LOGINลลิตราถูกตั้งแง่รังเกียจแค่เพราะแม่ของเธอแต่งงานใหม่กับมหาเศรษฐี -- เธอถูกลูกชายพ่อเลี้ยงที่ชื่อว่า "อธิป" เหยียดหยามต่างๆ นานา แต่กลับเป็นตัวเขาเองนั่นแหละที่หาเรื่องเข้าใกล้เธออยู่เรื่อย นิสัยไม่ดีแถมยังปากกับใจไม่ตรงกัน เกลียดแบบใดถึงได้เอะอะกอดเอะอะจูบ จนเธอตัวช้ำไปหมดแล้ว **พระเอกเหมือนจะธงแดงแต่จริงๆ เขียวคลั่งรัก** **นอกจากความรักพระนาง ก็ยังมีดราม่าครอบครัวเล็กๆ น้อยๆ สำหรับคนที่ชอบนิยายโรมานซ์ดราม่านะคะ
View Moreคืนนั้นพายุฝนโหมกระหน่ำ
แม้แต่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่มั่นคงและแข็งแรง เสียงฝนฟ้าก็ยังคำรามลอดเข้ามาไม่ขาดสาย ลลิตรา...นอนตัวเย็นเฉียบอยู่บนเตียงกว้าง น้ำตาไหลเปียกหมอน ผ้าปูเตียงสีขาวปรากฏร่องรอยสีเข้ม... เมื่อสติกลับมา เธอก็รู้สึกอดสูจนไม่กล้าแม้แต่จะสะอื้น กระทั่งมือร้อนผ่าวของใครคนหนึ่งแตะตัวเธออีกครั้ง ลลิตราหรือลูกอมก็สะดุ้งเบา ๆ "ไปตายซะ" เสียงแหบเครือแข็งกร้าว แต่เจ้าของร่างสูงใหญ่ที่แน่นตึงไปด้วยมัดกล้ามก็ไม่สะทกสะท้าน เขายังคงดึงร่างบางไปกอดแนบตัว เธอพยายามออกจากวงแขนแข็งแรงแต่ไร้ผล หนำซ้ำยิ่งดิ้นรนยิ่งเสียดสี ก็ยิ่งกระตุ้นให้อะไร ๆ ที่เพิ่งสลดกลับลุกโลดขึ้นมาอีก “ครั้งแรกอาจเป็นเพราะฉัน แต่ครั้งที่สองนี่เธอหาเรื่องเองนะ” อธิปกระซิบเสียงแตกพร่า แค่คิดถึงสัมผัสรัดรึงที่แสนอ่อนนุ่มเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาก็ทำให้เขาร้อนวูบขึ้นมาอีกครั้ง “ไม่นะ หยุดเถอะ พอได้แล้ว” “จะพออะไร ฉันยังเหลือแรงสะสางกับเธออีกทั้งคืนนั่นแหละ” “ไม่นะ ฉันไม่...” หญิงสาวขอร้องเสียงสั่น ส่ายหน้าไปมา น้ำตาและเรือนผมสีน้ำตาลเข้มกระจายแผ่บนหมอน พยายามทุบถองจิกตีเพื่อไม่ให้ผู้ชายสารเลวคนนี้ทำอะไรได้ตามอำเภอใจอีก แต่อธิปไม่คิดจะหยุดยั้งแม้แต่น้อย ทั้งชีวิตนี้ไม่เคยมีอะไรที่เขาอยากได้แล้วไม่ได้... และอย่างที่เขาเพิ่งประกาศกร้าวกับเธอไป... เขายังเหลือเรี่ยวแรงและเวลาที่จะ 'สะสาง' กับเธออีกทั้งคืน ห้าเดือนก่อนหน้า "อรรถ รชต" ประธานบริหารและเจ้าของสายการบินระดับลักซูรี่ 'ไซแอมเจ็ต(สยามเจ็ต)' ในวัยห้าสิบปลาย ๆ ยังคงหล่อเหลา แข็งแรง และดูหนุ่มกว่าวัย ใบหน้าคมเข้มเหมือนมีสายเลือดแขกเปอร์เซียผสมเชื้อสายตะวันตก และตอนนี้ใบหน้านั้นก็กำลังยิ้มกว้างด้วยความสุขที่ฉายชัดจนคนรอบข้างสัมผัสได้ "ยินดีต้อนรับสู่บ้านรชตนะลินดา หนูลูกอมด้วย... จากนี้ที่นี่คือบ้านของหนูกับแม่แล้วนะ" อรรถหันไปเอ่ยกับหญิงสาวต่างวัยสองคนที่เดินตามเข้ามา คนหนึ่งอายุใกล้เคียงกับเขาคือห้าสิบกว่า ๆ ส่วนอีกคนนั้นอายุประมาณยี่สิบต้น ๆ หญิงทั้งคู่มีดวงตาหวานซึ้งสีน้ำตาลเข้ม สีเดียวกับเรือนผมหยักศก และจมูกโด่งปลายโค้งมนนิด ๆ อย่างเป็นธรรมชาติ มองดูปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นแม่ลูกกัน "บ้านของคุณค่ะอรรถ ฉันกับลูกแค่มาอาศัยอยู่" ลินดาเอ่ยเบา ๆ อย่างเกรงใจ แต่อรรถส่ายหน้า "เราจดทะเบียนกันแล้ว ถึงคุณจะไม่ยอมให้ผมจัดงานเลี้ยง แต่เราก็เป็นสามีภรรยากันแล้วอย่างถูกต้อง..." อรรถบอกก่อนจะยืดตัวขึ้นแล้วหันไปประกาศกับเหล่าแม่บ้าน คนสวน คนขับรถ คนงานทุกคนที่ทำงานที่บ้านหลังนั้น "อย่างที่ฉันเคยบอกไปแล้วว่าคุณลินดาจะมาเป็นคุณผู้หญิงของบ้านนี้ และนี่คือคุณหนูลูกอม ลูกสาวของคุณลินดา เธอก็จะเป็นลูกสาวของฉันอีกคนเหมือนกัน... ฝากดูแลลูกกับเมียของฉันด้วยนะ" "ค่ะ/ครับ" มีเสียงตอบรับงึมงำจากเหล่าลูกจ้าง บางสายตาแสดงความสนอกสนใจ บางสายตาก็ก้มหรือแกล้งมองไปทางอื่น แต่ก็มีคนที่ค่อนข้างสูงวัยสองสามคนที่มองมาอย่างตื่นเต้น ลลิตรารู้ว่าพวกเขาไม่ได้สนใจเธอ เป็นมารดาของเธอต่างหากที่พวกเขาจดจำได้... ใครก็ตามที่ตอนนี้อายุสี่สิบห้าสิบขึ้นไปล้วนจดจำ "ลินดา เมธานันท์" ได้ทั้งนั้น แม่ของลลิตราเคยเป็นทั้งรองนางสาวไทย เป็นอดีตนางเอกภาพยนตร์ที่ได้ฉายไปทั่วทั้งเอเชีย ครั้งหนึ่งแม่ของเธอเคยมีชื่อเสียงโด่งดังถึงเพียงนั้นนั่นแหละ "ป้าอ้อม จัดห้องใหม่ให้คุณหนูแล้วใช่ไหม" 'คุณหนู' ที่ว่า อรรถหมายถึงลูกเลี้ยงของเขา แม่บ้านที่ท่าทางแข็งขันที่สุดคนหนึ่งพยักหน้าแล้วรีบเอ่ยอย่างเอาอกเอาใจ "เรียบร้อยแล้วค่ะ ป้าให้เด็กทำความสะอาด เปลี่ยนเครื่องนอนใหม่หมด ตอนนี้ห้องหอมฟุ้ง รับรองว่าคุณหนูจะต้องชอบแน่ ๆ ค่ะ" "ขอบคุณนะคะ" ลลิตรารีบเอ่ยกับป้าอ้อม ท่าทางยังไม่คุ้นชินกับการเป็น 'นาย' อรรถกำลังจะบอกให้แม่บ้านพาเด็กสาวขึ้นไปชมห้องใหม่ ก็มีเสียงรถเร่งเครื่องดังทะยานมาจอดหน้ามุกประตู รถสปอร์ตสีเหลืองสดที่คนขับจงใจเร่งเครื่องให้ดังราวกับอยู่ในสนามแข่ง ลลิตราดวงตาเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ ไม่คิดว่าจะบังเอิญอะไรขนาดนี้ เธอปราดไปยืนข้างลินดา จับมือคนเป็นแม่ไว้ด้วยท่าทีปกป้องตามสัญชาตญาณ ลินดาเงยหน้ามองลูกสาวที่สูงกว่าตัวเองอย่างแปลกใจ "มีอะไรหรือลูก" "รถคันนี้ไงคะที่เฉี่ยวหนูเมื่อสองสามวันก่อน แล้วก็แค่เปิดกระจกรถโยนเงินมาให้" ลลิตรากัดฟันกระซิบเพราะไม่อยากให้อรรถได้ยิน เธอไม่อยากให้พ่อเลี้ยงมีเรื่องไม่สบายใจตั้งแต่วันแรกที่เธอกับแม่เข้าบ้าน ลินดาสีหน้าไม่แน่ใจ "มันจะใช่หรือลูก" "รถแบบนี้ ในกรุงเทพฯ คงมีไม่กี่คันหรอกค่ะ และถ้าคนขับคือหมอนั่น มันก็คงจะใช่" หญิงสาวเอ่ย ดวงตาเปล่งประกายเอาเรื่อง แผลถลอกปอกเปิกตามเนื้อตัวยังปรากฎชัดหลายแผล รวมถึงที่บนใบหน้าสวย ๆ ของเธอด้วย "ถ้าใช่ แม่ขอนะลูกอม" ลินดารีบกระซิบตอบ เห็นชัดว่ากลัวลูกสาวจะเอาเรื่องใครก็ตามที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถคันนั้น คนเป็นลูกเม้มปากกัดกรามแน่นยอมพยักหน้าแกน ๆ อรรถกำลังรอคอยเจ้าของรถคันนั้นอยู่เช่นกัน เขาจึงไม่ทันได้สังเกตอากัปกิริยาของสองแม่ลูก สีหน้าของอรรถดีใจ แม้จะแอบหวั่นใจอยู่บ้างนิด ๆ ใครบางคนดับเครื่องยนต์แล้วก้าวลงจากรถ ก่อนพาร่างสูงเกือบร้อยเก้าสิบเซ็นติเมตรก้าวยาว ๆ เข้ามาสมทบกับทุกคนที่ยืนอยู่ ใบหน้าขาว ๆ มีแว่นกันแดดสีดำอำพรางไว้ และเมื่อเขาถอดแว่นออกลลิตราก็จดจำได้ทันที 'นี่คุณ ลงจากรถมาเลยนะ ในซอยแคบแค่นี้ขับรถทุเรศ ๆ แบบนี้ได้ยังไง' ลลิตราที่เนื้อตัวเปรอะเลอะไปด้วยน้ำโคลนกำลังโต้เถียงกับคนบนรถสปอร์ตหรู กระจกฝั่งข้างคนขับลดลงเพียงเล็กน้อย แต่ก็มากพอให้เธอเห็นว่าคนขับเป็นผู้ชายและคนนั่งข้างเป็นผู้หญิงสาวสวยเสียด้วย 'ลงมาคุยกันเดี๋ยวนี้เลย เรียกประกันของคุณมา แล้วพาพี่เขาไปโรงพยาบาล' 'ไม่เป็นไรพี่ ผมไม่เป็นอะไร' วินมอเตอร์ไซค์ที่ยังเป็นวัยรุ่นรีบบอก ท่าทางเหมือนเกรงใจรถหรูคันนี้อยู่มาก คงกลัวว่าจะโดนคนรวย ๆ เรียกค่าสีรถสินะ ลลิตราเข้าใจอย่างนั้น และทั้งที่ตัวเองก็เจ็บมีแผลเลือดออก แต่เธอยังหันไปแหวใส่คนบนรถ 'ลงมาสิ ฉันบอกให้ลงมาตกลงกัน' 'อาร์ต เอาไงดี เรียกตำรวจเลยมั้ย' สาวสวยที่นั่งข้างคนขับสีหน้ายุ่งยากรำคาญใจ แต่ชายหนุ่มที่นั่งหลังพวงมาลัยกลับสีหน้าเย็นชาเรียบเฉย ก้มหยิบอะไรบางอย่างก่อนจะชะโงกตัวข้ามสาวสวย แล้วโปรยบางอย่างลงมา ลลิตรากำลังงุนงงตอนที่รถหรูสีเหลืองสดคันนั้นแล่นจากไป ทิ้งไว้เพียงธนบัตรสีเทาหลายสิบใบที่ลอยเกลื่อนอยู่บนแอ่งน้ำขัง หญิงสาวกำลังนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปส่งขนมให้ลูกค้าตอนที่รถหรูคันนั้นขับเบียดมาอย่างเร็วและแรงจนน้ำที่เอ่อขังหลังฝนตกสาดกระเซ็นใส่มอเตอร์ไซค์ รถเล็กเสียหลักล้มไถล เธอกับวินมอเตอร์ไซค์กลิ้งไปหลายตลบ กล่องขนมไทยที่เธอนั่งทำหลังขดหลังแข็งมาทั้งคืนเละเทะทั้งหมด แต่คนบนรถนั่นไม่มีแม้แต่คำว่าขอโทษ... ลลิตราจ้องหน้าเขาเขม็ง เธอพอจะรู้แล้วว่าเขาเป็นใคร เพราะพ่อเลี้ยงของเธอเคยบอกไว้ว่าท่านมีลูกชายสองคน "กลับมาพอดีเลยนะ สวัสดีคุณน้าลินดาสิ นี่น้าลินดาเขาจะมาอยู่กับเราตั้งแต่วันนี้ไป และนี่น้องลูกอม ลูกสาวของน้าลินดา เขาอายุน้อยกว่าอาร์ตสักสามสี่ปีนี่แหละ..." อรรถแนะนำสมาชิกใหม่ก่อน และหันมาบอกลินดากับลูกสาวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ "คุณลิน...หนูลูกอม... นี่ลูกชายคนโตของลุงเอง ชื่ออาร์ต หนูเรียกพี่เขาว่าพี่อาร์ตได้เลยนะ" "ผมไม่มีน้องสาว""พี่ต้น!""ลูกอมจริง ๆ ด้วย! ไม่อยากจะเชื่อเลย"ตระการยิ้มกว้าง ดวงตาสีดำส่องประกายสดใสอย่างคนที่ดีใจและคาดไม่ถึง ลลิตราจำเขาได้แทบจะทันทีเพราะแม้ผู้ชายที่เธอเห็นตรงหน้าตอนนี้จะไม่ใช่เด็กหนุ่มรูปร่างผอมสูงใส่แว่นเหมือนอย่างแต่ก่อน แต่แววตาและรอยยิ้มแบบนี้ก็มีแค่ตระการคนเดียว"โอ้โห กี่ปีแล้วนี่ที่ไม่ได้เจอกัน พี่แทบจะจำลูกอมไม่ได้เลย""ก็ตั้งแต่พี่ต้นจบม.หกไงคะ แล้วก็ไม่เคยได้เจอกันอีกเลย"ลลิตราตอบยิ้ม ๆ ตระการคือรุ่นพี่สมัยเรียนมัธยมฯ เคยติวหนังสือให้เธอและกลุ่มเพื่อนจนกระทั่งเขาเรียนจบออกไป"ลูกอมมาเที่ยวเหรอ แล้วตอนนี้ทำอะไรอยู่ที่ไหน""มาเที่ยวค่ะ กับอุ๋มไง พี่ต้นจำอุ๋มได้ไหม อมาวสี..."ดวงตาของตระการกว้างขึ้นอีกรอบ พยักหน้าหงึก ๆ ดูเหมือนความทรงจำของชายหนุ่มเมื่อครั้งยังเป็นนักเรียนขาสั้น ยังแจ่มชัดดีทุกรายละเอียด จำได้กระทั่งชื่อเล่นและความแก่นแก้วของแต่ละคนที่เป็นไปตามวัย"แต่อุ๋มของีบก่อนเพราะเพิ่งมาถึงเมื่อเที่ยงนี้เองค่ะ นี่ลูกอมโชคดีจังเลยที่ลงมาเดินเล่น ไม่งั้นคงไม่ได้เจอพี่ต้น พี่ต้นก็มาเที่ยวหรือเปล่าคะ แล้วจะกลับวันไหน พักที่นี่ใช่ไหม...""ก็ไม่เชิงหรอกครับ บ้านพี่ห่าง
แม้อาหารมื้อนั้นจะผ่านไปด้วยดีตามประสาคนที่ไม่ได้เจอกันมายี่สิบกว่าปี แต่อธิปกลับรู้สึกหงุดหงิดอย่างอธิบายไม่ถูก อรรถก็คงไม่ต่างกัน สองพ่อลูกกลับมาบ้านแล้วก็แยกกันเข้าห้องส่วนตัวโดยไม่คุยอะไรกันอีกเลยเกี่ยวกับผู้หญิงที่เกี่ยวพันกับคนทั้งคู่คนนั้นแต่อธิปอยากลงไปเจอลลิตรา เขาส่งข้อความไปหาเธอว่าขอลงไปหาเธอได้ไหม เจอกันที่สนามหญ้าก็ได้ถ้าเธอไม่สะดวกให้เขาเข้าไปหาในบ้าน- ฉันไม่ได้อยู่บ้าน ออกมาอยู่บ้านเพื่อน -หญิงสาวพิมพ์ตอบกลับมาอธิปห้ามใจตัวเองไม่ไหว ต้องพิมพ์บอกไปว่า- คิดถึง -- ไปบอกคู่หมั้นนายเถอะ -เธอพิมพ์ตอบมารวดเร็วเช่นกันเพราะไม่ได้เห็นหน้า ไม่ได้ยินเสียง จึงไม่รู้ว่าเธอประชด หรือจริงจัง อธิปกดโทรหาเธอแทนที่จะส่งเป็นข้อความกลับไป"โทรมาทำไม ฉันไม่สะดวกคุยนะ"หญิงสาวกดรับสายทันทีและเปิดฉากพูดก่อนโดยไม่รอให้เขาทัก"ก็อยากได้ยินเสียงไง""อย่าพูดแบบนี้กับฉันอีก ฉันขอร้อง มันไม่เหมาะสม""ระหว่างฉันกับเธอยังมีอะไรไม่เหมาะสมอีกหรือ"เขาตั้งใจจะยั่วหยอกเธอเล่น ๆ แต่ลลิตราตอบกลับมาน้ำเสียงกรุ่นโกรธ"พอทีเถอะคุณอธิป ฉันไม่อยากอยู่แบบนี้อีกแล้ว""แบบไหน""ก็แบบที่..."เขาได้ยินเสียงห
"แต่ผมขอร้องว่าอย่าเพิ่งบอกใครเลยนะ ลูกอมก็ยังไม่ยอมรับผมเต็มที่เพราะผมยังมีพันธะอยู่ พ่อผมกับแม่ของเขาก็ยังไม่รู้ ไม่มีใครรู้""โชก็ไม่รู้ แต่โชก็เดาได้ แล้วคิดหรือคะว่าคนอื่นๆ ที่อยู่บ้านเดียวกับคุณอาร์ตคุณลูกอม จะดูไม่ออก โดยเฉพาะคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อน"อธิปนิ่งคิดตาม โชติรสพูดมีเหตุผล การที่พ่อไม่พูดไม่ได้แปลว่าท่านดูไม่ออกว่าลูกชายอย่างเขามีความรู้สึกอย่างไรให้หญิงสาวที่เป็นลูกเลี้ยงอยู่ใต้ชายคาบ้านท่านอธิปนึกเป็นห่วงลลิตราขึ้นมาทันที คนเป็นพ่อจะมองหรือตัดสินเขาอย่างไรก็ได้ แต่เขาไม่อยากให้อรรถมองลลิตราไม่ดีแม้สักนิดเดียว"ผมควรจะต้องสารภาพกับพ่อ ดีกว่าให้ท่านสงสัยแล้วมาถามเอง"เขาเอ่ยออกมา เหมือนยืนยันกับตัวเองมากกว่าจะขอความเห็นจากโชติรสและเพราะมัวแต่อยู่ในความคิดตัวเอง อธิปจึงไม่ทันได้สังเกตแววตาเป็นกังวลของหญิงสาวตรงหน้าโชติรสไม่ได้เกลียดชังอะไรลลิตราเป็นการส่วนตัว แต่ตอนนี้หากมีอะไรจะมาสั่นคลอนความมั่นคงของครอบครัว...ต่อให้เป็นแค่ผู้หญิงในเงามืดของอธิป โชติรสก็จะถือว่านั่นคือศัตรูที่เธอควรเฝ้าจับตามอง* * * * *ร้านอาหารที่เลขาฯ ของอรรถจองไว้ในค่ำนี้ มันหรูหราเสียจนอธิปแน่
"แม่? แม่ผมน่ะหรือ" อธิปถามย้ำ ตอนที่อรรถโทรหาลูกชายด้วยตัวเองเพื่อบอกว่าอาหารมื้อค่ำวันนี้มีใครอยากกินข้าวด้วย"อืม ก็แม่ลูกนั่นแหละ พ่อก็ตกใจนิดหน่อย ไม่ได้ติดต่อแม่เขามานานมากแล้ว...""ผมก็เหมือนกัน"อธิปตอบกลับไป ความรู้สึกเขาเหมือนมีคนรู้จักสักคนของบิดาแวะเวียนมาทักทาย ไม่ได้มีความหมายอะไรมากไปกว่านั้นแม่ผู้ให้กำเนิดของอธิปหย่ากับอรรถ แล้วก็กลับไปใช้ชีวิตที่ฝรั่งเศส นานๆ ทีจะมีคนรู้จักของอรรถที่ส่งข่าวมาเป็นระยะแค่พอให้รู้ว่าอีกฝ่ายยังสุขกายสบายใจดี...ยังมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่งบนโลกใบนี้คนที่เลี้ยงดูอธิปมามีเพียงจีรานุชกับแม่บ้านแม่นมของเขาเท่านั้น สำหรับชายหนุ่ม ออเดรย์ก็คือคนแปลกหน้าโดยแท้และเขาก็ไม่ได้ลำบากใจอะไรกับการต้องไปกินอาหารค่ำกับ 'คนแปลกหน้า' ที่เป็นแขกของพ่อเขาคุยโทรศัพท์เสร็จพอดีตอนที่โชติรสเดินกลับมาจากล้างมือ เขาพาเธอมากินอาหารไทยสไตล์ฟิวชั่นในคอมมิวนิตี้มอลล์แห่งหนึ่ง ดูเหมือนอาหารอร่อยๆ จะทำให้หญิงสาวอารมณ์ดีขึ้น"ทีนี้จะบอกผมได้หรือยังว่าเมื่อกี้ที่ลานจอดรถ มันคืออะไร"เขาถามเชิงหยอก มากกว่าจะอยากรู้คำตอบจริงจังโชติรสยิ้มเจื่อน"โชขอโทษค่ะ""คงมีอะไรที่ไ
บางที...เอเวลินอาจจะรู้จักสามีของตัวเองดีพอ และเธอก็อาจจะรู้อยู่แล้วว่าโชติรสไม่ได้เป็นแค่พนักงานหรือลูกน้องของสามี แม้ไม่แน่ใจว่าความหวาดระแวงของตัวเองเป็นจริงหรือเปล่า แต่โชติรสก็รู้สึกหน้าชาขึ้นมา หล่อนเอ่ยอำลาแล้วรีบออกมาจากตรงนั้นมาอย่างเร็วที่สุดเมื่อพาตัวเองกลับมานั่งบนรถได้ หญิงสาวก็ฟุบหน้ากับพวงมาลัย อึดอัดใจจนอยากร้องไห้แต่ร้องไม่ออก ได้แต่ฟุบหน้านิ่งท่าเดิมอยู่อย่างนั้น “ก๊อกๆ”เธอสะดุ้งเฮือก เงยหน้าขึ้นทันที เป็นอธิปนี่เองที่มาเคาะกระจก “คุณอาร์ต” หญิงสาวรีบเปิดประตูรถก้าวลงมาหาเขา อธิปกวาดตามองเธออย่างแปลกใจระคนเป็นห่วง “คุณเป็นอะไร ไม่สบายหรือ” “เปล่าค่ะเปล่า โชแค่กำลังจะกลับบ้าน”“กลับบ้าน? ผมนึกว่าเรานัดกันที่ห้องทำงานผมเสียอีก”โชติรสนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย เธอลืมเสียสนิทเลย “เอ่อ โชขอโทษค่ะ”“ช่างมันเถอะ ผมลงมาเจอคุณเจย์พอดีเลยรู้ว่าคุณมาแล้วแต่ก็กำลังจะกลับ ผมเลยรีบตามออกมา มีเรื่องอะไรใช่ไหม ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่ถึงกับลืมนัดกินข้าว…หรือว่าเรื่องที่บริษัทยังไม่เรียบร้อย” อธิปถาม ใจจริงเขานึกถึงปัญหาสุขภาพของชาญที่ตอนนี้ยังทรงๆ อยู่ แต่ไม่กล้าถามตรงๆ จึงเลี่ยงไป
ชลธิชาที่ปกติออกโรงปกป้องสามีตัวเองเสมอแต่ตอนนี้หล่อนกลับทำเหมือนไม่ได้ยินที่น้องสาวพูด กิตติทัศน์รู้ทันทีว่าคงไม่ปกติแล้ว"โถ่...โช ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ งูฮงงูเห่าอะไรฟังดูไม่เป็นมงคลเลย""ถ้าไม่อยากให้พูดถึงงู พูดถึงนกก็ได้นะคะ นกสองหัวเป็นไง""นี่...โชกำลังว่าพี่เหรอ"กิตติทัศน์ฝืนทำเสียงแข็ง อย่างน้อยเขาก็เป็นพี่เขย น่าจะไว้หน้ากันบ้างสิ"ยังไงพี่ติก็เป็นพ่อของยัยหนูหลานของโช โชไม่ว่าอะไรพี่หรอก แล้วก็จะไม่ทำอะไรพี่ด้วย เว้นเสียแต่ว่าพี่ติทำอะไรที่จะส่งผลเสียครอบครัวของโช รู้ใช่ไหมว่าโชทำอะไรได้บ้าง"กิตติทัศน์นิ่งอึ้ง อยากจะแกล้งทำเป็นตีหน้าซื่อถามกลับว่าเธอกำลังหมายความว่าอย่างไร แต่สุดท้ายเขาก็เลือกจะเงียบไปเลยดีกว่า ขืนฝืนเถียงไปอาจจะยิ่งสร้างความไม่พอใจให้กับหญิงสาวที่เพิ่งนั่งตำแหน่งประธานบริษัทเกิดเป็นลูกคนรวยมันก็ดีอย่างนี้นี่เอง อายุยังน้อยแถมไม่มีประสบการณ์ แต่จู่ๆ ก็สามารถกระโดดข้ามหัวใครต่อใครขึ้นไปนั่งตำแหน่งสูงสุดได้เลย ไม่เหมือนเขาเกิดมายากจนต้องดิ้นรนด้วยตัวเองมาตลอดวูบนั้นกิตติทัศน์สงสารตัวเองเหลือเกิน อุตส่าห์วางเดิมพันก็ยังจะแทงข้างผิดครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่น่าเล
Comments