แชร์

3.ไม่เป็นดั่งหวัง /2

ผู้เขียน: ซูมู่หราน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-10-06 23:36:31

ร่างสูงของเจ้าบ่าวได้หยุดยืนที่กลางห้องราวกับชั่งใจ  แต่ความเป็นจริงจิ่นหรงกำลังตื่นเต้นต่างหาก

“นี่ท่าน…”  มู่หลิงเห็นอีกฝ่ายก็ยกนิ้วชี้หน้า

“อย่าเสียมารยาท  คนผู้นี้คือรัชทายาท”  มู่เฟิงรีบเอ่ยบอกน้องสาวของตน  ก่อนที่นางจะทำกิริยาหยาบคายใส่

“ระ…รัชทายาทหรือ”  คนตื่นตระหนกยังคงไม่เชื่อ

“เรื่องอื่นเอาไว้เราจะอธิบายภายหลัง  ว่าแต่นายของเจ้าที่แต่งเข้ามา  ใช่แม่นางที่ช่วยรัชทายาทเอาไว้วันนั้นหรือไม่” อี้ฟานเอ่ยถามแทนผู้เป็นนาย  ซึ่งยืนนิ่งจ้องมองเจ้าสาวของตนด้วยดวงตาเปล่งประกายราวกับเก็บของรักที่หล่นหายกลับคืนมาได้

“ใช่… เป็นคุณหนูของเราเองที่ช่วยพวกท่านไว้เมื่อครึ่งเดือนก่อน”  มู่หลิงเอ่ยบอกเสียงอ่อนลง  

จิ่นหรงยกยิ้มเล็กน้อย  ก่อนจะเดินเข้ามานั่งข้างชายาของตนที่ยังคงนั่งนิ่งเหมือนรูปปั้นที่ถูกนำมาตั้งเอาไว้

“เปิดผ้าก่อนเพคะ”  แม่สื่อหลวงเอ่ยบอก

เจ้าบ่าวจึงทำตามโดยการใช้ไม้ยกผ้าคลุม  ไม่ถึงอึดใจมันก็ร่วงหล่นลงไปกองทางด้านหลัง  เผยใบหน้างามหวานหยดย้อยให้เห็น  ทำเอาจิ่นหรงถึงกับนิ่งงันไปในทันที

ทว่าเจ้าสาวกลับขมวดคิ้วด้วยความมึนงง

“พี่ชายสุดหล่อ  ไยท่านถึงมาอยู่ที่นี่ได้เล่า”  ตันหยางเอ่ยถามอย่างใคร่รู้  พร้อมกับมองไปยังชายหนุ่มคุ้นตาอีกสองคน

จิ่นหรงถึงกับผงะ  เพราะคำเรียกที่ได้ยิน มันเหมือนที่สตรีหยาบกร้านผู้นั้นใช้เรียกเขาทุกครั้งยามที่นางเข้ามาช่วยใส่ยาให้

‘มิใช่นางผู้นั้นหรือ’ ครุ่นคิดอย่างผิดหวัง

“สุรามงคลเพคะ”  แม่สื่อยังคงทำหน้าที่

ด้านเจ้าสาวรับมาถือโดยไม่คิดอันใด  ส่วนเจ้าบ่าวนั้นยังคงนั่งนิ่ง  แม้คราแรกที่เห็นใบหน้างามของตันหยางเขาจะเผลอตื่นเต้นดีใจ  เพราะคิดว่าตนนั้นโชคดีนักที่ได้แต่งกับหญิงงาม  ทว่าเมื่อนางเอ่ยปากแสดงท่าทางเหมือนครั้งที่พบกัน  ใจเขากลับห่อเหี่ยวลงในทันที  ราวกับของรักหล่นหายไปอีกครา

“ดื่มสิเพคะ”  ตันหยางยื่นจอกสุราน้ำเต้าไปชนกับอีกฝ่าย  จากนั้นนางก็ดื่มรวดเดียวหมด  พอเห็นเจ้าบ่าวยังคงนั่งนิ่ง  นางก็ช่วยดันมันเข้าปากเขาเสียเอง  สุดท้ายจิ่นหรงจึงต้องดื่มมันเข้าไปจนหมด  แล้วแม่สื่อก็เก็บกลับไป

“ตัดผมผูกรักเพคะ”  สิ้นคำหญิงชราก็ยื่นกรรไกรให้

ตันหยางรับมาจัดการเอง  เพราะพระสวามียังคงนั่งนิ่งเช่นเคย  ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้ต่อต้าน  ด้วยว่ามีคนของบิดายืนมองอยู่  หากเขาไม่ทำตามเป็นได้ถูกตำหนิจนหูชาเป็นแน่

หลังจากจัดการทุกอย่างแล้วเสร็จ  ภายในห้องก็เหลือเพียงแค่บ่าวสาว  ยามนี้เองที่ตันหยางได้สังเกตอีกฝ่ายชัด ๆ

“ก่อนหน้านี้  เห็นพระองค์ตอนเจ็บตัวก็ว่ารูปงามแล้ว  นึกไม่ถึงว่ายามสบายดีจะรูปงามยิ่งกว่า  งามอย่างกับเทวรูปที่ถูกปั้นแต่งมาเลยเพคะ” นางกล่าวชมเขาจากใจจริง  แววตาหรือก็ทอประกายระยิบระยับราวกับเด็กน้อยเห็นขนม

“ข้าไม่ชอบเจ้า  และจะไม่มีวันชอบ”  เสียงเย็นชาเปล่งออกมาทำลายทุกสิ่งรอบตัว  แม้แต่คนที่ไม่ยี่หระกับเรื่องใดอย่างมู่ตันหยางยังนิ่งงัน  เพราะนึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะกล้าเอ่ยเช่นนี้ออกมาในวันแต่งงานที่ควรจะเป็นวันเริ่มต้นที่ดี

ร่างเล็กขยับถอยห่างออกมานั่งตัวตรง  แววตาที่เคยเปล่งประกายเรียบนิ่งดุจสายน้ำที่ไม่มีการเคลื่อนไหว  ริมฝีปากอิ่มเผยยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะเอ่ยว่า “แต่หม่อมฉันชอบองค์รัชทายาทมากนะเพคะ  ชอบมากจริง ๆ” ก่อนจะขยับเข้าหา  นางกะพริบตาถี่ให้เขา  และยังยื่นมือออกมาเกาะแขนพระสวามีเอาไว้ด้วย

จิ่นหรงขยับลุกหนีทันที และก่นด่านางราวกับแค้นเคืองกันมานาน  “สตรีน่ารังเกียจ  ไม่รู้จักคำว่ายางอายบ้างเลยหรือ”

“บ้าจริง  คำเหล่านี้มันควรใช้กับคนที่เป็นสามีภรรยากันหรือเพคะ หม่อมฉันมิได้ไปทำเรื่องน่าอายกับคนอื่นเสียหน่อย เหตุใดพระสวามีถึงได้ตำหนิชายาเช่นนี้” มือขาวแสร้งยกขึ้นมาปาดน้ำตาของตนราวกับเสียใจมาก

จิ่นหรงเห็นเช่นนั้นก็นิ่งไป  แต่ถึงกระนั้นเขาก็หาได้เข้ามาปลอบนาง  มิหนำซ้ำยังพาตนออกไปจากห้องอีก  ทว่าประตูมันกลับเปิดออกไม่ได้  และยังมีเสียงตอบกลับมา

“ฝ่าบาทและไทเฮาทรงรับสั่งว่า รัชทายาทจะต้องบรรทมที่นี่พ่ะย่ะค่ะ”  เป็นเสียงของซูกงกงที่กล่าวบอก

“นอนที่นี่ ไม่!  ข้าจะเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ”

“ฝ่าบาทรับสั่งว่าหากไม่ทรงทำตาม  จะตัดงบซ่อมแซมสะพานที่หมู่บ้านเปิ่นพ่ะย่ะค่ะ” ซูกงกงยังคงเอ่ยต่อ  ทำให้มือเรียวที่กำลังทุบประตูต้องหยุดลง  ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้กลับไปที่เตียงนอน  แต่เดินไปนั่งบริเวณตั่งริมหน้าต่างแทน

“อย่ารื้อของหม่อมฉันนะเพคะ” เสียงหวานแว่วมา

จิ่นหรงเพียงแค่เหลือบตามองแต่ไม่ได้ตอบ  เมื่อเห็นนางเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำเขาจึงหันมาสนใจข้าวของตรงหน้า

คิ้วหนาเริ่มขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นรูปภาพมากมายวางอยู่  แต่ละใบมันมีรูปร่างที่ต่างกัน  ซึ่งทั้งหมดนี้เขาไม่เคยเห็น

“นี่มันอะไร?”  นัยน์ตาคมหรี่ลงเล็กน้อย  และเขาก็นั่งพินิจอยู่เช่นนั้นเนิ่นนานจนกระทั่งเสียงดุของชายาตัวน้อยดังขึ้น

“บอกแล้วว่าอย่ารื้อ”  นางตำหนิเขาจริงจัง  พร้อมกับทรุดกายลงมานั่งตรงข้าม  จัดเก็บแผ่นกระดาษหยาบเหล่านี้มาซ้อนทับกัน  โดยมีการพิจารณาด้วยว่าอันไหนก่อนหลัง

จิ่นหรงได้แต่นั่งนิ่ง เพราะเหมือนว่าเขาจะทำให้นางโกรธแล้ว ทว่ามันก็ดีมิใช่หรือ ชายาที่ไม่ได้เต็มใจแต่งผู้นี้ จะได้เลิกยุ่งกับเขา  ให้นางโกรธจนไม่เข้าใกล้ได้ยิ่งดี

“กะอีแค่ภาพวาดมั่ว ๆ ไม่เห็นมีค่าสักนิด”  

ตันหยางยกยิ้มก่อนจะขยับเอามือมาค้ำบนโต๊ะแล้วโน้มตัวเข้าไปหาเขาจนใบหน้าห่างกันเพียงแค่คืบ กลิ่นหอมสมุนไพรจึงโชยเข้าจมูกอีกฝ่ายโดยที่นางก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็น

“เพราะพระสวามีเข้าไม่ถึงภาพวาดของหม่อมฉันน่ะสิเพคะ  หากรู้ว่ามันคืออะไร  พระองค์คงไม่ตรัสเช่นนี้กระมัง”  สิ้นคำมือขาวก็ยื่นออกไปเกลี่ยแผงอกแกร่งอย่างหยอกเย้า

“อย่ามาทำลุ่มล่ามกับข้า” เขาจับมือนางดันออกอย่างไม่ไยดี  และแทนที่ชายาตัวน้อยจะโกรธกลับยิ้มอ่อนเสียนี่

“ไปสรงน้ำเถิดเพคะ  ตัวเหม็นจะแย่”  เอ่ยโดยไม่มองหน้า  เพราะยามนี้นางกำลังหันมาสนใจแผ่นกระดาษเพื่อจัดเรียงใหม่

ปึ้ง!  ฝ่ามือเรียวฟาดลงบนโต๊ะทันที  จากนั้นร่างสูงก็ลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปยังห้องอาบน้ำเพื่อชำระร่างกายให้ใจเย็นลง

ผ่านไปพักใหญ่เขาก็ออกมา  และพบว่าชายาตัวน้อยยังนั่งอยู่ที่เดิม  และกำลังขีดเขียนบางสิ่งอยู่  เห็นเช่นนั้นเขาก็ไม่ได้ใส่ใจอีก  เพราะการอยู่อย่างเงียบสงบมันน่าจะดีกว่า

“พระสวามีบรรทมได้เลยนะเพคะ  หม่อมฉันจะนอนตรงนี้”  ตันหยางเอ่ยโดยไม่ได้หันกลับมามองอีกฝ่ายสักนิด  ร่างสูงจึงหยุดชะงักเพราะเขาเดินออกมานั้นเบามาก  แล้วนางรู้ได้เยี่ยงไรว่าเขาออกมาแล้ว  หรือเห็นแต่แสร้งทำเป็นไม่เห็น

แต่นางก็นั่งหันหลังมิใช่หรือ  แล้วจะเห็นได้เยี่ยงไรกัน

ทว่าแม้เขาจะสงสัย  ถึงกระนั้นจิ่นหรงก็ไม่ได้ถาม  เขาเดินมานั่งที่เตียงก่อนจะเอนตัวลงเพื่อเข้านอน  ในเมื่อนางอยากยื่นข้อเสนอให้  เขาก็ยินดีที่จะสนองให้ตามต้องการ

ยามจื่อ [ 23:00-00:59 ]

แสงเทียนยังคงวูบไหวในมุมหนึ่งของห้อง  พร้อมกับเงาร่างของตันหยางที่ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา  นางก้มเงยอยู่เช่นนั้นราวกับสิ่งที่ทำอยู่ไม่อาจหยุดชะงักได้

กระทั่งเสียงหนึ่งดึงความสนใจให้นางต้องเอ่ยขึ้น

“นอนไม่หลับหรือเพคะ”  เอ่ยถามโดยไม่ได้หันมามอง

จิ่นหรงได้แต่นิ่งไป กระทั่งใบหน้างามนั้นหันมาหาเขา  แต่นางก็หันกลับไปไม่แยแสเมื่อเห็นเขายังคงไม่ตอบ  จากนั้นตันหยางก็วาดภาพต่อ  ราวกับในห้องนี้มีแค่ตนผู้เดียว  ส่วนผู้ที่ยืนอยู่ด้านหลังก็กลับไปนอนต่อ  ทว่านอนอย่างไรเขาก็นอนไม่หลับ  สายตายังคงจับจ้องมาที่ร่างอรชรของชายาที่ยังคงก้มหน้าก้มตาวาดภาพ  ราวกับว่าต้องทำให้มันเสร็จภายในคืนนี้

แต่เพียงไม่นานแสงเทียนที่ส่องสว่างกลับเริ่มดับวูบลงทีละดวง  กระทั่งเหลือเพียงแค่แสงรำไรเท่านั้น  

ไม่ถึงอึดใจร่างที่เขาเห็นนั่งอยู่ก็ขยับลุกขึ้น  นางเดินตรงมาที่เตียงแล้วหยุดยืนมองเขาด้วยแววตาราบเรียบ

‘อะไรของนาง’  จิ่นหรงคิดอย่างกังวล  

 

 

 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]   19. ตามทุกที่

    สองเค่อต่อมา [ครึ่งชั่วโมง]มู่หลิงก็ปรากฏตัวในห้องผู้เป็นนาย“พวกเจ้าออกไปเถิด มีแค่คนของข้าก็พอแล้ว” ตันหยางเอ่ยบอกนางกำนัลทั้งสอง เมื่อประตูปิดลงนายบ่าวก็เดินมาที่โต๊ะ“พระชายาจะทำอันใดหรือเพคะ”“ข้าสงสัยว่าคนที่เลี้ยงนกน่าจะเป็นสนมผิง”“สนมผิง” มู่หลิงเอ่ยเสียงแผ่ว “จะเป็นไปได้เช่นไรเพคะ”“เมื่อกลางวันข้าได้กลิ่นสาปบนตัวของนางกำนัลที่อยู่ข้างกายสนมผิง ข้าจึงแสร้งขอตามนางไปที่ตำหนักเพื่อดูโรงเพาะสมุนไพร นึกไม่ถึงว่าจะได้พบกับสิ่งผิดปกติหลายอย่าง เรือนเก่าด้านหลังน่าจะเป็นที่เลี้ยงนก แต่นางรอบคอบมาก แขวนกระดิ่งไว้ทั่วตำหนักเชียว คงคิดเอามากลบเสียงของพวกมันกระมัง แต่เผอิญกลิ่นสาปมันรุนแรงเกินไป แม้จะใช้กลิ่นดอกไม้รวมถึงพืชสมุนไพรในตำหนักมากลบ มันก็ยังลอยเล็ดลอดมาให้สัมผัสพบเจอเข้าจนได้ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ต้องตรวจสอบให้แน่ชัดก่อน”“ทราบแล้วเพคะ” มู่หลิงตอบรับ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นอีกว่า“แล้วพระชายาจะไม่แจ้งให้รัชทายาทรู้หรือเพคะ”“แจ้งสิ แต่ต้องหลังจากเราหาหลักฐานที่แน่ชัดได้ก่อน ยามนี้เขาก็คงวุ่นวายอยู่เหมือนกัน” ช่วงหลังน้ำเสียงนางแผ่วลง“มีเรื่องหนึ่ง หม่อมฉันไม่รู้ควรทูลหรือไม

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]   18. สืบเองง่ายกว่า

    นับจากวันนั้นทั้งคู่ก็เหมือนจะห่างกันมากขึ้น จิ่นหรงออกจากตำหนักเช้ากว่าจะกลับก็มืดค่ำ วนเวียนเช่นนี้มานานกว่าห้าวันแล้ว ซึ่งตันหยางรู้ดีว่าเขากำลังยุ่งกับงาน นางจึงไม่เข้าไปวุ่นวายอะไร แต่ก็ยังมีแอบไปสืบข่าวที่ตำหนักใหม่ไทเฮาอยู่บ้างอย่างเช่นวันนี้นางก็กำลังจูงพระหัตถ์ไทเฮาเดินเล่นอยู่ในสวน มีข้ารับใช้เดินตามอีกหกคน นางจึงคอยสังเกตุท่าทางคนเหล่านี้ แม้ว่าทั้งหมดจะเป็นคนที่ตนเคยช่วยชีวิตไว้ก็ตาม“หยางเอ๋อร์ ย่าได้ยินว่าเจ้ากับรัชทายาทยังไม่เข้าหอกันอีกหรือ เป็นเช่นนี้แล้วเมื่อไหร่ย่าจะได้อุ้มเหลนกันล่ะ” คนแก่เอ่ยมาทีก็ทำให้คนที่เดินประคองต้องหยุดชะงักตันหยางยิ้มแห้งก่อนจะตอบเสียงแผ่ว “เสด็จพี่ทรงงานหนัก หม่อมฉันจึงไม่อยากรบกวนเขาเพคะ”คนแก่จึงหันมาหาพร้อมกุมมือแล้วเอ่ยว่า “เป็นสามีภรรยากัน ใช้คำว่ารบกวนไม่ได้นะ สิ่งที่เจ้าควรทำคือต้องรีบมีทายาทสืบสกุลให้เชื้อสายเรา รากฐานบ้านเมืองจะได้มั่นคง”“เพคะ เอาไว้หม่อมฉันจะหาโอกาสเหมาะ รีบทำเหลนให้เสด็จย่าเพคะ” ตันหยางเอ่ยเอาใจคนแก่“ดี! ต้องอย่างนี้สิ” ไทเฮายิ้มชอบใจ ก่อนจะพากันเดินชมสวนต่อ ตันหยางก็ได้แต่ฉีกยิ้มซ้ายทีขวา

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]   17. คนขี้งอน

    หลังจากชายาตนกลับมาพูดดีด้วย จิ่นหรงก็เริ่มหันมาหารือกับขุนนางทั้งสามต่อ “วันพรุ่งข้าจะให้หัวหน้าองครักษ์จินอู่ตรวจสอบว่าตำหนักใดเลี้ยงนก รวมถึงคนที่มีบาดแผลขีดข่วน คาดว่าไม่เกินสามวันคงได้ความ เพราะช่วงนี้ในวังตรวจตราเข้มงวดขึ้น เราก็อาศัยเรื่องนี้ตรวจหนอนบ่อนไส้เสียเลย”“มันคงนึกไม่ถึงว่าเราจะสืบรู้การวางแผนของพวกมัน ไม่แน่ยามนี้อาจกำลังติดต่อวางแผนการใหม่อีกก็ได้” อินหลางเอ่ย“เป็นเช่นนั้นก็ดี หากเราหาตัวผู้สมรู้ร่วมคิดในวังได้ เราจะได้ซ้อนแผนพวกมันเสียเลย” จิ่นหรงยกยิ้ม ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีก “ท่านอา ส่งคนสืบหาตัวซูเหวินอี้ที ข้าอยากรู้ว่ามันกบดานอยู่ที่ใด และอีกเรื่อง ข้าไม่อยากให้ข่าวลือบ้า ๆ นั่นแพร่ไปถึงพระกัณฑ์เสด็จอา เกรงว่าพระองค์จะทรงร้อนพระทัยจนอยู่ไม่เป็นสุข แค่แก้ปัญหาภัยแล้วมันก็หนักหนาพอแล้ว ข้าไม่อยากให้เสด็จอากังวลพระทัยเพราะเรื่องนี้อีก”“กระหม่อมจะรีบทำตามรับสั่งพ่ะย่ะค่ะ” อินหลางรับคำ“ประเดี๋ยวเพคะ รัชทายาทอยากได้คนสืบข่าว เช่นนั้นให้คนของสำนักมู่ตานช่วยอีกแรงนะเพคะ เรามีคนอยู่ทั่วทุกมุมเมือง ให้พวกเขาช่วยสืบและขจัดข่าวลือตามเมืองต่าง ๆ น่าจะง่ายกว่า

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]   16.ใครเป็นใหญ่

    หลังจากนั้นคนร้ายก็ถูกพาตัวกลับไปขังตามเดิม และยังคงคุมเข้มเพื่อไม่ให้สองคนนี้คิดสั้นปลิดชีพตน เพราะต้องเอาทั้งคู่ไว้เป็นพยานเอาผิดซูเหวินอี้ก่อนภายในห้องรับรองของคุกหลวง…กลุ่มขุนนางยังคงหารือกันต่อ แม้จะมีคำสั่งออกมาบ้างแล้ว ทว่าคนที่ออกไปทำงานก็ล้วนแต่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาระดับล่าง เพราะจิ่นหรงไม่อยากให้เรื่องมันกระโตกกระตาก “นึกไม่ถึงว่ามันจะใช้พ่อค้าธรรมดามาลอบสังหารคนในวัง ความคิดช่างแยบยลนัก ใช้ชาวบ้านที่เคยขายโคมทุกปีมาทำเรื่องชั่วแทน ชั่วช้านัก!” ใต้เท้าเจิ้นเอ่ยถึงสิ่งที่ได้ฟังเมื่อครู่ “มันคงวางแผนไว้นานแล้ว จึงได้อาศัยช่วงเวลาทดลองโคมไฟของเหล่าพ่อค้าที่ทำกันเป็นประจำ พวกมันใช้วิธีนี้หลอกล่อสายตาผู้คน และยังใส่พิษไว้ในโคม เมื่อมันถูกความร้อนมันก็แพร่กระจายตกเป็นละอองลงมาทำให้คนที่สูดดมเข้าไปหมดแรง ช่างเจ้าแผนการนัก” อินหลางเอ่ยอย่างแค้นใจ“ถึงว่า คนในตำหนักรอบบริเวณ รวมถึงด้านนอกตามระยะเส้นทางของโคม ผู้คนถึงได้นอนเกลื่อนเต็มทาง เอ๋! แล้วเหตุใดโคมถึงมาตกแต่ที่ตำหนักไทเฮาล่ะเจ้าคะ ตำหนักอื่นได้ยินว่าไม่เสียหายมิใช่หรือ” ตันหยางมองหน้าทุกคนสลับกันไปมา

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]   15. สะกดจิต

    ต่อมา…รถม้าที่เคลื่อนมาตลอดทางก็หยุดลง ณ สถานที่ที่ไม่มีใครอยากก้าวเข้าไป หากไม่มีธุระคงไม่มีใครอยากเฉียดเข้ามาใกล้ เพราะเกรงสิ่งอัปมงคลจะติดตัวออกไปด้วยเมื่อรถม้าหยุด จิ่นหรงก็ขยับดันร่างอรชรที่เขากอดออกห่างตัว แล้วเอ่ยถามเสียงอ่อน “แน่ใจหรือว่าจะเข้าไป”“เพคะ” คนตัวเล็กตอบรับโดยไม่เงยหน้ามองเขา จึงถูกมือเรียวเชยคางขึ้นเพื่อให้ได้สบตากัน“ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ได้มีท่าทางเขินอายเช่นนี้นี่”“ขะ… เขินอะไร อายอะไรเพคะ ไม่มี๊…”“ไยเจ้าต้องทำเสียงสูง” จิ่นหรงแสร้งเย้านาง“ไม่ได้เสียงสูงนะเจ้าคะ” ตันหยางรีบเถียงเพราะเกรงเขาจะจับได้ นางปัดมือเขาหนีก่อนจะรีบลุกออกมาจากรถม้า คนด้านหลังลุกตามพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า“ช้าก่อน ประเดี๋ยวข้าให้คนนำตัวคนร้ายออกมาให้เจ้าสอบสวนที่ห้องขังด้านนอก เจ้าไม่ต้องเข้าไปด้านใน”“เจ้าค่ะ” รับคำโดยไม่มองหน้าเขาอีกแล้ว ผู้เป็นสามีจึงอดที่จะยิ้มเอ็นดูนางไม่ได้ เพราะปกติตันหยางนางมักจะทำตัวเป็นผู้ใหญ่กว่าเขาเสมอ สุขุม นิ่ง ราวกับคนไร้ใจทว่าเขาเพิ่งรู้วันนี้เองว่า แท้ที่จริงนางก็เหมือนสตรีทั่วไป ที่รู้จักเขินอาย และมีมุมออดอ้อนอันแสนน่ารักแฝงไว้ด้วย

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]   14. ภรรยาแสนดี

    จิ่นหรงขบกรามแน่น เขานึกไม่ถึงจริง ๆ ว่ากู้อิงเถาจะกล้าเอ่ยวาจาบิดเบือนจากข้อเท็จจริงเหล่านี้ออกมา ทั้งที่เขาเองก็ย้ำนักย้ำหนาว่ามันคือการตอบแทนบุญคุณ มิได้มีเรื่องความรู้สึกใด ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องแม้แต่น้อยเรื่องที่เขาเคยพึงใจนาง ก็แค่เอ่ยถึงเรื่องเก่าก่อนในช่วงเวลาสั้น ๆ มายามนี้เขาไม่ได้รู้สึกอันใดกับนางแม้เพียงนิด ที่ยอมพบหน้าก็เพื่อต้องการตอบแทนบุญคุณให้มันจบสิ้นเท่านั้นเพราะเหตุนี้กระมัง มู่ตันหยางจึงได้เอ่ยว่าเขาไม่ทันคน “ข้าไม่ได้เอ่ยเช่นที่นางว่า” เขาหันมาหาชายาตน พร้อมกับมองลึกลงไปในดวงตาคู่สวย เพราะอยากรู้ว่านางจะเชื่อในสิ่งที่เขากล่าวหรือไม่ และสิ่งที่ตอบกลับมาก็ยังเป็นยิ้มอ่อนเช่นเคย“น้องเชื่อท่านพี่เจ้าค่ะ” เอ่ยจบร่างอรชรก็หันมาหาผู้ที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า ก่อนจะยอบกายลงแล้วเอ่ยว่า “ถ้าเจ้ายังไม่หยุด ข้าจะไม่อยู่เฉยแล้วนะคุณหนูกู้” คำพูดไม่กี่ประโยค กลับทำให้ร่างของกู้อิงเถาหยุดชะงักทันที“ขะ… ข้า” แววตาอิงเถาดูหวาดกลัวไม่น้อย“หยุดความคิดของเจ้าเสีย แล้วอย่าได้พูดจาเลื่อนเปื้อนเช่นนี้อีก เพราะหากมีคราวหน้าข้าจะไม่เอาเจ้าไว้แน่”“ขะ…ข้า ข้าเปล่านะ”

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status