แม่ทัพหลี่หันหน้าแบบประหลาดมากมามองลูกสาว เขากะพริบตาไล่ความงุนงง สังเกตอาการของลูกสาวที่หน้าแดงกระวนกระวายทำสิ่งใดไม่ถูก จู่ๆเขาก็เข้าใจทุกอย่าง
‘ข้าว่าแล้วเชียว เท่าที่จำได้ ไอ้หนุ่มนั่นเป็นคนเดียวที่ทำให้ลูกข้าเงียบได้ใช่หรือไม่ แต่มันดูแลลูกข้าได้แน่หรือ ถึงอย่างไรนางก็ดูจะชอบมันเข้าแล้วจริงๆ ข้าไม่เคยเห็นนางเป็นเช่นนี้เลย’ แม่ทัพหลี่คิด ยิ่งคิดยิ่งตกใจ นี่เขาไม่เคยสังเกตเลยจริงๆ สุดท้ายเขาไม่พูดสิ่งใดแต่เดินดุ่มๆ ออกไปจากห้องโถงทันที
ปล่อยให้หลี่เฟิ่งเซียนและอ๋องเยียนมองตามอย่างงุนงง ก่อนที่นางจะคิดบางอย่างได้และตะโกนออกไป
“ท่านพ่อ ห้ามฆ่าเขานะ!!” แล้วนางก็วิ่งตามแม่ทัพออกไป
อ๋องเยียนค่อยๆพ่นลมออกมา รู้สึกโล่งอกที่คนถูกฆ่าไม่ใช่เขา
ลู่มู่เฉินกำลังช่วยเตรียมยาให้ทหารนายหนึ่ง ขาของเขาขาด ไม่ได้ทำแผลให้สะอาดแต่ต้น ยามนี้จึงทั้งบวมและเป็นหนอง
“ลู่มู่เฉิน!!” แม่ทัพหลี่ตะโกนเรียกชื่อเขาแต่ไหล
“หยุดนะท่านพ่อ ห้ามฆ่าเขาเด็ดขาด!” หลี่เฟิ่งเซียนวิ่งตามหลังแม่ทัพหลี่มาติดๆ ตะโกนอย่างร้อนรน
ลู่มู่เฉินไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นางคงก่อเรื่องอีกแล้ว เขาถอนหายใจ ยื่นห่อยาให้ทหารอย่างใจเย็น ก่อนจะออกไปนอกประตู ประสานมือก้มคำนับแม่ทัพ
“ท่านแม่ทัพ มีสิ่งใดก็ค่อยๆกล่าว นางยังเด็ก ใจร้อนไปบ้าง ท่านอย่าเพิ่งโมโห ถือเป็นความผิดของข้าเองขอรับ”
สิ้นคำกล่าวของเขา แม่ทัพที่เดิมตั้งใจจะชกเขาสักหมัด กลับได้แต่ต้องหยุดมองเขาให้เต็มตาเป็นครั้งแรก แม่ทัพหลี่รู้สึกว่าเขาอาจจะดูแลม้าพยศเช่นคุณหนูใหญ่ได้ แม้เขาจะไม่ได้มีอำนาจหรือเงินทอง แต่แม่ทัพไม่สนใจ ของพวกนั้นเขามอบให้ได้ ขอเพียงลู่มู่เฉินดูแลยอดดวงใจของเขาได้เช่นนี้ตลอดไป
เขาไม่เคยเห็นผู้ใดสามารถทำให้ลูกสาวของเขาเป็นห่วงได้มากเช่นนี้ สิ่งที่แม่ทัพหลี่หวังมากที่สุดคือให้ลูกสาวสุดที่รักคนนี้ได้มีความสุข ไม่ถูกกฎเกณฑ์บังคับจนทำสิ่งใดก็ไม่มีความสุข
นางมักจะไล่ตามชายรูปงามเสมอ แต่ไม่เคยรักผู้ใด ไล่ตามสักพักก็เบื่อ แม้นางจะไล่ตามอ๋องเยียนมากือบสองปี แต่นางมักจะชอบไปเที่ยวกับเขามากกว่าจะชอบตัวเขาจริงจัง หลี่เฟิ่งเซียนจะชอบติอ๋องเยียนอยู่บ่อยครั้งว่าเขาดีแต่รูปงาม ไม่เคยเห็นใจหญิงใด ที่อ๋องเยียนยังคงสุภาพกับนาง ไม่ล่วงเกินนางเพราะนางเป็นลูกสาวแม่ทัพหลี่
อ๋องเยียนแม้จะมีความสามารถมาก ยังไม่แต่งภรรยาเอก แต่ก็มีอนุแล้ว 7 คน ยังไม่ต้องนับดอกไม้ริมทางมากมายที่ถูกเขาชื่นชมแล้วโยนทิ้ง นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมแม่ทัพหลี่เห็นนางวิ่งตามอ๋องเยียนมานานแต่เขาไม่เคยเอ่ยเรื่องแต่งงานเป็นทางการ เพราะแม่ทัพหวังอยากให้ลูกสาวเบื่อหน่ายสักวันและหันไปไล่ตามผู้อื่นแทน
ลู่มู่เฉินผู้นี้ แม้จะยากจนแต่เฉลียวฉลาด ไม่มีอำนาจตำแหน่งเงินทอง แต่มีความจริงใจและความใส่ใจ ทหารมากมายในกองทัพต่างชื่นชอบเขา แม้หลี่เฟิ่งเซียนจะไม่เคยไล่ตาม แต่กลับชื่นชมยกย่องเขา บางครั้งก็เชื่อฟังเขาตักเตือนเป็นอย่างดี
"ท่านพ่อ .." เสียงของหลี่เฟิ่งเซียนเรียกแม่ทัพ
แต่ลู่มู่เฉินกลับยกมือโบกเล็กน้อย คล้ายห้ามนางว่าอย่าพึ่งพูดอะไรมากไป ให้เขาเป็นคนจัดการ ทุกการกระทำนั้นอยู่ในสายตาของแม่ทัพชัดเจน
"ท่านแม่ทัพ เรื่องเงินที่นางใช้เพื่อสั่งทำกล่องเข็มสิบแปดแบบ เป็นความผิดของข้าเอง เพราะมือซ้ายของข้ามักจะปวดเป็นบางครั้ง ทำอย่างไรก็ไม่หาย พอดีท่านหมอมีตำราเล่มหนึ่งว่าด้วยเรื่อง เจินจิ่ว ในนั้นเขียนว่าหากใช้เข็มเงินติดเกลียวฝังในเส้นเอ็น จะช่วยรักษาความเจ็บปวดได้ ข้าจึงได้ขอให้นางสั่งกล่องเข็มราคาแพงมากล่องหนึ่งขอรับ" เขาอธิบายร่ายยาว
"พวกเจ้าสั่งทำกล่องเข็มสิบแปดแบบที่ราคาเกือบสิบตำลึงทองหรือ?!" แม่ทัพตกใจ เขาอยากถามอีกเรื่อง แต่กลับได้รับรู้อีกเรื่อง
"เป็นความผิดของข้า หากแม่ทัพจะลงโทษ ข้ายินดีทำทุกอย่าง" เขาค้อมหลังประสานมือ ในใจกลับตะโกนว่า
‘แย่แล้ว! ท่านแม่ทัพยังไม่รู้เรื่องนี้ เช่นนั้นเขามาด้วยเรื่องอันใด’ แต่ในเมื่อพูดไปแล้ว แม่ทัพก็รู้แล้ว จึงได้แต่ต้องตามน้ำไป
หลี่เฟื่องเซียนตกใจไม่น้อย ไม่คิดว่าเรื่องเงินจะถูกเปิดเผยเอาตอนนี้ กลัวเรื่องนั้นแล้วยังต้องมากลัวเรื่องนี้อีก นางพยายามส่งสายตาบอกเขาว่าไม่ใช่เรื่องนี้ แต่เขาก็เอาแต่ก้มหน้า
"ฮึ่ม! เจ้าใช้เงินของนางไปสิบตำลึงทองเลยหรือ? เจ้าหลอกลวงลูกของข้า นางก็โง่ให้เจ้าหลอกใช้ เงินสิบตำลึงทอง ข้าอยากถามเจ้าว่า เจ้าจะชดใช้ความผิดแทนนางหรือไม่?" แม่ทัพถามอย่างดุดัน
"เชิญแม่ทัพหลี่ลงโทษ ข้าจะรับโทษทั้งของนางและของข้าเอง" ลู่มู่เฉินย่อมต้องรับผิดแทนนาง
"ดี เช่นนั้น ข้าจะจัดงานแต่งให้พวกเจ้า และรีบกลับไปเมืองหลวง รักษาอาการป่วยของเจ้าให้หายขาด เจ้าต้องมีชีวิตอยู่เพื่อรับผิดชอบแทนนางไปตลอดชั่วชีวิต" แม่ทัพหลี่เอ่ยอย่างหนักแน่น ไม่สนใจสีหน้าคล้ายฟ้าถล่มของลู่มู่เฉินและหลี่เฟิ่งเซียน
กำหนดการแต่งงานของทั้งสองคนถูกกำหนดอย่างรวดเร็วเช่นนี้..
พ่อแม่ของลู่มู่เฉินตายหมดแล้ว เขาไร้ญาติขาดพี่น้อง ท่านแม่ของหลี่เฟิ่งเซียนก็จากไปนานแล้ว งานแต่งนี้จึงมีเพียงท่านแม่ทัพเป็นผู้ใหญ่ งานแต่งถูกจัดขึ้นอย่างรีบร้อนจึงไม่ทันไปรับท่านย่า ท่านย่าโวยวายจะโขกหัวจนตัวตาย แม่ทัพหลี่จำต้องรับปากว่าจะจัดงานแต่งอีกครั้งที่เมืองหลวง จะทำให้ยิ่งใหญ่จนท่านย่าพอใจ ท่านย่าจึงยอมตามในที่สุด แต่ไม่มีผู้ใดถามความสมัครใจของลู่มู่เฉิน
ลู่มู่เฉินยังคงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จนเขาถูกแต่งชุดแดง ถูกคลุมหัวด้วยผ้าแดง จับขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว ถูกแม่สื่อจับไปขังในห้องของหลี่เฟิ่งเซียน จนกระทั่งนางมาเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าบ่าว* เขาก็ยังไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกอย่างราวกับเป็นเพียงความฝันตื่นหนึ่ง
แววตาของหลี่เฟิ่งเซียนคล้ายดื่มสุรามาจนเมามายแล้ว
"เกิดอะไรขึ้น" เขาถาม เพราะตั้งแต่มีกำหนดการงานแต่ง เขาก็ถูกจับตาตลอดเวลา ถูกห้ามไปเจอเจ้าสาวเด็ดขาด
*เข้าใจค่ะว่าพิธีการแต่งงานของจีนเป็นอย่างไร แต่ในใจของไรท์จินตนาการเสมอว่าคุณหนูใหญ่เป็นผู้เปิดผ้าคลุมหน้า อย่างไรก็คิดเสียว่าบริบทในนิยายนี้เป็นเรื่องที่จินตนาการขึ้น ไม่ได้อิงตามความเป็นจริงแต่อย่างใด เป็นเพียงเรื่องแต่งเท่านั้นค่ะ
“ข้าไม่เป็นไร มันหายแล้ว แต่มันไม่เหมือนเดิมแล้ว อย่างไรก็ยังต้องเป็นเช่นนี้เวลาอากาศหนาวมากๆ” เขาหลบตามองต่ำอธิบาย“เช่นนั้นเพราะหนาวหรือถึงได้เจ็บ” นางถาม ลู่มู่เฉินพยักหน้าหลี่เฟิ่งเซียนทำหน้าดุก่อนจะวิ่งไปที่เตียงดึงผ้าห่มมาห่อตัวเขาไว้“แล้วเจ้าหนีมานอนที่พื้นเพื่ออันใดกัน ต่อไปห้ามทำเช่นนี้อีก หากข้าเมาก็ต้องเรียกข้าให้เอาผ้าห่มให้เจ้า เข้าใจหรือไม่” นางดุลู่มู่เฉินพยักหน้ารับอีกครั้ง แต่ไม่กล้ามองนาง ไม่กล้าบอกนางว่ามือข้างนี้จะไม่หาย มันยังคงต้องเจ็บเช่นนี้ไปตลอดชีวิต แม้จะตัดทิ้งความรู้สึกเจ็บปวดที่ไม่มีอยู่จริงก็ยังเกิดขึ้น เวลานี้ก็ยังรู้สึกเจ็บมาก แต่อย่างไรก็ต้องทนต่อไป เขาไม่ต้องการให้นางไม่สบายใจแต่ห่มผ้าให้เขาแล้วนางก็ไม่ยอมไปไหน ยังคงนั่งมองเขา ทั้งยังกระเถิบมาใกล้ขึ้นจ้องมองเขาไม่วางตา ลู่มู่เฉินได้แต่ก้มหน้าไม่กล้าเอ่ยคำพูด แต่แล้วนางก็ยกมือขึ้นมาเช็ดบางอย่างที่ข้างแก้ม“เจ้านอนน้ำลายไหลเปื้อนแก้มด้วย”“!!..” เขาตกใจรีบก้มหน้าไม่ยอมให้นางเช็ดคราบน้ำลาย“ชิ ทำเป็นเล่นตัว อย่างไรเจ้าก็แต่งกับข้าแล้ว เป็นหรือตายก็ต้องเป็นคนของข้า” หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกอารมณ์เสีย เมื
เขาจึงยังไม่ได้พูดคุยกับนางให้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำได้แต่คาดเดา เพราะเขาถามอ๋องเยียนก็แล้ว ท่านหมอก็ถามแล้ว แม้แต่แม่ทัพหลี่เขาก็พยายามถามแล้ว แต่ไม่มีผู้ใดตอบคำถามของเขา"ตาของเจ้างดงามมากจริงๆ ราวกับเก็บดวงดาวยามค่ำคืนไว้ทั้งท้องฟ้า" พูดแล้วนางก็ล้มใส่ตัวเขา หลับไปทั้งเช่นนั้น‘ความฝันที่เป็นได้เพียงความฝัน ห้ามคิดฝันเกินตัว มันต้องมีบางสิ่งทำให้ท่านแม่ทัพตัดสินใจเช่นนี้ นางต้องทำความผิดใดจนท่านแม่ทัพโกรธ จนต้องลงโทษนางให้แต่งกับคนอัปลักษณ์ใกล้ตายเช่นเขา’ ลู่มู่เฉินตักเตือนตัวเองเขามั่นใจว่างานแต่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะนางชอบเขา หรือเพราะดันมีคนรู้เข้าว่าเขาชอบนาง เขารู้ว่าต้องมีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้น นางจึงถูกบังคับให้แต่งกับเขาเขารู้ว่านางพูดชมเขาโดยไม่มีสิ่งใดลึกซึ้ง เพราะนางเป็นคนเช่นนั้น ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม พูดสิ่งที่คิดออกมาตรงๆ เพียงแต่..ทุกครั้งที่นางพูดเช่นนี้ ในอกของเขายังคงสั่นระรัวไม่เป็นจังหวะ ในท้องปั่นป่วนคล้ายมีผีเสื้อนับพันกำลังโผบินลู่มู่เฉินแอบยิ้มน้อยๆ งานแต่งนี้อาจต้องจบลงสักวัน เขาย่อมรู้ดี แต่ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นงานแต่งของเขากับนาง หากนางยังตื่นอยู่ เขาก็จะปั้น
แม่ทัพหลี่หันหน้าแบบประหลาดมากมามองลูกสาว เขากะพริบตาไล่ความงุนงง สังเกตอาการของลูกสาวที่หน้าแดงกระวนกระวายทำสิ่งใดไม่ถูก จู่ๆเขาก็เข้าใจทุกอย่าง‘ข้าว่าแล้วเชียว เท่าที่จำได้ ไอ้หนุ่มนั่นเป็นคนเดียวที่ทำให้ลูกข้าเงียบได้ใช่หรือไม่ แต่มันดูแลลูกข้าได้แน่หรือ ถึงอย่างไรนางก็ดูจะชอบมันเข้าแล้วจริงๆ ข้าไม่เคยเห็นนางเป็นเช่นนี้เลย’ แม่ทัพหลี่คิด ยิ่งคิดยิ่งตกใจ นี่เขาไม่เคยสังเกตเลยจริงๆ สุดท้ายเขาไม่พูดสิ่งใดแต่เดินดุ่มๆ ออกไปจากห้องโถงทันทีปล่อยให้หลี่เฟิ่งเซียนและอ๋องเยียนมองตามอย่างงุนงง ก่อนที่นางจะคิดบางอย่างได้และตะโกนออกไป“ท่านพ่อ ห้ามฆ่าเขานะ!!” แล้วนางก็วิ่งตามแม่ทัพออกไป อ๋องเยียนค่อยๆพ่นลมออกมา รู้สึกโล่งอกที่คนถูกฆ่าไม่ใช่เขาลู่มู่เฉินกำลังช่วยเตรียมยาให้ทหารนายหนึ่ง ขาของเขาขาด ไม่ได้ทำแผลให้สะอาดแต่ต้น ยามนี้จึงทั้งบวมและเป็นหนอง“ลู่มู่เฉิน!!” แม่ทัพหลี่ตะโกนเรียกชื่อเขาแต่ไหล “หยุดนะท่านพ่อ ห้ามฆ่าเขาเด็ดขาด!” หลี่เฟิ่งเซียนวิ่งตามหลังแม่ทัพหลี่มาติดๆ ตะโกนอย่างร้อนรนลู่มู่เฉินไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นางคงก่อเรื่องอีกแล้ว เขาถอนหายใจ ยื่นห่อยาให้ทหารอย่างใจเย็น ก
หลี่เฟิ่งเซียนค่อยๆหันกลับไป กะพริบตาปริบๆ ไม่อยากเชื่อว่าใครๆก็มองออก แต่นางไม่รู้ตัว นี่นางโง่เพียงนี้เชียวหรือ“เจ้าไม่ชอบเขา แล้วสั่งทำกล่องเข็มให้เขาทำไมหรือ” นางยังคาใจ“ท่านเป็นคนสัญญาว่าจะออกเงินสร้างสิ่งที่เขาอยากได้ไม่ใช่หรือเจ้าคะ เขาบอกว่าอยากได้กล่องเข็มครบ 18 แบบ ข้าจึงไปสั่งร้านช่างในหมู่บ้านให้ ใช้เวลาหลายสิบวันกว่าจะเสร็จ วันก่อนช่างเอามาส่งแต่ข้าลืมบอกท่าน” ยู่ยี่อธิบายนางสัญญาไปเช่นนั้นจริงๆ นางรีบร้อนจะตามอ๋องเยียนไปขี่ม้าดูบึงใหญ่ จึงรับปากเขาไปส่งๆ จนนางก็ลืมไปแล้ว ดังนั้น ถือว่ากล่องเข็มนี้นางเป็นคนมอบให้เขา ไม่ใช่ยู่ยี่หัวใจของหลี่เฟิ่งเซียนพองโต นางไม่ต้องแย่งชิงเขากับยู่ยี่ เขาไร้ญาติขาดมิตร ครอบครัวก็ไม่มี ขอเพียงนางรวบหัวรวบหาง เขาต้องเป็นของนางแน่ ถึงเขาจะน่าเกลียดมากไปหน่อย แต่ไม่เป็นไร อย่างน้อยนัยน์ตาของเขางดงามมาก นางชอบนัยน์ตาของเขาที่ราวกับเก็บดวงดาวไว้ทั้งท้องฟ้ายามค่ำคืนคิดแล้วนางก็หยุดตัวเองไม่ได้ อยากจะไปหาเขาตอนนี้เสียเลย หลี่เฟิ่งเซียนวิ่งไปหาลู่มู่เฉิน ไม่สนใจว่ายามนี้ดึกมากเพียงใด ยู่ยี่ห้ามอย่างไรนางก็ไม่ฟัง นางเอากล่องเข็มไปด้วย นางอยาก
“แล้ว..เกิดอะไรขึ้น” แม่ทัพหลี่เบาเสียงลง กลัวจะทำให้ลูกสาวเสียงดังมากขึ้น“...ข้าก็ไม่รู้ เขาคงไม่อยากให้ข้าไปยุ่งกับเขา” นางตอบเบาลง“เหลวไหล ใครจะไม่อยากยุ่งกับลูกพ่อ” แม่ทัพหลี่รีบเอาใจ“มาๆ กินเยอะๆ เดี๋ยวพ่อไปถามให้ ถ้าเขาไม่ยอมพูด พ่อจะบังคับให้เขาพูดให้ได้” เขาหยิบอาหารใส่ถ้วยให้นาง เอาอกเอาใจลูกสาวเต็มที่“ไม่ต้อง ข้า..ข้าจะ ไปถามด้วยตัวเอง”หลี่เฟิ่งเซียนพอจะนึกบางอย่างได้ นางพาลู่มู่เฉินมาที่นี่ อ้างว่ามารักษาตัว แต่ไม่เคยถามว่าเขาอยากอยู่หรือไม่ ท่านพ่อของนางเป็นถึงแม่ทัพ หากเขาไม่เอ่ยปาก ผู้ใดจะกล้าออกไปจากที่นี่ บางทีลู่มู่เฉินอาจไม่อยากอยู่ที่นี่ เขาอาจรู้สึกไม่ต่างจากถูกคุมขังในกรงสุนัข เขาอาจอยากกลับไปหาครอบครัวสุดท้ายหลี่เฟิ่งเซียนตัดสินใจจะถามให้กระจ่าง นางตามหาเขาจนพบเขาอยู่ที่ห้องเก็บยา“ลู่มู่เฉิน ข้ามีเรื่องอยากถามเจ้า” หลี่เฟิ่งเซียนมาถึงก็ถามตรงๆ“..อืม” เขาหันมามองนางครู่หนึ่ง และหันไปยุ่งกับการตวงยาต่อไป“เจ้าอยากกลับบ้านของเจ้าหรือไม่”“ใครบ้างจะไม่อยากกลับบ้าน”เขาตอบตามจริง แต่นางรู้สึกบางอย่างในอกหนักอึ้ง“เจ้ามีบ้านหรือไม่ มีพ่อแม่ ภรรยา...หรือคนที่รอใ
ค่ำวันนั้นนางไปหามู่เฉินคนชั่วของนาง แต่ท่านหมอบอกว่าเขาไม่อยู่ออกไปอาบน้ำ หลี่เฟิ่งเซียนไปรอเขาที่ห้องของเขาอยู่นานเขาก็ยังไม่กลับ นางจึงบุกไปที่ห้องอาบน้ำ แต่เขาก็ไม่อยู่ที่นั่น หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ นางกลัวว่าเขาจะออกไปข้างนอกค่ายแล้วเกิดถูกจับตัวไปขายอีกครั้งหลี่เฟิ่งเซียนวิ่งกลับไปที่ห้องของนางเพื่อหยิบกระบี่ไปช่วยเขา แต่กลับพบเขากำลังนั่งปลอบใจยู่ยี่ที่ร้องไห้อยู่ นางมองเขากำลังใช้มืออีกข้างตบหลังยู่ยี่เบาๆ อย่างปลอบโยน จู่ๆ นางก็เกิดไม่กล้าเดินเข้าไปรบกวนพวกเขา ในใจของนางมีบางอย่างหนักอึ้งจนนางเองก็อธิบายไม่ได้หลี่เฟิ่งเซียนหอบกล่องใส่เข็มไปนั่งเหม่อมองดวงดาวบนท้องฟ้าที่ริมน้ำ เพราะนางไม่กล้าเข้าห้องของตัวเอง สายลมเย็นส่งเสียงหวีดเป็นบางครั้ง เสียงน้ำไหลกระทบก้อนหิน แม้จะหนวกหู แต่ช่วยให้นางสงบ ไม่ต้องได้ยินเสียงจี้ดๆ ที่ได้ยินในหูตั้งแต่เห็นสองคนนั้นนั่งด้วยกันยิ่งมืดดวงดาวยิ่งแจ่มชัด แต่จู่ๆ กลับมีแสงไฟใกล้นางมาทุกที หลี่เฟิ่งเซียนกลัวว่าจะมีคนร้ายมาแอบจับตัวนางไปอีก จึงรีบหลบหลังพุ่มไม้ แอบก่นด่าตัวเองในใจที่ไม่รู้จักระวัง มืดแล้วยังไม่ระวังตัว ถูกจับไป