วันนี้นางคล้ายจะได้คำตอบแล้ว เขาคงต้องยอมให้คนพวกนั้นกลั่นแกล้งสารพัด ทุกครั้งที่เขาลงมาหานาง ไม่รู้เลยว่าเขาต้องทนรับความอัปยศมากกว่านางเพียงใด นางยังมีหน้าไปด่าทอเขา โกรธเคืองเขา วันนี้เพียงเพื่อจะเอาซาลาเปาเน่าๆสองสามลูกมาให้นาง เขาถึงขั้นต้องทิ้งความเป็นคน!!
"มีสิ่งใดให้ดีใจกัน!" หลี่เฟิ่งเซียนตะคอก
"ข้ารู้ว่าท่านหิว ท่านดูผอมลงไปมาก วันนี้ข้าได้ซาลาเปาที่มีไส้มาเชียวนะ" เขาไม่แน่ใจว่านางยังโกรธเคืองสิ่งใดอีก นงอยากกินอาหารดีๆมาตลอดไม่ใช่หรือ
"เจ้าต้องทำเช่นนี้เลยหรือ ถึงขั้นยอมคลานเป็นสุนัข!!" นางกัดฟันพูด
"ไม่ใช่เรื่องสำคัญอันใด ..." เขาคล้ายพูดสิ่งใดไม่ออก
"รีบเอาซาลาเปาออกมากินเถิด หลายวันนี้ท่านไม่ได้กินดีๆเลย" เขาบอกนาง
"กินดีๆ? เจ้าหมายถึงซาลาเปาเน่าๆในอกของเจ้าน่ะหรือ?"
"นี่เป็นของกินดีที่สุด ที่ตอนนี้ข้าหามาได้ ท่านต้องรักษาชีวิตเอาไว้" เขาพูดคล้ายไม่ใส่ใจอารมณ์ขุ่นเคืองของนาง
"ท่าน ๆ ๆ ท่านอันใดกัน ข้ากับเจ้าก็นักโทษในคุกใต้ดินเช่นเดียวกัน เจ้าเลิกโง่สักที เหตุใดไม่หนีไป ข้าไม่เคยเห็นคนโง่เช่นเจ้ามาก่อน" หลี่เฟิ่งเซียนด่าเขาเสียงสั่นด้วยความโมโห
"ข้ามีเวลาไม่มาก เจ้า..เลิกโมโหก่อนดีหรือไม่" เขาพูดอย่างอับจนหนทาง แต่ก็ยอมเปลี่ยนคำเรียกจากท่านมาเป็นเจ้า
"ข้าเกลียดเจ้า" หลี่เฟิ่งเซียนพูดไปเช่นนั้น แต่ในน้ำเสียงกลับสั่นเครือปนสะอื้นเบาๆ ราวกับนางกำลังจะร้องไห้ แต่กลั้นเอาไว้
"อืม" เขาตอบเพียงสั้นๆ
แม้ทั้งสองคนจะยืนอยู่ท่ามกลางความมืด แต่เขารู้แล้วว่านางกำลังร้องไห้ เขาไม่รู้จะปลอบสตรีอย่างไรจึงเอาแต่เงียบ ในที่สุดเป็นเขาเองที่ยื่นมือไปเช็ดกับเสื้อของนาง และล้วงเข้าไปในอกของตัวเอง หยิบเอาซาลาเปาทั้งหมดยื่นใส่มือของนาง
"รีบกิน เจ้าจะได้มีแรง"
หลี่เฟิ่งเซียนยังคงสะอื้นเบาๆ แต่ก็เริ่มยัดซาลาเปาใส่ปาก กัดคำใหญ่ๆกลืนลงท้องไป นางรู้สึกว่าซาลาเปาแข็งๆที่ใส่เพียงผักจี้อร่อยมาก
"อะอ่อย" นางพูดทั้งที่ยังมีซาลาเปาอยู่เต็มปาก
"อืม..อย่ารีบกินจนหมด เจ้ากินประหยัดๆหน่อย ข้าไม่แน่ใจว่าจะลงมาได้อีกเมื่อใด" เขาบอก
"อ้า อะ ไอ้ อู่ อี้อี้ อิ แอ้ว (ข้าจะไม่อยู่ที่นี่อีกแล้ว)" นางพูดไปเช่นนั้นแต่เขาฟังไม่เข้าใจจึงไม่ได้ตอบอันใด
และเพราะอยู่ในความมืด เขาจึงไม่เห็นว่านางกินซาลาเปาสามลูกจนหมด เขาเพียงยืนรอเงียบๆให้มีคนมาเปิดประตูพาเขากลับขึ้นไป แต่เมื่อมีคนลงมาเปิดประตูจริงๆ หลี่เฟิ่งเซียนกลับจับมือเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย เจ้าคนชั่วพยายามแกะมือของนางออกแล้ว พยายามส่งสายตาบอกให้นางปล่อยมือแล้วแต่นางก็ยังดื้อดึง
'ข้าเป็นใครกัน ข้าเป็นคุณหนูใหญ่ของชวนแม่ทัพหลี่ จะโง่งมนั่งรอให้ผู้อื่นมาช่วยได้อย่างไร' นางบอกตัวเองในใจพร้อมกับเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย
แสดงออกถึงความหยิ่งทระนงเช่นคุณหนูใหญ่ที่นางเคยเป็น เรื่องเลวร้ายอันใดที่คุณหนูใหญ่เช่นนางไม่เคยทำกัน
"ยังพลอดรักกันไม่เสร็จอีกหรือ?" ชายผู้มาเปิดประตูมองเขาสองคนอย่างเยาะเย้ย
"ให้ข้าออกไปทำงานให้พวกเจ้าสิ บอกนายท่านของพวกเจ้าว่าข้าจะทำงาน ให้ข้านอนกับคนที่เขาอยากจะฆ่า หากสัมผัสตัวข้าใครก็ต้องตายทั้งนั้นจำได้หรือไม่" หลี่เฟิ่งเซียนพูด
เจ้าคนชั่วหันมาถลึงตาใส่นาง มีความตกใจหกส่วน และความตำหนิอีกสี่ส่วนอยู่ในนั้น นี่เขาทำเรื่องมากมายไปเพื่ออันใดกัน ถ้าสุดท้ายแล้วนางก็ยังยอมไปขึ้นเตียงกับใครๆ นางลืมฐานะแท้จริงของตัวเองไปแล้วหรือ หรือเพราะความลำบากหลายวันนี้ทำให้นางยอมแพ้!
"รีบไปบอกนายท่านของเจ้าสิ!" หลี่เฟิ่งเซียนตวาดใส่ชายคนนั้น ถึงมันจะตกใจไปบ้างแต่คิดดูแล้วก็สมเหตุสมผล จึงลงกลอนประตู รีบออกไปแจ้งนายท่านตามที่หลี่เฟิ่งเซียนบอก
"เจ้าโง่ไปแล้วหรือ" คนชั่วเริ่มด่าทอหลี่เฟิ่งเซียนเบาๆ
"ใช่ ข้าโง่มาหลายวัน วันนี้ข้าควรเริ่มฉลาดได้แล้ว"
"เจ้า..เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าเจ้าเป็นสตรี" เขาโกรธ
"ข้าเป็นสตรีแล้วอย่างไร ข้ามีชีวิตรอดจึงสำคัญที่สุด"
"..."
"เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าไม่ได้คิดจะขึ้นเตียงกับผู้ใด ขอเพียงข้าไม่ถูกมัดมือมัดเท้า ถึงแม้ข้าจะไม่มีกระบี่ในมือก็ยังฆ่าคนได้ ขอเพียงข้าได้ออกไป ข้าจะต้องหาทางหนีออกไปได้แน่ ถึงตอนนั้นข้าจะพาเจ้าออกไปอย่างปลอดภัย"
"...ไม่ง่ายดายเช่นนั้นหรอก" คนชั่วเอ่ยเบาๆ ก่อนจะค่อยๆดึงมือตัวเองออกจากการเกาะกุมของนาง
"เจ้าก็ช่วยข้าสิ แล้วเราก็หาทางหนีออกไปด้วยกัน"
"..." ไม่มีคำตอบจากเขา แต่หลี่เฟิ่งเซียนมั่นใจว่าเขาจะต้องช่วยนางแน่
จู่ๆทั้งสองคนก็รู้สึกว่าบรรยากาศมืดๆชื้นแฉะในคุกใต้ดินเริ่มอบอุ่นขึ้น พวกเขายืนกันเงียบๆเช่นนั้น ไม่มีใครพูดสิ่งใด
ในที่สุดหลี่เฟิ่งเซียนก็ได้ออกมาจากคุกใต้ดิน ที่แท้ คุกใต้ดินไม่ได้อยู่ลึก แต่อยู่ไกลจากหมู่บ้านพอสมควร แถวทางเข้าคุกใต้ดินยังมีลานกว้างและเสาไม้อีกสี่ห้าเสา ไม่รู้เป็นสถานที่อันใด นางและเจ้าคนชั่วถูกมัดมือ ถูกจูงให้เดินลัดเลาะไปตามท้ายหมู่บ้าน
เพราะมืดมาก นางเกือบสะดุดล้มหลายครั้ง ยังดีที่เจ้าคนชั่วยื่นมือช่วยพยุง แม้ตัวเขาจะผอมบางจนลมพัดก็อาจจะปลิว แต่กลับมีแรงมากมายกว่านางในยามนี้ จากนั้นเดินเข้าหลังร้านน้ำชาแห่งหนึ่ง ข้างนอกคล้ายร้านน้ำชาทั่วไป แต่ด้านในกลับเป็นหอนางโลม!
ฮ่องเต้องค์ใหม่ ผู้เป็นท่านอาของหลี่เฟิ่งเซียน มีปณิธานยิ่งใหญ่ต้องการจะปฏิรูปแผ่นดิน จึงออกกฎใหม่หลายข้อ หนึ่งในนั้นคือหากจะเปิดหอนางโลมต้องแจ้งทางการ ทำเรื่องให้ถูกต้องตามกฎ หลี่เฟิ่งเซียนคาดว่าที่นี่อาจเป็นหอนางโลมเถื่อน ขุนนางในพื้นที่อาจจะรู้เห็น เพราะอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงฉางอัน และเป็นอำเภอเล็กๆที่เป็นเพียงทางผ่านไปยังเขตชายแดนสวีโจว จึงรอดหูรอดตามานาน
ด้านในของโรงน้ำชา เต็มไปด้วยเหล่าหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม เพียงแต่หญิงสาวเหล่านั้นกลับหน้าตาไม่สดชื่น ยิ้มแย้มแต่ดูเศร้าสร้อย ดูก็รู้ว่าส่วนใหญ่ไม่ได้เต็มใจมาทำงานที่นี่ หากนางหนีไปได้ จะต้องกลับมาทลายที่นี่ราบคาบให้จงได้!
ฮูหยินรองรับรู้ว่าเขากำลังเล่นสนุกกับร่องชมพูของนาง แต่นางขยับตัวไม่ไหว ได้แต่อ้าปากร้อง อ้ะอ้ะ ตามปลายนิ้วมือของเขา เมื่อนางตัวสั่นใกล้จะแตกดับอีกครั้งเขาก็สอดใส่มังกรตัวเขื่อนเข้ามา กระแทกกระทั้นไม่กี่ทีนางก็สูดปากด้วยความเสียวสั่นสะท้านเขารู้ว่านางไปถึงฝั่งแล้ว จึงกระแทกรัวๆไม่ยั้งเพื่อพาตัวเองไปยังจุดที่นางพานพบบ้าง เขาจับสะโพกของนางไว้แน่น ปรนเปรอภรรยาเด็กด้วยแรงทั้งหมดของแม่ทัพใหญ่ เสียวซ่านจนไม่มีเวลาคิดว่านางจะรับความรุนแรงนี้ไหวหรือไม่เมื่อพายุความหฤหรรษ์หยุดลง สองสามีภรรยาต่างเหน็ดเหนื่อยแทบสิ้นใจ เขาก้มลงจูบปลอบประโลมภรรยาอย่างอ่อนโยน แต่ก็ขบคอระหงของนางจนเป็นรอยด้วย นางร้องเบาๆแต่เขาไม่ใส่ใจ อาจเพราะเขาไม่ได้เข้าหอมานานจึงมีความต้องการสูงมาก เขาพลิกตัวฮูหยินรองและขึ้นไปขย่มนางบนเตียงต่อไป“ข้าไม่อยากรักท่าน” เสียงอ่อนแรงของเซี่ยอิงเอ่ยขึ้นระหว่างที่เขากำลังกอดกกนางอย่างหลงใหล“เพราะเหตุใด” เขาถามเสียงกระเส่า ไม่ได้ใส่ใจมาก“เพราะข้าไม่อาจแย่งชิงท่านกับท่านหญิงเจียงที่แม่น้ำไน่เหอ นางจะโดดเดี่ยว นางรอท่านมานานมาก” หญิงสาวพูดถึงชีวิตหลังความตายที่คู่รักจะรอกันและกันเพื่อข
ปัง! แม่ทัพหลี่ตบลงไปบนโต๊ะอย่างแรง ฮูหยินรองสะดุ้งหลับตาแน่น แต่ไม่ขยับหนีไปไหน และทำแค่ก้มหน้ามากกว่าเดิม เขาหงุดหงิดอยู่สักครู่ คิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น “ต่อไปข้าจะเรียกเจ้าว่าอิงเอ๋อร์ เจ้าก็ควรเรียกข้าว่าท่านพี่ได้แล้ว อย่างไรข้าก็แต่งตั้งเจ้าเป็นฮูหยินของข้าแล้ว ไม่ใช่อนุ” เขาเสียงเบาลง“เจ้าค่ะ ..ท่านพี่” นางยังถือเสื้อในมือก้มหน้าอยู่ข้างเขาเช่นเดิม แต่หายดื้อแล้ว หลี่เหยาพอใจ จึงลุกขึ้นยืน กางแขนออกให้นางใส่เสื้อให้แต่เพราะนางตัวเล็กถึงจะพยายามเอื้อมมือเพื่อใส่เสื้อให้เขา ท่วงท่าในตอนนี้จึงคล้ายนางกอดเอวเขาอยู่ และเขารู้สึกว่ายังคงอยากกระแทกใส่นางอยู่ จึงโอบกอดนางไว้ในอ้อมแขน“ข้าจะเข้าหอกับเจ้า ให้บุตรแก่เจ้าสักคน เอาไว้วันหน้าหากข้าตาย เจ้าจะได้ไม่โดดเดี่ยว แม้เฟิ่งเซียนของข้าจะไม่ใจดำกระทั่งปล่อยให้เจ้าโดดเดี่ยว แต่อย่างไร หากเจ้ามีบุตรของเจ้าเองย่อมดีกว่า” เขาตัดสินใจ“ไม่เจ้าค่ะ!” นางปฏิเสธทันที เงยหน้ามองเขา ส่งสายตาแน่วแน่ว่านางไม่ต้องการจริงๆ “เพราะอะไร!” หลี่เหยาโกรธจนเส้นเลือดข้างหัวเต้นตุบๆ นี่เขาถึงขั้นเอ่ยปากจะเข้าหอ แต่นางกลับปฏิเสธแทบจะทันทีไม่ต้องคิดด้วยซ้
พอนางไม่หนีและหอบหายใจถี่ให้เขาพึงพอใจ เขาก็เริ่มเบามือและปรนเปรอความเสียวซ่านให้นางด้วยสองมือ หญิงสาวบิดตัวไปมาตามแรงบดขยี้ของฝ่ามือแกร่ง เขาขยับฝ่ามือให้เร็วขึ้นนางก็สั่นตามแรงขยับนั้น จนนางเริ่มทนความสุขสมที่เขาปรนเปรอไม่ไหว จึงเริ่มดิ้นไปมา อ้าปากส่ายหัวอย่างน่ารักน่าเวทนา แต่เขาก็ทำเพียงกอดนางแน่นขึ้น และเร่งให้นางไปสู่ยอดเขาแห่งความสุขสมเร็วขึ้นด้วยการขยี้สะบัดปลายนิ้วไปมาแรงขึ้น“อา อา ซี๊ดดดด...ฮะ...ฮา..” นางกระตุกและสุดปากอย่างควบคุมไม่ได้ หมดแรงอยู่ตรงหน้าอกของเขาหลี่เหยารู้สึกร้อนลวกตรงแท่งหยกที่ใกล้ปริแตกของตัวเอง เพราะมันแนบอยู่กับผิวลื่นๆของนาง แต่เขาไม่ใส่ใจ ทำเพียงจ้องมองร่างที่สั่นเทาอยู่บนอกด้วยความพึงพอใจ เขาเห็นแล้วว่านางสุขสมจนแทบไม่มีแรงขยับ ใบหน้าแดงก่ำ หายใจหอบเหนื่อย แต่เขาอยากกลั่นแกล้งนางให้มากขึ้นจึงเอ่ยออกไป“ลุกขึ้น อย่ามานอนอยู่บนตัวข้า”ร่างของฮูหยินรองลืมตามองเขาอย่างไม่เข้าใจว่าเขายังต้องการอะไรอีก เป็นเขาที่ดึงนางให้แนบกับอกแม้นางจะพยายามหนี ยามนี้กลับทำเป็นรังเกียจที่นางนอนบนอกนี่หรือแม้นางไม่พอใจ แต่ฮูหยินรองกลับกัดฟันจับขอบถังและพยุงขาสั่นๆให้ลุ
ระหว่างเดินทาง ท่านแม่ทัพไม่ได้จับแท่งเนื้อยัดใส่ปากนางอีก แต่ก็กอดนางนอนทุกคืน ก่อนจะนอนมักจะถอดเสื้อผ้าของนาง เล่นกับหน้าอกนุ่มนิ่มและยอดชมพูของนาง ทำจนนางตัวสั่นไปหมดเขาถึงจะพอใจ แรกๆฮูหยินรองรู้สึกอายมาก เพราะเขาจะทำเช่นนั้นและมองนางทุรนทุรายทรมานอย่างพึงพอใจ แต่หลังๆนางชักจะโมโหที่ถูกกลั่นแกล้งเสมอ จึงเริ่มไม่ยอมให้เขาจับหน้าอกเล่นแล้ว นางค้นพบว่าหากแกล้งบีบน้ำตาเขาจะเบามือขึ้น หรือไม่ก็ไม่รังแกนางอีกแต่ถึงอย่างไร แม่ทัพหลี่ก็ยังคงเป็นแม่ทัพหลี่ เขาไม่ปรานีฮูหยินรอง ไม่จับหน้าอก ไม่เขี่ยยอดถันของนางเล่น แต่กลับจับก้นสะโพกและเขี่ยกลีบดอกไม้ตรงหว่างขาของนางเล่นแทน ทำจนนางร้องไห้เอ่ยปากบอกว่าทนไม่ไหวแล้วเขาถึงจะหยุดมือ เขาบอกว่าเป็นการทำโทษที่นางไม่รู้จักปรนนิบัติสามีมาหลายปีฮูหยินรองแม้จะร้องในใจว่าเป็นเขาที่ไม่ยอมมองนาง ทำตัวเป็นน้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลอง แต่ใครจะกล้าพูดออกไปกัน แค่เขามองด้วยสายตาไม่พอใจ นางก็ต้องยินยอมให้เขาทุกอย่างแล้วกระทั่งไปถึงชายแดน มีพื้นที่สะดวกมากขึ้น นางนอนอีกห้อง แม่ทัพหลี่นอนอีกห้อง ฮูหยินรองถึงได้หายใจหายคอนอนหลับได้บ้าง แต่เพียงผ่านไปไม่กี่คืน หลังจากท
เวลาท่านแม่ทัพโมโห บางครั้งน่ากลัวราวกับเทพอสนีบาตก็ไม่ปาน บางคราวเย็นยะเยือกจนไม่มีผู้ใดกล้าขยับ มีแต่ฮูหยินรองที่ต้องรองรับอารมณ์ร้ายของท่านแม่ทัพฮูหยินรองไม่อยากอยู่ใกล้ท่านแม่ทัพนัก แต่จนใจเพราะท่านแม่ก็ป่วยและชรา ส่วนคุณหนูใหญ่ ถูกท่านเขยขังตัวอยู่ในห้องหอตลอดเช้าค่ำ อย่างไรก็ต้องเป็นนางที่ได้ดูแลเขาเสมอ ก่อนหน้านั้นที่นางได้รับอนุญาตให้ดูแลท่านแม่ทัพ นางดีใจอย่างโง่งมที่ได้รับความไว้วางใจจากคุณหนูใหญ่แล้ว แต่ยามนี้นางเริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องน่ายินดีอันใด ท่านแม่ทัพน่ากลัวยิ่งฮูหยินรองเฝ้ารอให้ถึงเวลาที่ท่านแม่ทัพจะกลับไปยังชายแดน เฝ้ารอให้ช่วงเวลาอันแสนสงบของนางกลับมาอีกครั้ง แต่เมื่อใกล้ถึงเวลานั้นจริง ท่านแม่กลับจะให้นางไปอยู่ชายแดนกับท่านแม่ทัพ และดูคล้ายว่าท่านแม่ทัพจะยินยอมด้วย ส่วนคุณหนูใหญ่ที่เคยขัดขวางนางกับท่านแม่ทัพเสมอถึงขั้นเห็นดีเห็นงาม ขอร้องให้ท่านแม่ทัพมาพูดดีกับนางด้วยฮูหยินรองยังจำได้ดี เรื่องของคืนนั้น เมื่อคุณหนูใหญ่อุตส่าห์ขอร้องท่านแม่ทัพให้พูด ‘คำพูดดีๆ’ กับนาง เมื่อนางเข้ามาในห้อง เขาไม่พูดสักคำ เอาแต่จ้องนางสายตาว่างเปล่า คราแรกฮูหยินรองยังนึกว่าเขา
หลังจากแม่ทัพหลี่และหลี่เฟิ่งเซียนออกมาจากวังหลวง เดินเข้าประตูจวนเข้ามาแล้ว แม่ทัพหลี่ถึงจะยอมแสดงความอ่อนแอออกมา เขามีทั้งแผลโดนแทงและแผลถูกเกาทัณฑ์ยิง สาหัสชนิดที่ถ้าเป็นผู้อื่นคงยืนอยู่ไม่ไหว แต่เขายังเสแสร้งว่าแข็งแกร่งยืนค้ำฟ้าในท้องพระโรงได้อยู่นานสองนานหลังจากมู่เฉินรักษาบาดแผลให้ท่านแม่ทัพแล้วก็กำชับฮูหยินรองว่าท่านแม่ทัพอาการสาหัสยิ่ง บาดแผลไม่ลึกถึงขั้นเอาชีวิตได้ แต่ท่านแม่ทัพคงหนีตายพร้อมแผลพวกนั้นมาหลายวัน ไม่มีเวลาดูแลรักษาให้ดี ตอนนี้แผลได้ติดเชื้อลุกลามไปมากแล้ว จำเป็นต้องมีคนดูแลใกล้ชิดคอยทำความสะอาดแผลให้ทุกครึ่งชั่วยามท่านแม่ทัพนอนหลับไปเพราะพิษบาดแผลและฤทธิ์ยาที่มู่เฉินจัดให้ ก่อนหลับไปท่านแม่ทัพรู้สึกชื่นชมเขยคนนี้มาก และชื่นชมตัวเองที่ตัดสินใจไม่ผิด จากนี้ถึงเขาจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ต้องห่วงลูกสาวแล้วกลางดึก แม่ทัพหลี่ได้ยินเสียงคนกระซิบกระซาบบางอย่าง ปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมาท่ามกลางความวิงเวียนและรู้สึกอยากอาเจียน“เจ้าเบาเสียงลงอีก นายท่านเป็นทหารที่หูดีมาก เขาต้องคอยระวังตัวตลอดเวลาจึงทำให้หลับไม่สนิท ถึงเขาจะป่วยอยู่ แต่เจ้าอาจทำให้เขาตื่นได้” “ได้เจ้าค่ะ ..ท่