แชร์

8.สตรีต้องซื่อสัตย์

ผู้เขียน: ซูมู่หราน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-10-06 23:40:19

ความเงียบเข้าปกคลุมในทันที  ไม่มีใครกล่าวอันใดอีกจนกระทั่งเกศาที่ถูกเช็ดมันเริ่มแห้ง  ตันหยางจึงเอ่ยว่า

“หม่อมฉันจะไปเอาหวีมาสางให้นะเพคะ”

“อืม”  จิ่นหรงรับคำ  พร้อมกับเหลือบมองร่างอรชรที่เดินห่างออกไป ‘ทำไมนางถึงได้ดีกับข้านัก  ทั้งที่ข้ามักจะว่าร้ายนางอยู่ตลอด  หรือนางจะตกหลุมรักข้าอย่างที่จินเฉิงกล่าว’  เขานึกถึงคำพูดของคนสนิทที่เอ่ยบอกเมื่อวันก่อน  มู่ตันหยางพยายามเข้าใกล้เขา  และคอยยั่วยวนอยู่เสมอ  คืนนี้ก็เช่นกัน  เขาคิดจนเหม่อ  กระทั่งร่างเล็กเดินเข้ามาใกล้จึงได้สติรีบหันหนี

ตันหยางยกยิ้ม  ก่อนจะเดินมายืนซ้อนด้านหลังเขาเพื่อหวีผมให้  “ทำไมเพคะ  ทรงคิดหาวิธีก่นด่าหม่อมฉันอีกหรือ”

“ข้าอยากรู้…”  เสียงทุ้มกลับขาดหายไป

“ว่า?”  คิ้วสวยขมวดเป็นปมทันที  มือก็ชะงัก

“เหตุใดเจ้าถึงดีกับข้านัก” ในที่สุดเขาก็ถาม

ตันหยางเงียบไปครู่หนึ่ง  ทว่านางก็ไม่ได้ปล่อยให้อีกฝ่ายรอนาน  เมื่อมือขาวเริ่มขยับ  ปากนางก็พูดไปด้วย

“หม่อมฉันแต่งให้พระองค์แล้ว  ไม่ให้ดีกับพระองค์จะให้ไปดีกับผู้ใด  มีสามีได้สองสามคนก็ว่าไปอย่าง  หากเป็นเช่นนั้นรับรองว่าพระองค์จะไม่เอ่ยถามเช่นนี้แน่  เพราะหม่อมฉันคงขลุกอยู่เรือนอื่นมากกว่าจะมาอยู่กับพระองค์เพคะ”  ตันหยางขำขันคำพูดติดตลกของตน  ทว่าคนฟังกลับไม่เป็นเช่นนั้น

จิ่นหรงรู้สึกหงุดหงิดจนควบคุมอารมณ์ไม่ได้แล้วยามนี้  เขาหันมาโอบเอวคอดให้นั่งลงบนตักในทันที

“ใครสั่งใครสอนให้พูดจาเช่นนี้ฮึ”

“ปะ…ปล่อยนะ  ก็พระองค์ถามหม่อมฉันก็บอกไปตามจริง  ส่วนประโยคหลังก็แค่พูดเล่น  ใครจะไปทำจริงเล่า”  

“ต่อไปอย่าได้พูดอีก  ข้าไม่ชอบ!”  น้ำเสียงเขาดูเกรี้ยวกราดมาก  ทำเอาใบหน้างามถึงกับเจื่อนลงทันตา  

ตันหยางไม่ได้ตอบกลับอันใด  เพราะรู้ว่าเขากำลังโกรธ  หากนางแรงตอบค่ำคืนนี้คงไม่จบเป็นแน่  และท่าทางนิ่งไปของนาง  มันก็ทำให้ผู้เป็นสามีได้สติ  เขาจึงดันร่างนางลงนั่งบนตั่ง  พร้อมกับจับให้หันหลังมา  แล้วเอาผ้าเช็ดผมให้อย่างเบามือ

‘อีตารัชทายาทนี่เป็นใบโพล่าหรือไง  เดี่ยวดีเดี๋ยวร้าย’

ตันหยางนั่งเงียบปล่อยให้เขาเช็ดผมไป  กระทั่งคนด้านหลังเอ่ยถามในสิ่งที่มันยังคงแคลงใจอีกหน  “เช่นนั้นที่เจ้าดีกับข้าก็เพราะหน้าที่พระชายากระนั้นหรือ”  

ตันหยางนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับมามองหน้าเขาแล้วเอ่ยตอบเสียงเรียบเย็นชาว่า  “อย่างที่หม่อมฉันบอกเพคะ  หม่อมฉันแต่งให้พระองค์แล้ว  ก็จำต้องทำหน้าที่ชายาให้ดี  เพราะตำแหน่งนี้ไม่เพียงแต่มีเพื่อเชิดหน้าชูตาวงศ์ตระกูล  ทว่ามันสำคัญต่อราชวงศ์เจิ้งด้วย  ต่อให้พระองค์ไม่พอใจอยากมอบตำแหน่งนี้ให้ผู้อื่น  หม่อมฉันก็ไม่ยอมเสียมันไปเพคะ” ดวงตาคู่สวยยังคงแน่วแน่  ไม่ต่างจากคำพูดที่นางกล่าว

“ขออภัยที่หม่อมฉันไม่อาจหลีกทางให้สตรีในดวงใจของพระองศ์  เพราะหน้าที่ของมู่ตันหยางคือรักษาตำแหน่งชายาของรัชทายาทเอาไว้ให้มั่น  เพื่อรากฐานที่มั่นคงของพระองค์ในวันหน้า หากพระองค์หมายจะครองคู่กับสตรีอันเป็นที่รัก ก็จำเป็นต้องแต่งนางเข้ามาเป็นสนมแล้วเพคะ ไม่ก็… เอาชีวิตหม่อมฉันไปเสีย”  มือขาวยกขึ้นปาดน้ำตาที่กำลังไหลริน  

ตันหยางรู้สึกขมขื่นเป็นอย่างมากในยามนี้  ใช่ว่านางอยากแต่งกับเขา  ทว่านี่มันคือหน้าที่ที่บุตรสาวตระกูลมู่ต้องทำตาม  เพราะทุกอย่างเบื้องบนกำหนดไว้แล้ว

นางแต่งให้รัชทายาท  เพื่อให้เขาได้เป็นดองกับแม่ทัพภาคอย่างมู่ตานชุย  และอีกไม่นานพี่ชายนางจะได้รับแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพใหญ่ดูแลทั้งห้าเหล่าทัพ  ซึ่งแน่นอนว่าภายภาคหน้า  เมื่อจิ่นหรงขึ้นครองราชย์  นางจะได้เป็นฮองเฮา  โดยมีกองหนุนอย่างพี่ชายนางคอยช่วยประคองรากฐานให้

ส่วนพี่สาวก็แต่งกับท่านโหว  ผู้รับหน้าที่สอดส่องเหล่าขุนนางในราชสำนัก  ทุกอย่างมันถูกวางแผนเอาไว้หมด  และยามนี้คนตระกูลมู่ก็ได้แต่ทำตาม  เพราะพวกเขาก้าวขึ้นมานั่งบนหลังเสือกันแล้ว  เช่นนี้จะไม่ให้ตันหยางทุกข์ใจได้เยี่ยงไร

จิ่นหรงนิ่งงันเพราะนึกไม่ถึงว่าชายาตนจะขมขื่นถึงขั้นร้องไห้  เขาจึงเอื้อมมือหมายจะเกลี่ยน้ำตาออกให้

“อย่าเพคะ! หม่อมฉันไม่ต้องการความเห็นใจ  เพราะถึงอย่างไรมันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง  แต่มีสิ่งหนึ่งที่หม่อมฉันอยากบอกพระองค์  หม่อมฉันเกลียดการคลุมถุงชนนี้  เพราะมันทำให้หม่อมฉันไม่อาจอยู่กับชายอันเป็นที่รักได้ ทว่าพระองค์นั้น...  กลับสามารถแต่งกับหญิงกี่คนก็ได้  จะรักใครอีกสักกี่คนก็ได้  แต่หม่อมฉันทำไม่ได้  มู่ตันหยางต้องซื่อสัตย์ต่อบุรุษที่ไม่ได้รักนางแต่เพียงผู้เดียว  สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรมเลย”  ตันหยางพร่ำเพ้อราวกับคนเสียสติ  จากนั้นนางก็เดินหนีไปดื้อ ๆ  

จิ่นหรงนั่งนิ่งเพราะสะดุดกับคำพูดหลาย ๆ ประโยคของนาง  โดยเฉพาะช่วงท้ายก่อนที่ร่างอรชรจะเดินจากไป

ใช่… มันเป็นเช่นที่นางว่า  บุรุษสามารถมีภรรยาได้หลายคน  รักแล้วก็รักได้อีก  และน้อยคนนักที่จะมีเพียงภรรยาเดียว  ส่วนสตรีนั่นหรือ  เมื่อแต่งให้ผู้ใดก็จำต้องซื่อสัตย์ไปจนวันตาย

“มู่ตันหยางต้องซื่อสัตย์ต่อบุรุษที่ไม่ได้รักนางแต่เพียงผู้เดียว” จิ่นหรงทวนคำที่นางเอ่ยในช่วงท้ายอย่างใจหาย  ก่อนจะหันไปมองร่างอรชรที่ทิ้งตัวลงนอนแล้วในยามนี้  

‘ข้าทำผิดต่อเจ้าจริง ๆ สินะ’  จิ่นหรงยังคงนึกในใจอย่างว้าวุ่น  และเขายังคงนั่งอยู่ตรงนี้เนิ่นนาน  กระทั่งรู้สึกว่ามันดึกเต็มที  จึงลุกขึ้นปิดหน้าต่างแล้วเดินมายืนมองนางอยู่ครู่หนึ่ง

นางไม่ร้องแล้ว  สตรีผู้นี้เป็นคนเข้มแข็งจริง ๆ  แม้จะบ่นพร่ำเพ้อ  ถึงกระนั้นนางก็ยังสลัดความทุกข์ออกไปได้ในเวลาอันรวดเร็ว  ราวกับก่อนหน้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเสียอย่างนั้น

ร่างสูงขยับก้าวขึ้นเตียง  เมื่อเขาเอนตัวลงนอนก็ยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก  เพราะคำพูดสุดท้ายของนางมันยังติดอยู่ในหัว  ทำให้เขารู้สึกผิดอยู่ในใจ เขาปากร้ายกับคนดีเช่นนี้ได้เยี่ยงไร

มิหนำซ้ำคืนแต่งงานตนยังเอ่ยต่อหน้าว่าไม่ชอบนาง  และมักจะใช้คำพูดเสียดสีใส่ชายาตัวน้อยอยู่บ่อยครั้ง

‘ข้าควรทำเช่นไรดี’  เขายังคงเฝ้าถามตนเอง  และขยับหันตะแคงไปมองร่างที่นอนนิ่งหันหลังให้อย่างพินิจ  แต่ยังไม่ทันไรนางก็พลิกตัวหันมาหา  พร้อมกับดึงรั้งผ้าห่มบนตัวเขา

และเหมือนจะไม่ได้ดั่งใจ  ร่างเล็กจึงขยับเข้าใกล้พร้อมกับสอดแขนเข้ามาโอบกอด  ให้ใบหน้ามุดซุกอยู่ที่ซอกคอเขา

จิ่นหรงกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่  เพราะร่างของชายาตัวน้อยมันเบียดเสียดกับเขาเหลือเกิน  มิหนำซ้ำกลิ่นหอมอ่อน ๆ บนศีรษะ  มันยังชวนให้เขาสูดดมอยู่เรื่อย ๆ

'ช่างเถอะ  ถือว่าข้าตอบแทนเจ้าที่เคยช่วยแล้วกัน  หวังว่าตื่นมาเจ้าจะไม่โวยวายนะ’  นึกในใจก่อนจะปิดเปลือกตาลง  ไม่นานเขาก็หลับไป  ทั้งที่ก่อนหน้ามีเรื่องให้ครุ่นคิดจนนอนไม่หลับแท้ ๆ ทว่าพอได้สัมผัสจากร่างอรชรเขากลับหลับไปเสียนี่

 

เช้าของวันใหม่…

ตันหยางตื่นก่อนเหมือนเคย ดวงตาสวยค่อย ๆ เปิดขึ้นเพราะนางสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่โอบกอดร่างกายตนอยู่ และไม่ต้องสงสัยว่าใครกันที่กล้าทำเรื่องเช่นนี้ ใบหน้างามจึงเงยขึ้นมองเสี้ยวหน้าอีกฝ่ายที่ยังคงหลับอย่างสบายใจ

‘ชิ!  ปากอย่างการกระทำอีกอย่าง’  ก่นด่าเขาในใจ  

ก่อนจะพยายามแกะแขนที่โอบรอบตัวออก  ทว่าแค่นางขยับเขาก็กระชับกอดแน่นขึ้น  จนริมฝีปากนางชนเข้ากับคอเขา

“อ๊ะ!”  ตันหยางอุทานระคนตกใจ  

ซึ่งมันทำให้เปลือกตาเรียวเปิดขึ้นด้วยเช่นกัน  

จิ่นหรงขยับตัวออกทว่าสองแขนยังกอดรัดร่างเล็กไว้  เขาก้มลงมองใบหน้าที่ก้มอยู่  พลันรอยยิ้มก็ผุดขึ้นมา

“ตื่นแล้วหรือ”

“อืม”  เสียงแผ่วตอบกลับ  และยังไม่ยอมเงยขึ้นมาคุย  

แขนแกร่งที่กอดรัดจึงค่อย ๆ คลายออก  ร่างอรชรจึงรีบพลิกตัวลุกขึ้นและลงจากเตียงอย่างไม่รีรอ

ผู้เป็นสามีมองตามพร้อมกับยิ้มอ่อน “นึกว่าจะโวยวาย” จิ่นหรงพึมพำก่อนจะเอ่ยขึ้นมาอีก  “หรือแท้ที่จริงนางชอบให้เรากอดเช่นนี้  หึหึ…ได้!  ถือว่าข้าตอบแทนเจ้าในทุก ๆ เรื่อง  ต่อไปหากข้าว่างข้าจะมานอนให้เจ้ากอดก็แล้วกัน”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]   19. ตามทุกที่

    สองเค่อต่อมา [ครึ่งชั่วโมง]มู่หลิงก็ปรากฏตัวในห้องผู้เป็นนาย“พวกเจ้าออกไปเถิด มีแค่คนของข้าก็พอแล้ว” ตันหยางเอ่ยบอกนางกำนัลทั้งสอง เมื่อประตูปิดลงนายบ่าวก็เดินมาที่โต๊ะ“พระชายาจะทำอันใดหรือเพคะ”“ข้าสงสัยว่าคนที่เลี้ยงนกน่าจะเป็นสนมผิง”“สนมผิง” มู่หลิงเอ่ยเสียงแผ่ว “จะเป็นไปได้เช่นไรเพคะ”“เมื่อกลางวันข้าได้กลิ่นสาปบนตัวของนางกำนัลที่อยู่ข้างกายสนมผิง ข้าจึงแสร้งขอตามนางไปที่ตำหนักเพื่อดูโรงเพาะสมุนไพร นึกไม่ถึงว่าจะได้พบกับสิ่งผิดปกติหลายอย่าง เรือนเก่าด้านหลังน่าจะเป็นที่เลี้ยงนก แต่นางรอบคอบมาก แขวนกระดิ่งไว้ทั่วตำหนักเชียว คงคิดเอามากลบเสียงของพวกมันกระมัง แต่เผอิญกลิ่นสาปมันรุนแรงเกินไป แม้จะใช้กลิ่นดอกไม้รวมถึงพืชสมุนไพรในตำหนักมากลบ มันก็ยังลอยเล็ดลอดมาให้สัมผัสพบเจอเข้าจนได้ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ต้องตรวจสอบให้แน่ชัดก่อน”“ทราบแล้วเพคะ” มู่หลิงตอบรับ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นอีกว่า“แล้วพระชายาจะไม่แจ้งให้รัชทายาทรู้หรือเพคะ”“แจ้งสิ แต่ต้องหลังจากเราหาหลักฐานที่แน่ชัดได้ก่อน ยามนี้เขาก็คงวุ่นวายอยู่เหมือนกัน” ช่วงหลังน้ำเสียงนางแผ่วลง“มีเรื่องหนึ่ง หม่อมฉันไม่รู้ควรทูลหรือไม

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]   18. สืบเองง่ายกว่า

    นับจากวันนั้นทั้งคู่ก็เหมือนจะห่างกันมากขึ้น จิ่นหรงออกจากตำหนักเช้ากว่าจะกลับก็มืดค่ำ วนเวียนเช่นนี้มานานกว่าห้าวันแล้ว ซึ่งตันหยางรู้ดีว่าเขากำลังยุ่งกับงาน นางจึงไม่เข้าไปวุ่นวายอะไร แต่ก็ยังมีแอบไปสืบข่าวที่ตำหนักใหม่ไทเฮาอยู่บ้างอย่างเช่นวันนี้นางก็กำลังจูงพระหัตถ์ไทเฮาเดินเล่นอยู่ในสวน มีข้ารับใช้เดินตามอีกหกคน นางจึงคอยสังเกตุท่าทางคนเหล่านี้ แม้ว่าทั้งหมดจะเป็นคนที่ตนเคยช่วยชีวิตไว้ก็ตาม“หยางเอ๋อร์ ย่าได้ยินว่าเจ้ากับรัชทายาทยังไม่เข้าหอกันอีกหรือ เป็นเช่นนี้แล้วเมื่อไหร่ย่าจะได้อุ้มเหลนกันล่ะ” คนแก่เอ่ยมาทีก็ทำให้คนที่เดินประคองต้องหยุดชะงักตันหยางยิ้มแห้งก่อนจะตอบเสียงแผ่ว “เสด็จพี่ทรงงานหนัก หม่อมฉันจึงไม่อยากรบกวนเขาเพคะ”คนแก่จึงหันมาหาพร้อมกุมมือแล้วเอ่ยว่า “เป็นสามีภรรยากัน ใช้คำว่ารบกวนไม่ได้นะ สิ่งที่เจ้าควรทำคือต้องรีบมีทายาทสืบสกุลให้เชื้อสายเรา รากฐานบ้านเมืองจะได้มั่นคง”“เพคะ เอาไว้หม่อมฉันจะหาโอกาสเหมาะ รีบทำเหลนให้เสด็จย่าเพคะ” ตันหยางเอ่ยเอาใจคนแก่“ดี! ต้องอย่างนี้สิ” ไทเฮายิ้มชอบใจ ก่อนจะพากันเดินชมสวนต่อ ตันหยางก็ได้แต่ฉีกยิ้มซ้ายทีขวา

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]   17. คนขี้งอน

    หลังจากชายาตนกลับมาพูดดีด้วย จิ่นหรงก็เริ่มหันมาหารือกับขุนนางทั้งสามต่อ “วันพรุ่งข้าจะให้หัวหน้าองครักษ์จินอู่ตรวจสอบว่าตำหนักใดเลี้ยงนก รวมถึงคนที่มีบาดแผลขีดข่วน คาดว่าไม่เกินสามวันคงได้ความ เพราะช่วงนี้ในวังตรวจตราเข้มงวดขึ้น เราก็อาศัยเรื่องนี้ตรวจหนอนบ่อนไส้เสียเลย”“มันคงนึกไม่ถึงว่าเราจะสืบรู้การวางแผนของพวกมัน ไม่แน่ยามนี้อาจกำลังติดต่อวางแผนการใหม่อีกก็ได้” อินหลางเอ่ย“เป็นเช่นนั้นก็ดี หากเราหาตัวผู้สมรู้ร่วมคิดในวังได้ เราจะได้ซ้อนแผนพวกมันเสียเลย” จิ่นหรงยกยิ้ม ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีก “ท่านอา ส่งคนสืบหาตัวซูเหวินอี้ที ข้าอยากรู้ว่ามันกบดานอยู่ที่ใด และอีกเรื่อง ข้าไม่อยากให้ข่าวลือบ้า ๆ นั่นแพร่ไปถึงพระกัณฑ์เสด็จอา เกรงว่าพระองค์จะทรงร้อนพระทัยจนอยู่ไม่เป็นสุข แค่แก้ปัญหาภัยแล้วมันก็หนักหนาพอแล้ว ข้าไม่อยากให้เสด็จอากังวลพระทัยเพราะเรื่องนี้อีก”“กระหม่อมจะรีบทำตามรับสั่งพ่ะย่ะค่ะ” อินหลางรับคำ“ประเดี๋ยวเพคะ รัชทายาทอยากได้คนสืบข่าว เช่นนั้นให้คนของสำนักมู่ตานช่วยอีกแรงนะเพคะ เรามีคนอยู่ทั่วทุกมุมเมือง ให้พวกเขาช่วยสืบและขจัดข่าวลือตามเมืองต่าง ๆ น่าจะง่ายกว่า

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]   16.ใครเป็นใหญ่

    หลังจากนั้นคนร้ายก็ถูกพาตัวกลับไปขังตามเดิม และยังคงคุมเข้มเพื่อไม่ให้สองคนนี้คิดสั้นปลิดชีพตน เพราะต้องเอาทั้งคู่ไว้เป็นพยานเอาผิดซูเหวินอี้ก่อนภายในห้องรับรองของคุกหลวง…กลุ่มขุนนางยังคงหารือกันต่อ แม้จะมีคำสั่งออกมาบ้างแล้ว ทว่าคนที่ออกไปทำงานก็ล้วนแต่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาระดับล่าง เพราะจิ่นหรงไม่อยากให้เรื่องมันกระโตกกระตาก “นึกไม่ถึงว่ามันจะใช้พ่อค้าธรรมดามาลอบสังหารคนในวัง ความคิดช่างแยบยลนัก ใช้ชาวบ้านที่เคยขายโคมทุกปีมาทำเรื่องชั่วแทน ชั่วช้านัก!” ใต้เท้าเจิ้นเอ่ยถึงสิ่งที่ได้ฟังเมื่อครู่ “มันคงวางแผนไว้นานแล้ว จึงได้อาศัยช่วงเวลาทดลองโคมไฟของเหล่าพ่อค้าที่ทำกันเป็นประจำ พวกมันใช้วิธีนี้หลอกล่อสายตาผู้คน และยังใส่พิษไว้ในโคม เมื่อมันถูกความร้อนมันก็แพร่กระจายตกเป็นละอองลงมาทำให้คนที่สูดดมเข้าไปหมดแรง ช่างเจ้าแผนการนัก” อินหลางเอ่ยอย่างแค้นใจ“ถึงว่า คนในตำหนักรอบบริเวณ รวมถึงด้านนอกตามระยะเส้นทางของโคม ผู้คนถึงได้นอนเกลื่อนเต็มทาง เอ๋! แล้วเหตุใดโคมถึงมาตกแต่ที่ตำหนักไทเฮาล่ะเจ้าคะ ตำหนักอื่นได้ยินว่าไม่เสียหายมิใช่หรือ” ตันหยางมองหน้าทุกคนสลับกันไปมา

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]   15. สะกดจิต

    ต่อมา…รถม้าที่เคลื่อนมาตลอดทางก็หยุดลง ณ สถานที่ที่ไม่มีใครอยากก้าวเข้าไป หากไม่มีธุระคงไม่มีใครอยากเฉียดเข้ามาใกล้ เพราะเกรงสิ่งอัปมงคลจะติดตัวออกไปด้วยเมื่อรถม้าหยุด จิ่นหรงก็ขยับดันร่างอรชรที่เขากอดออกห่างตัว แล้วเอ่ยถามเสียงอ่อน “แน่ใจหรือว่าจะเข้าไป”“เพคะ” คนตัวเล็กตอบรับโดยไม่เงยหน้ามองเขา จึงถูกมือเรียวเชยคางขึ้นเพื่อให้ได้สบตากัน“ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ได้มีท่าทางเขินอายเช่นนี้นี่”“ขะ… เขินอะไร อายอะไรเพคะ ไม่มี๊…”“ไยเจ้าต้องทำเสียงสูง” จิ่นหรงแสร้งเย้านาง“ไม่ได้เสียงสูงนะเจ้าคะ” ตันหยางรีบเถียงเพราะเกรงเขาจะจับได้ นางปัดมือเขาหนีก่อนจะรีบลุกออกมาจากรถม้า คนด้านหลังลุกตามพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า“ช้าก่อน ประเดี๋ยวข้าให้คนนำตัวคนร้ายออกมาให้เจ้าสอบสวนที่ห้องขังด้านนอก เจ้าไม่ต้องเข้าไปด้านใน”“เจ้าค่ะ” รับคำโดยไม่มองหน้าเขาอีกแล้ว ผู้เป็นสามีจึงอดที่จะยิ้มเอ็นดูนางไม่ได้ เพราะปกติตันหยางนางมักจะทำตัวเป็นผู้ใหญ่กว่าเขาเสมอ สุขุม นิ่ง ราวกับคนไร้ใจทว่าเขาเพิ่งรู้วันนี้เองว่า แท้ที่จริงนางก็เหมือนสตรีทั่วไป ที่รู้จักเขินอาย และมีมุมออดอ้อนอันแสนน่ารักแฝงไว้ด้วย

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]   14. ภรรยาแสนดี

    จิ่นหรงขบกรามแน่น เขานึกไม่ถึงจริง ๆ ว่ากู้อิงเถาจะกล้าเอ่ยวาจาบิดเบือนจากข้อเท็จจริงเหล่านี้ออกมา ทั้งที่เขาเองก็ย้ำนักย้ำหนาว่ามันคือการตอบแทนบุญคุณ มิได้มีเรื่องความรู้สึกใด ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องแม้แต่น้อยเรื่องที่เขาเคยพึงใจนาง ก็แค่เอ่ยถึงเรื่องเก่าก่อนในช่วงเวลาสั้น ๆ มายามนี้เขาไม่ได้รู้สึกอันใดกับนางแม้เพียงนิด ที่ยอมพบหน้าก็เพื่อต้องการตอบแทนบุญคุณให้มันจบสิ้นเท่านั้นเพราะเหตุนี้กระมัง มู่ตันหยางจึงได้เอ่ยว่าเขาไม่ทันคน “ข้าไม่ได้เอ่ยเช่นที่นางว่า” เขาหันมาหาชายาตน พร้อมกับมองลึกลงไปในดวงตาคู่สวย เพราะอยากรู้ว่านางจะเชื่อในสิ่งที่เขากล่าวหรือไม่ และสิ่งที่ตอบกลับมาก็ยังเป็นยิ้มอ่อนเช่นเคย“น้องเชื่อท่านพี่เจ้าค่ะ” เอ่ยจบร่างอรชรก็หันมาหาผู้ที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า ก่อนจะยอบกายลงแล้วเอ่ยว่า “ถ้าเจ้ายังไม่หยุด ข้าจะไม่อยู่เฉยแล้วนะคุณหนูกู้” คำพูดไม่กี่ประโยค กลับทำให้ร่างของกู้อิงเถาหยุดชะงักทันที“ขะ… ข้า” แววตาอิงเถาดูหวาดกลัวไม่น้อย“หยุดความคิดของเจ้าเสีย แล้วอย่าได้พูดจาเลื่อนเปื้อนเช่นนี้อีก เพราะหากมีคราวหน้าข้าจะไม่เอาเจ้าไว้แน่”“ขะ…ข้า ข้าเปล่านะ”

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status