❝กุมภ์ครับ เรานอนต่ออีกสัก...❞ ❝ฉันจะนอน❞ หลังจบคืนแรกเมียรักตอบเสียงแข็งเอนตัวนอน ว่าแล้วใบหน้าคนเป็นสามีก็พลันซีด หรือที่น้องกุมภ์ตวัดหางตาใส่ราวกับแค้นมาแต่ชาติปางก่อนเป็นเพราะเขาลีลาไม่เด็ดเหรอ!?
View Moreเสียงเดินของนางฟ้าชุดขาวพาดผ่านบทสนทนาระหว่างคนไข้และเหล่าญาติ เจ้าของผมสั้นสลวยพยักหน้ารับคนไข้ตัวน้อยบนรถเข็นซึ่งมาเข้ารับรักษาอย่างเป็นมิตร แล้วจึงย่างก้าวตรงไปยังโต๊ะจำแนกเอกสารหน้าศูนย์ผิวหนัง ทักทายเหล่าพี่พยาบาลซึ่งมาเปลี่ยนกะด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุขุม ทว่ากลับมีสิ่งแปลกปลอมพร้อมด้วยหูหางสีขาวดำฟูฟ่องแฝงตัวมาในหมู่ชนด้วยหนึ่งอัตรา นั่นจึงทำเอาบุรุษพยาบาลเหนื่อยใจอยู่ภายใน
‘กุมภ์ คนไข้คนนั้นเขามาหาอีกแล้วนะ’
‘อือ รู้แล้ว ปล่อยเขาไปก่อน’
เจ้าของชื่อกระซิบตอบพลางวางมือจากเอกสารในตะกร้า ผินใบหน้าลงมามองเพื่อนในแผนกอย่างรู้กัน เพราะหลังจากที่เจ้าตัวมาเข้ารับการรักษา เพียงไม่นานก็กลับมาพร้อมกับดอกไม้ช่อโตอยู่เสมอ แม้เคยโดนเขาตำหนิไปรอบหนึ่งว่ามันเป็นพฤติกรรมอันรบกวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ แต่ก็เหมือนฟังหูซ้ายทะลุหูขวาและเลือกกะเกณฑ์มาในเวลาที่คนไข้น้อยราวกับรู้ล่วงหน้า ทั้งที่โรงพยาบาลเป็นที่ที่เอาแน่เอานอนเรื่องเวลาไม่ได้
‘แต่ถ้าปล่อยแล้วเขายังไม่ไปไหน เดี๋ยวจะโดนหัวหน้าดุเอานะ’
‘เอมบอกเขาไปก็ได้ว่าเป็นเพราะฉัน เอมจะได้ไม่โดนดุไปด้วย’
‘โถ่ ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย แต่ถ้ากุมภ์โดนเรียกไปคุย แล้วใครจะมากินข้าวเย็นกับเอมล่ะ’
สองเพื่อนซี้พูดคุยปรึกษากัน ส่วนตัวของเอมซึ่งอยู่ในฐานะสุคนธ์คนสนิทก็ได้แต่มองเพื่อนหน้านิ่งตาละห้อย อ้อนให้เพื่อนไปไล่คนไข้สายพันธุ์เสือดาวหิมะคนนั้นด้วยกัน เพราะเขาไม่กล้าเผชิญหน้ากับคนที่มีรอยสักเต็มตัวเพียงคนเดียวหรอก
สุคนธ์ พิโดร รดา สามเพศรองในโลกที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นเพื่อให้เหล่าสิ่งมีชีวิตดำรงเผ่าพันธุ์ไปได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น
‘สุคนธ์’ มนุษย์ฐานพีระมิดนับเป็นเพศซึ่งมีอำนาจต่อรองน้อยที่สุดในบรรดาเพศทั้งหมด ด้วยรูปลักษณ์ที่ในสายตาใครก็ถูกมองว่าอ่อนแอ ตั้งแต่เกิดส่วนใหญ่จึงล้วนถูกประคบประหงมดูแลประหนึ่งไข่ในหิน ส่งกลิ่นหอมกำจายเมื่อเข้า ‘ฤดูพิสมัย’ ชักจูงพิโดรที่อยู่ใกล้ให้เข้ามามีสัมพันธ์ทางกายเพื่อก่อเกิดทายาท
‘พิโดร’ มนุษย์ยอดพีระมิด มีรูปร่างสูงใหญ่เป็นที่น่าเกรงขาม มิหนำซ้ำส่วนใหญ่มียศถาบรรดาศักดิ์และอำนาจต่อรองสูงที่สุดในบรรดาเพศทั้งหมด สามารถขับกลิ่นข่มเพศอื่นได้โดยเฉพาะสุคนธ์ ในทางตรงกันข้ามกลับถูกดึงดูดด้วยกลิ่นหอมของสุคนธ์ได้ง่ายในบางรายอาจคลุ้มคลั่งไม่อาจควบคุมสติสัมปชัญญะได้เลยเชียว
‘รดา’ เพศที่มีจำนวนมากที่สุดในสังคม เป็นคนธรรมดาดาษดื่นไม่สามารถรับรู้กลิ่นพิสมัยของสุคนธ์ได้กระนั้นในบางครั้งก็สามารถได้กลิ่นข่มจากพิโดรได้เช่นกัน
‘เอมใจจริงอยากจะไปบอกเขาเอง แต่มันกลัวน่ะสิ’
‘กลัวอะไร เขาก็คนเหมือน ๆ กัน ทีเลือดน่ะไม่กลัวนะ’
‘ก็มันคนละกรณีกัน ปะ! ไปบอกเขาด้วยกันนะ’
เอมกอดแขนเจ้าเพื่อนแน่นไม่ให้ไปไหนเพราะนี่อยู่ในเวลาเลิกงานของพวกเขาแล้ว ต่อให้เอมจะเป็นสายพันธุ์แมวเหมือนกัน แต่ไอ้เขามันก็แมวบ้าน สู้แมวป่าไม่ได้ ต้องให้สายเลือดจระเข้เย็นเฉียบไปเป็นคนปราบ และที่สำคัญเป็นเจ้าตัวที่กำลังถูกตามจีบอยู่ไปจัดการคงจะมีประสิทธิภาพมากกว่า
“ไว้เราขอเก็บของใส่กระเป๋าก่อนนะ”
“เย่! กุมภ์เท่ที่สุด!”
เพื่อนแมวสามสียิ้มดีใจส่ายหางกอดเพื่อนต่างสายพันธุ์อย่างเริงร่า ในขณะที่กุมภ์ได้แต่ยิ้ม ๆ เหลือบมองไปยังคนใส่เสื้อแขนยาวซึ่งมาพร้อมกับดอกไม้ช่อโต ทว่ายังเห็นรอยสักโผล่ออกมาตามหลังฝ่ามือ
จากข่าวลือได้ยินมาว่าเป็นพวกเล่นคุณไสย กระนั้นในสายตาเขามันไม่ได้ดูน่ากลัวเลยสักนิด กลับกันแล้ว...
“แล้วเย็นนี้เราจะกินอะไรดี?”
“ที่ถนนข้าง ๆ มีร้านมาเปิดใหม่ด้วย ไปลองกันไหม มีขนมที่กุมภ์ชอบด้วยนะ”
กุมภ์ส่งยิ้มไปตามจังหวะบทสนทนาอย่างเป็นธรรมชาติเพื่อไม่ให้ความคิดในหัวฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้
‘สังคมมนุษย์สัตว์’ คือนิยามของโลกนี้ ทุกผู้ทุกคนมีวิวัฒนาการมาจากสัตว์ประเภทใดประเภทหนึ่งโดยมีพื้นฐานคล้ายคลึงกับมนุษย์ พัฒนาสังคมระหว่างสัตว์กินพืชและสัตว์กินเนื้อมาจนเข้าสู่ยุคสมัยสุขสงบซึ่งสิ่งประดิษฐ์เดินหน้าไกลขึ้นจากประวัติศาสตร์ ผู้คนเริ่มตั้งหมู่บ้านเวลาผ่านไปกลายเป็นพระนครอันใหญ่โต ก่อเกิดเศรษฐกิจการเมืองโดยมีคนตัวเล็กตัวน้อยเป็นฟันเฟืองช่วยกันขับเคลื่อน และนั่นคือสังคมมนุษย์สัตว์
เป็นระยะเวลากว่า ๑ ปีที่พ่อหมอคนนี้พยายามตามจีบน้องจระเข้น้อย บุรุษพยาบาลคนสวยประจำแผนกผิวหนัง อีก ๑ ปีสำหรับการคบหาดูใจ อีก ๒ ปีสำหรับการหมั้นเพื่อให้น้องเจ้าประกอบอาชีพตามความฝัน ในที่สุดไอ้สินธุ เหมบำรุงก็จะได้แต่งเมียเสียที!
เจ้าของสายเลือดเสือดาวหิมะที่เมื่อคืนก่อนวันแต่งงานแทบนอนไม่หลับ เช้านี้จึงกำพานแน่นระบายความกริ่งเกรงอยู่หน้าขบวนขันหมากจนเหล่าพี่น้องฝาแฝดอดแซวไม่ได้
“นึกว่าฉันที่เป็นพี่ใหญ่จะได้แต่งคนแรกซะอีก น่าอิจฉาว่ะ”
ภูวธรรศกล่าวอย่างหมั่นไส้ที่ไอ้น้องรองมันได้นอนกกเมียเป็นคนแรก ทั้งที่เขารู้คู่ชะตาที่ถูกกำหนดมาก่อนใครเพื่อนแท้ ๆ
“พ่อหมอเขาคงทำของใส่ละมั้ง น้องกุมภ์เขาถึงยอมทำงานแค่สองปีแล้วออกมาแต่งกับมึง”
มารุตน้องเล็กกระดกแว่นตาดำเหลือบมองเบะปากใส่พี่ที่อายุห่างกันเพียงหลักวินาที เพราะเจ้าตัวมีอีกชื่อคือ ‘พ่อครูสินแห่งตำหนักหิรัญ’ อยากได้ อยากทำอะไรก็เสกได้ดังใจนึกเพียงท่องบทสวด คงจะเป่าคาถาใส่น้องกุมภ์ที่รักในการทำงานมาหลงตัวเองแทนกระมัง
ในใจของสินตอนนี้แม้จะเดือดดาลจนอยากจับพานพุ่มทุ่มหน้าพี่น้องเท่าไร ทว่าต้องกล้ำกลืนมันไปเพราะวันนี้ถือเป็นพิธีมงคล จะให้มีข่าวว่าเจ้าบ่าวกระทืบคนในงานไม่ได้อย่างเด็ดขาด
เมื่อถึงฤกษ์งามยามดีสินถึงพยักหน้าส่งสัญญาณกับคนในแถว เสียงกู่ร้องเอาชัยเริ่มต้นขึ้นไต่ระดับตามด้วยเสียงตอบรับจากผู้คนในขบวนขันหมาก เครื่องดนตรีพื้นบ้านถูกบรรเลงตามจังหวะเดินของรูปขบวนมุ่งตรงไปยังเรือนไม้หลังโตซึ่งปลูกขึ้นใหม่ไว้เป็นเรือนหอข้างตำหนักโดยเฉพาะ
เขาถูกเลือกให้สืบทอดวิชาคุณไสยประจำตระกูล ทราบตั้งแต่ยังเล็กแล้วถึงคู่ชะตาที่ต้องมาใช้ชีวิตร่วมกัน ดังนั้นตลอดระยะเวลาที่ใช้ชีวิตมาจึงไม่ได้ปันใจไปให้ใครนอกเสียจากคนในคำทำนาย โดยทีแรกนึกว่าเจ้าตัวจะมีบุคลิกร่าเริงสดใส หรือไม่ก็เป็นแม่บ้านแม่เรือนเหมาะกับวิถีชีวิตพ่อหมอที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลเรื่องในครัวเรือนมากนัก ทว่าน้องกุมภ์คนสวยกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขุม ฝักใฝ่มุ่งมั่นในสัมมาอาชีพ ทว่านั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาเลยสักนิด กลับกันน้องกุมภ์ที่เป็นแบบนี้ดูมีเสน่ห์มากกว่าคนในจินตนาการเสียอีก
ญาติสนิทมิตรสหายซึ่งมาเข้าร่วมงานต่างส่งเสียงให้กำลังใจเมื่อเจ้าบ่าวย่างเดินมายังประตูเงินประตูทอง โดยนอกจากเงินทองที่มอบใส่ซองมาแล้วเขายังต้องอวดพละกำลังที่มีเพื่อเป็นเครื่องหมายยืนยันว่าจะสามารถปกป้องภรรยาได้ผ่านการดันพื้น ๕๐ ครั้งถ้วน นี่เขาคอยช่วยเหลือไปรับไปส่งแบกข้าวของเครื่องใช้ตอนไปซื้อของมาตุนให้น้องยังไม่พออีกหรือไร
เจ้าบ่าวในชุดไทยนุ่งโจงกระเบนถอนหายใจเฮือกใหญ่ วางพานในมือลง จัดท่าจัดทางให้เข้าที่แล้วจึงทำตามมารดาเจ้าของประตูบอก นี่ขนาดเป็นแม่แท้ ๆ ของเขาน่ะนี่ หากเป็นไอ้พี่น้องสองตัวนั่นมาไม่รู้จะโดนกี่ร้อยครั้ง
เสือดาวหิมะหนุ่มเดินหอบแฮกขึ้นมาบนเรือน ขนหูขนหางเปียกซกไปด้วยเหงื่อไคลตามอุณหภูมิหน้าร้อนของสยามประเทศ ทำไมฤกษ์ที่ดูไว้มันต้องมาอยู่ในกลางเดือนเมษายนด้วยวะ!
ยังดีที่ประตูสุดท้ายเป็นการทายใจง่าย ๆ ว่าน้องกุมภ์ชอบสีอะไร แม้ไม่รู้เหตุผลทว่าคำตอบที่ถูกต้องคือสีแดง ท้ายที่สุดตัวเขาก็ได้เข้าไปมอบพานมอบแหวนแก่คนรักที่นั่งรออยู่บนเรือนในชุดลูกไม้แนบเนื้อสีขาวฝังมุกพร้อมด้วยผ้าเนื้อดีถักท้อให้เข้ารูปร่างเพรียวบาง
รอยยิ้มเล็ก ๆ บริเวณมุมปากของน้องเจ้า อาจดูน้อยไปในสายตาแขกเหรื่อ แต่สำหรับเขาที่คบหาดูใจมาร่วมหลายปี นี่ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความสุขของพวกเราแล้ว
เมื่อตกกลางคืนหลังงานเลี้ยงโต๊ะจีนในตอนเย็น พวกเขาสองสามีภรรยาจะได้ใช้เวลาร่วมกันเสียที เพราะผ่านมาหลังกลายเป็นคู่หมั้น น้องกุมภ์เพียงมาร่วมอาศัยชายคาเดียวกัน ช่วยเหลืองานบ้านงานเรือน และกลับเข้านอนในห้องพักท้ายเรือนของตนเอง ไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งไปมากกว่านั้น คืนนี้จึงเป็นค่ำคืนแรกที่พวกเขาจะได้นอนร่วมเตียง
กลอนประตูห้องน้ำถูกไขออก ชวนให้หางฟูฟ่องสะบัดส่ายไปมาด้วยความตื่นเต้น ไม่ต่างจากใบหูซึ่งตั้งขึ้นเอนไปยังต้นเสียง ไม่กี่อึดใจ ภรรยาคนสวยในชุดนอนขาสั้นลายตารางสีอ่อน เผยเนื้อต้นขาและเรียวแขนเรียบเนียนสะท้อนแสงจันทร์ผุดผ่องก็เดินออกมา หรือเขาที่อยู่กับไสยเวทนานจะมีนางฟ้ามาชำระบาปเอาวันนี้
“คุณสิน ให้ฉันนอนฝั่งไหนเหรอจ๊ะ?”
“เรียกพี่ได้แล้ว”
ไม่ว่าเมื่อไรที่สนทนากัน คนเด็กกว่ามักใช้คำสุภาพอยู่เสมอไม่ต่างอะไรกับเมื่อตอนที่เขาเคยเป็นคนไข้ในการดูแล ต่อให้อยู่ด้วยกัน ต่อให้เขาบอกปากเปียกปากเฉะ น้องเจ้าก็ไม่ยอมเปลี่ยนมาใช้สรรพนามอย่างเป็นกันเองเสียที
“ให้ฉันนอนฝั่งไหนดีจ๊ะ”
“เรียกพี่ก่อนแล้วเดี๋ยวจะตอบ”
น้องกุมภ์มีต้นตระกูลเป็นจระเข้น้ำจืด ซึ่งเป็นสัตว์เลือดเย็น ทำอะไรก็มักจะหน้านิ่งอยู่เสมอ ทว่าจะกล่าวหาสายเลือดอย่างเดียวเห็นทีจะไม่ได้เพราะพ่อตาแม่ยายต่างเป็นคนเปิดเผย แปลกก็เพียงภรรยาของเขาคนนี้ที่แสดงความรู้สึกไม่เก่ง
“ทำไม คิดข้ออ้างอยู่เหรอ?”
สินกล่าวทวงคำเรียกร้องอีกครั้ง พลางเอื้อมมือไปจับอวัยวะเดียวกันของเด็กปลายเตียง เจ้าตัวเป็นคนดื้อเงียบมาแต่ไหนแต่ไร ทว่าทำไมกับแค่เรียกกันอย่างสนิทสนมให้สมกับเป็นคู่สามีภรรยาจึงบ่ายเบี่ยงมานานขนาดนี้
“ฉันยังไม่ชินน่ะจ้ะ”
“เขินเหรอ?”
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้...จ้ะ”
คำตอบนั้นค่อนข้างฟังดูย้อนแย้งไปสักหน่อย เพราะตอนนี้จระเข้น้อยถูกเขาโอบเอวมานั่งอยู่ในอ้อมแขนเป็นที่เรียบร้อย
“ตัวเรา...เย็นมากเลย”
“คงเพราะพึ่งอาบน้ำเสร็จ”
เจ้าของเสียงทุ้มหวานกล่าวอย่างเป็นธรรมชาติ ตอบสามีที่กกกอดซุกไซ้ศีรษะไปกับลาดไหล่จนใบหูฟูฟ่องทั้งสองลู่ไปตามสันกรามมน ต่อด้วยฝ่ามือซึ่งลูบไปยังแผ่นหลังก่อนจะลามลงไปยังหางเคลือบเกล็ดแข็งซึ่งพาดนิ่งอยู่ขอบเตียงไม่ขยับเขยื้อน
“หอมด้วย...”
“แต่เราใช้สบู่ตัวเดียวกันนี่จ๊ะ”
“พี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
ประโยคอันเปี่ยมไปด้วยความหมายแฝงนั้นถูกกล่าวออกมาพร้อมแววตาซึ่งเต็มไปด้วยแรงปรารถนา คมเขี้ยวที่เก็บซ่อนมานานเริ่มขบเม้มเส้นสายของเชือกถักที่ผูกรัดอาภรณ์ส่วนบนเอาไว้ และด้วยแรงดึงเพียงเล็กน้อยเสื้อตัวเล็กก็พลันหลวมโคร่งหย่อนคล้อย เปิดผิวอกเนียนละเอียดสู่สายตาผู้ล่า
“เมื่อกี้เราถามว่าจะนอนฝั่งไหนใช่ไหม”
“จ้ะ”
ฝ่ามือสีซีดที่พาดบนบ่าเริ่มเกร็งอย่างเป็นไปเอง ทว่าสายตากลมยังคงหรี่มองสามีโดยไร้ซึ่งอารมณ์ใดเจือปน
“พี่เองก็ไม่แน่ใจ เพราะเราคงได้เปลี่ยนท่านอนกันนับครั้งไม่ถ้วนเลยล่ะ”
เนื้อเสียงทุ้มบอกเป็นนัยถึงกิจกรรมฉันสามีภรรยาที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ก่อนที่ร่างเล็กจะถูกประคองมาหนุนหมอนเตรียมพร้อมสำหรับทำหน้าที่ภรรยาเพื่อให้พิธีวิวาห์เสร็จสมบูรณ์
“ช่วยอ่อนโยน...กับฉันด้วยนะจ๊ะ”
“พี่สัญญา”
สามีให้คำมั่นพร้อมลงไปมอบจุมพิตบนหน้าแก้มตอบพร้อมรอยยิ้ม สร้างสถานการณ์ที่ผ่อนคลายก่อนที่ทุกอย่างจะค่อย ๆ เร่งเร้าขึ้นตามอย่างที่มันควรจะเป็น แล้วจึงสิ้นสุดค่ำคืนด้วยการสร้างพันธะเพื่อเป็นเครื่องหมายตีตราความเป็นเจ้าของ
ร่องรอยนั้นมาพร้อมกับคราบเลือดกลิ่นสนิม พ่วงด้วยกล้ามเนื้อที่ปวดตุบอย่างห้ามไม่ได้จากฝีมือของตัวเขาซึ่งเป็นสามี แต่เนื่องจากประสบการณ์พยาบาลที่ผ่านมาทำให้น้องกุมภ์สามารถเลือกใช้ยาบรรเทาอาการที่พกติดตัวและเข้านอนได้โดยไร้ซึ่งปัญหาใด ๆ ในขณะที่เขาซึ่งสู้อุตส่าห์ตระเตรียมตลับยามาจากตำหนักไม่ได้แสดงฝีมือดูแลเมียเลย ช่างเป็นเรื่องน่าเศร้ายิ่งนัก
ทุกอย่างภายในห้องหับดำเนินมาจนเช้าโดยไร้ซึ่งความหวือหวาอย่างที่เคยเพ้อไว้สารพัดสมัยวัยกลัดมัน กลับกันมันมอบความรู้สึกอบอุ่นชุ่มชื่นหัวใจ นี่น่ะหรือความรู้สึกของคนที่ได้นอนกกเมีย มันเติมเต็มแบบนี้นี่เอง
ทว่าเมื่อคืนที่ได้นอนกอดน้องจระเข้น้อยใต้ผืนผ้าห่มเดียวกัน เช้ามาไม่ทันฟ้าสาง บนเตียงก็เหลือแต่เพียงตัวเขา แต่เพราะความงัวเงียผนวกกับความล้าทำให้ร่างบึกบึนหยัดร่างขึ้นมาหาวเรียกสติอยู่นานสองนาน ก่อนจะควานหาร่างภรรยาที่หายไปอีกครั้งทว่ากลับไม่เจอ
สามีในสภาพเปลือยเปล่าพร้อมด้วยหูหางชี้ฟูและผ้าห่มปิดของสงวนหนึ่งผืนนั่งงง ยังคงหันซ้ายหันขวา เผื่อน้องกุมภ์จะตื่นมาตระเตรียมข้าวของบางอย่าง ทว่าต่อให้เบิ่งตามองอย่างไรก็หาไม่เจอ กระนั้นสินจึงตั้งใจจะเดินไปดูยังสุขาซึ่งอยู่ภายในห้องเพื่อตรวจสอบดู เพราะมีกฎอยู่ว่าคู่แต่งงานใหม่ห้ามฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งออกจากห้องก่อนพระอาทิตย์ขึ้นหรือหกโมงเช้าเป็นอย่างต่ำ แต่นี่พึ่งจะตีห้าเอง
‘อุบ!...แหวะ’ เสียงอาเจียนแว่วมาจากภายในทำให้สินที่สะลึมสะลือตื่นเต็มตา รีบเคาะประตูห้องน้ำถามไถ่อาการคนน้องภายใน
“กุมภ์! กุมภ์เป็นอะไรไหม!? เปิดประตูให้พี่เข้าไปดูอาการที!”
ยิ่งพูดสินยิ่งร้อนใจ เพราะตัวเขาผ่านการทำของเล่นคุณไสยมาเยอะ และอาจารย์หรือบิดาของเขาก็บอกว่ามันอาจส่งผลต่อตัวคู่ชะตาออกมาเป็นอาการป่วยบางอย่าง บางทีน้องกุมภ์อาจกำลังประสบเช่นนั้นอยู่ ซึ่งต่อให้จะทำวิธีธรรมชาติอย่างการอาเจียนหรือกินยาก็ไม่ได้ช่วยเพราะต้องเป็นตัวเขาที่ท่องบทแก้เท่านั้น
ทว่าไม่ทันไร เสียงอาเจียนเสียงน้ำไหลก็หยุดลงตามด้วยบานประตูที่เปิดออกพร้อมภรรยาในชุดนอนตัวรุ่งริ่งเดินเซออกมาจนสินอดไม่ได้ที่จะช่วยโอบประคอง
ร่องรอยขบกัดบนร่างเล็กนั้นมีมากกว่าจะนับได้ด้วยนิ้วมือทั้งสิบ ไหนจะรอยช้ำจากแรงที่เขาเผลอขาดสติไปเมื่อคืน ยิ่งมาเห็นเมียป่วยกะทันหันแบบนี้ยิ่งรู้สึกโทษตัวเอง
“เราจิบน้ำหน่อยไหมครับ?”
“อือ...”
คงเพราะความล้าด้วยเหตุนานัปการ น้องน้อยจึงตอบด้วยเสียงในลำคอ ส่วนเขาจึงละมือไปหยิบเหยือกน้ำเทใส่แก้วมอบให้ภรรยาพลางช่วยบีบนวดมือข้างที่ว่างเป็นการคลายเส้น
“กุมภ์ครับ เรานอนต่ออีกสัก...”
“ฉันจะนอน”
ไม่ทันที่สินจะพูดจบ คนน้องก็ตอบเสียงแข็ง กระชับเสื้อดึงชายผ้าห่มขึ้นคลุมตัวเอนลงนอนโดยไม่สนใจสามีซึ่งนั่งยองอยู่ข้างเตียงเลยสักนิด จะมีก็เพียงสายตาไร้แววที่มองกดต่ำลงมาราวกับเป็นคนละคน
เมื่อกี้นี้มันอะไร...ทำไมน้องกุมภ์ถึงมองเขาด้วยสายตาที่รังเกียจแบบนั้น...
ว่าแล้วสินก็วางแก้วน้ำบนโต๊ะหัวเตียง พลางหาจังหวะก้มมองเจ้าสินน้อยของตัวเองที่ห้อยโตงเตงอยู่ระหว่างขา สักพักใบหน้าก็พลันซีด หรือที่น้องกุมภ์ตวัดหางตาใส่ราวกับแค้นมาแต่ชาติปางก่อนเป็นเพราะเขาลีลาไม่เด็ดเหรอ!?
CW: มีการกล่าวถึงบทสวดไสยศาสตร์ *ซึ่งไม่ได้ให้ผลร้ายใด ๆกุมภ์หลังจากได้รับอนุญาตจากสามีให้ไปเป็นครูสอนภาษาของเด็ก ๆ ก็ดีใจ ระหว่างแต้มผงแป้งลงหน้าก่อนนอนไปก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จินตนาการช่วงเวลาที่จะได้ใช้ร่วมกับเหล่าเด็กจิ๋วอยู่คนเดียว โดยที่ขณะเดียวกันกอหญ้าและมณีที่ปกติจะเล่นกลิ้งตัวกันอยู่บนเตียง กลับอยากมาช่วยตัวเขาประทินโฉมเสียอย่างนั้นผีพรายร่างจิ๋วผมยาวปิดตาหนึ่งข้างเดินเตาะแตะมาหยิบหวีไม้ที่เสียบไว้ในตะกร้าสานเพราะรู้ว่าแม่จะต้องใช้มันต่อจากการทาแป้งเพื่อหวีสางเส้นผม ส่วนกอหญ้าที่ชอบนอนเป็นทุนเดิมขอเดินลงมากระโดดลงตักแม่กุมภ์เพื่อพักสายตาอย่างเคย“น่ารักจังเลย”กุมภ์กล่าวชมเสียงนุ่มพลางใช้ปลายนิ้วเกลี่ยศีรษะกลมของผีน้อยทั้งสอง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นส่องกระจก ทว่าภาพสะท้อนที่ปรากฏกลับทำให้ร่างกายเย็นเฉียบขึ้น หัวใจเต้นกระหน่ำราวกับจะทะลุออกจากอก ลมหายใจขาดห้วง ดวงตาเบิกกว้างจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยควา
สินธุ พ่อครูตำหนักหิรัญพ่วงตำแหน่งผัวน้องกุมภ์คนสวย ปัจจุบันกำลังนั่งยองพัดเตาอั้งโล่อุ่นแกงไก่รอทานเป็นมื้อเช้าด้วยใบหน้าเคร่งเครียดประหนึ่งคนปวดท้องถ่าย เพราะนอกจากจะต้องมาไตร่ตรองถึงสมรรถภาพทางเพศของตัวเองที่ยังคลุมเครือแล้ว หลังผีเลี้ยงของเขาปรากฏตัวต่อหน้าศรีภรรยา สินจึงต้องมาคิดหนักเกี่ยวกับเบื้องลึกเบื้องหลังของภรรยาตัวเองอีกพ่อครูเสือดาวหิมะกำพัดสานแน่นกวัดแกว่งเรียกลมสุมไฟ ในขณะเดียวกันหางขนฟูก็ส่ายตามจังหวะมือส่วนตัวสินนั้นรู้จักว่าที่คู่ชะตาตัวเองตั้งแต่ยังเล็กแม้ยังไม่เคยพบหน้า เพราะผู้เป็นบิดากล่าวบอกช่วงเวลาที่จะพบและลักษณะภายนอกเอาไว้รวมไปถึงนิสัยใจคอเบื้องต้น‘…เมียเอ็งเป็นคนเรียบง่าย ไม่หวือหวา หน้าตาสะสวย มารยาทดีและเป็นผู้ใหญ่…’ ซึ่งนั่นถือว่าตรงกับนิสัยของน้องกุมภ์ที่เผลอ ๆ อาจจะมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเขาในหลาย ๆ เรื่องเสียด้วยซ้ำช่วงเวลาตั้งแต่รู้จักกับน้องกุมภ์รวมถึงการดูประวัติย้อนหลัง ไม่มีเรื่องอะไรน่าสงสัยหรือมีลับลมคมในที่จะทำให้เจ้าน้องกลายเป็นคนเก็บกดหรือปิดกั้นความรู้สึกอย่างที่ทำกับเขามาตลอดได้เลย เขาคิดว่านิสัย
“ขอโทษแม่เขาเดี๋ยวนี้”เสียงขึงขังของพ่อครูเสือ ข่มรัศมีเหล่าภูตผีในอาณัติจนเหล่าวิญญาณควันสีดำกระจุกตัวกันพร้อมทำร่างให้ลีบเล็กที่สุดด้วยความรู้สึกผิด ในขณะที่ความในใจของกุมภ์ยังคงเจือปนไปด้วยความกลัว เพราะอย่างไรเสียสภาพเหล่าผีตรงหน้าก็ไม่ค่อยอภิรมย์ หนึ่งก็เป็นผู้หญิงตาลึกโบ๋ปล่อยผมยาวสยาย อีกตนก็เป็นควายร่างยักษ์สลักลายพรางเลื่อมทั่วตัวซึ่งต่างจากสัตว์ปกติโดยสิ้นเชิงสินจนถึงตอนนี้ที่เขานั่งกอดศรีภรรยาอยู่ กุมภ์กลับยังไม่หายระแวง มองเหล่าภูตผีที่เขาเลี้ยงไว้ใช้งานบ้าง ไม่ก็หลบตามองไปทางอื่นราวกับไตร่ตรองอะไรบางอย่าง ระหว่างนั้นเองเจ้าพวกไม่รู้ประสาที่เห็นว่าเขาไม่ดุด่าอะไรจึงค่อย ๆ กระเถิบเข้ามาใกล้ร่างเล็กสะดุ้งขึ้นมา“พวกเอ็งถอยออกไป เห็นไหมเมียกูกลัวหมดแล้ว”“พี่...ฉันแค่ตกใจ อย่าไปดุเขา”“แต่เราไม่สบายใจไม่ใช่เหรอ?”กุมภ์ภรรยาส่ายหน้าปฏิเสธ พลางคลายมือทั้งสองที่กอดเข่าตัวเองลงอย่างช้า ๆ เป็นสัญญาณให้สามีพอเบาใจและปล่อยอ้อมแขนลงได้บ้าง“ป่านนี้ลูกดวงพี่น่าจะมารอแล้วไม่ใช่เหรอจ๊ะ อยู่แบบนี้ไปจะดีเหรอ”“แต่ว่ากุมภ์ยัง-
CW: มีการกล่าวถึง ความรุนแรง และ สิ่งเหนือธรรมชาติเป็นเรื่องเช่นเดียวกันบนเตียง ทว่าห้องนอนกลับไม่ได้อยู่ยังตำหนักพ่อครูหิรัญ หากแต่เป็นคฤหาสน์ของเศรษฐีท่านหนึ่งร่างผอมแห้งซีดเซียวต่อสู้ขัดขืนด้วยแรงทั้งหมดที่หลงเหลือจากการปรนนิบัติแม่สามี และคนที่อยู่เหนือร่างนั้นจะเป็นใครไปได้นอกจากลูกชายของหญิงผู้นั้น‘กุมภ์ พี่ไม่อยากทำแบบนี้ แต่เพราะเรา...’ เพราะเขาไม่ยอมหลับนอนเพื่อผลิตทายาท เพราะเขาไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งของมารดา เพราะเขาไม่รอบคอบจนเผลอทำแจกันราคาแพงแตก เพราะเขาไม่ดูแลตัวเองจึงไม่อาจเป็นที่พึงพอใจต่อสามี...ทุกอย่างเป็นเพราะเขามีตัวตนอยู่ ความรุนแรงจึงเป็นสิ่งอันเหมาะสมไม่เคยมีใครนึกถึงสิ่งที่เขาต้องเผชิญ ไม่เคยมีคนสังเกตว่าเขากินอาหารครบสามมื้อไม่ได้เพราะอะไร ไม่มีเวลามาประทินโฉมเพราะอะไร หรือไม่มีอารมณ์ร่วมเมื่อผลิตทายาทเพราะอะไรดังนั้นเมื่อถูกกระชากและทุ่มลงผืนเตียง นั่นจึงเป็นดั่งบ
CW: มีการกล่าวถึงเรื่องความตาย และเนื้อหาโจ่งแจ้งทางเพศ(Anal sex, Bare breaking, Blowjob, Cum drinking, Hand job, Rimming, Vanilla)เมื่อสินตัดสินใจได้แล้วว่าจะหาเวลาแก้ตัวกับสิ่งที่ผิดพลาดในคืนแรกของสองเรา ดังนั้นเมื่อตกเย็นมา พ่อครูเสือดาวหิมะจึงกะจังหวะเวลาน้องจระเข้น้อยกำลังนั่งสางผมเหม่อ ๆ อยู่หน้ากระจก เดินเข้าไปกกกอดจากทางด้านข้าง ทำเอากุมภ์ซึ่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยสะดุ้งเฮือกจนเกือบทำหวีไม้จันทน์ร่วงใบหูเปียกชุ่มคลอเคลียไปตามซอกคอขาวไม่ต่างจากหางขนลีบที่น้ำหยดมาเป็นทาง ภรรยาตัวเล็กจึงดึงผ้าขนหนูจากลำคอหนาขึ้นมาซับน้ำจากใบหูอย่างที่เคยทำมาตลอดหลังการแต่งงาน“ปกติพี่ปล่อยให้มันเปียกแบบนั้นอยู่ตลอดเลยเหรอจ๊ะ?”“เมื่อก่อนพี่จะเก็บหูหางตอนอาบจ้ะ”“แล้วทำไมตอนนี้ไม่ทำล่ะ”“ถ้าทำแล้วก็จะไม่มีใครมาเช็ดหูให้พี่แบบนี้สิ”แม้จะ
CW: มีการกล่าวถึงเรื่องเหนือธรรมชาติ, เลือด, ความรุนแรง, เนื้อหาล่อแหลมทางเพศ, ภาวะซึมเศร้า และการอัตวินิบากกรม**โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านเป็นอย่างสูง**เสียงนาฬิกาปลุกลอดเข้ามาในโสตประสาท ดึงให้สติที่ล่องลอยอยู่ในห้วงฝันค่อย ๆ คืนกลับมาอีกครั้ง ดวงตาเบิกกว้างไปรอบห้องด้วยความสงสัยที่มีอยู่เต็มเปี่ยม โต๊ะไม้ตัวเล็กที่มีร่องรอยขีดเขียนจากปากกาลูกลื่น ชั้นวางหนังสือเต็มไปด้วยตำราเรียนคุ้นตา ร่างกายรู้สึกแปลกประหลาดเหมือนถูกบีบให้เล็กลง แขนขาที่เคยยาวกลับดูสั้นทู่ เสื้อยืดตัวโคร่งที่สวมอยู่ให้สัมผัสคุ้นเคยอย่างประหลาด ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นปฏิทินบนผนัง หัวใจแทบหยุดเต้นเมื่อพบว่าตัวเลขที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือปี ๒๔๐๒ปีที่เขาอายุสิบห้าลมหายใจสะดุด สมองหมุนวนราวกับพายุโหมกระหน่ำ เสียงหัวใจเต้นดังระรัวในอก มือยกข
Comments