หมู่บ้านซานซานเป็นหมู่บ้านขนาดกลาง ๆ ไม่เล็กไม่ใหญ่ในหมู่บ้านจะมีกฎอยู่ข้อหนึ่งคือมีผัวเดียวเมียเดียว หากผัวตายเมียตายและเป็นหม้ายก็ไม่ผิดที่จะมีผัวหรือเมียใหม่ได้ไม่ผิด ยังไม่เคยมีครอบครัวใดที่แต่งเมียเข้าบ้านพร้อมกันคนสองคนเพราะจะเป็นการประจานครอบครัวตนเองและเป็นขี้ปากชาวบ้าน
ไม่มีใครอยากตกเป็นของขี้ปากคนอื่นที่พูดคุยในวงสนทนายามพักเที่ยงนั่งจับกลุ่มพูดคุยเรื่องชาวบ้านที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน แต่ไม่ใช่กับครอบครัวซุนที่ตกเป็นจำเลยในวงสนทนาอยู่
ตระกูลซุน
ซุนกวางหวาที่เป็นหัวหน้าครอบครัวแต่บัดนี้ร่างกายของเขาเริ่มเสื่อมสภาพลงไปทุกทื่ เพราะความที่ทำงานหนักมาตั้งแต่เด็ก "จ่างลี่เจ้าจะมารับพี่ใช่หรือไม่"ซุนกวางหวานอนเพ้อถึงซุนจ่างลี่ที่เป็นภรรยาคนแรกที่เสียไปได้นานหลายปีแล้ว แต่ในใจไม่เคยลืมนางได้เลย
"คนมันตายไปแล้วพี่จะเพ้อถึงมันอีกทำไม"ซุนอีเหยียนนางแต่งเข้าตระกูลซุนมาเป็นภรรยารองต่อจากนางจ่างลี่ที่ตายไป นางเองไม่ได้มีทางเลือกมากนักเพราะนางเองเป็นสตรีผ่านการแต่งงานมาแล้วแต่ก็หย่าร้างกับสามีไป แถมนางยังมีลูกกับสามีเก่าติดมาอีก ที่บ้านไม่ได้ให้ความสำคัญกับนางเท่าไหร่การแต่งงานออกเรือนคือสิ่งที่นางต้องการมากที่สุด
เพราะจะได้ไม่ต้องอดทนอยู่บ้านที่ทำเหมือนนางเป็นขี้ข้าค่อยรับใช้คนในครอบครัว แต่ท่านแม่ก็จะคอยบอกว่ามันคือหน้าที่ของสตรีซึ่งเป็นสิ่งที่นางเกลียดที่สุด
"พี่กวางหวา พี่มันไม่ได้เรื่อง!!"ซุนอีเหยียนไม่ชอบซุนจ่างลี่ถึงจะไม่เคยเห็นน่าค่าตากันมาก่อน แต่ชื่อเสียงของซุนจ่างลี่ไม่เคยจางไปจากใบหูของนางเลย ซุนกวางหวามักจะเพ้อละเมอพูดเพ้อฝันถึงซุนจ่างลี่อยู่บ่อย ๆ เห็นจะมากอยู่ในตอนนี้ที่กำลังป่วยหนักอยู่ เป็นโรคที่หาสาเหตุไม่ได้และนางเองก็รักษาตามมีตามเกิดไม่ได้มีเงินมากมายขนาดที่จะไปหาหมอดี ๆ ในเมืองหลวงขนาดหมอในหมู่บ้านก็หลายอีแปะอยู่
ซุนกวางหวาเหมือนได้ยินเสียงซุนอีเหยียนอยู่ใกล้ ๆ แต่เขาไม่สามารถที่จะลืมตาตื่นได้จริง ๆ ร่างกายที่หนักอึ้งขยับตัวไม่ได้ปวดร้าวไปหมดทำได้แค่นอนนิ่ง ๆ เท่านั้น
"ท่านแม่เล็กข้าทำข้าวต้มกุ๊ยมาให้ท่านพ่อเจ้าคะ"ซุนจือหลินในวัย 18 ปี จะเข้า 19 แต่ยังไม่ได้ออกเรือน เหมือนหญิงสาวในหมู่บ้านอายุ 15 ก็พากันออกเรือนแล้ว แต่ซุนจือหลินนางต่างออกไปนางเป็นห่วงทุกคนในครอบครัวตอนนี้ท่านพ่อก็ล้มป่วยหนัก ท่านแม่เล็กเองก็ต้องดูแลท่านพ่อเงินในบ้านก็เริ่มจะหมดลงเรื่อย ๆ
"มีแต่ข้าวต้มกุ๊ยหรือเจ้าทำได้แค่นี้เองหรือซุนจือหลิน"ซุนอีเหยียนถึงจะไม่ได้ชอบซุนจ่างลี่ แต่นางไม่ได้โกรธเกลียดซุนจือหลินที่เป็นลูกของซุนจ่างลี่ ซุนจือหลินนางแตกต่างจากเด็กทั่วไปทำให้นางเองมองเด็กคนนี้ต่างออกไปในทางที่ดีขึ้น แต่จะมาดีกว่าลูกสาวของนางได้อย่างไร แต่นางเองก็ไม่ใช่แม่เลี้ยงใจร้ายทำร้ายตบตีลูกเลี้ยง เพียงแต่นางขี้เกียจทำงานบ้านก็เท่านั้นเองหน้าที่นี้จึงตกเป็นของซุนจือหลิน
"ช่างมันไปเตรียมยามาให้ท่านพ่อเจ้าด้วย"
"เจ้าค่ะแม่เล็ก"ซุนจือหลินมองท่านพ่อของตนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงก็ทำนางอ่อนใจ ที่บ้านไม่ค่อยมีเงินท่านพ่อป่วยมาจะเข้า 2 เดือน แล้วเงินเก็บที่บ้านแม่เล็กก็เอาออกมาใช้ ๆ จ่ายในบ้านในทุก ๆ วันก็ต้องมีวันหมดเป็นธรรมดา แต่จะหมดมากหน่อยช่วงที่ซุนเพ่ยหนิงยามที่นางออกเรือนไปแล้ว เพราะต้องมีเงินให้นางได้ติดตัวไปบ้างจะได้ไม่น้อยหน้าฝ่ายสามีแม่เล็กบอกแบบนั้น
ตั้งแต่ที่ซุนเพ่ยหนิงแต่งออกไปก็เกือบจะ 1 ปี เต็มนางยังไม่ได้กลับมาเยี่ยมบ้านอีกเลยและก็ไม่ได้ส่งข่าวคราวมาที่บ้านแม่เล็กบอกเพียงนางสบายดีเท่านั้น ถึงนางจะไม่ใช่พี่น้องสายเลือดเดียวกันซุนเพ่ยหนิงเป็นลูกของท่านแม่เล็กท่านพ่อกับท่านแม่เล็กไม่ได้มีลูกด้วยกันอยู่กันฉันสามีภรรยา ถึงท่านแม่เล็กจะขี้เกียจทำงานแต่ก็ไม่ใช่คนไม่ดีหรือเป็นแม่เลี้ยงใจร้ายอะไรขนาดนั้น
แม่เล็กก็มีมุมที่ดีอยู่เยอะเพียงเป็นคนพูดเก่งและเสียงดังเลยอาจดูจะน่ากลัวไปหน่อย อีกอย่างตอนนาง 3 ขวบ แม่เล็กก็เป็นคนที่ช่วยท่านพ่อดูแลพร้อมกับเลี้ยงซุนเพ่ยหนิงไปด้วยนางกับซุนเพ่ยหนิงห่างกัน 3 ปี นิสัยซุนเพ่ยหนิงก็ออกคล้าย ๆ ท่านแม่เล็กเอาแต่ใจ ชอบเอาชนะต้องเป็นที่หนึ่ง และชอบความสบายย แต่เป็นคนเข้มแข็งความสัมพันธ์ของเราสองพี่น้องก็มีทั้งดีและไม่ดีตามประสาพี่น้องทั่วไป
"ยาได้แล้วเจ้าค่ะท่านแม่เล็ก"
"เจ้าออกไปรอข้างนอกข้ามีเรื่องจะคุยด้วย"ซุนอีเหยียนเองก็ลำบากใจที่จะพูด เมื่อหลายวันก่อนบ้านมู่มาพูดคุยเรื่องสัญญาของซุนกวางหวากับบ้านมู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่นางนั้นไม่เคยรู้มาก่อนน่าจะเป็นช่วงที่ซุนจ่างลี่ยังมีชีวิตอยู่สัญญาของสองครอบครัว ซึ่งเป็นเรื่องที่พูดยากในสถานการณ์ในตอนนี้
ดูก็รู้ว่าบ้านมู่พยายามจะสลัดลูกชายคนที่สามทิ้งเพราะไม่มีประโยชน์ เห็นว่าไปเป็นทหารในช่วงสงครามนานหลายปี แต่ได้ข่าวมาว่าบาดเจ็บสาหัสเลยต้องกลับบ้านเห็นชาวบ้านพูดคุยกันว่าคงจะพิการทางหน่วยที่มู่ซงหยวนสังกัดอยู่ส่งจดหมายมาหาบ้านมู่
เคยได้ยินแต่ขายลูกกิน ซึ่งเป็นแม่ของฝ่ายหญิงเสียมากกว่า ไม่คิดไม่ฝันว่านางจะเจอกับตัวนังมู่น่าหลิงกำลังขายลูกชายตัวเองที่กำลังจะพิการนังสารเลวนี่มันร้ายจริง ๆ
"อีเหยียน…"
"น้องรู้เจ้าค่ะเดี๋ยวจะออกไปคุยกับจือหลินอายุนางก็สมควรที่จะออกเรือนได้ตั้งนานแล้ว"
"พี่ไม่คิดว่าบ้านมู่จะมาทวงสัญญา"ซุนกวางหวาคิดว่าบ้านมู่คงจะลืมไปแล้ว เพราะบ้านมู่ มีลูกชายสามคน ลูกสาวหนึ่งคน ลูกชายคนโตกับคนรองก็แต่งงานแล้ว เหลือคนที่สามมู่ซงหยวนที่ไปเป็นทหารหลายปีแล้ว
"น้องว่านังมู่น่าหลิงนั่นจะขายลูกชายกินต่างหากท่านพี่ไม่ทันคนบ้านนั้น"
"พูดจาเหลวไหลอีเหยียนบ้านมู่มาทวงสัญญาก็ถูกแล้ว"
"พี่กวางหวาจะว่าถูกก็ถูก แต่สถานการณ์ในตอนนี้ควรหรือพี่ มู่ซงหยวนบาดแผลอาจจะพิการบ้านมู่เลยให้รีบแต่งจะได้ผลักภาระการดูแลมาให้บ้านเรามากกว่า"
ซุนกวางหวาคิดตามที่ซุนอีเหยียนพูดก็ถูก แต่จะให้ปฏิเสธไปก็คงจะเป็นไปไม่ได้เพราะสัญญาที่ให้กันสองครอบครัวถือว่าเป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกัน แสดงความซื่อสัตย์
"น้องรู้พี่เองก็ลำบากใจ จะปฏิเสธไปก็ทำไม่ได้อีก"ซุนอีเหยียนเองก็ไม่อยากให้ซุนจือหลินแต่งกับคนบ้านมู่ โดยรู้ทั่วกันว่าบ้านมู่นั้นมีเงินเพราะลูกเป็นทหาร แต่ก็มู่น่าหลิงเป็นคนขี้งก และปากจัด นิสัยเสีย รักลูกไม่เท่ากันเป็นที่สุดเห็นได้จากงานแต่งงานของลูกชายคนโตกับคนรองที่ต่างกันจนน่าเห็นใจคนโตอย่างซุนฉวนที่เกิดมาเจอแม่เช่นนี้
เหมือนมู่น่าหลิงจะให้ความสำคัญกับมู่จื่อชิวที่เป็นบุตรคนรองและมู่จื่อเหมยที่เป็นน้องเล็กสุดของบ้าน วัน ๆ ไม่เห็นนางจะทำอะไรเลยแต่งตัวสวยคอยจับผู้ชายบ้านรวยไปวัน ๆ สงสารก็แต่คนโตกับคนที่สามอย่างมู่ซงหยวนได้เงินมาส่งให้ที่บ้านหมดไม่รู้ตนเองจะได้ใช้หรือไม่
ซุนจือหลินไม่คิดที่จะปิดบังความคิดของนาง การทำอาหารนางมีความสุขก็จริง แต่การเปิดร้านอาหารนั้นหนักและเหนื่อยเกินไปถึงจะรู้ว่ามู่ซงหยวนสามารถที่จะเปิดร้านให้ได้ แต่การที่จะทำเช่นนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายความพร้อมต่าง ๆ อีกมากมาย"พี่เห็นเจ้าซื้อข้าวของมาเยอะเลย""ข้าขอโทษเจ้าค่ะที่ใช้เงินเยอะ แต่ข้าซื้อแต่ของที่จำเป็นนะเจ้าคะไม่ได้ซื้อของส่วนตัวเลยนะ"ซุนจือหลินกลัวว่ามู่ซงหยวนจะด่านาง เพราะวันนี้นางใช้เงินของเขาไปเยอะจริง ๆ"ไม่ได้ไม่จะดุเงินที่พี่ให้ใช้เท่าไหร่ก็ได้แล้วแต่เจ้า พี่แค่เห็นเจ้าซื้อข้าวของมามากมายเจ้าคงจะเหนื่อยน่าดูวันนี้""ข้าซื้อเสื้อสำเร็จมาให้พี่ด้วยเจ้าค่ะ"ซุนจือหลินเอ่ยออกไปอย่างยิ้ม ๆ อย่างน้อยใช้เงินของอีกฝ่ายไปตั้งเยอะก็ต้องมีอะไรมาเป็นสินบนเสียหน่อย"แล้วของเจ้าล่ะ""เสื้อผ้าข้ายังใส่ได้อยู่เจ้าค่ะ"ซุนจือหลินไม่คิดที่จะซื้อเสื้อผ้าใหม่ตอนนี้ถึงบ้านนางจะไม่ได้ร่ำรวย แต่เสื้อผ้าที่ใส่ก็ถือว่าสะอาดไม่ได้ขาดอะไรจนต้องปักเย็บมู่ซงหยวนถอนหายใจเมื่อได้ยินในสิ่งที่ไม่พอใจเป็นอย่างมาก มีสตรีที่ไหนบ้างไม่อยากมีเสื้อผ้าสวย ๆ งาม ๆ ใส่คงจะมีแต่เมียของเขาเท่านั้นแหละที่ไม่คิดจะซ
บ้านมู่ซงหยวน&ซุนจือหลินมู่ซงหยวนไม่เป็นอันทำอะไรเลยเขากระวนกระวายในใจ เขาเป็นห่วงซุนจือหลินนางไปนานแล้วยังไม่กลับมาเลย"พี่ซงหยวนเดี๋ยวพี่สะใภ้ก็มาพี่มากินข้าวเถอะ"อาหานล่ะเหนื่อยใจเพราะพี่ซงหยวนไม่ยอมกินข้าวเที่ยงเลยนี่ก็บ่ายแล้ว รอแต่พี่สะใภ้กลับมาอย่างเดียว"นานแล้วนางยังไม่กลับมาเลย""เดี๋ยวก็กลับมาพี่ซงหยวนไปในเมืองไม่ใช่ใกล้อีกอย่างพี่สะใภ้น่าจะมีธุระที่จะต้องไปทำอาจจะใช้เวลา"อาหานไม่รู้จะสรรหาประโยคไหนมาพูดให้พี่ซงหยวนของเขาจะสบายใจขึ้น"หากครั้งหน้านางจะเข้าเมืองข้าจะไปกับนางด้วยให้ได้"อาหานได้แต่ถอนหายใจเพราะรู้ว่ายังไงพี่สะใภ้ก็ไม่ให้ไปด้วยอยู่ดี หากพี่ซงหยวนขายังไม่หายเป็นปกติถึงตอนนี้จะดีจนเกือบจะหายแต่ยังไม่ได้หาย หากเดินเยอะก็จะกลับมาอักเสบอีก"พี่ซงหยวนมากันแล้วขอรับ"อาหานที่เห็นว่าพี่สะใภ้กลับมาถือข้าวของกันมามากมายจึงรีบวิ่งเข้าไปช่วยทันที"ซื้อของกันมาเยอะแยะเลยได้ชุดของข้าไหม""ได้ แต่มาช่วยถือของก่อน"เสี่ยวหมิงให้อาหานช่วยพี่สะใภ้ถือของเข้าไปเก็บในครัว เพราะว่าของส่วนใหญ่อยู่ในครัววันนี้พี่สะใภ้จะทำก๋วยเตี๋ยวให้กิน"พี่สะใภ้พี่ซงหยวนไม่ยอมกินข้าวเลยขอรับจะรอแต่พ
หลังจากที่ออกจากร้านขายเครื่องประดับซุนจือหลินก็เดินเข้าตลาดในเมือง เพราะจุดประสงค์ในการมาในครั้งนี้ของนางคือสำรวจการค้าในเมือง"เดี๋ยวหาซื้อของกลับไปทำกับข้าวกันดีกว่า""ก็ดีนะพี่สะใภ้ในตลาดของขายเยอะมาก"เสี่ยวหมิงไม่ได้ตื่นตาตื่นใจมากเท่า แต่ก็แปลกตาเท่านั้นเพราะอยู่ในหมู่บ้านไม่ได้ออกมาเปิดหูเปิดตานาน"พี่รู้แล้วว่าเย็นนี้จะกินอะไรดี"ซุนจือหลินมีความอยากกินอะไรร้อน ๆ และอะไรก็ได้ที่เป็นเส้น ๆ ก๋วยเตี๋ยวก็เป็นความคิดที่ดี ในเมืองก็มีก๋วยเตี๋ยวขายเหมือนกัน แต่หน้าตาแตกต่างกันออกไปตามสูตรของแต่ละร้าน"พี่สะใภ้จะทำอะไรหรือขอรับ""ก๋วยเตี๋ยวน่ะไปซื้อของกันดีกว่า เดี๋ยวต้องไปอีกหลายที่"ยังเหลือร้านขายเมล็ดพันธ์ุผักกับร้านขายเสื้อผ้านางเองก็อยากจะซื้อชุดสักชุดไปให้มู่ซงหยวนเหมือนกัน"ท่านป้ามีผักแค่นี้หรือเจ้าคะ""ใช่ มีไม่กี่อย่างช่วงนี้ดินไม่ดีเลยปลูกอะไรก็โตยาก ปลูกได้แต่ผักเดิม ๆ แต่ถ้าแม่นางอยากได้ผักหลาย ๆ อย่าง ก็ไปอีกสักหน่อยจะมีร้านขายผักขนาดใหญ่ แต่ราคาจะสูงหน่อยเพราะผักบางชนิดที่ปลูกยากก็นำส่งมา""ขอบคุณเจ้าค่ะท่านป้า งั้นข้าช่วยอุดหนุนท่านป้าฟักทองนี่ข้าเอาหนึ่งลูกเจ้าค่ะ""ได
ยามเฉิน(07.00-08.59 น.)ซุนจือหลินเลือกที่จะออกเดินทางแต่เช้า เพราะไม่รู้ว่าจะอยู่ในเมืองนานแค่ไหน "พี่ซงหยวนข้าไปแล้วนะ อาหานฝากกับข้าวไปบ้านซุนด้วยนะ""ขอรับพี่สะใภ้""เสี่ยวหมิง เจี้ยนโป พวกเจ้าทั้งสองต้องดูแลนางแทนข้าให้ดีและรีบไปจะได้รีบกลับกัน"มู่ซงหยวนรีบเอ่ยไล่เพราะกลัวใจจะกลับคำไม่อนุญาตให้ไปกัน เพราะวันนี้ต้องห่างซุนจือหลินเป็นวันแรกที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน"พี่ซงหยวนเข้าเมืองจะให้รีบกลับคงจะไม่ได้หรอก"อาหานรู้สึกถึงสายตาและพลังงานบางอย่างที่อยู่ตรงหน้าเขาที่แรงกล้าจนขนหัวลุก"จริงอย่างที่อาหานบอก พี่ก็อยู่บ้านไม่ต้องไปไหน""พี่จะไม่ไปไหนจะรอเจ้ากลับมา"มู่ซงหยวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อนเฉกเช่นที่ซุนจือหลินเอ่ยกับเขาเมื่อวานนี้ จนทำให้สหายทั้งสามต่างพากันยืนนิ่งหลังตรง ใบหน้ามองกันอย่างซีดเซียวแปลก ๆ และขนลุกจนไม่มีอารมณ์ขบขันใด ๆซุนจือหลินเองก็ไม่ต่างจากอาหาน เสี่ยวหมิง เจี้ยนโป เพราะความขนลุกมันเกิดขึ้นมาจากมู่ซงหยวนที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อนเหมือนที่นางเอ่ยกับเขาเมื่อวาน แต่ต่างตรงที่มู่ซงหยวนเอ่ยออกมาน้ำเสียงไม่ได้หวานหูแถมใบหน้ายังนิ่งและเหมือนไม่มีความรู้สึกอีกด้วยบนเกวีย
ซุนจือหลินหลังจากที่กินข้าวเที่ยงเสร็จนางเองก็สังเกตเห็นเหมือนว่าต้นกล้วยมันโตเร็วผิดปกติ มู่ซงหยวนเองก็คงคิดเช่นนาง แต่เขาคงจะไม่ถามเพราะน่าจะคิดว่าดินดีน้ำดีเท่านั้น"พี่ซงหยวนข้าอยากเข้าเมือง แต่พี่คงไปกับข้าไม่ได้""เจ้าจะอยู่ติดบ้านสักวันให้พี่ได้อุ่นใจบ้างไม่ได้หรือ ไปในเมืองโดยไม่มีพี่แบบนี้""พี่ซงหยวนเจ้าขาให้ข้าไปในเมืองเถอะน่ะ ข้าสัญญาว่าจะดูแลตัวเองให้ดี นะพี่ซงหยวนเจ้าขา"ซุนจือหลินเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อนและเป็นครั้งแรกที่นางใช้น้ำเสียงเช่นนี้กับมู่ซงหยวน"ก็ได้ แต่พี่จะให้เสี่ยวหมิงกับเจี้ยนโปไปเป็นเพื่อนด้วย"มู่ซงหยวนเจองานยากที่เขานั้นจะปฏิเสธน้ำเสียงหวานออดอ้อนที่ได้ยินเป็นครั้งแรกเช่นนี้ แล้วเช่นนี้เขาจะไปไหนรอดได้ตายคาอกของนางอย่างแน่นอน"ขอบคุณเจ้าค่ะ""แล้วพี่อนุญาตเช่นนี้เจ้าไม่มีสิ่งใดที่จะตกรางวัลให้พี่บ้างหรือ"มู่ซงหยวนคาดหวังในการกระทำของซุนจือหลินเป็นอย่างมาก เพราะมันมีผลต่อการใช้ชีวิตของเขา"รางวัลหรือเจ้าคะ"ซุนจือหลินฉุกคิดรางวัลที่มู่ซงหยวนร้องของ นางคิดเป็นสิ่งอื่นไปไม่ได้นอกจากภารกิจอันที่สองของนาง จะง่ายขนาดนี้เชียวหรือ 100 อีแปะ จ๊ารอข้าก่อนนะจ๊ะ"งั้น
มู่ซงหยวนที่นั่งอยู่หลังบ้านเขามองและสังเกตเจ้าต้นกล้วยที่ซุนจือหลินนำมาให้เจ้าพวกนั้นปลูกให้ ว่ามันโตเร็วผิดปกติหรือเปล่าจากหน่อกล้วยต้นเล็กที่พึ่งปลูกลงดินได้ไม่นาน แต่ทำไมถึงได้โตเร็วขนาดนี้"พี่ซงหยวนแม่พี่กับสะใภ้รองกลับไปแล้วขอรับ"อาหานเอ่ย"พวกเขามานานหรือยัง""ก็พี่ไปได้สักพักแล้วดีที่ข้าออกมานอกบ้าน เห็นว่าทั้งสองคนกำลังพยายามที่จะเข้าไปในบ้านดีที่พี่สะใภ้ล็อกบ้านไว้ ไม่งั้นบ้านพี่ไม่เหลือของดีแน่ ๆ"เสี่ยวหมิงรู้สึกปวดฉี่เพราะพึ่งจะกินข้าวเช้าที่พี่สะใภ้ทำและดื่มน้ำเยอะไปจึงได้ปวดฉี่ แต่ตอนที่กำลังจะฉี่นั้นสายตาก็มองไปที่บ้านพี่ซงหยวนและเห็นคนทั้งสองพยายามจะเข้าบ้านทำให้เขาตะโกนเรียกอาหานและเจี้ยนโปออกมา จนตัวเขานั้นฉี่ไม่ออกเพราะเป็นกังวลพี่สะใภ้ฝากให้ดูแลบ้านให้ด้วย"ทำดีมากอย่าให้ใครเข้าไปในบ้านตอนที่ข้ากับนางไม่อยู่นอกจากท่านพ่อมู่ พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่หรือท่านพ่อท่านแม่ซุน เพราะต่อไปพี่สะใภ้ของพวกเจ้าจะไปบ้านซุนบ่อยหรือไม่ก็ไปทุกวันและข้าก็จะต้องไปด้วยบ้านจึงจะไม่มีคนอยู่ในช่วงเช้า ๆ ถึงสาย ๆ"มู่ซงหยวนไม่คิดที่จะให้ซุนจือหลินไปที่บ้านซุนทุกวัน แต่ช่วงนี้ต้องตามใจนางไปก่อน