ความรักวุ่นๆ ระหว่างปิติญาดาและคณิน ที่บิดามารดาของทั้งคู่ เล่นละครฉากใหญ่เพื่อที่จะจับบุตรสาวและบุตรชายของพวกเขาให้ได้แต่งงานกัน แต่การแต่งงานครั้งนี้ก็ใช่ว่าจะราบรื่น เมื่อมีอุปสรรคจากถ่านไฟเก่าเข้ามาแทรกแซง
View Moreเมื่อได้เวลาสามหนุ่มก็มารับคนรักตามคำสั่ง วันนี้พวกเขาเป็นเหมือนคนนอก เพราะสาวๆ อยากคุยกันตามประสาผู้หญิง ส่วนผู้ชายตามสบายเหมือนกัน ขณะนั่งรถกลับบ้านปิติญาดาหันมามองหน้าคณินคล้ายมีอะไรจะพูดแต่ก็ไม่พูดจนเขาต้องถามขึ้น“มีอะไรจะคุยกับพี่หรือเปล่าคะ”“อืม...ไม่มีค่ะ” หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธ แต่คณินก็ยังถามย้ำ“แน่ใจนะ”“ค่ะ” ปิติญาดาเอ่ยรับ จะให้บอกเขาได้ยังไงว่าเธอรอให้เขาคุกเข่าขอแต่งงานอยู่ ขืนพูดไปแบบนั้นคณินได้หัวเราะแล้วหาว่าเธอเพี้ยนแน่ๆ จึงเปลี่ยนเรื่องคุย “วันนี้พี่คิงส์ไปไหนมาคะ”“แวะไปหาเพื่อนเก่ามาครับ ไปบอกเขาว่าเรากำลังจะแต่งงานกัน”“เหรอคะ...แล้วหลังแต่งงานเราจะไปฮันนีมูนที่ไหนดี” หญิงสาวเอ่ยชักแม่น้ำทั้งโลกมาพูดก่อนที่จะพูดเรื่องที่กำลังคิด“พี่ให้น้ำมนต์เลือก”“น้ำมนต์อยากไปสวิชเซอร์แลนด์”“ได้” คณินรับ
“คุณพูดอะไร บัวไม่เข้าใจ”“ไม่ต้องห่วงสเต็กจานนี้ไม่มียาแลนเนจนั่นหรอก”“คิงส์!” คำตอบของคณินทำให้กิ่งดาวนั่งนิ่ง ไม่กล้าแม้จะหายใจด้วยซ้ำ เหงื่อมากมายแตกพลั่กใบหน้าซีดเผือก นั่งขดตัวหลบหน้าเขา“จำไว้ ว่าผมรู้ทุกอย่าง อย่าแม้แต่จะคิดทำร้ายคนที่ผมรักอีก เพราะครั้งต่อไปผมคงไม่น่านั่งคุยกับคุณอยู่แบบนี้”“คิงส์ บัวขะ…” คำขอโทษของกิ่งดาวหายเข้าไปในลำคอ เมื่อถูกคณินเอ่ยขัดขึ้น“ผมฆ่าคนได้โดยไม่ต้องใช้ยาพิษให้โง่ หวังว่าคุณจะไม่ใช่คนนั้น” พูดจบชายหนุ่มก็ลุกขึ้นก่อนจะเดินออกไปจากบ้านกิ่งดาวทันที เจ้าของบ้านนั่งหัวใจเต้นรัวเพราะความกลัวเข้ามากุมหัวใจเธอเสียแล้ว ก่อนจะเริ่มอาการกระสับกระส่ายวิตกจริต มองซ้ายมองขวาแล้วกรี๊ดลั่นบ้านกิ่งดาวขึ้นไปบนห้องนอนแล้วปิดประตูใส่กลอนแน่นหนา ก่อนจะควานหายานอนหลับมากินหลายสิบเม็ด คิดแต่เพียงว่าเธอต้องนอน เธอต้องหลับจะได้ไม่ต้องคิดมาก ตื่นขึ้นมาทุกอย่างจะผ่านไปได้ เธอจ
คณินนั่งเฝ้าปิติญาดาในห้องพักฟื้นไม่ยอมลุกไปไหน ชายหนุ่มรั้งมือเธอมากุมไว้ก่อนจะจรดจมูกโด่งลงไปบนหนังมือนุ่มตรงหน้าหนักๆ หมอบอกว่าเธอปลอดภัยแล้วแต่เขายังไม่เชื่อจนกว่าปิติญาดาจะได้สติ โทษตัวเองว่าทั้งหมดเป็นเพราะเขา ถ้าดูแลเธอมากกว่านี้กิ่งดาวก็คงไม่สามารถวางยาพิษได้“พี่ขอโทษนะครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขอโทษคนบนเตียงคนไข้ ซึ่งขณะนั้นปิติญาดาก็ค่อยๆ ขยับตัว หญิงสาวลืมตาขึ้นหลังจากนอนยาวมานานหลายชั่วโมง พอเห็นหน้าคณินก็ยิ้มให้“พี่คิงส์”“ฟื้นแล้วเหรอ รู้สึกเป็นยังไงบ้าง ปวดหัว ปวดท้อง อยากอาเจียนอีกไหม” คณินถามแบบไม่รอให้คนฟังได้มีเวลาตอบ คนฟังยิ้มให้เขาเพราะรู้ว่าเธอทำให้คณินห่วงเข้าให้อีกแล้ว“ไม่แล้วค่ะ” ปิติญาดาส่ายหน้าปฏิเสธ “แล้วนี่น้ำมนต์เป็นอะไรคะ”“หมอบอกว่าอาหารเป็นพิษ” ชายหนุ่มขอโกหกสักครั้ง เพราะไม่อยากให้ปิติญาดารู้ว่าความจริงคืออะไร ให้เธอเข้าใจแบบนี้ก็ดีแล้ว ส่วนเรื่องกิ่งดาวที่หนีความผิดกลับกรุงเทพฯ ไปแล้วนั้นเขาขอจัดการเอง
“อย่าพึ่งทานค่ะ” แต่เหมือนป้าชื่นจะมาช้าไปหนึ่งก้าว เพราะจังหวะนั้นปิติญาดาก็ถูกกิ่งดาวคะยั้นคะยอให้กินสเต็กเข้าไปแล้วหลายคำ“มีอะไรจ๊ะป้า” ปิติญาดาหันไปมองหน้าป้าชื่นซึ่งบ่งบอกว่าตกอกตกใจมาก“แมว แมวข้างบ้านมันตาย”“ก็แค่แมวตายอย่าแตกตื่นไปนักเลยป้าชื่น” กิ่งดาวเอ่ยเหมือนไม่พอใจที่ป้าชื่นเอะอะโวยวาย พยายามเบี่ยงเบนความสนใจของปิติญาดา อีกนิดเดียวเท่านั้นแผนเธอก็จะสำเร็จแล้ว“แต่ข้างๆ แมวมีจานสเต็กที่คุณบัวเธอทำวางอยู่ด้วย” ได้ยินแบบนั้นปิติญาดาถึงกับหันมามองหน้ากิ่งดาวทันที“ก็ตอนอยู่ในครัวแมวมันมาร้องอยู่ข้างๆ ฉันสงสารเลยให้สเต็กกิน” หัวใจของกิ่งดาวเต้นรัว พยายามเร่งเวลาให้ยาพิษออกฤทธิ์เร็วๆ และก็จริงอย่างที่เธอต้องการ ส้อมในมือของปิติญาดาร่วงลงพื้น หญิงสาวตัวง้องุ้มเป็นกุ้งกุมหน้าท้องแน่นเพราะรู้สึกเจ็บขึ้นมาแบบไม่ทราบสาเหตุ ลำคอแห้งผาก เหงื่อมากมายผุดขึ้นตามร่างกาย“คุณน้ำมนต์เป็นอะไรไปคะ” ป้าชื่นรีบเข้ามาพยุงตัวปิติญาดาทันที“ฉันอยากอาเจี
กิ่งดาวขับรถตระเวนซื้อของมาทำอาหารเย็นด้วยความรู้สึกอยากเอาชนะ ไม่ได้รู้สึกสำนึกต่อสิ่งที่ได้ก่อแต่อย่างใด ก่อนจะพยายามมองหาสิ่งที่เธอจะนำมากำจัดปิติญาดาจนกระทั่งสายตามองไปเห็นป้ายร้านขายยาปราบศัตรูพืช เธอเลี้ยวรถเข้าไปจอดที่หน้าร้านทันที“ต้องการยาชนิดไหนครับ” เจ้าของร้านเอ่ยถามลูกค้าที่เข้ามา กิ่งดาวหันซ้ายหันขวามองไปรอบๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น“คือ…ไม่ทราบว่าที่นี่มียาปราบศัตรูพืชแบบไม่มีกลิ่นแต่ประสิทธิภาพดีบ้างไหม”“มีครับ”“ถึงตายหรือเปล่า” กิ่งดาวถามตรงประเด็น เจ้าของร้านจึงพูดถึงสรรพคุณให้ลูกค้าฟังทันที“อย่าว่าแต่พวกหญ้าเลยคุณ ถ้าคนได้กินเข้าไปก็ไม่รอด”“เหรอ” แทนที่จะรู้สึกผิดแต่กิ่งดาวกลับรู้สึกว่าตนกำลังจะเป็นผู้ชนะ เส้นชัยใกล้มาถึงทุกขณะ ต่อจากนี้เธอก็จะได้อยู่กับ คณินอย่างมีความสุข“แล้วไม่ทราบว่าคุณต้องการมากแค่ไหน”“ขวดเดียวก่อน ฉันอยากรู้ว่าหญ้ารกโลกพวกนั้นจะตายจริงๆ ถ้าดีจะกลับมาซื้ออีก” กิ่งดาวยิ้มเหี้
กิ่งดาวไม่อยากตื่นแต่เช้าก็ต้องตื่นเพราะเธอออกมานั่งรอคณินที่หน้าบ้าน เธอพยายามโทรศัพท์ไปหาชายหนุ่มไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งกลับติดต่อไม่ได้เลย เพราะขณะนี้คณินและปิติญาดาอยู่กับครอบครัวและบรรดาเพื่อนสนิทอยู่นั่นเอง ทั้งหมดกำลังคุยกันถึงเรื่องงานแต่งงานของทั้งคู่ ซึ่งปิติญาดาอยากจัดงานที่ลำปาง เพราะที่นี่มีรีสอร์ตที่สวยๆ อยู่หลายแห่งวันนี้บรรดาพ่อๆ แม่ๆ ของปิติญาดาและคณินจะกลับกรุงเทพฯ ภคมณและวศินก็ด้วยเนื่องจากภคมณมีนัดกับคุณหมอเพื่อตรวจครรภ์ ส่วนต้องหทัยก็ต้องกลับเช่นเดียวกัน เพราะตอนนี้เธอไม่ได้เป็นคนว่างงานจะไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระอย่างเช่นเมื่อก่อน หญิงสาวเลือกที่จะเข้าไปช่วยงานที่บริษัทของครอบครัว ทั้งหมดแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตน เมื่อออกจากรีสอร์ตก็บ่ายแล้วคณินก็หันมองหน้าปิติญาดา“จะกลับบ้านเลยไหม”“ค่ะ…ต่อให้หลบหน้ายังไงก็คงต้องกลับไปเพราะนั่นคือบ้านเรา”“นั่นสิ เอาเป็นว่าเดี๋ยวพี่คุยกับบัวให้รู้เรื่องเอง” ปิติญาดาพยักหน้าให้ชายหนุ่ม ทั้งคู่จึงขับรถตรงกลับบ้าน และ
Comments