เข้าสู่ระบบหลังจากรักษาอาการของเยว่เทียนเสร็จแล้ว ฟางหรงก็ทำแผลที่โดนทำร้ายจากการต่อสู้ซึ่งมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อพบว่าเยว่เทียนปลอดภัย จึงออกมาจัดการกับโจรที่ปล้นร้าน
วันนี้เยว่ฉีอยู่ดูแลพี่ชายที่โรงหมอ เมื่อเดินออกมาจากโรงหมอก็พบกับท่านมือปราบล้มลงนอนอยู่ที่พื้นอาการบาดเจ็บสาหัสและตัวหัวหน้าโจรก็หายไปแล้ว ฟางหรงจึงเข้าไปสอบถามท่านมือปราบว่า
“นี่ท่านมือปราบไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นหรือขอรับ”
“มีคนมาช่วยมันหนีไปแล้ว แค่ก ๆ”
ท่านมือปราบกระอักเลือดออกมาคำโต ที่ตอนนี้ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลเหวะหวะจากการต่อสู้ เมื่อฟางหรงพบว่าบาดเจ็บสาหัสจึงเอ่ยขึ้น
“งั้นข้าจะพาท่านไปรักษาก่อนนะขอรับ”
ฟางหรงก็ช่วยพยุงท่านมือปราบไปที่โรงหมอที่กลับมาอีกครั้ง เมื่อมาถึงโรงหมอฟางหรงก็พยุงท่านมือปราบนั่งลงที่เตียง และท่านหมอก็มาทำแผลให้ จากนั้นก็สอบถามได้ความว่ามีคนหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นพวกโจรทมิฬ มาช่วยมันหนีไปวรยุทธ์ล้ำเลิศยิ่งนัก
ตอนนี้คนของทางการเข้ามาเก็บกวาดศพและมาสอบปากคำครอบครัวหลิน ท่านพ่อจึงเป็นคนไปให้ปากคำที่ศาลกับเจ้าหน้าที่ เมื่อเห็นว่าลูก ๆ และภรรยายังขวัญเสียอยู่
ลี่หลินจึงพาลูก ๆ ไปนอนเมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงโจรคนหนึ่งซึ่งฟางหรงจับมัดไว้ มันจึงไม่สามารถหนีไปกับพวกมันได้ และตอนนี้ถูกทางการควบคุมตัวไปสอบสวนคดีที่ศาล
ฮุ่ยเหมยง่วงนอนมากตาแทบจะปิดและหนิงหลงก็ไม่ต่างกัน คืนนี้นอนได้งีบนึง พวกโจรก็เข้ามาปล้น วันนี้มีเหตุการณ์ระทึกขวัญมากมายจริง ๆ
ยามเหม่า (คือ 05.00 - 06.59 น.) ท่านแม่พาเด็กทั้งสองกลับไปนอนที่เหลาอาหาร และตนเองไปทำความสะอาดร้านที่ตอนนี้ยังมีคราบเลือดติดอยู่ และยังดีที่โต๊ะและเก้าอี้ไม่พัง เพราะว่าตัวมันค่อนข้างใหญ่ทำให้มีรอยดาบ และหักนิดหน่อยแค่นั้น
ทางด้านฟางหรงซึ่งตอนนี้กำลังให้การกับนายอำเภออยู่ และกำลังสอบสวนโจรชั่วจับมาได้ ทราบว่ามันมาปล้นเพราะรู้ว่า ร้านนี้ขายดียิ่งนัก แค่นั้นไม่มีอะไรแอบแฝง ปกติมันจะปล้นก็ไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากต้องการเงินและของมีค่าเท่านั้น
เมื่อสอบสวนเสร็จท่านพ่อก็เดินออกมา กลับไปที่ร้านอาหารซึ่งตอนนี้มีชาวบ้านซุบซิบนินทาเรื่องโจรทมิฬมาปล้นเหลาอาหารของตัวเองอยู่ขณะนี้
"นี่ได้ข่าวว่า ร้านอาหารแห่งนี้ถูกปล้นเมื่อคืนนี้แหละ"
"ว้าย!! จริงหรือ"
"แล้วเป็นพวกใดที่มาปล้น พึ่งเปิดร้านได้ไม่กี่วันเอง"
"พวกกลุ่มโจรทมิฬนะสิ"
"ว้าย ตายแล้ว พวกนี้มันฝีมือร้ายกาจยิ่งนัก"
"ใช่ ใช่ นี่แล้ววันนี้จะเปิดร้านหรือไม่ ข้าสั่งอาหารไว้หลายอย่างเลย"
"นั่นสิ ข้าชอบอาหารร้านนี้ยิ่งนัก แบบนี้คงไม่ปิดร้านไปหรอกนะ"
เมื่อเห็นฟางหรงเดินมาถึงร้านอาหาร ชาวบ้านในละแวกนั้นก็เข้าไปถามไถ่ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"เถ้าแก่ท่านเป็นเยี่ยงไรบ้างขอรับ"
พ่อค้าขายเต้าหู้รูปร่างสันทัด สีผิวคล้ามแดด ใบหน้าดุดูน่ากลัว แม้ว่าจะมีใบหน้าไม่เป็นมิตรแต่ก็มีลูกค้าสาวน้อย สาวใหญ่เข้ามาซื้อเต้าหู้เป็นประจำ ด้วยความที่มีรูปร่างกำยำและมีซิกแพคเวลาที่ถอดเสื้อขายเต้าหู้ก็จะขายดีมากเป็นพิเศษ และเป็นที่คุ้นเคยกันดีเนื่องจากขายข้าง ๆ เหลาอาหารแห่งนี้ และไปซื้ออาหารที่ร้านเป็นประจำเอ่ยถามขึ้น
"อ้อ ข้าไม่เป็นอะไรมากขอรับ แต่ลูกน้องของข้าถูกฟันจนบาดเจ็บสาหัสขอรับ"
ฟางหรงเอ่ยตอบด้วยแววตาเศร้าหมอง และคิดโทษตัวเองที่ไม่สามารถปกป้องลูกน้องตัวเองได้
เมื่อเห็นแววตาเศร้าสร้อยของเถ้าแก่แล้วจึงเอ่ยปลอบใจ และเห็นใจในตัวเถ้าแก่
"ข้าขอแสดงความเสียใจด้วยนะขอรับ"
"ขอบคุณขอรับ แต่ตอนนี้อาการดีขึ้นมากแล้ว"
"แล้ววันนี้จะเปิดร้านหรือไม่ เถ้าแก่"
"นั่นสิ ๆ "
เสียงชาวบ้านเอ่ยถามขึ้นด้วยความอยากรู้ เพราะเป็นลูกค้าประจำของร้านนี้และสั่งจองไปเยอะเลยทีเดียว
"อ้อ เรื่องนี้ข้าขอดูก่อนนะขอรับ ว่าร้านเสียหายไปมากเท่าใด เดี๋ยวข้าจะแจ้งให้ทุกท่านทราบอีกที"
เมื่อฟางหรงเอ่ยขึ้นบอกแก่ชาวบ้าน ก็ขอตัวมาดูความเรียบร้อยของร้าน
บริเวณตรอกเล็ก ๆ แถวโรงหมอมีชายผู้หนึ่งทำตัวลับๆ ล่อๆ ที่มองเห็นก็จะรู้ได้ว่าเป็น เจ้าหนี้หน้าเลือดแห่งเมืองผิงเหยานั่นเอง มีนามว่า อวี้จางหมิ่น กำลังมองดูกลุ่มชาวบ้านที่กำลังถามไถ่ฟางหรง เมื่อพบว่าลูกน้องของฟางหรงได้รับบาดเจ็บก็กระตุกยิ้มที่มุมปาก
'หึหึ ข้าอุตส่าห์ไปบอกกลุ่มโจรทมิฬมาปล้นเจ้า ถือว่าไม่เสียแรงเปล่า' และเขาก็เดินกลับด้วยรอยยิ้ม
"ข้าได้ข่าวว่ากลุ่มโจรทมิฬ ตายเกือบหมดมีคนหนึ่งที่ถูกจับได้ หัวหน้ามันที่มาด้วยกันถูกพวกมันช่วยไปได้"
ท่านป้าขายเกาลัดคั่ว เอ่ยขึ้นเมื่อออกมาเปิดร้านแต่เช้า ทำให้ทราบเหตุการณ์จึงเล่าสู่กันฟัง
"โอ้ จริงรึแล้วผู้ใดกันที่มีความสามารถกำราบพวกโจรชั่วนี้ได้" ชาวบ้านเมื่อได้ยินเรื่องนี้ก็เอ่ยขึ้นถามด้วยความอยากรู้ว่าคือยอดฝีมือที่ใดกัน
"ก็คือ เถ้าแก่ร้านฮว๋าหงนั่นเองยังไงล่ะ" ท่านป้าขายเกาลัดคั่วเอ่ยขึ้นบอกกับชาวบ้าน
"นี่เรื่องจริงหรือเนี่ย เถ้าแก่ร้านนี้มีความสามารถจัดการกับโจรชั่วพวกนี้ได้"
ชาวบ้านคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยแววตาตกตะลึงถึงความสามารถของฟางหรงและจากนั้นชื่อเสียงเถ้าแก่ร้านฮว๋าหง ก็เป็นที่เลื่องลือไปไกลทั่วเมืองผิงเหยา
เมื่ออวี้จางหมิ่นกำลังจะเดินจากไปก็เงี่ยหูฟัง เมื่อได้ฟังเรื่องราวอย่างถี่ถ้วนแล้ว ก็สะดุดล้มทันทีและคิดว่า
'ถ้ามันรู้ว่าข้าไปบอกพวกโจรมาปล้นร้านมันคงเหลือแต่ชื่อแน่ๆ' และรีบเดินกลับทันทีและช่วงนี้คงต้องหยุดทวงหนี้สักพักแล้ว
ณ หุบเขามรณะ
ในป่าลึกเข้าไป 10 ลี้ เป็นที่อยู่อาศัยของกลุ่มโจรทมิฬ ที่รอบ ๆ เต็มไปด้วยกับดักมากมาย แม้ทางการจะรู้ว่าพวกโจรอาศัยอยู่ที่นี่ ก็ไม่สามารถเข้ามาได้ ล้วนถูกกับดักตกตายไปก่อน ตอนนี้ยังไม่มีผู้ที่มีความสามารถปราบปรามพวกมันได้
"เจ้าเป็นอย่างไรบ้างน้องเล็ก"
เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นถามอาการของน้องชายคนเดียวที่เหลืออยู่
"พี่ใหญ่ ข้าไม่เป็นไรขอรับ"
เสียงรองหัวหน้าโจรเอ่ยขึ้น ตอบพี่ใหญ่นั่นก็คือหัวหน้ากลุ่มโจรทมิฬนั่นเอง
"เจ้าบาดเจ็บสาหัสอย่างนี้ยังบอกไม่เป็นอะไรอีกหรือ?"
หัวหน้าใหญ่ของกลุ่มโจรเอ่ยขึ้นน้ำเสียงสั่นเครือ เมื่อได้เห็นบาดแผลเต็มไปทั้งตัวของน้องชาย
"เดี๋ยวพี่จะทายาให้เจ้าเอง" จากนั้นเขาก็นำยาห้ามเลือดมาทาให้กับน้องชาย และสั่งงานลูกน้องไปต้มยามาให้ดื่ม
เมื่อเห็นบาดแผลแล้วก็เจ็บใจนัก และคิดว่ามันผู้ใดที่มีความสามารถทำให้น้องชายของเขาบาดเจ็บขนาดนี้
"ใครกันที่ทำเจ้าบาดเจ็บเช่นนี้"
"เจ้าของร้านฮว๋าหงนั่น ที่วันนี้ข้าไปปล้นมา และมันยังฆ่าพี่น้องเราเกือบหมด"
เขาเอ่ยบอกกับพี่ชายที่หน้าตาฉายแววโกรธแค้นอย่างเห็นได้ชัด
"ถ้าเจ้าหายดีข้าจะไปแก้แค้นแทนเจ้าแน่"
หัวหน้าโจรกัดฟันกรอด เมื่อทราบถึงคนทำให้พี่น้องของเขาบาดเจ็บล้มตาย
"พี่ใหญ่ มันมีวิชากระบี่ไร้พ่ายของแคว้นลู่ ด้วยนะขอรับ" มันนึกขึ้นได้เมื่อพี่น้องโดนสังหารด้วยเพลงกระบี่ไร้พ่าย
"จริงรึ เป็นไปไม่ได้ เพลงกระบี่นี้สืบทอดมาจากตระกูลจ้าว ที่ตอนนี้สิ้นอำนาจไปแล้วไม่ใช่หรือ"
เมื่อรับรู้ว่ามีเพลงกระบี่นี้มีผู้ที่สามารถใช้ได้ ก็ตกตะลึง เนื่องจากเป็นการสืบทอดกันต่อ ๆ มาของตระกูลจ้าว เป็นอดีตตระกูลแม่ทัพ ที่ต่อสู้ปกป้องแคว้นลู่ตลอดการครองราชย์ของฮ่องเต้ เป็นที่ทราบกันดีของคนแคว้นลู่ พวกมันรู้ดีเพราะว่าอดีตก็เป็นคนแคว้นลู่มาก่อน
ก่อนที่พวกมันจะระหกระเหินมาที่นี่ เพราะว่ารับจ้างสังหารองค์รัชทายาทแคว้นลู่ ซึ่งตอนนี้ขึ้นครองราชสมบัติเป็นฮ่องเต้ของแคว้นลู่อยู่ขณะนี้
ทำให้มันโดนตามล่าเอาชีวิตมาตลอด และยังสืบถึงโคตรเหง้าของพวกมันและฆ่าสังหารตายจนหมด ทำให้พวกมันโกรธแค้นเป็นอย่างมากแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้จนต้องมาอยู่ที่แคว้นชิง
"เรื่องนี้ค่อยสืบอีกที ตอนนี้คงต้องปิดเขาหยุดออกปล้นสักพัก"
เมื่อลูกน้องคนหนึ่งถูกจับได้ก็ไม่ประมาทที่จะออกไปปล้นอีกครั้งจึงสั่งปิดเขาจนกว่าเรื่องนี้จะจบไป
"ขอรับ" ลูกน้องรับคำสั่งและเดินออกไปบอกกล่าวแก่พี่น้องของตน
ยามซื่อ (คือ 09.00 - 10.59 น.) ตอนนี้เหลาอาหารฮว๋าหงเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่มายืนอออยู่หน้าร้าน ทั้งเพราะข่าวลือเรื่องโจรปล้น ทั้งกลัวว่าร้านอาหารจะปิดตัวลง
เมื่อฟางหรงเปิดประตูร้านออกมาก็พบกับกลุ่มชาวบ้านมากมายที่มายืนอออยู่หน้าร้าน ก็ตกใจจึงเอ่ยถามขึ้น
"พวกท่านมาทำอะไรกัน มากมายขนาดนี้ร้านข้ายังไม่ถึงยามเปิดนะขอรับ"
"ข้ามารอพบท่านนั่นแหละ"
เสียงชาวบ้านคนหนึ่งเอ่ยขึ้น เมื่อได้พบหน้ายอดฝีมือผู้เลื่องลือในขณะนี้
"มาพบข้ามีเรื่องอันใด" ฟางหรงเมื่อได้ฟังก็ขมวดคิ้วเอ่ยถามขึ้น
"อ้อ ข้ามารอพบหน้าผู้กล้าที่สังหารพวกโจรทมิฬได้"
"ข้ามีวรยุทธ์อยู่บ้างน่ะขอรับ เพราะข้าเคยเป็นทหารรับจ้างมาก่อน"
"โอ้ จริงหรือ งั้นข้าขอมอบสิ่งตอบแทนเล็ก ๆ น้อย ๆ แก่ท่าน"
"ไม่ต้องมอบสิ่งของอะไรให้ข้าหรอกขอรับ ข้าทำไปเพื่อป้องกันตัวเองเท่านั้นเอง" ฟางหรงเอ่ยขึ้นตามความจริงแก่ชาวบ้านผู้นั้น
"ไม่ได้ ๆ ท่านเป็นผู้ล้างแค้นแทนลูกชายข้าที่จากไปเมื่อสองปีที่แล้ว"
ลูกชายของเขาถูกพวกโจรชั่วทำร้ายจนตาย ได้แต่ผูกใจเจ็บไม่สามารถทำอะไรได้ เมื่อมีความหวังว่าจับพวกมันได้แล้วก็จะสามารถทลายรังโจรของมันได้ นับว่าเป็นความหวังเล็ก ๆ ของเขาเลยทีเดียว
"ข้าแสดงความเสียใจด้วยนะขอรับ"
เมื่อรับรู้เรื่องสะเทือนใจจึงเอ่ยปลอบใจกับชาวบ้านผู้นั้นที่สูญเสียลูกชายไป ถ้าเป็นเขาคงต้องแค้นเคืองไม่ต่างกัน แต่ก็ไม่อาจรับน้ำใจได้จึงกล่าวปฏิเสธไป
และวันนี้ร้านอาหารก็ยังคงต้องเปิด เพราะว่าเมื่อเปิดร้านชาวบ้านก็เข้ามานั่งรอในร้านแล้ว จึงไม่สามารถเอ่ยปากไล่ไปได้
วันนี้จึงเปิดให้ลูกค้าสั่งจองก่อนลูกจ้างจะมาทำงาน และหาน้ำชา ชามะนาวกับน้ำอ้อยมาให้นั่งดื่มรอเวลาอาหารมาเสิร์ฟ เมื่อลูกค้าทั้งหลายที่มานั่งรอแต่เช้าตรู่ก็เกิดผลเพราะเมื่อลูกจ้างมาก็ต้องรีบประจำหน้าที่ของทุกคน และท่านพ่อก็เพิ่มค่าจ้างให้กับทุกคนเพิ่มขึ้นอีกด้วย
หลังจากรักษาอาการของเยว่เทียนเสร็จแล้ว ฟางหรงก็ทำแผลที่โดนทำร้ายจากการต่อสู้ซึ่งมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อพบว่าเยว่เทียนปลอดภัย จึงออกมาจัดการกับโจรที่ปล้นร้านวันนี้เยว่ฉีอยู่ดูแลพี่ชายที่โรงหมอ เมื่อเดินออกมาจากโรงหมอก็พบกับท่านมือปราบล้มลงนอนอยู่ที่พื้นอาการบาดเจ็บสาหัสและตัวหัวหน้าโจรก็หายไปแล้ว ฟางหรงจึงเข้าไปสอบถามท่านมือปราบว่า“นี่ท่านมือปราบไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นหรือขอรับ”“มีคนมาช่วยมันหนีไปแล้ว แค่ก ๆ”ท่านมือปราบกระอักเลือดออกมาคำโต ที่ตอนนี้ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลเหวะหวะจากการต่อสู้ เมื่อฟางหรงพบว่าบาดเจ็บสาหัสจึงเอ่ยขึ้น“งั้นข้าจะพาท่านไปรักษาก่อนนะขอรับ”ฟางหรงก็ช่วยพยุงท่านมือปราบไปที่โรงหมอที่กลับมาอีกครั้ง เมื่อมาถึงโรงหมอฟางหรงก็พยุงท่านมือปราบนั่งลงที่เตียง และท่านหมอก็มาทำแผลให้ จากนั้นก็สอบถามได้ความว่ามีคนหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นพวกโจรทมิฬ มาช่วยมันหนีไปวรยุทธ์ล้ำเลิศยิ่งนักตอนนี้คนของทางการเข้ามาเก็บกวาดศพและมาสอบปากคำครอบครัวหลิน ท่านพ่อจึงเป็นคนไปให้ปากคำที่ศาลกับเจ้าหน้าที่ เมื่อเห็นว่าลูก ๆ และภรรยายังขวัญเสียอยู่ลี่หลินจึงพาลูก ๆ ไปนอนเมื่อเห็นว่าทุกอย่างเ
เมื่อรับประทานอาหารเย็นเสร็จแล้วทุกคนจึงแยกย้ายกันอาบน้ำเข้านอน ฮุ่ยเหมยกับครอบครัวนอนห้องทำงาน ที่เป็นห้องเก็บบัญชีซื้อขายและเก็บเงินที่ขายได้ไว้ในลิ้นชัก สองพี่น้องฝาแฝดนอนห้องอาหารกลางดึกที่เงียบสงัดก็มีเสียงเปิดหน้าต่างและเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาประมาณ 10 คนแอ๊ด~ตึก ตึก ตึก"พวกเจ้าไปค้นที่โต๊ะนั่นดูสิ""ขอรับ"เมื่อหัวหน้าสั่งเสร็จแล้วพวกโจรก็รีบไปรื้อค้นที่โต๊ะรับออเดอร์ อีกกลุ่มก็เดินขึ้นไปชั้นสอง"หัวหน้าไม่เจออะไรเลยขอรับ"สมุนโจรเมื่อค้นหาภายในเหลาอาหารแห่งนี้แล้วไม่พบสิ่งมีค่าอะไรจึงรีบรายงานกับหัวหน้าของตน"งั้นหรือ แล้วมันจะเก็บไว้ที่ใด""ข้าว่าเราลองค้นห้องทุกห้อง""อืม งั้นพวกเจ้าไปค้นหาทุกห้อง" หัวหน้าโจรสั่งการและคิดว่า 'พวกมันเอาเงินไปไว้ที่ใดกัน' และเดินไปค้นทีละห้องปัง~ เสียงเปิดประตูห้องอาหารพิเศษห้องแล้วห้องเล่าก็ยังไม่พบเจอเพียงห้องที่ว่างเปล่า จนเดินไปสุดทางเดินพบว่ามีสองห้องที่ ล็อกประตูเอาไว้"หัวหน้าสองห้องนี้ล็อกจากข้างในขอรับ""หึ หึ พวกมันไม่กลับบ้านสินะ พวกเจ้าพังประตูเข้าไปเลย"ปังงงง!! แอ๊ดเสียงเปิดประตูอย่างแรงทำให้เยว่ฉีค่อยๆ ลืมตาขึ้น ท่ามกลางคว
ยามเซิน (คือ 15.00 - 16.59 น.) ยามนี้ลูกค้าจะไม่เยอะเหมือนยามอู๋หรือตอนเที่ยงทำให้ฮุ่ยเหมยกับลี่จูมีเวลาพักเหนื่อยและปล่อยให้เป็นหน้าที่พนักงานทำต่อไป"เหนื่อยมากเลยฮุ่ยเหมย""ข้าก็ไม่ต่างกัน"เด็กน้อยทั้งสองต่างเมื่อยล้าโดยเฉพาะที่บ่าและหลังที่ปวด กว่าจะล้างมือให้ยางกล้วยออกก็ต้องใช้เวลาไปมากเลยทีเดียวทั้งสองคนจึงเดินมาที่โต๊ะรับออร์เดอร์ที่ท่านพ่อกับลุงหานยังคงทำงานไม่หยุดพัก แม้ว่าตอนนี้จะเลยยามอู๋แล้วก็ยังคงมีคนมาซื้ออาหารอยู่เรื่อย ๆ โดยเฉพาะกล้วยปิ้งกับกากหมูและปิ้งหอยที่ขายราคาถูก ทำให้มีลูกค้ายืนต่อแถวยาวเหยียด"ท่านพ่อข้ายังไม่เห็นท่านพักกินข้าวเลยเจ้าค่ะ"เสียงฮุ่ยเหมยเอ่ยขึ้นเมื่อยังไม่เห็นท่านพ่อพักทานข้าวเลย"ใช่เจ้าค่ะท่านพ่อ" ลี่จูเอ่ยขึ้นบอกท่านพ่อของตนเช่นกัน"ตอนนี้ยังมีลูกค้าอยู่เลยลูก" ฟางหรงเอ่ยตอบลูกสาว"งั้นให้พวกข้ารับรายการจากลูกค้าเองเจ้าค่ะ" ฮุ่ยเหมยอาสาที่จะทำงานแทนท่านพ่อ"ลูกจะทำได้หรือเหมยเอ๋อร์ ลูกยังเขียนหนังสือไม่ได้เลย""นั่นสิเหมยเอ๋อร์" หนิงหลงเอ่ยขึ้น"งั้นแบ่งกันไปพักทีละคนเถอะเจ้าค่ะ""อืม งั้นเจ้าไปก่อนเถอะฟางหรง ข้าจะอยู่กับเด็ก ๆ เอง"ลุงหาน
ทุกคนต่างช่วยกันขนกล้วยกลับเหลาอาหารจนเต็มสองมือ เมื่อมาถึงที่ร้านก็ยามซื่อ (คือ 09.00 - 10.59 น.) กำหนดเวลาเริ่มทำงานของพนักงานในร้านต่างเริ่มปัดกวาดเช็ดถูพื้น โต๊ะ เก้าอี้ และแม่ครัวก็รีบทำตามออร์เดอร์ที่ได้รับมาจากยอดสั่งจองเมื่อวานนี้ ฟางหรงเมื่อเห็นเด็ก ๆ มากันแล้วและยังถือกล้วยมาอีก"ได้กล้วยมาเยอะแยะพวกเจ้าจะเอาไปทำอะไรกัน?""ท่านพ่อ เหมยเอ๋อร์บอกว่าจะทำอาหารแบบใหม่ให้กินขอรับ""ใช่เจ้าค่ะ ข้าจะดูว่าฮุ่ยเหมยจะเอากล้วยดิบมาทำอะไร"ลี่จูกล่าวกับฟางหรง ทำให้ทุกคนในร้านก็อยากรู้เหมือนกัน"งั้นพวกเรามาช่วยกันทำกันเถอะเจ้าค่ะ"ฮุ่ยเหมยเอ่ยบอกกับทุกคนและบอกให้ทุกคนปอกเปลือกกล้วยทั้งดิบและสุกไว้ใส่จาน จากนั้นทุกคนก็เริ่มช่วยกันทำจนปอกเปลือกเสร็จแล้ว ฮุ่ยเหมยจึงบอกขั้นตอนต่อไปทันที"จากนั้นผ่าครึ่งกล้วยดิบและนำไปปิ้งจนสุกได้ที่ก็กินได้แล้วเจ้าค่ะ""อืม เดี๋ยวพี่จะไปปิ้งให้""คุณชายเดี๋ยวข้าช่วยท่านปิ้งเองขอรับ"เย่วเทียนที่ทำความสะอาดร้านเสร็จก็อาสาช่วยอีกแรง"รายการต่อไปคือแกงกล้วยดิบใส่เนื้อเจ้าค่ะ"เมื่อเด็กน้อยเอ่ยขึ้นทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า'หืม มันนำไปแกงได้ด้วยหรือเนี่ย'
ยามเซิน (15.00-16.59 น.) ในตอนนี้ในร้านยังคงมีลูกค้าที่นั่งทานอยู่เต็มร้าน แต่เนื่องจากตอนนี้วัตถุดิบในการทำอาหารหมดแล้ว มีมะละกอ หอยเชอร์รี่และกุ้งฝอย ที่เริ่มหมดและให้พี่เย่วเทียนไปเก็บจากในป่าท้ายตลาดที่ชาวบ้านสามารถเก็บของมาขายได้และนำมากินได้ดังนั้นจึงต้องให้ลูกค้ารอหรือบางคนก็เลือกทานเมนูอื่นแทน ท่านพ่อที่ช่วยกันรับออร์เดอร์กับลุงหานเมื่อเห็นว่าใกล้ยามโหย่ว (17.00-18.59 น.) ที่กำหนดเป็นเวลาปิดร้านจึงตกลงกับลุงหานว่าจะหยุดรับออร์เดอร์สำหรับวันนี้"ข้าคิดว่าจะหยุดรับรายการอาหารวันนี้ไว้ก่อน นี่ใกล้ยามโหย่วแล้ว""อืมได้ ข้าจะแจ้งให้ลูกค้าทราบ"ลุงหานเอ่ยตอบตกลงจึงให้ลูกค้าที่มาสั่งอาหารทีหลังสั่งจองไว้กินวันพรุ่งนี้ ลูกค้าก็เข้าใจจึงตกลงสั่งจองไว้พรุ่งนี้ เมื่อมีคนรู้ว่าสามารถสั่งจองได้จึงรีบต่อแถวสั่งจองอาหารไว้แต่ทั้งสองคนไม่คาดคิดว่ายอดสั่งจองจะมากถึง 45 คิวและแต่ละคนสั่งกัน 8-9 อย่าง ท่านพ่อจึงคิดว่าวัตถุดิบที่นำมาขายในวันพรุ่งนี้ต้องหาให้ได้มากที่สุด"พี่หานข้าวานท่านไปรับซื้อ ปลา หอย ปู กุ้ง จากชาวบ้านในหมู่บ้านให้ด้วยนะ""ได้สิ""ขอบคุณท่านมาก นี่เงิน 500 อีแปะข้าให้ไว้เผ
เมื่อเปิดร้านเสร็จทุกคนก็เริ่มไปประจำที่ ที่ได้รับมอบหมาย นอกจากท่านนายอำเภอแล้วก็มีลูกค้าเพียง 2-3 โต๊ะเท่านั้นตอนนี้ทุกคนล้วนว่างงานโดยเฉพาะไม่ใช่พนักงานที่บริการห้องพิเศษฮุ่ยเหมยอยู่กับท่านแม่ที่โต๊ะรับออร์เดอร์ชั้นสองที่บริการลูกค้าห้องพิเศษ ที่ตอนนี้มีเพียงหนึ่งห้อง เมื่อเสิร์ฟอาหารเสร็จก็เหมือนจะไม่มีงานทำ"ท่านแม่ข้าขอไปข้างล่างนะเจ้าค่ะ" เด็กน้อยนั่งเล่นกับท่านแม่ก็รู้สึกเบื่อ ๆ จึงคิดว่าจะไปเรียกลูกค้าให้ท่านแม่เยอะ ๆ ดีกว่า"ได้ ไปเล่นกับพี่ชายเจ้ากับลี่จูอย่าซนกันนักละ""เจ้าค่ะ"ตึก ตึก ตึก เสียงฝีเท้าของเด็กน้อยเดินลงมาข้างล่างมันเงียบมากจนได้ยินเสียง ถึงแม้ว่าก่อนหน้านั้นที่ได้ขายไป 7 วันจะขายดีมากแต่เหมือนว่าจะบอกลูกค้าว่ามาขายที่นี่แต่บางทีผู้คนอาจจะไม่รู้จักมากนัก ดังนั้นจึงคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างไม่งั้นไม่มีเงินจ่ายค่าแรง ค่าเช่าโรงเตี๊ยมแน่ ๆ“อ้าว เหมยเอ๋อร์ เจ้าไม่อยู่กับท่านแม่หรือไง?” เสียงหนิงหลงเอ่ยขึ้นถามขณะที่กำลังนั่งหยิบหอยเชอร์รี่เสียบไม้“ข้าจะมาเรียกลูกค้าเข้าร้านนะสิ”ฮุ่ยเหมยเอ่ยตอบและเห็นว่าพี่ชายกับลี่จูช่วยกันเสียบหอยกันอยู่ จึงคิดว่าพวกเขาจะทำปิ







