เมื่อสาวเวอร์จิ้นยุคปัจจุบันที่ไม่รู้จักแม้แต่การตกหลุมรักใครสักคน หรือความรักในรูปแบบของคนรัก กลับถูกส่งตัวเข้าไปในนิยายเพื่อสอนเรื่องรัก ๆ ให้กับพระเอก งานนี้จะรุ่งหรือร่วงก็คงต้องวัดกันเสียแล้ว
View More“มีเมียทั้งหมดสี่ร้อยยี่สิบเก้าคน!” ใบหม่อนหรือเมิ่งเจียวซินอุทานออกมาอย่างลืมตัว หลังจากที่เธอต้องเอาเวลาพักของตัวเองมาทนอ่านนิยายของผู้เป็นน้องชายเกือบสองวัน ซึ่งตอนนี้เธอก็ได้อ่านมาจนถึงบทสุดท้ายของเรื่องแล้ว
“ที่ไม่มีลูก ไม่ใช่เพราะฝีมือของตัวร้าย แต่เป็นเพราะพระเอกส่งคนไปผสมยาห้ามครรภ์ในอาหารและน้ำดื่มของสตรีทุกคนทันที หลังจากที่เจ้าตัวไปมีอะไรด้วยเนี่ยนะ เหอะ!” ยิ่งอ่าน เธอก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด แต่ใบหม่อนก็ยังคงพยายามฝืนล้มตัวลงไปนอนอ่านนิยายต่อ...จนมาถึงบรรทัดสุดท้าย
“พระเอกระเบิดตัวเองตาย อาหวงนิยายอะไรของแกเนี่ย!”
ใบหม่อนรีบยกมือขึ้นมาปิดปากของตัวเอง ก่อนจะพยายามสงบสติอารมณ์ หลังจากอ่านคำว่า ‘จบ’ ที่โชว์หลาอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ จากนั้นเธอจึงรีบลุกขึ้นมานั่ง แล้วไถหน้าจอลงไปไล่อ่านข้อความของนักอ่านคนอื่น ๆ
โดยทุกข้อความแสดงออกให้รู้ว่านักอ่านคนอื่น ๆ ก็รู้สึก และมีความคิดเห็นไม่ต่างไปจากเธอเลย ซึ่งบางคนก็ดูเหมือนว่าจะมีอาการหนักกว่าเธอด้วยซ้ำ เพราะอีกฝ่ายเสียเงินซื้อตอนติดเหรียญ เพื่อเข้าไปอ่านฉากเซอร์วิสระหว่างพระเอกกับเหล่าบรรดาเมีย ๆ ของเจ้าตัว
หลังจากที่ใบหม่อนนั่งไล่อ่านข้อความของนักอ่านคนอื่น ๆ ไปได้สักพัก หน้าจอโทรศัพท์มือถือก็ได้โชว์เบอร์นักเขียนเจ้าของนิยายเรื่องที่กำลังทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดอยู่ในขณะนี้ ใบหม่อนจึงรีบสูดลมหายใจเข้าออกแรง ๆ สามครั้ง ก่อนจะกดรับสายของน้องชาย
“ว่า...”
(พี่หม่อนอ่านนิยายของผมจบหรือยัง?)
“จบแล้ว เพิ่งอ่านจบเมื่อครู่เลย”
(แล้วเป็นอย่างไรบ้าง? ผมแต่งดีใช่ไหมล่ะ?)
ใบหม่อนพยายามข่มอารมณ์ของตัวเอง ก่อนจะตอบเมิ่งเจียวหวง แต่ก็...
“ดี...ดีก็บ้าแล้ว! แกจบแบบทิ้งข้อสงสัยเอาไว้มากขนาดนี้ได้อย่างไร? แต่เรื่องอื่นเอาไว้ก่อน พี่ขอถาม...ทำไมชายาคนที่แปดของพระเอกถึงชื่อเหมือนกับพี่เลย?”
(ก็ผมใช้พี่เป็นต้นแบบของตัวละครตัวนี้ พี่เห็นไหมล่ะ? ตอนจบนางก็ตายไปทั้ง ๆ ที่ยังไม่เสียความบริสุทธิ์ให้กับพระเอก)
“พี่ควรต้องขอบคุณแกใช่ไหม?”
(โธ่...พี่หม่อน ว่าแต่...ตกลงนิยายของผมในความคิดของพี่เป็นอย่างไร? สนุกไหม? เนื้อเรื่องพอใช้ได้หรือเปล่า? พี่ช่วยวิจารณ์ให้ผมฟังหน่อยสิ)
“พี่ว่า...ข้อความของนักอ่านในบทสุดท้าย ก็น่าจะตอบคำถามของแกได้เป็นอย่างดีแล้วนะ”
(พี่ก็คิดแบบข้อความพวกนั้นหรือ?)
ใบหม่อนคิดก่อนจะตอบคำถามของน้องชาย โดยเธอเลือกที่จะบอกกับอีกฝ่ายตามตรง
“ใช่ แล้วพี่ก็มีคำถามที่อยากจะถามแกด้วย เรื่องแรก...ตกลงพระเอกเป็นคนฆ่าพ่อของตัวเองจริงหรือเปล่า?”
(เรื่องนี้...เอาจริง ๆ นะพี่หม่อน ตอนแต่งผมก็ยังลังเล แต่ก็ด้วยเพราะชื่อเรื่องที่ผมตั้งเอาไว้ว่า ‘ราชันเหนือราชาปีศาจ’ อย่างไรราชาปีศาจคนเก่าก็ต้องตาย เพื่อที่พระเอกจะได้ขึ้นเป็นราชาคนต่อไป สุดท้ายผมก็เลยตัดสินใจทิ้งปมเรื่องนี้ไว้เป็นปริศนา แล้วปล่อยให้คนอ่านไปคิดต่อกันเอาเอง แต่ถ้าหาก...)
“ถ้าหาก?”
(ถ้าหากสัง...ช่างเถอะ! แล้วพี่หม่อนคิดว่าพระเอกเป็นคนฆ่าพ่อของตัวเองจริงหรือเปล่าล่ะ?)
ใบหม่อนถึงกับพูดอะไรต่อไม่ออก...ไม่ได้คำตอบไม่พอ ตอนนี้เธอยังมาโดนนักเขียนถามกลับอีกเสียอย่างนั้น เธอจึงได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างแรงหนึ่งครั้ง ก่อนจะถามสิ่งที่สงสัยต่อ
“เรื่องนั้นช่างมันก่อน พี่ขอถาม...ประโยคที่พระเอกพูดตอนเข้าไปช่วยประคองร่างชายาคนที่แปด ก่อนที่นางจะสิ้นใจว่า ‘เพียงสตรีนางเดียวข้าก็ยังปกป้องเอาไว้ไม่ได้เลยหรือนี่!’ สิ่งที่แกต้องการจะสื่อก็คือ พระเอกรู้จักกับชายาคนที่แปดมาก่อน พี่เข้าใจแบบนี้ถูกไหม?”
(ประโยคนั้นผมตั้งใจจะเขียนให้พระเอกพูดทิ้งท้ายเอาไว้เท่ห์ ๆ ก็เท่านั้นเอง ไม่มีอะไร แล้วผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะสื่อถึงอะไรเลยด้วย)
“ไม่มีอะไร และไม่ได้ตั้งใจจะสื่อถึงอะไรเลยด้วย! แต่ทำไมหลังจากนั้นพระเอกถึงต้องส่งคนไปไล่ฆ่า พวกที่ส่งนักฆ่ามาด้วยล่ะ? แล้วในคืนนั้นพระเอกก็ยังไม่ยอมกลับไปเข้าร่วมพิธีอาบแสงจันทร์กับชายาคนที่เจ็ดจนธาตุไฟเข้าแทรกอีก หากไม่มีอะไรจริง ๆ ทำไมพระเอกต้องทำถึงขนาดนั้นด้วย! กับชายาหรือสตรีคนอื่น ๆ ที่เออ...ผ่านการเข้าหอกันมาแล้ว เท่าที่พี่อ่าน...ก็ไม่มีบทไหนที่แสดงให้เห็นว่า พระเอกจะกลับไปให้ความสนใจใครเลยด้วยซ้ำ”
(ก็พระเอกโมโหที่พวกนั้นส่งคนมาฆ่าชายาของตนเอง ทั้ง ๆ ที่เจ้าตัวยังไม่ทันจะได้เข้า...)
“พี่พอจะเข้าใจแล้ว!” ใบหม่อนเอ่ยขัดขึ้นทันที เพราะยิ่งได้ฟังคำตอบจากนักเขียน เธอก็ยิ่งรู้สึกหัวร้อน คำถามที่คิดไว้เอาว่าจะถามต่อ ก็ดูเหมือนว่าหากเธอปล่อยให้มันเป็นปริศนาต่อไป ตัวเธอเองก็น่าจะรู้สึกดีกว่าการได้รู้ความจริงจากปากของนักเขียน!
“ข้าจะไป...” หลี่อวิ้นกุยชะงัก หากเป็นเมื่อก่อน...เขาคงเลือกที่จะไปชำระแค้นด้วยมือของตัวเองเป็นแน่! แต่เพราะสำหรับเขาในตอนนี้เมิ่งเจียวซินสำคัญที่สุด แล้วยิ่งในยามนี้ที่อีกฝ่าย... หลี่อวิ้นกุยถอนหายใจออกมา จากนั้นก็กล่าวว่า “ยามนี้เจ้าสารเลวหลี่อวิ้นหยางถูกจับขังอยู่ที่คุกใต้ดินในค่ายทหารส่วนกลาง หลังจากพูดคุยกันเสร็จ ข้าจะให้จิ่นตั้งพาหมอในค่ายกับสุนัขหิวโซหนึ่งตัวเข้าไปสอบปากคำมัน ไม่ว่า...เจ้าสารเลวนั่นจะยอมเปิดปากคายข้อมูลอะไรออกมาหรือไม่ หากเวลาล่วงเลยไปหนึ่งเค่อ ข้าก็ให้จิ่นตั้งทำลายแกนพลัง ตัดเครื่องเพศของมันออกมา แล้วหั่นให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ก่อนจะโยนไปให้สุนัขกินต่อหน้า จากนั้นข้าก็จะให้จิ่นตั้งสอบปากคำมันต่อ แล้วก็เช่นเดิมไม่ว่าเจ้าสารเลวนั่นจะยอมเปิดปากพูดอะไรหรือไม่ ในทุก ๆ หนึ่งเค่อหลังจากนั้น ข้าจะให้จิ่นตั้งหักแขน หักขาของมันไปทีละข้าง
โจวหลิวอิงปรับลมหายใจ พยายามรวมรวมสติ จากนั้นก็หันไปกล่าวกับบุรุษที่นั่งฝั่งตรงข้ามว่า “องค์ชายสามเพคะ ตอนที่ยาพิษราคะโลกีย์ออกฤทธิ์ ร่างกายของผู้ที่ถูกวางยาจะถูกบีบคั้นไปทั่วทั้งร่าง เพื่อให้เสพสังวาส และมันจะทวีความรุนแรงขึ้นเป็นเท่าตัวในทุก ๆ ครึ่งชั่วยาม แม้ยามนี้ยาพิษราคะโลกีย์จะถูกขับออกมาจนหมดแล้ว แต่ร่างกายที่ถูกบีบคั้นอย่างหนักเป็นเวลานาน แล้วไหนจะความเจ็บปวด และบาดแผลที่ได้รับจากการเสพ... ผลกระทบ...มันจึงเป็นอย่างที่พระองค์เห็นเมื่อครู่ เรื่องสตรีสามรายที่ปลิดชีพตัวเอง เพราะทนความเจ็บปวดจากผลกระทบของยาพิษราคะโลกีย์ไม่ไหว มันเกิดขึ้นก่อนที่หม่อมฉันจะได้รู้จักกับเจียวซิน เนื่องจากยาแก้ปวดไม่ว่า...จะในฝั่งของพวกเผ่ามารและพวกปีศาจ หรือในฝั่งของพวกมนุษย์ต่างก็มีฤทธิ์อ่อนเกินไป จึงช่วยระงับความเจ็บปวดของพวกนางไม่ไหว
หลี่อวิ้นกุยค่อย ๆ ดึงมือของตัวเองกลับมา เขาอยากเป็นคนแบกรับความเจ็บปวดแทนสตรีตรงหน้า แต่ก็รู้ว่า มันเป็นไปไม่ได้ ยามนี้เขาคง...จริงด้วย! “ฝูกงกง กลับมาหรือยัง?” หลี่อวิ้นกุยหันไปตะโกนถามองครักษ์ที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูห้องพัก เพียงเอ่ยถึง ขันทีผู้เป็นเจ้าของนามก็เดินเข้ามาในห้อง พร้อมกับตะกร้าที่เต็มไปด้วยห่อยา “กระหม่อมกลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ฝูกงกงเมื่อเห็นว่า นอกจากผู้เป็นนายทั้งสอง ในห้องพักยังมีราชาปีศาจกับโจวหลิวอิง เขาจึงเตรียมจะหันไปทำความเคารพ แต่พอเห็นสัญญาณมือจากราชาปีศาจ และเห็นสถานการณ์ภายในห้อง “กระหม่อมได้ยาตามใบสั่งมาครบทุกตัว เช่นนั้นกระหม่อมขอตัวออกไปต้มยาพ่ะย่ะค่ะ” “รีบ...” หลี่อวิ้นกุยที่กำลังจะเอ่ยปากอนุญาต แต่ทว่าหางตาเหลือบเห็นโจวหลิวอิงใช้ปลายนิ้วกดเข้าไปที่ท้ายท
หลี่อวิ้นกุยลุกขึ้นคำนับผู้เป็นบิดา แล้วพอเห็นสตรีที่เดินเข้ามาพร้อมกับอีกฝ่าย ความรู้สึกผิดที่ไม่อาจดูแลปกป้องเมิ่งเจียวซินเอาไว้ได้ มันทำให้เขาไม่กล้ามองไปทางโจวหลิวอิงมากนัก แล้วในขณะนั้นบุรุษตรงหน้าก็ถามย้ำขึ้นมาอีกครั้ง “ว่ามาสิเจ้าสาม สำหรับเจ้ารองควรได้รับบทลงโทษอย่างไร?” หลี่อวิ้นกุยเงยหน้าขึ้นสบตากับผู้เป็นบิดา จากนั้นก็กล่าวอย่างไม่เกรงกลัวว่า “เสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ คราก่อนพระองค์ขอเก็บเจ้าสารเลวนั่นเอาไว้ถ่วงอำนาจก่อน ลูกก็ยินยอมให้ตามที่ต้องการ ซึ่งในครานั้นลูกได้ฝากจิ่นโซวไปบอกกับพระองค์แล้วว่า...หากเจ้าสารเลวนั่นกล้าเอื้อมมือมาแตะแม้แต่ปลายเส้นผมของคุณหนูเมิ่ง ลูกจะส่งคนไปสังหารมันทิ้งทันที แล้วในยามนี้หากลูก...” หลี่อวิ้นกุยกัดฟัน พยายามกด
ขณะที่หลี่อวิ้นกุยค่อย ๆ ซับน้ำออก...ร่างกายของเมิ่งเจียวซินก็เริ่มกลับมาร้อนผ่าวอีกครั้ง เขาก้มมองดวงหน้าของอีกฝ่ายอย่างเป็นกังวล จากนั้นก็หันไปมองที่ประตูห้องพัก เนื่องจากก่อนที่หลี่อวิ้นกุยจะพาเมิ่งเจียวซินไปอาบน้ำ เขาได้สั่งให้ฝูกงกงรีบไปเชิญท่านหมอซางกับหมอสตรีในวังหลังมาที่ตำหนัก ในระหว่างที่หลี่อวิ้นกุยกำลังใช้ผ้าสะอาดซับเลือดที่ไหลซึมออกจากบาดแผลบริเวณต้นแขน เสียงขออนุญาตเข้าห้องพักทำให้เขาหยุดชะงัก จากนั้นหลี่อวิ้นกุยก็รีบจัดเสื้อคลุมของเมิ่งเจียวซินให้เข้าที่ ก่อนจะเอ่ยปากอนุญาตให้ฝูกงกงกับผู้ที่ยืนอยู่หน้าห้องพักเข้ามา... เมื่อได้รับอนุญาต ฝูกงกงก็เดินนำท่านหมอซางกับหมอสตรีนางหนึ่งเข้ามา หลี่อวิ้นกุยจึงรีบย้ายตัวเองลงไปยืนบริเวณปลายเตียง แล้วในขณะที่หมอสตรีตรวจดูอาการของเมิ่งเจียวซิน หลี่อวิ้นกุยก็คอยเฝ้ามองอยู่ไม่ห่าง โดยมีท่านหมอซางนั่งฟังคำบอกเล่าอาการ ลักษณะของบาดแผลอย
หลี่อวิ้นกุยวางเมิ่งเจียวซินลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง ยามนี้สตรีในอ้อมแขนสวมใส่เพียงชุดคลุมตัวนอกเท่านั้น เขาหันไปไล่เหล่าขันทีที่เข้ามาช่วยเปลี่ยนชุดเครื่องนอน และทำความสะอาดห้องพักออกไป จากนั้นหลี่อวิ้นกุยก็ค่อย ๆ เปิดชายชุดคลุมออก แล้วลงมือซับน้ำบนร่างกายของเมิ่งเจียวซินที่ยังคงไร้ซึ่งสติอย่างเบามือ ขณะเดียวกันนั้นเขาก็นึกย้อนไปถึงช่วงสายของเมื่อวาน... หลี่อวิ้นกุยหลังจากได้รับรายงานด่วนจากค่ายทหารว่า เมื่อคืนมีคนบุกเข้าไปเผาสถานที่เก็บเสบียงในค่าย เขาจึงตัดสินใจเดินทางไปตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ในระหว่างที่หลี่อวิ้นกุยนั่งมองเหล่าองครักษ์หักแขนหักขากลุ่มคนที่ลงมือเผาเสบียง เพื่อง้างเอารายนามผู้ที่อยู่เบื้องหลังอยู่นั้น เขาก็เห็นจิ่นตั้งพาปิงหลงเดินลงมายังคุกใต้ดิน... &nb
Comments