หน้าหลัก / รักโบราณ / เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด / 3.นับจากนี้ข้าคือเจ้าของชีวิตนาง

แชร์

3.นับจากนี้ข้าคือเจ้าของชีวิตนาง

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-04 17:21:42

นับจากนี้ข้าคือเจ้าของชีวิตนาง

“ใช่ ใช่แล้วนางคือลูกข้า เสวียนหนี่! เสวียนหนี่!”

มู่เฉินกระโดดลงจากหลังม้าตรงเข้าไปหาบุตรสาวที่นอนนิ่งยังไม่ได้สติ เขาเขย่าตัวนางเบา ๆ เพื่อปลุกนางตื่นจากการหลับใหลแต่ยังไม่มีวี่แววว่านางจะลืมตาขึ้นมา

“เกิดอะไรขึ้นกับนาง พวกท่านทำอะไรนาง!”

“พวกข้าไม่ได้ทำอะไรนางทั้งนั้น เพียงแต่ที่นางยังไม่ได้สติเพราะถูกพิษแมงมุม” โม่โฉวอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจ เนื่องจากเกรงว่าหากเข้าใจผิดจะเกิดมาซึ่งหายนะได้

“อย่าบอกนะว่าเป็นแมงมุมพิษสือยี่เหยียน!” หงมู่เฉินอุทานออกมาอย่างตกใจ เขารีบคว้ามือลูกสาวขึ้นมามองดูปลายเล็บว่าเป็นสีดำหรือไม่ ปรากฏว่าไม่เห็นมีรอยดำแต่อย่างใด เห็นเพียงรอยแดงที่ปลายนิ้วชี้ข้างหนึ่ง

“นางถูกพิษแมงมุมสือยี่เหยียนอย่างที่ท่านเข้าใจ แต่อาจารย์ของข้าได้รักษาจนอาการของนางทุเลาลงแล้ว” หลีเหว่ย

อธิบายน้ำเสียงเรียบ

หลังจากมู่เฉินได้ฟังก็รู้สึกเบาใจขึ้นบ้าง เช่นนั้นเมื่อกลับถึงจวนเขาจะได้ตามหมอมาดูอาการของนางต่อ

“ค่อยยังชั่วที่เจอคนดีอย่างพวกท่าน มิเช่นนั้นลูกสาวข้าอาจสิ้นใจตายในป่า หรือไม่อย่างนั้นข้าก็อาจเจอตัวนางช้าไปจนสิ้นหนทางรักษา ขอบคุณ... เอ่อ... ไม่ทราบว่าข้าขอทราบนามของท่านได้หรือไม่”

“ข้ามีนามว่าโม่โฉว ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก ข้าเพียงแค่ทำตามสั่งของคุณชายเท่านั้นเอง” ผู้เป็นอาจารย์พูดจบก็หันหน้าไปทางเด็กหนุ่มที่บัดนี้ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย

ครั้นพอเขาหันไปสบตากับเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ชายวัยกลางคนก็ถึงกับชะงักไปชั่วขณะ แม้นอีกฝ่ายจะเป็นแค่เด็กหนุ่มธรรมดา ทว่าในใจของเขากลับรู้สึกสั่นไหวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ฉู่มู่เฉินรับรู้ได้ถึงความอึดอัดไม่สบายใจบางอย่าง แต่เขาก็ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ เด็กหนุ่มผู้นี้มีรัศมีมืดดำที่เขาสัมผัสไม่ถึง ครั้นจะบอกว่าหวั่นเกรงก็ไม่ปรากฏชัด ครั้นจะมองว่าเป็นเด็กธรรมดาเฉกเช่นรูปลักษณ์ภายนอกก็ไม่สามารถหยั่งรู้ได้

“คุณชายท่านนี้คือ...”

“นามของข้าท่านอย่าเพิ่งรู้เลยจะดีกว่า” เด็กหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

“คุณชายน้อยช่างลึกลับยิ่งนัก เช่นนั้นไม่ว่าท่านจะเป็นใครข้าขอขอบคุณท่านอย่างยิ่ง ท่านช่วยชีวิตบุตรสาวของข้านับว่าเป็นบุญคุณมหาศาล ภายภาคหน้าหวังว่าข้าจะมีโอกาสได้ตอบแทนบุญคุณ” ชายวัยกลางคนเอ่ยขอบคุณอย่างจริงใจ เพราะหากไม่ได้พวกเขาช่วยเหลือ เกรงว่าชีวิตนี้ตนเองอาจจะต้องสูญเสียบุตรสาวไปตลอดชีวิตแน่ ในยามนี้นางสำคัญต่อเขาเป็นอย่างยิ่ง  นางกำลังจะกลายเป็นตัวนำโชคและทำให้เขามีอำนาจในภายภาคหน้า

“แน่นอนว่าการช่วยชีวิตคนคือบุญคุณมหาศาล ข้าย่อมต้องการสิ่งตอบแทน”

“ได้ ได้แน่นอน คุณชายน้อยโปรดบอกข้ามาเถิดว่าปรารถนาสิ่งใด การตอบแทนบุญคุณไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับข้า” การที่เขากล่าวออกไปเช่นนั้นเพราะมั่นใจว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงแค่เด็กคงจะเรียกร้องขอเงินทองไปตามประสา ซึ่งตัวเขาเองก็จะรีบเอามาให้อย่างไม่อิดออด ของมีค่าเหล่านั้นไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาเลยแม้แต่น้อย ตระกูลฉู่จัดเป็นตระกูลใหญ่โตมีอันจะกินมากด้วยบริวารและทรัพย์ เรื่องแค่นี้ย่อมไม่ใช่ปัญหาอย่างแน่นอน

“ข้าต้องการชีวิตของนาง”

“ว่าอะไรนะ!” ฉู่มู่เฉินถึงกับอุทานออกมาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง เมื่อครู่เขาต้องฟังผิดไปเองแน่ ๆ “หมายความว่าอย่างไรคุณชายน้อย ข้าไม่เข้าใจความหมายที่เจ้าต้องการจะสื่อ?”

“ชีวิตที่เหลือของนางเป็นของข้าแล้ว นั่นคือสิ่งที่ข้าปรารถนา” ครั้นพอพูดจบเด็กหนุ่มก็ยื่นพู่ไหมประดับหยกสีนิลมาตรงหน้าฉู่มู่เฉิน สีดำขลับของหยกนิลยามเมื่อต้องประกายเพลิงที่กำลังลุกโชนสะท้อนนัยน์ตาจนชายวัยกลางคนต้องกะพริบตาถี่ ๆ

ไม่รอให้อีกฝ่ายเกิดความสงสัยไปมากกว่านี้ เขาจึงเป็นฝ่ายไขข้อข้องใจก่อน

"เมื่อนางอายุครบสิบเจ็ดปี จงส่งนางไปที่หุบเขาอูยาพร้อมกับพู่ไหมหยกนิลอันนี้”

“หะ หุบเขาอูยา! ระ... หรือว่าคุณชายน้อยผู้นี้จะเป็น...” เขาตกใจจนลนลาน ไม่คิดว่าเด็กหนุ่มผู้นี้จะเป็นคนที่เขาคาดไม่ถึง

................

หลังจากที่อีกฝ่ายพาเด็กคนนั้นกลับไปแล้ว ผู้อาวุโสโม่โฉวจ้องมองประมุขน้อยด้วยความสงสัย เขาไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าภายใต้ใบหน้านิ่งสงบนั้นกลับซ่อนความคิดอันใดไว้กันแน่ ที่ผ่านมาเขาพยายามปกปิดตัวตนมาตลอดเลยมิใช่หรือ ไฉนคราวนี้ถึงยอมเปิดเผยตัวตนให้อีกฝ่ายรู้

หนำซ้ำยังบอกว่าต้องการชีวิตของเด็กผู้หญิงคนนั้นอีก เช่นนี้แล้วมันหมายความว่าอย่างไรกัน

“ท่านประมุขน้อย ข้ามีหนึ่งคำถาม” สุดท้ายเมื่ออดรนทนไม่ไหว เขาจึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย

“ท่านอาจารย์ จะถามอะไรข้าอย่างนั้นหรือ”

“เหตุใดท่านประมุขน้อยถึงให้ช่วยชีวิตของเด็กคนนั้นแถมยังบอกความจริงให้อีกฝ่ายรู้อีก”

"ท่านอาจารย์คิดว่าก่อนท่านอาจะคืนตำแหน่งประมุขให้ข้าเขาจะไม่บีบบังคับให้ข้าแต่งงานหรือ สตรีที่ข้าหามาเองย่อมต้องดีกว่าคนที่ท่านอาหามาให้ อีกอย่างท่านอาจารย์ก็บอกเองไม่ใช่หรือว่าเด็กเมื่อครู่จะอายุสั้น มีภรรยาที่ตายก่อนวัยอันควรไม่ดีตรงไหนกัน หลังนางตายข้าก็แค่หาเหตุผลว่ามิอาจปล่อยวางความทุกข์ได้ชาตินี้ไม่ขอแต่งงานใหม่ก็เท่านั้นเอง”

โม่โฉวได้ฟังแล้วก็รู้สึกทึ่งในความคิดซับซ้อนของลูกศิษย์ผู้นี้ เพราะมั่นใจว่าตนเองมิได้เป็นคนสั่งสอนเขา ความคิดของเด็กหนุ่มช่างล้ำลึกนัก เพื่อป้องกันไม่ให้ท่านอาส่งคนของตัวเองเข้ามาเป็นภรรยาของเขา ดังนั้นเขาจึงอยากได้หญิงสาวที่อายุสั้นมาแต่งงานด้วย อย่างน้อยหลังจากที่อีกฝ่ายตายไปเขาจะได้มีข้ออ้างที่จะไม่แต่งงานใหม่ ดังคำที่กล่าวไว้ข้างตน

เมื่อล่วงรู้ความคิดของท่านประมุขน้อย โม่โฉวคิดไว้อยู่แล้วเชียวว่าคนเย็นชาไม่สนใจแม้กระทั่งความตายของผู้อื่นเฉกเช่นเขามีหรือจะใจดีอนุญาตให้ตนช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน เกรงว่า... อี้เฉินคงสืบทอดความโหดเหี้ยมมาจากบิดาโดยสมบูรณ์แล้ว

‘เฮ้อ! ท่านประมุขน้อย ท่านช่างร้ายกาจเกินไปแล้ว’

จวนตระกูลฉู่

“ข้าบอกเจ้าแล้วมิใช่รึ! ว่าให้ดูแลนางให้ดี”

ฉู่มู่เฉินวางร่างเล็กลงบนเตียงนุ่มแล้วหันกลับมาตวัดฝ่ามือตบไปที่ใบหน้าของซินหยางอย่างแรงจนนางล้มลงไปกับพื้น แก้มซีกซ้ายของนางชาหนึบ ทว่ามันก็มิอาจเทียบเท่าความเสียใจยามเมื่อเห็นร่างไร้สติของบุตรสาวที่ดูอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด

ซินหยางค่อย ๆ คลานเข่าเข้าไปหาร่างของบุตรสาวก่อนจะคว้ามือน้อย ๆ ขึ้นมากุมไว้แน่น ใช่ว่าคนเป็นแม่อย่างนางจะไม่รู้สึกผิด หากเป็นไปได้นางก็อยากแบกรับความเจ็บปวดของบุตรีเอาไว้เอง ซินหยางร้องไห้ปริ่มจะขาดใจซบแก้มลงกับฝ่ามือนุ่มของลูกน้อยอย่างเป็นห่วง ปล่อยน้ำตาหยดลงฝ่ามือเล็กสะอื้นไห้

“เห็นแล้วหรือยังว่าตอนนี้เสวียนหนี่นางมีอาการเช่นไร ทุกอย่างล้วนเป็นความผิดของเจ้า! หากซีฮันอ๋องทราบเรื่องขึ้นมาข้าจะทำอย่างไร โอกาสของข้าที่จะได้เกี่ยวดองกับท่านอ๋องไม่ใช่เรื่องง่าย และเจ้ากำลังจะทำให้ตระกูลฉู่ของข้าต้องย่อยยับ” มู่เฉินไม่เคยกล่าวโทษว่าเป็นความผิดของตนเอง

“แต่ในช่วงเวลาที่บุตรสาวของเราหายไป ท่านพี่เป็นคนเรียกสาวใช้ให้ไปคอยดูแลปรนนิบัติท่านอ๋องมิใช่หรือเจ้าคะ”

“ฮูหยินใหญ่ นี่ท่านกำลังกล่าวโทษว่าท่านพี่เป็นคนผิดหรือเจ้าคะ” เจียวเหมยที่เดินเข้ามาพร้อมกับบุตรทั้งสองคนพูดสวนขึ้น หลังจากที่สาวใช้ไปรายงานว่าพบเสวียนหนี่แล้ว นางจึงอยากมาดูให้เห็นกับตาตนเองว่าอีกฝ่ายกลับมาถึงจวนอย่างปลอดภัยหรือไม่ เพราะบ่าวรับใช้รายงานว่านางถูกแมงมุมพิษกัดจนอาการสาหัสและยังไม่ได้สติ

“ฮูหยินรอง เจ้ากำลังพูดอะไร คำพูดของเจ้าเมื่อครู่จะทำให้ท่านพี่เข้าใจข้าผิด ความหมายของข้าคือในช่วงเวลาที่นางหายไป ข้ากับสาวใช้คนอื่น ๆ กำลังต้อนรับท่านอ๋องอยู่ ทำให้เสวียนหนี่พ้นจากระยะสายตาของข้า”

“ไม่ต้องมาแก้ตัว!” มู่เฉินตวาดเสียงกร้าว เขาไม่จำเป็นต้องฟังคำอธิบายเพราะเชื่อในคำพูดของเจียวเหมยมากกว่า สาเหตุที่ทำให้เขาโมโหมากมายขนาดนี้เพราะเสวียนหนี่เป็นความหวังเดียวที่จะทำให้เขาได้ขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้น ดังนั้นเขาจึงคาดหวังอยากเกี่ยวดองกับซีฮันอ๋อง ซึ่งหากเสียโอกาสในครั้งนี้ไปเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะมีหนทางใดสามารถผลักดันตัวเองให้ไปไกลกว่านี้ได้อีกแล้ว

“เหอะ! เจ้าดูเสียให้เต็มตา”

พู่ไหมหยกสีนิลถูกยื่นมาตรงหน้าเพื่อให้ซินหยางมองเห็นชัด ๆ แต่เพียงไม่นานเขาก็ขว้างมันใส่หน้าเพื่อหวังระบายอารมณ์อย่างไร้เหตุผล

“คนที่ช่วยเหลือเสวียนหนี่ไว้คือประมุขน้อยหุบเขาอูยา มันบอกกับข้าว่าเมื่อใดที่เสวียนหนี่อายุครบสิบเจ็ดปี จะต้องส่งตัวไปให้มันที่หุบเขา” เขาตะโกนใส่หน้าฮูหยินใหญ่ด้วยโทสะที่มี

“หะ... หุบเขาอูยา” ซินหยางเมื่อได้ฟังคำของสามีนางก็มีอาการตกใจไม่ต่างกัน ไฉนเรื่องราวถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้

ขณะที่สถานการณ์กำลังตึงเครียด ทว่าเจียวเหมยกลับลอบยิ้มอย่างพึงใจ นางรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งหากบุตรสาวของ

ฮูหยินกลายเป็นคนที่ประมุขน้อยต้องการตัว เพราะเรื่องราวความดิบเถื่อนของหุบเขาอูยาต่างล่วงรู้ทั่วใต้หล้า สถานที่นั้นล้วนไม่ต่างอะไรจากขุมนรก หากส่งเสวียนหนี่ไปที่นั้นก็ไม่ต่างอะไรจากการส่งนางไปตายทั้งเป็น โดยที่นางกับลูกไม่ต้องลงมือให้เหนื่อยเปล่า แต่นางยังเดาใจของผู้เป็นสามีไม่ออกว่าจะตัดสินใจอย่างไร

“เช่นนั้นท่านพี่จะส่งเสวียนหนี่ไปหุบเขาอูยาหรือไม่เจ้าคะ” นางเอ่ยถามคาดหวังว่าจะได้รับคำตอบที่น่ายินดี

“ข้าทำเช่นนั้นไม่ได้หรอก หาไม่แล้วคงได้มีเรื่องผิดใจกับซีฮันอ๋องแน่” เขาตอบกลับด้วยสีหน้าหนักอกหนักใจ

กระนั้นเจียวเหมยยังยุแยงไม่เลิก นางได้กล่าวต่อว่า “แต่ข้าเคยได้ยินมาว่าคนในหุบเขาอูยาช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก ข้าเกรงว่าหากทางเราไม่ส่งนางไปให้พวกมัน เอ่อ.. ตระกูลฉู่ของเราจะไม่เดือนร้อนหรือเจ้าคะ”

ซินหยางได้ฟังที่นางพูดรู้สึกเดือดเป็นไฟจึงลุกขึ้นมาชี้หน้าเจียวเหมยแล้วด่าทออย่างเหลืออด “เจียวเหมย หุบปากเน่า ๆ  ของเจ้าเสีย ข้าไม่มีวันยอมให้ส่งลูกสาวของข้าไปที่นั่นเป็นอันขาด”

“คนที่สมควรจะหุบปากก็คือเจ้าฮูหยิน หากเจ้าดูแลนางให้ดีเรื่องทั้งหมดก็คงไม่เป็นแบบนี้ นอกจากไม่สำนึกแล้วยังมีหน้ามากล่าวโทษผู้อื่นอีกหรือ”

ตอนนี้ไม่ว่าซินหยางจะพูดอะไรออกไป นางก็เหมือนกลายเป็นคนผิดอยู่ฝ่ายเดียว แต่ไหนแต่ไรมามู่เฉินแม้นไร้สิ้นความยุติธรรมเพียงใด แต่เขาก็ไม่เคยลงไม้ลงกับนางมาก่อน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขากล้าตบนาง หนำซ้ำยังโยนความผิดมาให้นางแต่เพียงผู้เดียวอีก

“ถ้าเช่นนั้นเอาแบบนี้ดีหรือไม่เจ้าคะ ข้าอยากเสนอทางออกให้ท่านพี่สักหน่อย” เจียวเหมยเห็นเป็นโอกาสจึงรีบยื่นเสนอบางอย่างให้ ซึ่งมู่เฉินก็เหมือนจะสนใจไม่น้อย

"เช่นนั้นเจ้าก็ลองเสนอมาเถอะ”

เจียวเหมยลอบยิ้มร้าย กล่าวว่า “ท่านพี่ลืมไปแล้วหรือเจ้าคะว่าเรายังมีลูกสาวอีกคนหนึ่ง หากท่านพี่ไปพูดกับท่านอ๋องว่าขอเปลี่ยนตัวสะใภ้จากเสวียนหนี่เป็นซูหนี่ ข้าคิดว่าคงไม่น่ามีปัญหาอะไร อีกอย่างหนี่เอ๋อร์ของเรามีใบหน้างดงามหมดจด อีกทั้งกิริยามารยาทก็เพียบพร้อมเพราะข้าอบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดี  ดังนั้นข้าจึงคิดว่าท่านอ๋องคงไม่ตำหนิเราหรอกเจ้าค่ะ เผลอ ๆ อาจจะถูกใจเสียด้วยซ้ำ”

“ซูหนี่อย่างนั้นหรือ” เขาพึมพำเสียงแผ่ว รู้สึกเห็นด้วยกับความคิดของอีกฝ่าย แต่ยังมีความลังเล

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   16.จับกด

    จับกดย่างเข้าสู่ชุนเทียนกลีบบุปผาร่วงหล่นอำลาต้นสู่พื้นดินเผยให้เห็นยอดอ่อนใบใหม่ที่กำลังจะแตกออก สีของยอดอ่อนนั้นแลดูเขียวขจีน่าชื่นชมไม้บางชนิดได้ทิ้งใบแต่คงไว้ซึ่งดอกที่กำลังบานสะพรั่งทิวทัศน์งามแต่งแต้มด้วยสีสันสรรสร้างโดยธรรมชาติบรรยากาศบริเวณนี้น่าชื่นชมไม่ยิ่งหย่อนไปจากสวรรค์เก้าชั้นฟ้าตามจินตนาการของผู้คน กลิ่นอายลมหวนพัดโชยมาคละคลุ้งกลิ่นหอมของมวลดอกไม้ทำให้เพียนเพียนสูดหายใจไปเต็มปอดเสวียนหนี่มองเด็กหญิงตัวน้อยแล้วอดที่จะแย้มยิ้มตามไม่ได้ ตอนที่นางอายุเท่าเพียนเพียนนั้น ถึงแม้จะเติบโตในชนบทแต่ทว่าทิวทัศน์รอบกายไม่ได้สวยงามมากมายเพียงนี้ ในยุคโบราณผืนป่ายังคงความอุดมสมบูรณ์ในขณะที่บ้านเกิดของเสวียนหนี่ในยุคปัจจุบันเริ่มมีการตัดต้นไม้มาสร้างตึกรามบ้านช่องจนเขาบางลูกกลายเป็นเขาหัวโล้นไปแล้ว“เพียนเพียน”“เจ้าคะ”“อีกเพียงร้อยลี้ก็จะถึงจุดหมายปลายทางของพวกเราผ่านเขาลูกนั้นไปก็เข้าเขตหุบเขาอูยาแล้ว”

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   15.ทิ้งเด็กไว้แล้วไปต่อ

    ทิ้งเด็กไว้แล้วไปต่อถึงแม้มารดาของเด็กจะยังไม่มาตามนัด แต่ถานถานและเสวียนหนี่ไม่อาจทนรอจนฟ้าสางได้ถานถานควบเกวียนเข้ามาในตลาด พอถึงแหล่งชุมชนเขาอุ้มเด็กลงจากเกวียนแล้วปล่อยให้นางยืนโดดเดี่ยวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่ตรงนั้นด้วยความสงสารเสวียนหนี่พยายามขอร้องเขาแต่ถานถานก็ไม่คิดจะใจอ่อน“พื้นฐานจิตใจของท่านข้าคิดว่าไม่ใช่คนใจร้าย”“เจ้าจะไปรู้ดีกว่าข้าได้อย่างไร”“ท่านไม่สงสารนางหรือเจ้าคะ”“ไม่ ออกเดินทางได้แล้ว เราเสียเวลามามากพอแล้ว”“...”เขาบอกให้นางขึ้นเกวียนแล้วตนเองก็เข้าไปนั่งประจำที่ของตน ก่อนจากไปเสวียนหนี่ไม่ยอมละสายตาจากเด็กน้อยที่กำลังยืนร่ำไห้ชีวิตต่อจากนี้ไปจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่อาจทราบได้ ที่เสวียนหนี่ทำได้คือช่วยให้นางมีลมหายใจต่อ แต่เสียใจที่ไม่อาจช่วยได้ตลอดรอดฝั่งเกวียนของทั้งสองออกจากจุดนั้นไม่นานก็มาหยุดอยู่ที่โรงพนัน เสวียนหนี่ชะเง้อมองเข้าไปข้างในเห็นผู้คนม

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   14.รับบทคนขุดสุสาน

    รับบทคนขุดสุสาน“โมโหขนาดนี้อย่าบอกนะว่าเจ้าจะช่วยนาง”ถานถานดึงแขนเสวียนหนี่เข้ามากระซิบกระซาบถามเป็นครั้งที่สอง“ตาแก่ถาน ท่านพอจะช่วยลูกของนางได้หรือไม่เจ้าคะ”“เหอะ อย่าฝัน”หลังอาทิตย์อัสดงที่สุสานบรรพชนตระกูลผิง“เจ้าบ้าไปแล้วรึ ตัวเองยังเอาตัวไม่รอดยังจะแส่หาเรื่องอีก”เขาตำหนินางด้วยน้ำเสียงที่เบาพอสมควร บรรยากาศรอบตัวเงียบสงัดวังเวง ท้องฟ้ายามนี้สิ้นแสงไปได้ระยะหนึ่ง เสียงสัตว์ที่ออกหากินตอนกลางคืนดังหวีดหวิวน่าหวาดกลัวในขณะที่ทั้งสองเดินตามทางรกร้างแคบ ๆ เสวียนหนี่เกาะชายผ้าชายแก่ไว้เพราะรู้สึกกลัวจนขนหัวลุก ทุกย่างก้าวของนางสั่นเครือเกือบจะก้าวต่อไปไม่ไหวสำหรับถานถานไม่ใช่เรื่องที่น่าตื่นกลัวอะไรเลยเพราะในบางวันที่เขาเข้าป่าไปหาตัดไม้ก็มักจะนอนกลางป่ากลางเขาเป็นเรื่องปกติไม่ว่าจะในสุสานหรือพงไพรล้วนบรรยากาศอึมครึมไม่แพ้กัน สัตว์ป่าที่ส่งเสียงน่ากลัวใ

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   13.เจ้าสาวผี

    เจ้าสาวผีเข้าสู่วันที่สิบของการออกเดินทาง เสบียงที่นำติดตัวมานั้นเริ่มร่อยหรอเต็มที เสวียนหนี่ก้มลงมองถุงผ้าที่นางห่อเสบียงแล้วมองไปรอบ ๆ ข้างทางที่ผ่านมานั้นไม่มีลำธารหรือบ่อน้ำให้เห็น เป็นเพราะเส้นทางที่เขาพามาไม่ได้สะดวกอย่างเช่นที่เขาได้บอกไว้ก่อนหน้าฉะนั้นการหาเสบียงเพิ่มจึงเป็นปัญหาหลักของการเดินทางครั้งนี้“ตาแก่ถาน ข้ากระหายน้ำ”“แถวนี้ไม่มีน้ำหรอก อดทนอีกหน่อย พ้นจากตรงนี้ไปราวยี่สิบลี้น่าจะมีน้ำตกถ้าข้าจำไม่ผิด”“ยี่สิบลี้เลยหรือเจ้าคะ”ในขณะที่เสวียนหนี่กำลังหดหู่สิ้นหวังสายตาของนางเหลือบไปเห็นป่าไผ่ข้างทาง นางชี้มือไปที่ป่าไผ่พร้อมบอกเขาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ“ตาแก่ถาน นั่นป่าไผ่เจ้าค่ะ”“ป่าไผ่แล้วอย่างไร”“ข้าหิวน้ำ ในต้นไผ่มีวุ้นสามารถกินแก้กระหายได้”“เจ้าก็ว่าไปเรื่อยคุณหนูอย่างเจ้าจะไปรู้เรื่องของป่าได้อย่างไร”เขาหัวเราะนางอย่างขำขัน แต่ก็ยังดึงบังเหียนบังคับล่อให้หยุดเมื่อจอดสนิทแล้วเสวียนหนี่กระโดดลงมาจากเกวียน&nb

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   12.ผ่านด่านเมืองหลวง

    ผ่านด่านเมืองหลวงเช้าวันรุ่งขึ้น เสวียนหนี่ตื่นขึ้นมาพร้อมเสียงร้องของสัตว์บางชนิดนางลุกขึ้นจากเตียงไม้ไผ่ผุพังในกระท่อมของถานถานแล้วเดินออกมาขยี้ตาดูที่หน้ากระท่อมนั้นถานถานกำลังจูงล่อมาหนึ่งตัว ล่อตัวนี้ลักษณะดี แข็งแรงเหมาะแก่การใช้เป็นพาหนะในการแบกขน เจี่ยนถานถานมัดมันไว้กับเสาหน้าบ้านแล้วเดินมาดื่มน้ำดื่มท่าให้หายเหนื่อย“ท่านเอามันมาจากที่ใดเจ้าคะ”“ซื้อมา”“เอาเงินจากไหนไปซื้อมา”“ก็ปิ่นปักผมกับต่างหูนั่นอย่างไรอ้อมีแหวนด้วย”“ปิ่นและต่างหูของข้าท่านเอาไปตอนไหน”“ตอนเจ้าหลับ”คราวนี้เป็นเสวียนหนี่บ้างที่เป็นฝ่ายกัดฟันกรอดอย่างเหลืออดนางอยากจะกรีดร้องออกมาดัง ๆ แต่ก็ระงับสติได้ทันกลัวว่าถานถานจะไม่พานางไปหุบเขาอูยาเขายังดื่มน้ำในถุงหนังสัตว์อย่างไม่เป็นเดือดเป็นร้อนในขณะที่เสวียนหนี่ตอนนี้โมโหสุดขีดเพราะได้กลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัวโดยสมบูรณ์ความต

  • เจ้าสาวประมุขหุบเขามืด   11.วัดใจกันไปเลย!

    วัดใจกันไปเลย!“เห็นทีว่าท่านคงไม่อยากใช้ชีวิตอิสระอีกต่อไปแล้ว ก็ดี...เรียกทหารมาเลย”“เจ้าพูดอะไรของเจ้ากัน”“ทาสสินะ ทาสที่หลบหนีเสียด้วย”ถานถานหน้าถอดสี ความลับที่เขาเก็บซ่อนมานานนับสิบปี แม่นางผู้นี้รู้ได้อย่างไรกัน มาถึงตอนนี้เสวียนหนี่ไม่ได้เป็นรองเขาอีกต่อไป นางละสายตาไปยังกลุ่มทหารที่กำลังตรงมาหา เห็นท่าทีตื่นกลัวของถานถานนางยิ่งมั่นใจว่าตนเป็นฝ่ายเหนือกว่าบอกเขาต่ออย่างไม่เกรงกลัว“ทหารมานู่นแล้ว ข้าจะไม่หนี แต่ท่านกล้าวัดใจกับข้าหรือไม่เจ้าคะ”“เจ้าขู่ข้างั้นรึ”“ตัวข้านั้นรอดจากความตายมาหลายครั้ง ความตายหาใช่สิ่งน่ากลัวสำหรับข้าไม่ ตายแล้วก็หลุดพ้นแล้ว ๆ กันไป แต่ท่านนี่สิข้าดูก็รู้ว่าท่านโหยหาชีวิตอิสระเพียงใดหากถูกจับกลับไปเป็นทาสรองมือรองเท้าพวกขุนนางชั่วช้าอายุก็ไม่ใช่น้อย ๆ แล้วถูกทรมานโขกสับทั้งเช้าเย็นจะตายก็ไม่ได้ตายท่านว่าชีวิตที่เหลือของข้ากับท่านใครจะน่าเวทนาก

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status