แชร์

เป็นเมียหมอผี บทที่ ๔ (๑)

ผู้เขียน: Madam Hangover
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-04 20:19:31

“ข้าทำตามได้อยู่แล้ว” แต่อีกฝ่ายกลับตกลงรับคำไม่มีข้อกังขาใดๆ ทั้งนั้น เขาไม่ได้มีปัญหากับการอยู่ร่วมชายคาเดียวกับสาววัยแรกรุ่นที่ถ้าเทียบการถือกำเนิดและอยู่บนโลกมนุษย์มาแล้วนับร้อยปี แพรวพราวไม่ต่างอะไรกับลูกหลานเหลนโหลนของเขาด้วยซ้ำไป

นั่นทำให้สาวเจ้านึกโล่งใจ อย่างน้อยถ้าได้รับความร่วมมือจากฝ่ายชายอย่างแข็งขัน หล่อนอาจจะอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับเขาได้แบบสันติสุขโดยไม่มีการเสียตัวให้กันและกัน คิดดังนั้นจึงตรงเข้าไปในเรือนใหญ่หรูหรา ที่มีห้องหับแบบโบร่ำโบราณแยกกันอยู่สองฝั่ง ฝั่งหนึ่งเป็นห้องน้ำ อีกฝั่งเป็นห้องหลับนอน ห้องทำกับข้าวน่าจะเป็นการผิงไฟย่างเนื้ออยู่ด้านนอกแบบหมู่บ้านเก่าของเขากระมัง

โลกนี้น่าจะไม่มีอลาคาสหรูหราแบบที่ทานอยู่เป็นประจำ เธอไหวไหล่อย่างไม่แคร์ ถ้าอยากอยู่รอดในโลกนี้ต้องทนๆ เอา ข้าวเหนียวห่อใบตองก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่นัก

พูดถึงข้าวเหนียวห่อใบตอง ก็คิดถึงโรเบิร์ตขึ้นมาเลย ตั้งแต่กลับมาไม่รู้ว่ามันหายไปไหน แถมพ่อหมอก็ไม่ได้พูดถึงด้วย

โฮ่ง!

แต่ทว่านึกถึงไม่ทันไร ก็เกิดเสียงดังอยู่กลางป่ากล้วยเป็นเสียงเห่าของสุนัข แพรวพราวโผล่หน้าออกมาจากบานหน้าต่างฝั่งปีกห้องนอนทันที พบกับโรเบิร์ตที่วิ่งเข้ามายืนเห่าหน้าเรือน เธอไม่รอช้ารีบลงกระไดไปแล้วจับแก้มเจ้าสุนัขพันธุ์ทางหอมซ้ายหอมขวา

“โรเบิร์ต คิดถึงจังเลย หิวหรือเปล่า ทำไมออกมาจากป่ากล้วยล่ะ หรือไปตามหาฉันมา?” ความจริงมันอาจเข้าไปหาหนูกินหรือจับสัตว์ตัวเล็กๆ เป็นอาหารก็ได้ แต่แพรวพราวกลับรู้สึกเหมือนที่มันโผล่มาจากทางที่หล่อนหลงป่า เพราะบุกเข้าไปตามหากันแน่ๆ ก็เจ้าสุนัขตัวนี้ออกจะชอบเธอซะขนาดนั้น “คราวนี้จะให้ชาวบ้านเสือสมิงเอาเนื้อดีๆ มาให้กินแทนผักแล้วนะ”

เธอพูดคุยกับหมาตัวใหญ่อย่างสนิทสนมพลางจับมันพลิกแก้มซ้ายแก้มขวาอย่างเอ็นดู มันแลบลิ้นหอบแฮ่กๆ แล้วมองหล่อนตาเยิ้มหวาน เจ้าสุนัขหลังอานตัวนี้คงเป็นเพื่อนยามยากหนึ่งเดียวที่มองมาที่หล่อนโดยไม่รังเกียจกัน ออกจะเชิดชูบูชาเสียด้วย

“ระวังอย่าใกล้เจ้าสุนัขนั่นนัก” แต่ทว่าเสียงของพรานสมิงที่ดังอยู่บนกระไดเรือนทำให้หญิงสาวเหลียวหลังไปมองเขา โรเบิร์ตที่เธอตั้งชื่อให้เสร็จสรรพคุ้มตัวโก่งคอคำรามขู่ เพราะถึงจะเคยเลี้ยงสุนัขจรจัด แต่สัญชาตญาณของมันในบางครั้งก็ขู่ฮือทำร้ายเจ้าของเช่นกัน ด้วยขนาดลำตัวที่ใหญ่พอจะขึ้นคร่อมร่างเธอให้ลุกไม่ขึ้นได้ อีกอย่างก็เป็นหมาที่เพิ่งได้รู้จัก แค่เห็นว่าซื่อๆ ดีเท่านั้น เจ้าหล่อนจึงผละไปยืนใจดีสู้เสือแก้ตัวให้สุนัขหลังอานอยู่ห่างๆ

“สิ่งมีชีวิตหรือมิมีชีวิตใดที่นี่ ล้วนมาจากคาถาอาคมทั้งนั้น” เขาเปรยออกมาคำหนึ่ง แพรวพราวก็ตกใจสะดุ้งโหยงทันที

เป็นไปได้ไหมว่าสุนัขตัวนี้จะ...

“แต่ดูมันจักถูกใจแม่ ข้าจักปล่อยไปแล้วกัน” แต่ดูจากสีหน้าของสุนัขตัวนั้น ที่ขู่เขาคงเป็นเพราะคิดว่าพรานสมิงเป็นอันตรายกับแพรวพราวมากกว่า สายตาที่มันมองเขาราวกับจะฉีกเลือดฉีกเนื้อ แต่เมื่อเห็นว่าแพรวพราวพยายามห้ามปรามก็สงบลงแล้วส่ายหางให้หล่อนอย่างออเซาะ

ก็ไม่ใช่ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วมันคือตัวอะไร

แต่ถ้าปลอดภัยกับคนที่เขาให้ความสนใจ มีความยับยั้งในตนเองแล้วล่ะก็... แสดงว่าอาคมที่สะกดไว้ยังไม่แน่นหนาพอจะกำจัดความนึกคิด ก็จะปล่อยไปไม่ฆ่าเอาชีวิตละกัน

“ฟ้ามืดแล้ว เข้ามานอนเถิด” พรานสมิงเชื้อเชิญสาวเจ้าเข้าไปในเรือน หญิงสาวที่ยืนอยู่กับหมาเลยแหงนหน้าขึ้นมองฟ้า อยู่ๆ เม็ดฝนก็ปรอยลงมาที่หน้าผากงามของหล่อนดังเปาะแปะ เธอรับรู้แล้วว่าฝนกำลังจะตกอย่างไม่ต้องสงสัย

“โรเบิร์ต ขึ้นบ้านกัน” เธอหันไปเรียกสุนัขหลังอานด้วยความเคยชิน ในภพปัจจุบันเธอกับสุนัขที่เลี้ยงเอาไว้นอนห้องเดียวกันแถมยังแบ่งจัดเป็นสัดส่วน แต่พรานสมิงกลับโพล่งขึ้นมาเสียงเข้ม

“หมาก็อยู่ส่วนของมัน มิต้องเอาขึ้นเรือน”

“แต่ถ้าฝนตกโรเบิร์ตก็เปียกแย่สิ”

“แต่มันมิใช่เดรัจฉาน มันหลบฝนเองได้อยู่แล้ว ขึ้นมาเสีย” เจ้าหมาตัวนั้นใช้จมูกดุนบั้นท้ายงอนให้ขึ้นไปบนเรือนทันทีที่สิ้นคำนั้น แพรวพราวมองเจ้าสุนัขตัวสีดำอย่างอาดูร ก่อนที่จะลูบหัวมันแล้วเดินขึ้นกระไดเรือนไป

เธอไม่มีทางเลือกนักหรอก ก็เพราะเธอไม่ใช่เจ้าของเรือนหลังนี้เพียงคนเดียว

พอขึ้นมาถึงห้องนอน ก็ยังไม่วายมองออกไปนอกหน้าต่างในที่ที่โรเบิร์ตเคยอยู่ ฝนเริ่มสาดเทลงมา ในขณะที่ร่างของสุนัขตัวโตอันตรธานหายไปเสียแล้ว

“ไปเร็วจัง” ถึงจะรู้ว่าอาจไม่ใช่สุนัขจริงๆ แต่อาจจะเป็นสุนัขอาคมอะไรก็แล้วแต่ แต่เธอก็ยังเป็นห่วงเจ้าโรเบิร์ตอยู่ดี

ในขณะเดียวกัน หมาหลังอานพันธุ์ไทยตัวสีดำวิ่งฝ่าฝนและเร้นหายไปในความมืดท่ามกลางดงป่ากล้วย ร่างเดรัจฉานแปรเปลี่ยนเป็นเท้ามนุษย์เดินสองขา พร้อมกับปรากฏกายของชายกำยำผู้หนึ่งกลางป่ากล้วย เขาเอาตัวเองแอบอิงกับต้นกล้วยต้นใหญ่เพื่อหลบฝน ร่างกายเปลือยเปล่านั้นหนาวสั่น

ก็อยากจักนอนด้วยหรอกหนา ก็แม่หญิงคนนั้นน่ารักแถมเอ็นดูเขา แต่สายตาของชายที่อยู่บนกระไดเรือนนั้นวาวโรจน์ทำให้รู้ว่ามันอันตราย มันจวนตัว มันอาจจะฆ่าเขาทิ้งก็ได้ เพราะเขาเป็นวิญญาณอาคมของท่านผู้นั้น

และเพราะไปญาติดีกับผู้หญิงที่ท่านเกลียด เขาจึงโดนตะเพิดออกมาให้เคว้งคว้างอยู่กลางป่ากล้วย

เขาพยายามตามหาหล่อนแล้ว แต่ป่านี้มันเป็นเพียงอาคมพรางตา ยิ่งวิ่งฝ่าเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่มีที่สิ้นสุด

โชคดีที่แม่หญิงคนนี้กลับมาโดยปลอดภัยเสียก่อน แต่หล่อนกลับมากับใครบางคนที่เขาไม่รู้จัก และเหมือนจะดูอันตรายถ้าหากอยู่ใกล้ๆ แม่หญิงผู้นี้นานๆ เข้า

ถ้าไม่ใช่เพราะหล่อนคือผู้มีพระคุณ หรือเขามีพลังวังชามากกว่านี้ เขาอาจจะช่วยหล่อนออกมา

แต่ทั้งท่านผู้นั้น... ทั้งชายผู้มีดวงตาแห่งพยัคฆา ล้วนแข็งแกร่งจนเขามิอาจสู้รบปรบมืออย่างสูสีด้วยได้ มีแต่ต้องจบลงที่แพ้พ่ายเท่านั้นเอง

พ่อครูยืนมองเรือนขนาดใหญ่อยู่ภายนอก เขาสูบฝิ่นผ่านลำกล้องที่ทำด้วยลำไผ่กลวง พ่นควันขาวคลุ้งออกมาราวกับเมฆหมอกที่อยู่ในจิตใจ ร่างเล็กที่เคยมีสัมพันธ์สวาทโดยไม่เต็มใจนั้นเดินหายเข้าไปภายในเรือนที่ถูกสร้างขึ้นแบบถืออำนาจวิสาสะพร้อมๆ กับพรานสมิง เขาหงุดหงิดไม่อาจยั้งใจให้กระชากหล่อนมาดุด่าว่ากำลังคิดบ้ากระไรอยู่ แต่ก็เก็บกลั้นอารมณ์ยืนมองหล่อนดูใจเย็นจากด้านในเรือนไม้ที่ตนอาศัยอยู่ผู้เดียว... กับภูตผีวิญญาณที่อัดแน่นนับร้อย

เรือนนั้นห่างจากกันไม่มากนักเพราะเนื้อที่ที่เขาจับจองและอนุญาตให้หล่อนมาอยู่ในสายตาเพราะอยากท้าทายอีกฝ่ายมันกว้างขวางหลายไร่ ดูเหมือนฝูงเสือสมิงจะตัดป่ากล้วยไปส่วนหนึ่งเพื่อเพิ่มความกว้างขวางของพื้นที่รอบๆ เรือนไปอีก พออนุญาตไปไอ้พรานเวรนั่นก็ทำตามใจเต็มที่เลยสิหนา

กองฟืนเตรียมจุดกองไฟตั้งอยู่ด้านหน้าเรือน คงเอาไว้ใช้ย่างเนื้อสัตว์กระมัง

หึ นับว่ามีความกล้าไม่เลวทีเดียว ถึงขนาดใช้มารยายั่วยวนจนพรานสมิงเข้ามาเป็นมือเป็นเท้าให้ขนาดนั้น นี่คงไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะทำได้

ยิ่งรู้เช่นนั้นก็ยิ่งเกลียดชังนางสุดหัวใจ ผู้หญิงคนนี้พยายามฆ่าลูกสาวของเขา ทำเสน่ห์ใส่ผัวของลูกสาวเขายังมิพอ แถมตอนนี้ยังได้ผัวใหม่อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือพรานสมิง ไม่นับรวมพระยาสิงห์ที่กำลังหมายปองเจ้าตัวอีกด้วย

ท่านผู้นั้นกำลังจะเดินทางมาในอีกไม่ช้า แต่น่าจะกำลังพำนักหลบฝนฟ้าอยู่

แน่นอนว่าเขาทำให้มันตกลงมาเอง เพื่อสกัดกั้นการเดินทางมาถึงที่ตำหนักของท่านให้ล่าช้าขึ้น ที่นี่ไม่ได้สะดวกสบายพอจะมีอะไรที่สื่อสารส่งเร็วทันใจ ดูท่านจะหัวเสียมากทีเดียว เสน่ห์ยาแฝดที่ทำไว้กับพ่อหมอคนนั้นมันแรงน่าดูเชียว ถึงขนาดคนแก่พุงพลุ้ยที่มีเมียเด็กอยู่ข้างกายอยู่แล้วแถมยังมีลูกหลานที่น่ารักอีกหนึ่งยังพยายามไขว่คว้าหาตัวโสเภณีไร้เกียรติเช่นนี้หนักหนา

สำหรับเขามันไม่จริง หล่อนมันไม่มีค่ากระไรเลย เมื่อของดำที่ปลุกเสน่หานั้นหมดลง นางจะเป็นเพียงหญิงใจชั่วช้าที่คิดสกปรกพรากผัวพรากเมีย พรากลูกจากอกพ่ออกแม่

มิว่าจะมาในรูปแบบของชาติภพไหน... ก็คงมิต่างกันนัก

“ลูกของใคร... ใครก็รักทั้งนั้นแล” เขาพึมพำออกมาพร้อมกับสูบฝิ่นจนฉ่ำปอด ความมัวเมาทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังง่วงซึม สมุนไพรหรือสารเสพติดกันแน่? แถมผู้ที่ครอบครองมันไว้อาจมีความผิดร้ายแรง แต่เขาไม่ได้อยู่ในตัวเมืองเสียหน่อย

ไม่ว่าอย่างไรพ่อก็จักปกป้องลูกให้ได้ ในวันที่พ่อยังมีโอกาส วาดรัก

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๕ (๒)

    นางสมิงพรายที่ตามหามาเกือบทั้งชีวิต ตอนนี้อยู่ตรงหน้าเขา และตกหลุมรักเพื่อนของเขาคงยากที่จะไม่ไขว่คว้าหล่อนมาใกล้ตัว หากแต่หญิงตนนี้ฉลาดนัก หล่อนพร้อมจะไปจากเขาได้ตลอดเวลา เขาเองก็ไม่ต้องการบังคับใจสิ่งที่หมายปอง หวังให้นางตกเป็นบริวารของเขาด้วยความเต็มใจเสียมากกว่าที่หนึ่งของนางตอนนี้คือไอ้คันศรก็แค่เพียงกลับกลายเป็นที่หนึ่งของนางได้ก็พอ เหมือนกับที่เขาเคยเป็นที่หนึ่งของดอกรักแต่ครานี้... เขาจะไม่ละทิ้งสัมพันธ์เพื่อตามหาความฝันอีกแล้วเพราะหล่อนคือความฝันที่เขาต้องการมากที่สุดแต่แพรวพราวไม่ได้รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าเธอกำลังตกเป็นที่หมายตาของใครบางคน กลับมาที่ปัจจุบัน เธอกรีดร้องออกมาเสียงดังลั่นเรือนไม้ รู้สึกเหมือนจะเป็นลมจนแทบล้มพับ แต่ไวกว่าความคิดเมื่อพรานสมิงตรงเข้ามาโอบร่างเธอที่ทำท่าจะทรุดเอาไว้“แม่เป็นกระไรหรือไม่ แข้งขาอ่อนแรงหรือ”“นาย... ทำไมไม่ห้ามฉันเล่า!” พอเห็นว่าอีกฝ่ายเปลือยเปล่าเช่นกันแถมเข้ามากอดร่างล่อนจ้อนของเธอแนบชิดแบบนี้แพรวพราวก็ยิ่งหน้ามานด้วยความอับอาย และพยายามทุบตีเขาด้วยแรงน้อยๆ ที่มี ยังไงคนที่ควรยับยั้งใจก็คือเขา หล่อนไม่ผิด เขาต่างหากที่ผิด “ก็รู้ว่

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๕ (๑)

    แพรวพราวยอมรับนะว่าเสียใจไม่พอ หล่อนยังเสียตัวให้ไอ้พ่อหมอนั่นไปถึงสองครั้งสองคราอีกต่างหาก คราวแรกก็ตอนที่เขาหวังล่อลวงเพื่อกำจัด คราวนี้ก็เพราะเธอไปปลุกปล้ำเขาเสียเอง ความประทับใจแรกเริ่มนั้นไม่เคยมีอยู่ในความสัมพันธ์ของเธอกับเขา แพรวพราวไม่ใช่สาวพรหมจารีย์ตามจารีตประเพณี แต่ถึงแบบนั้นก็ว่ากันว่าผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะใช้หัวใจในการร่วมหลับนอนกับใครสักคน แต่ผู้ชายกลับทำมันราวกับเป็นส่วนหนึ่งในกิจวัตรประจำวันและเสร็จสมออกมาได้ทั้งๆ ที่เกลียดชังผู้หญิงคนนั้นสุดหัวใจ แค่เพราะถูกกระตุ้นอารมณ์ทางเพศเท่านั้นเองแม้แต่ผู้หญิงที่มีแต่คนต้องการมารุมรักอย่างเธอ ก็ใช้ใจในการร่วมรัก ปะปนกับความหิวโหยที่เพิ่มพูนแบบทวีคูณเช่นกัน เธอไม่ได้หน้ามืดตามัวไปปลุกปล้ำใครที่ไม่ใช่เขา หัวใจเธอมีแต่นับสิบ และเขาที่คล้ายคลึงกันแต่แพรวพราวกลับสับสนกับตนเอง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเธอ หากแต่มันไม่เพียงพอต่อความต้องการเลยสักนิด การสูบพลังชีวิต กินอาคมของพ่อครูยังไม่พอที่จะสนองให้หล่อนรู้สึกพึงพอใจ ดวงตาสีทับทิมวาววับท่ามกลางความมืดมิดของคืนเดือนดับที่ไร้แม้แต่แสงจันทราสาดส่อง ดวงไฟสีแดงก่ำในลูกตาของหล่อน

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๔ (๔) จบตอน

    “ไม่ให้แตกหรอก จนกว่า...” หญิงสาวออกปากหยันเหมือนที่เขาพยายามจะทำกับเธอเสมอมา แต่รู้อะไรไหม ในเวลาที่เขาเข้าไปในตัวเธอนี่แหละ “จะเสร็จในตัวของแพรว อื้อ!”สิ้นคำนั้นหล่อนก็ยืนยันในคำพูดของตนเองด้วยการกลืนกินท่อนจันทน์ของเขาด้วยความนุ่มนิ่มจนกลืนมิดท่อนในจังหวะที่หนักแน่น“อึก...!” มันช่างน่าทุเรศตัวเองเสียยิ่งกว่าเมื่อหล่อนครอบครองเขาเข้าไปจนเต็มฤทธิ์ พ่อครูคันศรกลับรู้สึกเหมือนตนเองกำลังขาวโพลน ว่างเปล่า ความอึดอันทรมานเมื่อคราก่อนหน้าถูกแทนที่ด้วยความสุขสมอันน่าสังเวช ยามเมื่อหล่อนขยับสะโพกเน้นแบบทุกดอกทุกคำจนเขานั้นแทบกระอักจังหวะสะโพกที่บดคลึงผสมผสานกับการกระแทกขึ้นสุดลงสุดนั้นชวนให้นึกทึ่งกับความแข็งแรงและช่ำชองสำหรับการใช้สะโพกของหล่อน ขยับถี่รัวขนาดนั้นกลับไม่มีท่าทางว่าจะเหนื่อย เมื่อยหรืออยากจะหยุด ยิ่งถี่ยิ่งตอดรัดแน่น จนอาคมที่เสื่อมเพราะหล่อนขึ้นครูนั้นทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังสูญเสียตัวตนที่ภาคภูมิใจไปทีละน้อยใช่ หล่อนมันนังปีศาจ เป็นผีพรายตายโหงที่อัปปรีย์จัญไรที่สุดเท่าที่เคยเผชิญหน้ามา หล่อนทำให้เขามัวเมากับโลกีย์จนหลงลืมแม้แต่คำสอนของอาจารย์ที่เคยพูดเอาไว้เขาเคร่งคร

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๔ (๓)

    แพรวพราวไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้เรี่ยวแรงของเธอนั้นมันช่างมหาศาลจนสามารถสะกดหมอผีที่หยิ่งยโสคนนั้นได้จนอยู่หมัด เขาที่เธอนั่งคร่อมอยู่เหนือกว่าด้านบนนั้นมองคนตัวเล็กกว่าด้วยแววตาสั่นไหว วันนี้มันคืนเดือนมืด ดวงตาของหล่อนส่องแสงราวกับทับทิมสีแดงก่ำ“มึง... หยุดประเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นกูจักออกคำสั่งให้พวกผีมาฆ่ามึงอีกครา”“เอาสิ ฉันไม่กลัวผี สู้แรงกันให้ได้ก่อนเถอะ คุณในตอนนี้เสร็จฉันแน่” แต่หล่อนไม่ได้ใส่ใจน้ำเสียงสั่นคลอนนั่นแม้ใจความจะขู่กรรโชกอยู่ก็ตาม ไม่รู้ทำไมรู้สึกเหมือนคืนนี้หล่อนจะเร่าร้อนเป็นพิเศษ กำหนัดจนไม่สนอะไรทั้งนั้นแม้แต่ความกลัว ยิ่งกว่ากินยาปลุกเซ็กซ์เสียอีก มันต้องการสูบพลังชีวิตใครบางคนในยามที่มีความอยากอันร้อนแรงหมับ!ไหล่หนาเปลือยเปล่าแข็งแกร่งถูกมือเล็กจ้อยมือเดียวผลักให้กระแทกกับพื้นหญ้าเปียกชื้นอันเย็นชืด มันไม่สบายตัวเอาเสียเหลือเกิน แต่เขาไม่สามารถสู้แรงหล่อนได้เลย อีแพรวในตอนนี้พละกำลังมหาศาลจนใช้สองมือกดเขาไว้แน่นไม่ต่างกับผู้ชายร่างใหญ่คนหนึ่งนังนี่มันมิใช่มนุษย์ธรรมดาแน่ๆ เรากำลังจักเสร็จมัน“ปล่อยกู!”“มาให้ฉันกินเสียดีๆ เถอะค่ะพ่อหมอ ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว แล

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๔ (๒)

    การห้ามมีเซ็กซ์ นั้นยากเย็นกว่าการห้ามรักเสียอีกสัมผัสของพ่อหมอคนนั้นที่หล่อนหลงครวญหาจนนึกว่าเป็นนับสิบนั้นหลอกหลอนวนเวียนในหัวไม่หยุดหลังจากถึงเวลาเข้านอน ฝนยังคงตกไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพักเลยสักนิด ความเหน็บหนาวที่ลอดเข้ามาแม้ว่าบานหน้าต่างจะถูกปิดสนิท ไหนจะเสียงฟ้าผ่าเป็นระยะๆ ทำให้แพรวพราวที่นอนหนาวอยู่บนฟูกนอนใหญ่รู้สึกตัวขึ้นมากลางดึกสงัดเมื่อหันไปข้างๆ ก็พบกับร่างกายกำยำใหญ่โตที่นอนร่วมข้างกายหล่อน พรานสมิงปิดเปลือกตา ไม่มีทีท่าจะตื่นนอน เหมือนว่ากำลังหลับสนิทอยู่นะแต่เมื่อนึกถึงแต่ฉากร่วมเพศตลอดค่อนคืนจนถึงขนาดอาจเอาไปเก็บในนิมิตได้ มันทำให้เธอนอนไม่หลับและรู้สึกเสียววูบวาบยุบยิบในท้องน้อย จวบไปจนถึงเส้นทางสวาทที่ไม่ควรเปิดเผยให้คนข้างๆ เลยแม้แต่น้อยพ่อครูคันศรชี้ชัดว่าเกลียดน้ำหน้าเธอขนาดนั้น ถ้าให้บากหน้าไปบอกว่า ‘อยากทำ’ คงไม่น่าไหว แต่ถ้าเป็นคนข้างๆ แล้วละก็...แต่!“ก็ได้นะ แต่กฎของฉันกับนาย คือห้ามแตะต้องตัวกันอย่างเด็ดขาด ห้ามมีเซ็กซ์ และห้ามรักฉันด้วย”หล่อนตั้งกฎบ้าๆ นี่ออกไปแล้วน่ะสิ!จะมากลืนน้ำลายตัวเองคงจะไม่ได้ แม้ว่าในชาติก่อนที่เป็นดาราสาวเธอก็มีวันไนท์สแตนด์

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๔ (๑)

    “ข้าทำตามได้อยู่แล้ว” แต่อีกฝ่ายกลับตกลงรับคำไม่มีข้อกังขาใดๆ ทั้งนั้น เขาไม่ได้มีปัญหากับการอยู่ร่วมชายคาเดียวกับสาววัยแรกรุ่นที่ถ้าเทียบการถือกำเนิดและอยู่บนโลกมนุษย์มาแล้วนับร้อยปี แพรวพราวไม่ต่างอะไรกับลูกหลานเหลนโหลนของเขาด้วยซ้ำไปนั่นทำให้สาวเจ้านึกโล่งใจ อย่างน้อยถ้าได้รับความร่วมมือจากฝ่ายชายอย่างแข็งขัน หล่อนอาจจะอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับเขาได้แบบสันติสุขโดยไม่มีการเสียตัวให้กันและกัน คิดดังนั้นจึงตรงเข้าไปในเรือนใหญ่หรูหรา ที่มีห้องหับแบบโบร่ำโบราณแยกกันอยู่สองฝั่ง ฝั่งหนึ่งเป็นห้องน้ำ อีกฝั่งเป็นห้องหลับนอน ห้องทำกับข้าวน่าจะเป็นการผิงไฟย่างเนื้ออยู่ด้านนอกแบบหมู่บ้านเก่าของเขากระมังโลกนี้น่าจะไม่มีอลาคาสหรูหราแบบที่ทานอยู่เป็นประจำ เธอไหวไหล่อย่างไม่แคร์ ถ้าอยากอยู่รอดในโลกนี้ต้องทนๆ เอา ข้าวเหนียวห่อใบตองก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่นักพูดถึงข้าวเหนียวห่อใบตอง ก็คิดถึงโรเบิร์ตขึ้นมาเลย ตั้งแต่กลับมาไม่รู้ว่ามันหายไปไหน แถมพ่อหมอก็ไม่ได้พูดถึงด้วยโฮ่ง!แต่ทว่านึกถึงไม่ทันไร ก็เกิดเสียงดังอยู่กลางป่ากล้วยเป็นเสียงเห่าของสุนัข แพรวพราวโผล่หน้าออกมาจากบานหน้าต่างฝั่งปีกห้องนอนทั

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status