ฉินอ๋องหลี่อี้ ท่านอ๋องปราบตะวันตกผู้เก่งกาจ กลับมีอีกฉายาหนึ่งที่ชาวบ้านชาวเมืองเรียกขานอย่างหวาดกลัวว่า...อ๋องอำมหิต ร่ำลือกระฉ่อนว่า ท่านอ๋องฆ่าคนราวหั่นผักฆ่าปลา อำมหิตผิดมนุษย์มนา ทำให้คุณหนูไป๋มู่ตาน ผู้เป็นคู่หมายไม่ยอมเข้าพิธีสมรสด้วย ความซวยจึงมาตกที่ 'ไป๋หยง' ญาติผู้น้องที่ถูกบังคับให้เข้าพิธีสมรสแทน ไป๋หยงรู้ตัวดีว่า ชีวิตของตนเองกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้ายที่อยู่ในกำมือของอ๋องอำมหิต แต่เขายังไม่อยากตาย เขายังมีห่วง... มีย่าชรา มีแม่และน้องที่ต้องดูแล เขาต้องรักษาตัวและหัวให้อยู่ครบ และไม่บุบสลายให้นานที่สุด เท่าที่จะนานได้!
ดูเพิ่มเติม"ข้ายอมแล้ว ข้ายอมแล้ว...ฮือ ๆ ๆ"
ไป๋หยงส่งเสียงขอร้องเพราะไม่อาจทนดูไป๋หยูน้องชายวัยเจ็ดขวบถูกเฆี่ยนด้วยหวายจนตายต่อหน้าต่อตาได้
จางอี๋เหนียงซึ่งเป็นย่าและนางหลิวซื่อซึ่งเป็นมารดา ได้แต่กอดกันร้องไห้ เพราะถูกบ่าวชายสองคนยืนกันเอาไว้ ไม่ให้พวกนางเข้าไปช่วยไป๋หยู
ส่วนไป๋หยงนั้นถูกบ่าวชายสองคนจับแขนเอาไว้แน่น...เขาเป็นคนถูกบังคับให้เข้าพิธีสมรสแทนไป๋มู่ตาน ญาติผู้พี่ ซึ่งเป็นบุตรสาวคนโตของท่านลุงไป๋หลง
ท่านลุงเป็นขุนนางใหญ่ยศอำมาตย์เอก เป็นรองเจ้ากรมพิธีการ มีบุตรสาวหนึ่งคน บุตรชายสองคน
บุตรสาวชื่อไป๋มู่ตาน นางสวยสมชื่อดอกโบตั๋นขาว และกิตติศัพท์ความงามของนางก็ได้ยินไปถึงพระกรรณของพระนางหยางฮองเฮา
พระนางหยางฮองเฮาจึงประทานสมรสพระราชทานให้ตระกูลไป๋สมรสกับฉินอ๋องหลี่อี้
ฉินอ๋องหลี่อี้เป็นโอรสอันดับสี่ เกิดแต่สีกุ้ยเฟย
พระสนมเอก เป็นบุคคลลึกลับ ชอบสวมใส่หน้ากากทองคำ น้อยคนนักที่จะเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา ทำให้เกิดกิตติศัพท์คำล่ำลือว่าเขาอัปลักษณ์ยิ่งนัก และมีอุปนิสัยเหี้ยมโหดอำมหิต ฆ่าคนราวผักปลา และชมชอบทำทารุณกรรมผู้คน
เพราะสมรสพระราชทาน...คุณหนูใหญ่ไป๋มู่ตานต้องสมรสกับฉินอ๋อง
แลเพราะกิตติศัพท์ที่ค่อนข้างไม่ดีของฉินอ๋องทำให้คุณหนูใหญ่ไป๋มู่ตานไม่ยอมขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว
เคราะห์ร้ายจึงตกมาอยู่ที่ไป๋หยงญาติผู้น้อง
ไป๋หยงเองก็ไม่ยินยอมพร้อมใจที่ขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว
"ข้าน้อยเป็นบุรุษ จะให้ขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวของฉินอ๋อง เกรงว่าจะผิดพระประสงค์ของฮองเฮานะขอรับ"
"ฮองเฮามีพระบัญชาให้ตระกูลไป๋ส่งบุตรหลานเข้าพิธีสมรสกับฉินอ๋อง พระนางมิได้กำหนดว่าเป็นบุรุษหรือสตรี" อำมาตย์ไป๋หลงเอ่ยเสียงขรึม
"แต่ข้าน้อยเกรงว่าฉินอ๋องจะไม่พอใจ และอาจจะ...อาจจะ..."
"หากฉินอ๋องไม่พอใจ แล้วส่งเจ้ากลับ เจ้าก็ไม่เสียหายตรงไหน!"
ไป๋หยงได้แต่ก้มหน้าเม้มปาก...หากฉินอ๋องไม่พอใจ แล้วส่งเขากลับ ก็ต้องนับว่าเทพยดาฟ้าดินสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง
แต่เกรงว่าฉินอ๋องเห็นตระกูลไป๋ส่งบุรุษมาเข้าพิธีสมรส จะโกรธเป็นมังกรพิโรธ สับเขาเป็นหมื่นหมื่นชิ้นนะสิ!
"เจ้าไม่ต้องโยกโย้ จงปฎิบัติตามคำสั่งของข้า"
"ข้าน้อยขอปฏิเสธขอรับ" กว่าจะเอ่ยคำนี้ออกมาได้ ไป๋หยงต้องรวบรวมความกล้าหาญอย่างสูง
ปัง...อำมาตย์ไป๋หลงตบโต๊ะน้ำชาข้างกายด้วยความโกรธ
"ถ้าเจ้าดื้อดึง ข้าจะสั่งโบยเจ้าจนกว่าจะยอม" อำมาตย์ไป๋หลงตวาดด้วยเสียงอันดัง
"ท่านพี่..." ฟูเหรินใหญ่หม่าซื่อ เอ่ยแทรกขึ้น "ได้โปรดใจเย็นๆ"
"ใจเย็นอย่างไรฟูเหริน...พรุ่งนี้เกี้ยวเจ้าสาวก็จะมาถึงจวนแล้ว" อำมาตย์ไป๋หลงขมวดคิ้ว
"ท่านพี่ ท่านโบยอาหยงให้ตาย เขาก็ไม่ยอมรับปากหรอก"
ฟูเหรินใหญ่หม่าซื่อกล่าวเสียงเนิบๆ "ยิ่งกว่านั้นจะทิ้งริ้วรอยบนผิวขาวๆ ของเขา หากฉินอ๋องเห็นเข้าคงไม่พอใจเป็นแน่...ทางที่ดีเฆี่ยนอาหยูแทน ดูสิว่าเขาจะใจร้ายใจดำยอมเห็นน้องชายถูกเฆี่ยนตายไปต่อหน้าได้หรือไม่?"
"ดี!" อำมาตย์ไป๋หลงแสยะยิ้ม
ไป๋หยงมองน้องชายตัวน้อยที่ถูกเฆี่ยนจนหลังลายด้วยความสงสาร
บ่าวชายยอมปล่อยให้ย่าและแม่เข้าไปดูแลไป๋หยู
เด็กน้อยมองพี่ชายที่น้ำตาอาบแก้มแล้วตะโกน "เกอเกอ (พี่ชาย) ท่านอย่าได้ยอม ถึงข้าต้องตายก็ไม่ตำหนิท่าน"
"อาหยู ไม่ต้องห่วงเกอเกอ เจ้าไปรักษาแผลก่อนเถอะ"
ไป๋หยงกล่าวได้เพียงแค่นั้น ก็ถูกบ่าวชายสองคนทั้งดึงทั้งลากไปจากลานของเรือนใหญ่ เข้าไปขังไว้ในห้องที่มีบ่าวหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งกับสาวใช้วัยรุ่นอีกสองคน
บ่าวหญิงวัยกลางคนคนนี้ชื่อป้าชิว นางเป็นแม่นมของคุณหนูไป๋มู่ตาน พอนางเห็นไป๋หยง ก็สั่งเสียงดุว่า "ไปอาบน้ำสระผมล้างหน้าให้เรียบร้อย"
ไป๋หยงคร้านที่จะทุ่มเถียงกับนาง จึงทำตามที่นางสั่ง เข้าไปอาบน้ำสระผมให้ห้องอาบน้ำ ซึ่งมีอ่างไม้ใบใหญ่มีน้ำอุ่นเตรียมเอาไว้พร้อม
พอไป๋หยงถอดเสื้อผ้าออก ก้าวเข้านั่งในอ่างไม้ ป้าชิวกับสาวใช้ทั้งสองก็เข้ามา จัดการจะสระผมขัดขี้ไคลให้เขา
"ป้า...ไม่ต้อง ข้าอาบน้ำสระผมเองได้" ไป๋หยงรีบค้าน เขาไม่คุ้นชินกับกับการให้คนอื่นมาอาบน้ำให้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่อาบให้เป็นสตรี
"ไม่ต้องพูดมาก" ป้าชิวตะคอก "ข้าก็ไม่อยากอาบน้ำให้เจ้าหรอก แต่เพราะว่าเจ้าจะขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวแทนคุณหนู ข้าถึงได้มาช่วยอาบน้ำแต่งตัวให้เจ้า...เฮอะ!"
ไป๋หยงจึงได้แต่เม้มปาก แล้วปล่อยให้พวกนางจัดการตามใจชอบ
คืนนั้นผ่านพ้นไปอย่างเชื่องช้า...ไป๋หยงถูกเกล้าผมประดับมงกุฎและปิ่นทองอย่างสวยงาม ใบหน้าถูกผัดแป้ง ปากถูกแต้มชาด บนร่างกายบอบบางก็สวมชุดเจ้าสาวสีแดงปักลวดลายสวยงามวิจิตร เสร็จแล้วผ้าแพรมงคลสีแดงก็ถูกคลุมลงบนศีรษะ ป้าชิวสวมรองเท้าผ้าสีแดงปักดอกไม้งดงามให้เป็นเสร็จพิธีการแต่งกายเจ้าสาว
เขาแต่งตัวเสร็จไม่นานก็ถูกจูงไปยังห้องโถง และมอบมือของเขาใส่ในมือที่แข็งแรงมือหนึ่ง
เสียงทุ้มทรงอำนาจของเจ้าของมือถามขึ้น "คนนี้หรือ?"
"ขอรับ ท่านอ๋อง" เสียงอำมาตย์ไป๋หลงตอบอย่างไม่เต็มเสียงนัก
ทันใด...ผ้าคลุมหน้าของไป๋หยงก็ถูกดึงออก
ไป๋หยงเห็นผู้ดึงผ้าคลุมหน้าของตนออกคือบุรุษหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่สง่างดงาม สวมอาภรณ์สีดำปักมังกรทอง ทว่าบนดวงหน้านั้นสวมหน้ากากทองคำอยู่!
องครักษ์ซ้ายเจาหู่มาขอพบพระชายาไป๋หยงเป็นการส่วนตัว “มีธุระอะไรกับข้าหรือ?” พระชายาไป๋หยงถาม พลางใช้ช้อนสามง่ามทองคำจิ้มผลไม้ที่ปอกและหั่นเป็นชิ้นพอดีคำอย่างสวยงามพูนจาน เข้าปากอย่างชื่นใจ “น้อมเรียนพระชายา คือข้า…ข้าน้อยอยากจะขอกู้เงินพระชายาขอรับ” องครักษ์ซ้ายเจาหู่พูดตะกุกตะกัก “ต้องการเท่าไหร่?” “ห้าร้อยตำลึงเงินขอรับ” “เอาไปทำอะไร?” พระชายาหนุ่มน้อยวางช้อนสามง่ามทองคำในมือลง “คือว่า…ข้าน้อยชอบเซียวมี่ขอรับ” องครักษ์ซ้ายเจาหู่เอ่ยแล้วยกมือปาดเหงื่อที่หน้าผาก “ชอบเซียวมี่?” “ขอรับ” “แล้วเกี่ยวอะไรกับเงินห้าร้อยตำลึง?” “คือว่า…เดิมทีเซียวมี่เป็นคนในจวนราชครูมู่สง ต่อมาราชครูมู่สงยกเซียวมี่ให้เป็นบ่าวของพระชายา แต่บิดามารดาและน้องชายหญิงของเซียวมี่ยังคงเป็นบ่าวอยู่ในจวนราชครู พอตระกูลมู่ของราชครูต้องโทษประหารทั้งครอบครัว บ่าวไพร่ถูกขายทอดตลาด บิดามารดาและน้องชายหญิงของเซียวมี่ก็ถูกขายทอดตลาดด้วย ทางการให้พ่อค้าทาสเหมาทั้งหมดไปขายอีกต่อหนึ่ง ข้าน้อยไปเจรจากับพ่อค้าทาสแล้ว เขาจะยอมขายยกครอบครัวให้ข้าน้อยในราคาห้าร้อยตำลึงขอรับ
องครักษ์บู๊สงพาองค์ชายหกหลี่เฟิง เดินทางมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ ค่ำไหนนอนนั่น คืนนี้…ทั้งสองพักในศาลเจ้าร้าง บู๊สงได้หากิ่งไม้แห้งจากรอบ ๆ ศาลเจ้า มาก่อกองไฟเล็ก ๆ เพื่อให้ไออุ่น องค์ชายหกมองเทวรูปดินปั้นที่ตั้งอยู่ด้านในสุด แล้วคุกเข่าลงพนมมืออธิษฐาน…ซึ่งใช้เวลาไม่นานก็อธิษฐานเสร็จ “องค์ชาย…ท่านอธิษฐานอะไร?” บู๊สงถาม เพราะตลอดหลายวันมานี้องค์ชายเอาแต่ร้องไห้ ทว่าวันนี้กลับไม่มีน้ำตา องค์ชายวัยสิบสองเม้มปากตอบว่า “ข้าอธิษฐานว่า…ขอให้ข้าตายง่าย ๆ ตายไว ๆ” บู๊สงอึ้ง “ทำไมถึงได้อธิษฐานเช่นนี้?” “ข้าสับสนมาก…แต่ก่อนเสด็จแม่บอกกับข้าว่า คนอื่นล้วนเป็นคนไม่ดี ทว่าพอข้าถูกกักบริเวณ ทั้งขันที ทั้งนางกำนัล ล้วนกล่าวว่าเสด็จแม่เป็นคนไม่ดี แม้แต่…เสด็จย่า…ก็ว่าเสด็จแม่ไม่ดี“ องค์ชายน้อยเอ่ยเสียงแผ่วเบา “ข้าอยากรู้ความจริง ว่าตกลงเสด็จแม่เป็นคนไม่ดีจริง ๆ หรือ?” “องค์ชาย…สตรีที่เข้ามาอยู่ในวังหลัง ก็เปรียบเสมือนบุรุษออกสู่สมรภูมิ ต่างต้องช่วงชิงการมีชีวิตรอด ไม่เป็นตัวของตัวเอง…ข้าไม่อาจบอกต่อองค์ชาย ว่าฮองเฮาหยางเซียงร้ายหรือดี เพราะว่าข้าเพียงได้ฟังเขาเล่าต
หลังจากเรื่องราวในบ้านเมืองสงบเรียบร้อย ฮ่องเต้น้อยหลี่เจินขึ้นครองราชบัลลังก์ โดยมีฉินอ๋องเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน และมหาเสนาบดียกทัพปราบหม่าฟู่เจ้าเมืองชิงซานแล้วเสร็จ สีไคก็จะเดินทางกลับแคว้นเว่ย ซึ่งเป็นแคว้นตอนใต้ของอาณาจักรต้าเป่ยและอยู่ทางทิศเหนือของอาณาจักรจงกั๋วฉินอ๋องจึงจัดงานเลี้ยงส่ง…โดยมีแขกผู้รับเชิญเป็นครอบครัวของท่านแม่ยายนางหลิวซื่อ นางยู่อิง อาหยู และอาโหยว ส่วนท่านย่านั้น นางขอตัวเพราะไม่สะดวก (อยากนอนพักกลางวัน) และท่านน้าบัณฑิตหลิวฮั่ว ซึ่งได้เลื่อนตำแหน่งเป็นอำมาตย์ตรี หัวหน้ากองเอกสารของกรมการค้า ฉินอ๋องจึงถือโอกาสจัดงานเลี้ยงฉลองตำแหน่งให้อำมาตย์หลิวฮั่วด้วย อำมาตย์หลิวฮั่วได้พาฟูเหรินเย่หว่านมางานด้วย ฟูเหรินเย่หว่าน (หว่านหว่าน) นั้นกำลังตั้งครรภ์ได้ห้าเดือน ดวงหน้างดงามอิ่มเอิบ อาหยูน้อยที่ได้นั่งข้างๆ เย่หว่าน มองท้องที่นูนขึ้นของนาง แล้วถามอย่างสงสัยว่า “พี่หว่านหว่าน…” อาหยูน้อยยังไม่ได้ถามต่อ ก็ถูกนางหลิวซื่อว่ากล่าว “อาหยู…ต้องเรียกว่าท่านน้าสะใภ้ ไม่ใช่พี่หว่านหว่าน” “ไม่เป็นไรค่ะ” เย่หว่านตอบนางหลิว
นางหลิวซื่อ นางยู่อิง อาหยู อาโหยว และเฉียวซาน (อาจารย์และองครักษ์ของอาหยูอาโหยว) ถูกรับมาอยู่จวนของฉินอ๋องตั้งแต่ตอนบ่าย พอวันรุ่งขึ้น…กองทัพขององค์ชายห้าหลี่เหิงตีเข้าเมืองหลวงมา ก็แยกเป็นสองขบวน ขบวนหนึ่งโจมตีวังหลวง อีกขบวนหนึ่งโจมตีจวนฉินอ๋อง ครั้นประตูจวนต้านไม่อยู่ ทหารของราชครูมู่สงบุกเข้ามา…ไป๋หยงก็ตรวจนับคนที่ตนจะพาออกไปทางลับด้วยกัน ก็เห็นว่าขาดอาเหยียนกับป้าไช่ จึงถามนางฮัวซื่อว่า “ท่านน้า…พี่เหยียนอยู่ไหน?” (ตั้งแต่รู้ว่า อาเหยียนเป็นบุตรของทั่นฮวาเฉินอวี้ ไป๋หยงก็เรียกนางฮัวซื่อว่าท่านน้า แทนที่ท่านป้าสะใภ้รอง) “อาเหยียนไปตามหาป้าไช่ที่โรงครัว” “ทำไมมาแยกตัวออกไปตอนหน้าสิ่วหน้าขวานอย่างนี้ด้วย” ไป๋หยงบ่นอย่างไม่พอใจ แต่ก็ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว “ข้าจะไปตามพี่เหยียนกับป้าไช่ ทุกคนรออยู่ในห้องนอนใหญ่อย่าได้แยกย้ายไปไหนเป็นอันขาด” แล้วคว้ากระบี่ติดมือ มุ่งหน้าตรงไปยังโรงครัวทันที แต่ระหว่างทางพบเข้ากับราชครูมู่สง จึงเกิดการต่อสู้กันขึ้น “ข้าจะจับพระชายาไปแขวนที่กำแพงเมืองให้ฉินอ๋องดู” ไป๋หยงไม่ตอบว่าอะไร แต่ตั้งอกตั้งใจใช้เพลงก
ที่จวนของโหราจารย์ คืนนั้น…โหราจารย์รู้สึกจิตใจไม่สงบ เขาได้รู้ข่าวการตายอนาถของขันทีปลอมเกาซ่ง ฮองเฮาถูกปลดจากตำแหน่งและขังอยู่ที่ตำหนักเย็น เขาก็เกรงว่าภัยจะมาถึงตัว แล้วพอเข้าห้องนอน ก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อเห็นเงาร่างสูงใหญ่ของคนผู้หนึ่งยืนรออยู่ในห้องนอนด้วย “ใคร?” โหราจารย์ถาม “คนที่เจ้าทำนายว่า…เกิดใต้ดาวพิฆาตอย่างไรล่ะ” “ฉิน…อ๋อง…” เสียงของโหราจารย์สั่นสะท้าน “ความจำของเจ้ายังดีอยู่” ฉินอ๋องตอบ “ท่านอ๋อง…ค่ำมืดดึกดื่นเช่นนี้ ท่านมาหาข้าน้อย ต้องการจะให้ทำนายเรื่องใดหรือขอรับ?” “ไม่มีอะไร…ข้าเพียงแค่มาส่งเจ้าเดินทางไกล (ตาย) เท่านั้น” ฉินอ๋องเอ่ยเสียงเย็นยะเยียบ โหราจารย์จึงตัดสินใจวิ่งหนี แต่ช้าเกินไป เพราะเพิ่งจะขยับตัว ก็ถูกสะกัดจุดเอาไว้ไม่ให้ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว และไม่สามารถพูดออกเสียงได้ ได้แต่ขยับปาก โดยไร้สุ้มเสียง… พอรุ่งเช้า…บ่าวรับใช้ในเรือนของโหราจารย์ที่มีหน้าที่เข้ามาจะปรนนิบัติ ก็พบว่าโหราจารย์ได้แขวนคอตายอยู่ในห้องนอน! สามวันต่อมา… อดีตฮองเฮาหยางเซียงก็ได้รับพระราชทานยาพิษจากไทเฮา พร้อมกันนั้น คนตระกูล
เวลาบ่าย…สนมหม่าซู่ซู่ได้เชิญเสด็จฮ่องเต้ออกมาพักผ่อนที่อุทยานหลวง เกาซ่งขันทีคนสนิทของฮองเฮา ซึ่งหายจากอาการบาดเจ็บราวเจ็ดส่วน (เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์) ได้รับข่าวจากสายของตน ก็รีบนำมารายงานฮองเฮา “เหนียงเหนียง (พระนาง) ยามนี้ฮ่องเต้เสด็จลงอุทยาน นับเป็นโอกาสอันดีพ่ะย่ะค่ะ” “โอกาสอะไร?” ฮองเฮาตรัสถาม “ปกติสนมคนโปรดจะกีดกันผู้ที่จะไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ที่พระตำหนักหลวง แต่ในอุทยาน เหนียงเหนียงหาโอกาสเข้าเฝ้า แล้วทูลขอตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน เพื่อจะได้ว่าราชการหลังม่าน ซึ่งฮ่องเต้จะได้มีเวลาพักผ่อนตามสบายพ่ะย่ะค่ะ” เกาซ่งทูล “เวลานี้ไทเฮาก็ทรงทำหน้าที่นี้อยู่มิใช่หรือ?” “เหนียงเหนียง อย่าลืมสิ ว่าพอไทเฮาออกว่าราชการ ฉินอ๋องกับพรรคพวกก็กำจัดองค์หญิงเหลียนฮัว แล้วเป้าหมายต่อไปของพวกเขาต้องไม่พ้นเหนียงเหนียงอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ” เกาซ่งทูล “ชิงลงมือก่อนได้เปรียบนะพ่ะย่ะค่ะ” “ถูกต้อง…คนแรกที่เราจะต้องกำจัดก็คือฉินอ๋อง” ฮองเฮาขบฟันตรัสแต่แผนการณ์ของฮองเฮาพังพินาศ…เพราะหม่าซู่ซู่เสแสร้งว่าถูกฮองเฮาผลักล้มและเกือบแท้งบุตร หม่าซู่ซู่และหม่าเต้า (หม่าเต้าเป็น
ความคิดเห็น