึ่ง จะอยู่ๆให้เขารักษาคนนอกได้อย่างไร ต้องเป็นคนในวังหลวงเท่านั้นถึงจะได้รับการรักษาจากเขา” แม่ทัพหลี่ร่ายยาว
“ท่านเป็นถึงอ๋อง ขอให้เขามารักษาไม่ได้หรือ” หลี่เฟิ่งเซียนเสียงอ่อนลง
“หากเป็นตัวข้าย่อมได้ หรือตัวเจ้าก็ย่อมได้ แต่เขาไม่ได้” ท่านพ่อพูดเด็ดขาด นางจึงได้แต่คอตก รู้สึกไร้หนทาง
“ข้ามีวิธี ไม่รู้ว่าเจ้าอยากจะลองดูหรือไม่” จู่ๆอ๋องเยียนที่นั่งฟังเงียบๆมานานก็เอ่ยขึ้น
“ท่านมีวิธีหรือ พูดมาได้เลย ข้ายินดีลอง” นางดีใจรีบเข้าไปใกล้เขา จนอ๋องเยียนต้องถอยออกเล็กน้อย
“ข้ามีวิธีจริง แต่เรื่องนี้..ยังต้องให้ท่านแม่ทัพอนุญาตก่อน” อ๋องเยียนพูดไปยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปด้วย
“ข้าจะตัดสินใจหลังจากได้ยินแล้ว” แม่ทัพหลี่พูด ไม่ยอมตกหลุมพราง
“หากว่า มู่เฉินแต่งเข้าตระกูลหลี่ เป็นลูกเขยแต่งเข้า เขาก็จะถือว่าเป็นคนของราชวงศ์ใช่หรือไม่” อ๋องเยียนค่อยๆพูดไปทีละประโยค คอยสังเกตสีหน้าของแม่ทัพหลี่ไปด้วย หากแม่ทัพหลี่โกรธหรือโวยวาย เขาจะได้หนีทัน
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ทั้งแม่ทัพและหลี่เฟิ่งเซียนต่างตัวแข็งราวกับหิน อ๋องเยียนกะพริบตาปริบๆ ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะค่อยๆรินชาใส่ถ้วย ค่อยๆยกขึ้นดื่มอย่างใจเย็น รอคอยให้สองคนนั้นได้สติ
แน่นอนว่าตระกลูหลี่เป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์ แม้จะไม่ได้ใช้ชื่อสกุลเดียวกับฮ่องเต้ แต่แม่ทัพหลี่คือพี่ชายสายเลือดเดียวกันกับฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน เขาเป็นผู้ที่ค้ำจุนบัลลังก์ของฮ่องเต้ให้ยังคงมั่นคง ฮ่องเต้รักและเคารพแม่ทัพหลี่อย่างที่สุด แต่ตัวแม่ทัพเองก็รักน้องชาย จึงไม่เคยเอาตัวเองไปอยู่ในเมืองหลวงนานๆ เพื่อที่เหล่าอำมาตย์ขุนนางจะได้ไม่สามารถยกเรื่องนี้มาทำให้ฮ่องเต้เดือดร้อน
การที่หลี่เฟิ่งเซียนยังไม่ได้บรรดาศักดิ์เป็นท่านหญิงหรือองค์หญิง เป็นเพราะตัวแม่ทัพเองที่บ่ายเบี่ยงครั้งแล้วครั้งเล่า อ้างว่านางเป็นคนสารเลว ชอบมั่วบุรุษ ไม่มีคุณสมบัติของสตรีที่ดี ทางหนึ่งเพราะตัวหลี่เฟิ่งเซียนเป็นเช่นนั้นจริง อีกทางหนึ่งก็เพื่อป้องกันให้ลูกสาวคนเดียวของเขายังคงมีอิสรเสรี ทำตามที่นางต้องการได้ทุกเมื่อ ไม่ต้องมาคอยแบกภาระของราชวงศ์ในนามของท่านหญิงหรือองค์หญิง
ฮ่องเต้ย่อมเข้าใจความรู้สึกของพี่ชายดี จึงไม่เคยบีบบังคับให้หลี่เฟิ่งเซียนเข้าวังเรียนรู้กฎเกณฑ์พวกนั้น ปล่อยให้นางทำเรื่องชั่วได้เท่าที่นางต้องการ ขอเพียงไม่ทำผิดกฎหมาย ไม่ทำเรื่องร้ายแรง ไม่ว่าเรื่องอะไรนางก็ยังคงได้รับการผ่อนปรนเสมอ
“ข้า ไม่เคยคิดเรื่องแต่งงานกับเขามาก่อน” หลี่เฟิ่งเซียนพูดออกมาในที่สุด
“ข้า..ข้า” นางอยากจะบอกว่าตัวเองชอบลู่มู่เฉินจริง แต่ไม่เคยนึกถึงเรื่องงานแต่ง พยายามแล้วก็ยังพูดออกมาไม่ได้
ฮูหยินรองรับรู้ว่าเขากำลังเล่นสนุกกับร่องชมพูของนาง แต่นางขยับตัวไม่ไหว ได้แต่อ้าปากร้อง อ้ะอ้ะ ตามปลายนิ้วมือของเขา เมื่อนางตัวสั่นใกล้จะแตกดับอีกครั้งเขาก็สอดใส่มังกรตัวเขื่อนเข้ามา กระแทกกระทั้นไม่กี่ทีนางก็สูดปากด้วยความเสียวสั่นสะท้านเขารู้ว่านางไปถึงฝั่งแล้ว จึงกระแทกรัวๆไม่ยั้งเพื่อพาตัวเองไปยังจุดที่นางพานพบบ้าง เขาจับสะโพกของนางไว้แน่น ปรนเปรอภรรยาเด็กด้วยแรงทั้งหมดของแม่ทัพใหญ่ เสียวซ่านจนไม่มีเวลาคิดว่านางจะรับความรุนแรงนี้ไหวหรือไม่เมื่อพายุความหฤหรรษ์หยุดลง สองสามีภรรยาต่างเหน็ดเหนื่อยแทบสิ้นใจ เขาก้มลงจูบปลอบประโลมภรรยาอย่างอ่อนโยน แต่ก็ขบคอระหงของนางจนเป็นรอยด้วย นางร้องเบาๆแต่เขาไม่ใส่ใจ อาจเพราะเขาไม่ได้เข้าหอมานานจึงมีความต้องการสูงมาก เขาพลิกตัวฮูหยินรองและขึ้นไปขย่มนางบนเตียงต่อไป“ข้าไม่อยากรักท่าน” เสียงอ่อนแรงของเซี่ยอิงเอ่ยขึ้นระหว่างที่เขากำลังกอดกกนางอย่างหลงใหล“เพราะเหตุใด” เขาถามเสียงกระเส่า ไม่ได้ใส่ใจมาก“เพราะข้าไม่อาจแย่งชิงท่านกับท่านหญิงเจียงที่แม่น้ำไน่เหอ นางจะโดดเดี่ยว นางรอท่านมานานมาก” หญิงสาวพูดถึงชีวิตหลังความตายที่คู่รักจะรอกันและกันเพื่อข
ปัง! แม่ทัพหลี่ตบลงไปบนโต๊ะอย่างแรง ฮูหยินรองสะดุ้งหลับตาแน่น แต่ไม่ขยับหนีไปไหน และทำแค่ก้มหน้ามากกว่าเดิม เขาหงุดหงิดอยู่สักครู่ คิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น “ต่อไปข้าจะเรียกเจ้าว่าอิงเอ๋อร์ เจ้าก็ควรเรียกข้าว่าท่านพี่ได้แล้ว อย่างไรข้าก็แต่งตั้งเจ้าเป็นฮูหยินของข้าแล้ว ไม่ใช่อนุ” เขาเสียงเบาลง“เจ้าค่ะ ..ท่านพี่” นางยังถือเสื้อในมือก้มหน้าอยู่ข้างเขาเช่นเดิม แต่หายดื้อแล้ว หลี่เหยาพอใจ จึงลุกขึ้นยืน กางแขนออกให้นางใส่เสื้อให้แต่เพราะนางตัวเล็กถึงจะพยายามเอื้อมมือเพื่อใส่เสื้อให้เขา ท่วงท่าในตอนนี้จึงคล้ายนางกอดเอวเขาอยู่ และเขารู้สึกว่ายังคงอยากกระแทกใส่นางอยู่ จึงโอบกอดนางไว้ในอ้อมแขน“ข้าจะเข้าหอกับเจ้า ให้บุตรแก่เจ้าสักคน เอาไว้วันหน้าหากข้าตาย เจ้าจะได้ไม่โดดเดี่ยว แม้เฟิ่งเซียนของข้าจะไม่ใจดำกระทั่งปล่อยให้เจ้าโดดเดี่ยว แต่อย่างไร หากเจ้ามีบุตรของเจ้าเองย่อมดีกว่า” เขาตัดสินใจ“ไม่เจ้าค่ะ!” นางปฏิเสธทันที เงยหน้ามองเขา ส่งสายตาแน่วแน่ว่านางไม่ต้องการจริงๆ “เพราะอะไร!” หลี่เหยาโกรธจนเส้นเลือดข้างหัวเต้นตุบๆ นี่เขาถึงขั้นเอ่ยปากจะเข้าหอ แต่นางกลับปฏิเสธแทบจะทันทีไม่ต้องคิดด้วยซ้
พอนางไม่หนีและหอบหายใจถี่ให้เขาพึงพอใจ เขาก็เริ่มเบามือและปรนเปรอความเสียวซ่านให้นางด้วยสองมือ หญิงสาวบิดตัวไปมาตามแรงบดขยี้ของฝ่ามือแกร่ง เขาขยับฝ่ามือให้เร็วขึ้นนางก็สั่นตามแรงขยับนั้น จนนางเริ่มทนความสุขสมที่เขาปรนเปรอไม่ไหว จึงเริ่มดิ้นไปมา อ้าปากส่ายหัวอย่างน่ารักน่าเวทนา แต่เขาก็ทำเพียงกอดนางแน่นขึ้น และเร่งให้นางไปสู่ยอดเขาแห่งความสุขสมเร็วขึ้นด้วยการขยี้สะบัดปลายนิ้วไปมาแรงขึ้น“อา อา ซี๊ดดดด...ฮะ...ฮา..” นางกระตุกและสุดปากอย่างควบคุมไม่ได้ หมดแรงอยู่ตรงหน้าอกของเขาหลี่เหยารู้สึกร้อนลวกตรงแท่งหยกที่ใกล้ปริแตกของตัวเอง เพราะมันแนบอยู่กับผิวลื่นๆของนาง แต่เขาไม่ใส่ใจ ทำเพียงจ้องมองร่างที่สั่นเทาอยู่บนอกด้วยความพึงพอใจ เขาเห็นแล้วว่านางสุขสมจนแทบไม่มีแรงขยับ ใบหน้าแดงก่ำ หายใจหอบเหนื่อย แต่เขาอยากกลั่นแกล้งนางให้มากขึ้นจึงเอ่ยออกไป“ลุกขึ้น อย่ามานอนอยู่บนตัวข้า”ร่างของฮูหยินรองลืมตามองเขาอย่างไม่เข้าใจว่าเขายังต้องการอะไรอีก เป็นเขาที่ดึงนางให้แนบกับอกแม้นางจะพยายามหนี ยามนี้กลับทำเป็นรังเกียจที่นางนอนบนอกนี่หรือแม้นางไม่พอใจ แต่ฮูหยินรองกลับกัดฟันจับขอบถังและพยุงขาสั่นๆให้ลุ
ระหว่างเดินทาง ท่านแม่ทัพไม่ได้จับแท่งเนื้อยัดใส่ปากนางอีก แต่ก็กอดนางนอนทุกคืน ก่อนจะนอนมักจะถอดเสื้อผ้าของนาง เล่นกับหน้าอกนุ่มนิ่มและยอดชมพูของนาง ทำจนนางตัวสั่นไปหมดเขาถึงจะพอใจ แรกๆฮูหยินรองรู้สึกอายมาก เพราะเขาจะทำเช่นนั้นและมองนางทุรนทุรายทรมานอย่างพึงพอใจ แต่หลังๆนางชักจะโมโหที่ถูกกลั่นแกล้งเสมอ จึงเริ่มไม่ยอมให้เขาจับหน้าอกเล่นแล้ว นางค้นพบว่าหากแกล้งบีบน้ำตาเขาจะเบามือขึ้น หรือไม่ก็ไม่รังแกนางอีกแต่ถึงอย่างไร แม่ทัพหลี่ก็ยังคงเป็นแม่ทัพหลี่ เขาไม่ปรานีฮูหยินรอง ไม่จับหน้าอก ไม่เขี่ยยอดถันของนางเล่น แต่กลับจับก้นสะโพกและเขี่ยกลีบดอกไม้ตรงหว่างขาของนางเล่นแทน ทำจนนางร้องไห้เอ่ยปากบอกว่าทนไม่ไหวแล้วเขาถึงจะหยุดมือ เขาบอกว่าเป็นการทำโทษที่นางไม่รู้จักปรนนิบัติสามีมาหลายปีฮูหยินรองแม้จะร้องในใจว่าเป็นเขาที่ไม่ยอมมองนาง ทำตัวเป็นน้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลอง แต่ใครจะกล้าพูดออกไปกัน แค่เขามองด้วยสายตาไม่พอใจ นางก็ต้องยินยอมให้เขาทุกอย่างแล้วกระทั่งไปถึงชายแดน มีพื้นที่สะดวกมากขึ้น นางนอนอีกห้อง แม่ทัพหลี่นอนอีกห้อง ฮูหยินรองถึงได้หายใจหายคอนอนหลับได้บ้าง แต่เพียงผ่านไปไม่กี่คืน หลังจากท
เวลาท่านแม่ทัพโมโห บางครั้งน่ากลัวราวกับเทพอสนีบาตก็ไม่ปาน บางคราวเย็นยะเยือกจนไม่มีผู้ใดกล้าขยับ มีแต่ฮูหยินรองที่ต้องรองรับอารมณ์ร้ายของท่านแม่ทัพฮูหยินรองไม่อยากอยู่ใกล้ท่านแม่ทัพนัก แต่จนใจเพราะท่านแม่ก็ป่วยและชรา ส่วนคุณหนูใหญ่ ถูกท่านเขยขังตัวอยู่ในห้องหอตลอดเช้าค่ำ อย่างไรก็ต้องเป็นนางที่ได้ดูแลเขาเสมอ ก่อนหน้านั้นที่นางได้รับอนุญาตให้ดูแลท่านแม่ทัพ นางดีใจอย่างโง่งมที่ได้รับความไว้วางใจจากคุณหนูใหญ่แล้ว แต่ยามนี้นางเริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องน่ายินดีอันใด ท่านแม่ทัพน่ากลัวยิ่งฮูหยินรองเฝ้ารอให้ถึงเวลาที่ท่านแม่ทัพจะกลับไปยังชายแดน เฝ้ารอให้ช่วงเวลาอันแสนสงบของนางกลับมาอีกครั้ง แต่เมื่อใกล้ถึงเวลานั้นจริง ท่านแม่กลับจะให้นางไปอยู่ชายแดนกับท่านแม่ทัพ และดูคล้ายว่าท่านแม่ทัพจะยินยอมด้วย ส่วนคุณหนูใหญ่ที่เคยขัดขวางนางกับท่านแม่ทัพเสมอถึงขั้นเห็นดีเห็นงาม ขอร้องให้ท่านแม่ทัพมาพูดดีกับนางด้วยฮูหยินรองยังจำได้ดี เรื่องของคืนนั้น เมื่อคุณหนูใหญ่อุตส่าห์ขอร้องท่านแม่ทัพให้พูด ‘คำพูดดีๆ’ กับนาง เมื่อนางเข้ามาในห้อง เขาไม่พูดสักคำ เอาแต่จ้องนางสายตาว่างเปล่า คราแรกฮูหยินรองยังนึกว่าเขา
หลังจากแม่ทัพหลี่และหลี่เฟิ่งเซียนออกมาจากวังหลวง เดินเข้าประตูจวนเข้ามาแล้ว แม่ทัพหลี่ถึงจะยอมแสดงความอ่อนแอออกมา เขามีทั้งแผลโดนแทงและแผลถูกเกาทัณฑ์ยิง สาหัสชนิดที่ถ้าเป็นผู้อื่นคงยืนอยู่ไม่ไหว แต่เขายังเสแสร้งว่าแข็งแกร่งยืนค้ำฟ้าในท้องพระโรงได้อยู่นานสองนานหลังจากมู่เฉินรักษาบาดแผลให้ท่านแม่ทัพแล้วก็กำชับฮูหยินรองว่าท่านแม่ทัพอาการสาหัสยิ่ง บาดแผลไม่ลึกถึงขั้นเอาชีวิตได้ แต่ท่านแม่ทัพคงหนีตายพร้อมแผลพวกนั้นมาหลายวัน ไม่มีเวลาดูแลรักษาให้ดี ตอนนี้แผลได้ติดเชื้อลุกลามไปมากแล้ว จำเป็นต้องมีคนดูแลใกล้ชิดคอยทำความสะอาดแผลให้ทุกครึ่งชั่วยามท่านแม่ทัพนอนหลับไปเพราะพิษบาดแผลและฤทธิ์ยาที่มู่เฉินจัดให้ ก่อนหลับไปท่านแม่ทัพรู้สึกชื่นชมเขยคนนี้มาก และชื่นชมตัวเองที่ตัดสินใจไม่ผิด จากนี้ถึงเขาจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ต้องห่วงลูกสาวแล้วกลางดึก แม่ทัพหลี่ได้ยินเสียงคนกระซิบกระซาบบางอย่าง ปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมาท่ามกลางความวิงเวียนและรู้สึกอยากอาเจียน“เจ้าเบาเสียงลงอีก นายท่านเป็นทหารที่หูดีมาก เขาต้องคอยระวังตัวตลอดเวลาจึงทำให้หลับไม่สนิท ถึงเขาจะป่วยอยู่ แต่เจ้าอาจทำให้เขาตื่นได้” “ได้เจ้าค่ะ ..ท่