Share

สภาวะลืมชั่วคราว

last update Huling Na-update: 2025-05-16 18:30:29

หลังจากที่การสแกนสมองเสร็จสิ้น หมอแนะนำให้กนกกลับไปพักฟื้นที่บ้านเพื่อให้ร่างกายและจิตใจได้ผ่อนคลาย

"เราจะกลับบ้านกันแล้วนะลูก"

กนกที่นั่งเหม่อลอยอยู่บนเตียง เงยหน้าขึ้นมองหมอเพชร ดวงตากลมโตดูเลื่อนลอยราวกับจิตใจของเขายังคงติดอยู่ที่ไหนสักแห่ง

"บ้าน..." เด็กชายพึมพำเสียงเบา "ผมอยากกลับบ้าน..."

เพียงเท่านั้น พ่อของเขาก็รีบก้าวเข้ามา อุ้มลูกชายขึ้นแนบอกโดยไม่รอช้า "เราจะกลับบ้านกันนะครับลูก" น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยปลอบโยน ขณะที่อ้อมแขนโอบรัดลูกแน่นราวกับจะปกป้องจากทุกสิ่ง หมอเพชรยิ้มบางๆ ให้ลูก ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้สามี "พากนกไปขึ้นรถก่อนนะ ฉันขอพบหมอก่อน"

สามีพยักหน้ารับ ก่อนเดินออกไปพร้อมกับลูกที่ซบหน้าลงบนบ่า

ในห้องตรวจ  หมอเพชรนั่งตัวตรงอยู่บนเก้าอี้ มือที่วางอยู่บนตักกำแน่นจนรู้สึกถึงแรงกดของปลายนิ้ว หัวใจของเธอเต้นแรงจนน่าอึดอัด เธอพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แต่กลับรู้สึกว่ามันตื้นเขินกว่าปกติและพยายามไม่คิดถึงสิ่งที่เลวร้ายที่อาจจะทำให้ชีวิตของลูกชายเธอเปลี่ยนไปตลอดกาล

"ตอนนี้ เรายังไม่พบการบาดเจ็บทางร่างกายจากสมองครับ" แพทย์กล่าวพลางวางแฟ้มผลตรวจลงบนโต๊ะ 

"แต่จากอาการของคนไข้ มีแนวโน้มว่า... เขาอาจได้รับผลกระทบทางจิตใจอย่างรุนแรง ภาพที่เขาเห็นอาจก่อให้เกิดบาดแผลทางความทรงจำ ทำให้สภาวะการรับรู้ช้าลง และเกิดอาการเหม่อลอย" เสียงของแพทย์ก้องสะท้อนในห้องตรวจที่เงียบสนิท หมอเพชรนั่งตัวตรง ขณะที่ปลายนิ้วกำชายเสื้อเบาๆราวกับกำลังใช้มันยึดเหนี่ยวตัวเองเอาไว้ไม่ให้หลุดลอยไปกับความหวาดกลัว

"หมายความว่าอะไรคะ" เธอขมวดคิ้ว พยายามคุมเสียงให้มั่นคงแต่หัวใจกลับเต้นรัวแรงอยู่ภายในอก

แพทย์ถอนหายใจแผ่วเบา ก่อนอธิบายอีกครั้ง "พูดง่ายๆ คือ สมองของเขากำลังปกป้องตัวเองจากสิ่งที่กระทบกระเทือนจิตใจเกินไป อาจทำให้เกิดอาการลืม หรืออาการตอบสนองช้ากว่าปกติ"

หน้าของหมอเพชรรู้สึกชาไปชั่วขณะเธอไม่เคยคิดว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะกระทบจิตใจของลูกชายมากถึงขนาดนี้ ไม่เคยคิดเลยว่า "กนกของเธอ"... จะต้องมาเผชิญกับสิ่งนี้ตั้งแต่อายุเพียงเท่านี้

เธอพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่คำพูดกลับติดขัดอยู่ที่ลำคอ เสียงของเธอเหมือนถูกดูดกลืนไปโดยสิ้นเชิง แค่คิดว่าลูกของเธอกำลังเผชิญความทุกข์นี้เพียงลำพัง เธอก็แทบจะรับไม่ไหว แพทย์สัมผัสได้ถึงความหนักอึ้งในใจของเธอ จึงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงปลอบโยน 

"คุณแม่ไม่ต้องกังวลไปก่อนนะครับ"

"ในตอนนี้ ผมแนะนำให้พาเด็กกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ ให้เขาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย อบอุ่น อย่ากระตุ้นให้เขานึกถึงเหตุการณ์นั้น และคอยเฝ้าสังเกตอาการ" แพทย์พูดด้วยน้ำเสียงมั่นคง

หมอเพชรก้มมองมือตัวเองที่กำแน่นอยู่บนตัก ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ "ละ...แล้ว เราจะรู้ได้ยังไงว่าเขาจะดีขึ้นคะ"

น้ำเสียงของเธอไม่มั่นคงเหมือนทุกครั้ง คล้ายกับกำลังพยายามกลั้นน้ำตาที่เอ่อคลอ เธออยากจะร้องไห้อยากโอบกอดลูกชายตัวน้อย อยากรับเอาความเจ็บปวดทั้งหมดนั้นไว้กับตัวเองแทน

แพทย์มองเธอด้วยความเข้าใจ "เราต้องรอผลตรวจอย่างละเอียดอีกครั้งในสองสัปดาห์นะครับ ตอนนั้นเราจะสามารถวินิจฉัยได้ชัดเจนขึ้นว่ากนกมีภาวะ PTSD หรือไม่"

หมอเพชรพยักหน้า แม้หัวใจจะหนักอึ้งราวกับถูกถ่วงลงไปในห้วงลึกเธอรู้สึกอยากจะร้องไห้ตรงนี้ อยากปลดปล่อยความรู้สึกทั้งหมดออกมา แต่เธอทำไม่ได้เพราะตอนนี้สิ่งที่เธอทำได้มีเพียงสิ่งเดียว

พาลูกกลับบ้าน... พาเขากลับไปยังที่ที่ปลอดภัยที่สุด

ให้บ้าน โอบกอดเขาไว้

ให้ความรัก ปกป้องเขาจากสิ่งที่โหดร้าย

และหวังว่า... ไม่ช้าก็เร็ว กนกของเธอจะกลับมาเป็นเด็กที่สดใสเหมือนเดิม

ในห้องรอผลตรวจบรรยากาศเงียบงันจนได้ยินเสียงนาฬิกาที่เดินไปอย่างเป็นจังหวะ แสงไฟสีขาวส่องกระทบแฟ้มเอกสารที่อยู่ในมือของแพทย์ เขาเงยหน้าขึ้นมองหมอเพชรและสามี ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่หนักแน่น

"ผลตรวจออกมาแล้วครับ"

หัวใจของหมอเพชรเต้นแรงขึ้นมาทันที ลมหายใจเธอติดขัดไปชั่วขณะ มือที่วางบนตักกำแน่นโดยไม่รู้ตัว ขณะที่สามีของเธอนั่งนิ่ง กำหมัดเบาๆ เหมือนกำลังพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเอง

"จากการสแกนสมองและประเมินผลทั้งหมด พบว่า... สมองของกนกไม่ได้รับการกระทบกระเทือนแต่อย่างใด"

หมอเพชรเผลอถอนหายใจเบาๆ อย่างโล่งอก ก่อนที่แพทย์จะพูดประโยคถัดมา

"แต่เมื่อนำผลตรวจไปประเมินร่วมกับการวินิจฉัยทางคลินิกโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต เราพบว่ากนกมีภาวะเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนใจ หรือ PTSD ครับ"

เสียงของแพทย์ดังก้องอยู่ในโสตประสาทสามีของหมอเพชรเม้มริมฝีปากแน่น ขณะที่หมอเพชรหลับตาลงเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะลืมขึ้นมองแพทย์ รอฟังประโยคถัดไปด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง

"ตอนนี้ สมองของกนกกำลังปกป้องตัวเองโดยการกดความทรงจำบางส่วนให้หายไปชั่วคราว"

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   ไม่สมบูรณ์แต่เข้าใจ

    หน้าบ้านหลังเล็กที่เงียบงัน มีเพียงเสียงสะอื้นปะปนกับเสียงลมอ่อน ๆ ที่พัดผ่านราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน ปล่อยให้มีเพียงสองร่างในอ้อมกอดกันแน่นอยู่กลางห้วงเวลาอันแสนเจ็บปวด ภพกอดร่างของกนกแน่น รู้สึกได้ถึงแรงสั่นจากการร้องไห้ที่ไม่มีทีท่าจะหยุดลงง่าย ๆ น้ำตาของคนน้องเปียกเสื้อเขาจนชื้น และแรงกอดของกนกก็เหมือนเป็นการยึดเหนี่ยวสุดท้ายไว้กับความจริง“ฮึก… พี่ภพ… มันเจ็บ…” เสียงสะอื้นแผ่วเบารอดออกจากริมฝีปากสั่น“ไม่เป็นไรแล้ว…” ภพกระซิบเบา ๆ มือใหญ่ลูบหลังคนน้องอย่างอ่อนโยน“พี่อยู่นี่แล้ว ไม่มีใครทำร้ายกนกได้อีกแล้วนะ…”กนกส่ายหน้าเล็กน้อย ซุกหน้าลงที่ไหล่กว้าง เสียงร้องไห้เปลี่ยนเป็นสะอื้นอย่างทรมาน“มันย้อนกลับมา… ภาพพวกนั้น… ตอนเด็ก… ทำไมถึงลืมมันไปได้ ฮึก… ทำไมถึงเพิ่งจำได้ตอนนี้…”“ไม่ต้องโทษตัวเองนะคนเก่ง…” ภพก้มลงจูบผมนิ่ม ๆ ซับน้ำตาที่เปื้อนแก้มเนียนด้วยความอดทนที

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   เผชิญหน้า

    วันนี้พี่ภพชวนผมออกจากบ้านตั้งแต่เช้า อากาศสดชื่นกว่าทุกวัน หรือบางทีอาจเป็นเพราะวันนี้พี่ภพอยู่ข้าง ๆเราไปเดินชมสวนดอกไม้ด้วยกัน แสงแดดอ่อน ๆ ทาบลงบนทุ่งกว้างที่เต็มไปด้วยสีสันของดอกไม้ที่กำลังผลิบาน นี่เป็นครั้งแรกที่เราถ่ายรูปคู่กัน พี่ภพยิ้มให้กล้อง ผมเองก็ยิ้มตามไปโดยไม่รู้ตัวแปลกดีนะ… ทำไมตอนนี้ผมรู้สึกว่ารอยยิ้มของพี่ภพเป็นเหมือนบ้านช่วงบ่าย พี่ภพบอกว่าจะพาผมไปในสถานที่แห่งหนึ่ง "สถานที่แห่งความทรงจำ"ผมไม่ได้ถามว่ามันคือที่ไหน เพราะสิ่งเดียวที่พี่ภพบอกผมก็คือ—"จับมือพี่ไว้แน่น ๆ นะ"และช่วงนี้ ผมกล้าจับมือพี่ภพแล้วด้วยเรานั่งรถมาด้วยกัน ข้างทางเริ่มคุ้นตาขึ้นเรื่อย ๆ ผมคิดว่าเรากำลังเดินทางกลับไปที่บ้านพี่ภพแต่พอรถเลี้ยวเข้าเส้นทางเล็ก ๆ ผมกลับรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างประหลาดมันไม่ใช่บ้านของพี่ภพ แต่เป็นบ้านเก่าหลังนึงที่สภาพดี แต่ไม่มีใครอยู่แล้ว เมื่อก้าวลงจากรถ ผมรู้สึกเหมือนถูกสายลมที่มองไม่เห็นกระแทกเข้ามาเต็มแรงลมพัดเอื่อย

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   ความสุข

    ในห้วงเวลาอบอุ่นช่วงปิดเทอมผ่านไปอย่างรวดเร็ว กนกอยู่บ้านมาหลายสัปดาห์แล้ว พี่ภพเองก็ติดโปรเจกต์ปีสุดท้ายและกำลังเตรียมตัวเข้าสู่ชีวิตการทำงาน ทำให้เราไม่ได้เจอกันบ่อยนัก มีเพียงข้อความสั้นๆ ที่ส่งหากันเป็นระยะจนกระทั่งวันนี้พี่ภพมาหาน้าแป้น และทักมาหาเขา"วันนี้มาหาพี่หน่อย อยู่เป็นเพื่อนตอนทำงานได้ไหม?"กนกอ่านข้อความแล้วบอกแม่ว่าจะออกไปข้างนอกกับพี่ภพ เมื่อเจอกัน เราทานมื้อเที่ยงด้วยกัน ก่อนที่พี่ภพจะขับรถพาเขาไปยังห้องพักบรรยากาศภายในรถเงียบสงบ มีเพียงเสียงเพลงบรรเลงคลอแผ่วเบา อากาศเย็นกำลังดีทำให้รู้สึกสบายใจ กนกไม่ได้ถามว่าทำไมพี่ภพถึงพาเขามาที่ห้องพัก—เขาแค่ไว้ใจคอนโดของพี่ภพอยู่ไม่ไกลจากหอในของเขานัก เป็นห้องขนาดกว้าง แบ่งพื้นที่ใช้สอยอย่างเป็นระเบียบ พื้นที่ครัวเล็กๆ อยู่มุมหนึ่ง ห้องนอนเชื่อมกับพื้นที่ทำงาน เตียงกว้างและดูนุ่มมาก"เราจะนั่งอ่านหนังสือที่เตียงพี่ก็ได้นะ ถ้าง่วงก็นอนได้เลย""ครับ"กนกตอบรับโดยไม่ถามอะไร เขาหยิบหนังสือนิยายขึ้นมาเปิด แต่ในใจก็แอบสงสัยว่าพี่ภพให้มาอยู่เป็นเพื่อน หรือแค่ต้

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   ครอบครัว

    "อ้อมกอดของแม่"คืนนี้เงียบสงบกว่าทุกคืน ลมหายใจของกนกอุ่นขึ้นเมื่อนอนอยู่ข้างแม่ อ้อมกอดที่คุ้นเคยทำให้เขารู้สึกปลอดภัย ราวกับได้ย้อนกลับไปเป็นเด็กตัวเล็กๆ อีกครั้ง"วันนี้แม่ขอนอนกับลูกชายคนโปรดได้ไหมครับ?""ได้ครับแม่"กนกขยับตัวให้แม่เข้ามาใต้ผ้าห่มอุ่นๆ พอเพชรล้มตัวลงนอน กนกก็รีบซุกตัวเข้าหาแม่ทันที โอบกอดแน่นราวกับไม่อยากให้เวลานี้ผ่านไปเพชรหัวเราะเบาๆ ก่อนจะลูบผมลูกชายอย่างอ่อนโยน "เป็นยังไงบ้างลูก ปีแรกในมหาวิทยาลัย เหนื่อยไหม?""เหนื่อยครับ แต่ก็สนุกมากด้วย""เรียนยากไหม?""ก็ยากนิดหน่อยครับ แต่ยังดีที่มีมิวช่วยติวให้ มิวเก่งมากเลยครับแม่""ดีจังเลย แม่จำได้ว่าลูกเล่าเรื่องมิวให้ฟังบ่อยๆ แล้วหนูพราวล่ะ เป็นไงบ้าง?""พราวก็ยังตลกเหมือนเดิมเลยครับแม่ ถ้าผมเครียดๆ เบื่อๆ พราวนี่แหละที่ทำให้ผมยิ้มได้""ดีแล้วล่ะลูก มีเพื่อนดีก็ช่วยกันประคองไปนะ มีอะไรให้แม่ช่วยก็บอกได้ อย่าเก็บไว้คนเดียว"กนกพยักหน้ารับ แล้วเงียบไปครู่หนึ่งเพชรมองลูกชายด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนจะถามสิ่งที่ค้างคาใจ "แล้วพี่ภ

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   กำลังใจของกันและกัน

    หลังจากนั้นพบรักก็พากนกกลับบ้าน เด็กหนุ่มเดินเข้าบ้านพร้อมความรู้สึกที่อบอุ่น แม้จะมีความหวาดกลัวและกังวลบางอย่างยังค้างอยู่ในใจ แต่การมีพี่ภพอยู่เคียงข้าง คอยโอบกอด คอยปลอบโยน ทำให้เขารู้สึกว่า… ไม่ได้เผชิญทุกอย่างเพียงลำพังและยิ่งรู้สึก… ชอบพี่ภพมากขึ้นทุกวันวันนี้ดูเหมือนว่าเขาจะใช้พลังไปเยอะ ทั้งร่างกายและหัวใจเลยเหนื่อยล้าเต็มที กนกหยิบหนังสือนิยายขึ้นมา หวังว่าจะอ่านเล่นสักหน่อยก่อนจะหลับไปแต่ก่อนที่เปลือกตาจะหนักอึ้ง มือถือก็สั่นเบา ๆ แจ้งเตือนข้อความจาก LINEพี่ภพ: “นอนหรือยังครับ”กนก: “กนกจะอ่านหนังสือนิยายสักหน่อย แล้วก็คงจะนอนแล้วครับ”พี่ภพ: “นอนไวจัง เพิ่งสามทุ่มเอง”กนกหลุดยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับกนก: “พี่ภพมีอะไรหรือเปล่าครับ”พี่ภพ: “พี่เหนื่อยนิดหน่อย พอดีส่งงานให้ลูกค้าอยู่ กำลังปั่นงานเลย”กนก: “วันนี้พี่ภพกลับไปในเมืองหรอครับ”

  • เขาคนนั้นเหมือนใครคนหนึ่ง   สวนมะพร้าวบ้านพี่ภพ

    เพชรมองหน้าลูกชายตัวน้อยที่กำลังยิ้มกับโทรศัพท์ รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่เจ้าตัวอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าแสดงออกมา“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรกันครับ คุณกนกของแม่?”กนกสะดุ้งเงยหน้าขึ้น ก่อนจะรีบปฏิเสธเสียงอ้อมแอ้ม “ยิ้มอะไรกันล่ะครับ แม่คิดไปเอง กนกไม่ได้ยิ้มสักหน่อย”เพชรหัวเราะเบา ๆ “ก็เห็นยิ้มกับโทรศัพท์ไง”เด็กหนุ่มเม้มปาก หันไปมองหน้าจออีกครั้ง ก่อนจะยอมรับเสียงเบา “ก็...พี่ภพ LINE มาบอกนะครับว่าอยู่บ้านตัวเองแล้ว”“อ้อ”“แต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน กนกก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน” เจ้าตัวพูดต่อ “แต่ว่าพี่เขาบอกว่าบ้านอยู่ใกล้ ๆ บ้านเราตรงนี้นี่เอง”เพชรพยักหน้ารับรู้ ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่แววตายังคงมองสำรวจลูกชายของตัวเอง“วันนี้เขาจะมาหาหรือเปล่า?”“พี่ภพเหรอครับ?”“จ้ะ”“เห็นบอกว่าวันนี้จะพาไปเที่ยวสวนมะพร้าวเล็ก ๆ”เพชรเลิกคิ้วเล็กน้อย “สวนมะพร้าว?”กนกพยักหน

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status