แชร์

9.หวง

ผู้เขียน: ซูมู่หราน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-10-06 23:41:46

หลังจากจัดการตนเองเรียบร้อย  ตันหยางก็รีบออกจากห้อง  วันนี้นางตั้งใจจะไปเยี่ยมไทเฮาที่ตำหนักใหม่  เพราะนี่ก็สามวันแล้วตั้งแต่เกิดเรื่อง  ตนยังไม่ได้ไปถามไถ่อาการเลย  แต่จะว่าไปนางเองก็เพิ่งฟื้นเมื่อบ่ายวาน  จึงไม่ได้ไปเยี่ยมผู้ใด

“เจ้าจะไปไหน” จิ่นหรงเอ่ยถามชายาตัวน้อยเสียงอ่อน  วันนี้นางแต่งกายด้วยอาภรณ์พลิ้วไหวสีชมพูอ่อน  มันช่างขับกับผิวพรรณขาวผ่องของนางดีเหลือเกิน  เสียก็ตรงเนินอกมันดูล้นจนเกินไป  ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะเดินมาหา  แล้วยกผ้าที่คล้องอยู่บนแขนขึ้นมาพาดลงปิดส่วนที่ล้นออกมา

“ใครเขาทำอย่างนี้กันเพคะ”  ตันหยางท้วง  พร้อมกับดึงผ้าลงมาไว้ที่แขนตนตามเดิม  แต่อีกฝ่ายก็ยังจับพาดบ่าเช่นเคย

“อย่าดื้อ  มันดูไม่งามมิเห็นหรือ”  เอ่ยพร้อมกับจ้องมาที่เนินเต้าอวบอิ่มของชายา  และเขาก็ยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น

“คนชีกอ คิดว่าคนอื่นเขามีตามองแต่ตรงนี้เหมือนพระองค์หรือเพคะ ลามก” นางต่อว่าเขาก่อนจะรีบเดินหนี

จิ่นหรงมองตามพร้อมกับขมวดคิ้ว  แล้วหันมาหาคนสนิทที่ยืนอยู่ไม่ไกล “คนเช่นข้าหรือชีกอ นางแต่งกายไม่มิดชิดข้าก็แค่ตักเตือน  แต่นางกลับด่าข้ากระนั้นหรือ”

สองสหายยิ้มแหย  แต่ไม่มีใครกล้าตอบอันใด  

“ว่ามา!  ข้าชีกอ  ลามกตรงไหน”  จิ่นหรงถามเสียงดัง

สองสหายมองหน้ากันอีกรอบ  ก่อนจะเป็นจินเฉิงที่เอ่ยตอบด้วยเสียงแผ่วเบา “ปกติสตรีในแคว้นหนานเราก็แต่งกายเช่นนี้  พระชายาก็ทรงสวมชุดฮั่นฟู่ตามแบบขนบธรรมเนียมของแคว้นเรา  มีตรงไหนผิดพลาดหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“ผิด!  นางชอบใส่ชุดเผยเนื้อหนังมังสา”

“รัชทายาทหวงหรือพ่ะย่ะค่ะ” อี้ฟานเอียงหน้ามอง

จิ่นหรงเงียบไปทันที  เมื่อตั้งสติได้จึงรีบเอ่ยว่า

“ไม่มีทาง!  ข้าแค่เกรงว่านางจะทำให้ราชวงศ์ต้องอับอายเท่านั้น  ข้าเป็นถึงรัชทายาท  จะมาเสียชื่อเพราะการแต่งกายของนางไม่ได้  หากไม่คุมเข้มนาง  ภายหน้ามู่ตันหยางจะต้องนำเรื่องเสื่อมเสียมาให้ข้าต้องหงุดหงิดอีกเป็นแน่”

“อ๋อ!!”  สองสหายร้องออกมาพร้อมกัน  ผู้เป็นนายเหลือบมองด้วยหางตาเล็กน้อย  ก่อนจะเดินนำออกไปเพื่อดูว่าชายาตนไปที่ใด  พอรู้ว่านางไปเยี่ยมเสด็จย่าเขาจึงแยกไปทำงาน

ด้านตันหยาง  ยามนี้นางกำลังตรวจชีพจรให้ไทเฮา  สร้างความปลาบปลื้มให้กับคนแก่ยิ่งนัก  ถึงกับเอ่ยชมไม่หยุดปากเชียว  “วาสนาของราชวงศ์เจิ้งของเราจริง ๆ ที่ได้เจ้ามาเป็นสะใภ้  ย่าดีใจเหลือเกินหยางเอ๋อร์” กล่าวพร้อมกับลูบหัวอย่างเอ็นดู

“หม่อมฉันยินดีที่ได้รับใช้ราชวงศ์เจิ้งเพคะ” หญิงสาวตอบกลับด้วยถ้อยคำหวานหู เรื่องเอาใจคนนั้นไม่ต้องเป็นกังวลเลย  ตันหยางมีวิธีทำให้คนรอบตัวรักใคร่ได้เสมอ เพราะเหตุนี้บิดาและพี่ ๆ จึงไม่ค่อยเป็นห่วง ห่วงก็แค่คนที่คิดร้ายกับตันหยางมากกว่า  เพราะคนคนนั้นไม่มีทางอยู่ดีมีสุขแน่

“ไทเฮา  คนจากตำหนักในมาเพคะ  เห็นว่าฮองเฮาอยากเชิญพระชายาไปพบ  มีของขวัญจะให้เพคะ”  นางกำนัลเอ่ยรายงาน  ก่อนจะถอยออกไปยืนที่มุมห้อง

“ดูท่าฮองเฮาคงอยากขอบคุณเจ้าเรื่องวันนั้นกระมัง  ไปเถิด  เสร็จแล้วก็กลับไปพักผ่อนเสีย”

ตันหยางยิ้มรับก่อนจะย่อตัวคารวะอีกฝ่าย  แล้วเดินตามนางกำนัลที่มาเชิญตนออกไป  โดยมีไทเฮามองตามจนลับตา

“ทั้งงดงามและแข็งแกร่งนะเพคะ” หลี่หมัวมัวเอ่ย

“ใช่… เป็นบุญของราชวงศ์เจิ้งเราจริง ๆ หากไม่มีนาง  เรากับเยว่เอ๋อร์และคนอื่น ๆ คงตายไปแล้ว”

“ทว่าหม่อมฉันได้ยินว่า  องค์รัชทายาทไม่ค่อยใส่พระทัยพระชายาสักเท่าใดเพคะ”  คนสนิทรีบรายงาน

“จริงหรือ?  จิ่นเอ๋อร์นี่ไม่ได้ความจริง ๆ ให้คนไปตามเขามา  ข้าคงต้องอบรมนิสัยเจ้าเด็กคนนี้ใหม่เสียแล้ว”

คนสนิทรับคำแล้วก็สั่งนางกำนัลไปทำหน้าที่  คาดว่าอีกไม่นานรัชทายาทก็คงเสด็จมา  และคงได้หูชาอีกตามเคย

 

ด้านตันหยาง  เมื่อเดินเข้ามาในตำหนักในก็พบว่าฮองเฮามิได้อยู่ผู้เดียว  แต่มีแขกคุ้นหน้านั่งรวมอยู่ด้วยอีกคน

“ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ”

“ตามสบายเถิด  มา ๆ มานั่งตรงนี้”  มารดาของแผ่นดินรีบเอ่ยกับคนที่ช่วยชีวิตตน  พร้อมกับยิ้มกว้างต้อนรับอย่างเป็นมิตร  ตันหยางจึงหันมายิ้มให้สตรีอีกคนก่อนจะนั่งลง

“นึกไม่ถึงว่าวันนี้จะโชคดีได้ยลโฉมพระชายารัชทายาทด้วย  ทรงจำหม่อมฉันได้ไหมเพคะ” ผู้ที่นั่งอยู่เอ่ยทักทาย

“จำได้  พี่กู้อิงเถา  สบายดีหรือเจ้าคะ”

“หม่อมฉันสบายดีเพคะ”  อีกฝ่ายยิ้มอ่อนให้

“นี่เจ้าสองคนรู้จักกันด้วยหรือ” ฮองเฮารีบเอ่ยถาม  เพราะนึกไม่ถึงว่าญาติผู้น้องตนจะรู้จักกับพระชายาของรัชทายาท

“เราเคยเดินร่วมทางกันเพคะ  ยามนั้นเกิดเหตุไม่คาดคิดด้วย  มีกลุ่มคนถูกลอบทำร้ายมาขอความช่วยเหลือ  พระชายารัชทยาทจึงช่วยเอาไว้  และยังรักษาบาดแผลให้ชายหนุ่มผู้นั้น จับเขาเปลื้องอาภรณ์ด้านบนจนหมดเพื่อใส่ยาให้  และยังคอยเฝ้าไข้ให้ตลอดทั้งคืนเลยนะเพคะ”  กู่อิงเถายังคงจีบปากจีบคอกล่าว  หมายจะให้ฮองเฮาเอาเรื่องนี้ไปทูลไทเฮาให้ทรงทราบ

รับรองว่ามู่ตันหยางต้องถูกตำหนิและสอบสวนเป็นแน่  การทำผิดจารีตก่อนเข้าวังถือว่าเป็นเรื่องต้องห้ามอันร้ายแรงของสตรี  หญิงสูงศักดิ์ไม่ควรแต่ต้องบุรุษอื่นนอกจากคู่ครอง

“มะ… มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ” เสียงของฮองเฮาติดขัดทันที  พร้อมกับหันมามองหน้าตันหยางเป็นเชิงถาม

“มีเพคะ และมันเป็นเรื่องปกติด้วย เพราะก่อนหน้าจะแต่งเข้าวัง หม่อมฉันคือผู้ดูแลสำนักคุ้มภัยของท่านปู่ คนรอบตัวส่วนมากมักจะเป็นบุรุษ และหลาย ๆ ครั้งที่ช่วยคนก็ไม่ได้นึกว่าอีกฝ่ายจะเป็นหญิงหรือชาย หากประสบเคราะห์มาทุกคนในสำนักย่อมช่วยเป็นธรรมดา ส่วนชายหนุ่มที่หม่อมฉันดูแลทั้งคืน  เขาเจ็บหนักและเสียเลือดมาก ในฐานะคนเป็นหมอก็จำต้องเฝ้าดูอาการตลอด  มิเช่นนั้นเขาอาจสิ้นชีพได้ทุกเมื่อ หม่อมฉันไม่อาจเห็นใครตายไปต่อหน้าได้เพคะ” ตันหยางเอ่ยบอกเหตุผล  

ทว่าสายตาที่มองกู้อิงเถาไร้ซึ่งความเป็นมิตรเช่นเคย  เพราะคำพูดของสตรีผู้นี้เหมือนจงใจทำให้ฮองเฮาเข้าใจตนผิด

“เป็นเช่นนี้เองหรือ หากเจ้าเป็นหมอ เรื่องช่วยคนย่อมไม่แบ่งหญิงชายเป็นเรื่องธรรมดา มิน่าเจ้าถึงยอมเสี่ยงช่วยพวกเราขนาดนั้น ขอบใจนะลูกสะใภ้”  ฮองเฮาเผยยิ้มเอ็นดู ก่อนจะหันมาหาคนสนิท นางกำนัลจึงรีบยื่นกล่องให้  

“นี่เป็นมุกที่เมืองเปี้ยนส่งมา มีแต่เม็ดงาม ๆ เลยนะ แม่ให้เจ้านะหยางเอ๋อร์ เจ้าอยากเอาไปทำเครื่องประดับแบบไหนก็ตามใจเจ้าเลย”  ฮองเฮาเอ่ยเสียงอ่อนด้วยความเอ็นดู  

ทว่าผู้ที่นั่งมองกลับกำมือแน่น ‘หญิงหยาบกร้านเช่นนี้  ควรค่ากับมุกงาม ๆ ที่ไหนกัน  เหตุใดท่านพี่ไม่เหลือแบ่งมอบให้ข้าบ้าง’  อิงเถาตำหนิญาติผู้พี่ตนในใจ  แววตาที่มองทั้งคู่มิได้เป็นมิตรเลย  ทว่าไม่ถึงอึดใจมันก็หายไป

“อิงเถา  พี่ก็มีของให้เจ้านะ” ฮองเฮาหันมาพยักหน้าให้คนสนิท หลี่หมัวมัวจึงถือเอากล่องไม้ไปส่งให้  ผู้รับก็รีบเปิดออกดูทันที “ชอบหรือไม่  อันนี้พี่สั่งทำให้เจ้ากับน้องรองเลยนะ”

“ชอบเพคะ”  อิงเถาเงยหน้าขึ้นมาตอบ ทว่าในใจยังคงอยากได้มากกว่าที่มือตนถือ เพราะในนี้ก็แค่ปิ่นมุกไม่กี่อัน ไหนเลยจะเทียบกับมุกล้วน ๆ ที่มีอยู่เต็มกล่องบนมือมู่ตันหยางได้

ทว่าความแค้นที่มีในใจกลับมลายหายไป  เมื่อนางได้ยินรายงานจากนางกำนัลที่เดินเข้ามาหยุดกลางห้อง

“ฮองเฮา  รัชทายาททรงเสด็จมารับพระชายาเพคะ”

“อะไรกัน  ถึงกับห่างไม่ได้เลยหรือ  ถึงได้รีบมารับกลับเช่นนี้  ข้ายังไม่ทันได้คุยอันใดกับสะใภ้เลยนะ” ฮองเฮาบ่นพึมพำ  ก่อนจะมองไปยังร่างสูงที่เดินตรงเข้ามาและคำนับนาง

“ขออภัยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะพาพระชายาไปเข้าเฝ้าเสด็จย่าด้วยกัน  ขอฮองเฮาทรงอนุญาตด้วย”  จิ่นหรงเอ่ยจบก็หันไปหาชายาของตนที่นั่งอยู่ทางด้านขวามือ  ทว่าเสียงหนึ่งกลับดังขึ้นมาขัดจังหวะ  ทำให้ทุกคนต้องหันไปสนใจ

“ระ…รัชทายาท!  นี่ท่านเป็นรัชทายาทหรือ จำหม่อมฉันได้ไหมเพคะ สตรีที่ช่วยพระองค์ไว้เมื่อครึ่งเดือนก่อน และคอยเฝ้าไข้พระองค์ตลอดทั้งวัน” กู้อิงเถารีบลุกขึ้นมาให้อีกฝ่ายเห็น พร้อมกับส่งยิ้มหวานให้บุรุษตรงหน้าอย่างไม่เคอะเขิน

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]   19. ตามทุกที่

    สองเค่อต่อมา [ครึ่งชั่วโมง]มู่หลิงก็ปรากฏตัวในห้องผู้เป็นนาย“พวกเจ้าออกไปเถิด มีแค่คนของข้าก็พอแล้ว” ตันหยางเอ่ยบอกนางกำนัลทั้งสอง เมื่อประตูปิดลงนายบ่าวก็เดินมาที่โต๊ะ“พระชายาจะทำอันใดหรือเพคะ”“ข้าสงสัยว่าคนที่เลี้ยงนกน่าจะเป็นสนมผิง”“สนมผิง” มู่หลิงเอ่ยเสียงแผ่ว “จะเป็นไปได้เช่นไรเพคะ”“เมื่อกลางวันข้าได้กลิ่นสาปบนตัวของนางกำนัลที่อยู่ข้างกายสนมผิง ข้าจึงแสร้งขอตามนางไปที่ตำหนักเพื่อดูโรงเพาะสมุนไพร นึกไม่ถึงว่าจะได้พบกับสิ่งผิดปกติหลายอย่าง เรือนเก่าด้านหลังน่าจะเป็นที่เลี้ยงนก แต่นางรอบคอบมาก แขวนกระดิ่งไว้ทั่วตำหนักเชียว คงคิดเอามากลบเสียงของพวกมันกระมัง แต่เผอิญกลิ่นสาปมันรุนแรงเกินไป แม้จะใช้กลิ่นดอกไม้รวมถึงพืชสมุนไพรในตำหนักมากลบ มันก็ยังลอยเล็ดลอดมาให้สัมผัสพบเจอเข้าจนได้ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ต้องตรวจสอบให้แน่ชัดก่อน”“ทราบแล้วเพคะ” มู่หลิงตอบรับ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นอีกว่า“แล้วพระชายาจะไม่แจ้งให้รัชทายาทรู้หรือเพคะ”“แจ้งสิ แต่ต้องหลังจากเราหาหลักฐานที่แน่ชัดได้ก่อน ยามนี้เขาก็คงวุ่นวายอยู่เหมือนกัน” ช่วงหลังน้ำเสียงนางแผ่วลง“มีเรื่องหนึ่ง หม่อมฉันไม่รู้ควรทูลหรือไม

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]   18. สืบเองง่ายกว่า

    นับจากวันนั้นทั้งคู่ก็เหมือนจะห่างกันมากขึ้น จิ่นหรงออกจากตำหนักเช้ากว่าจะกลับก็มืดค่ำ วนเวียนเช่นนี้มานานกว่าห้าวันแล้ว ซึ่งตันหยางรู้ดีว่าเขากำลังยุ่งกับงาน นางจึงไม่เข้าไปวุ่นวายอะไร แต่ก็ยังมีแอบไปสืบข่าวที่ตำหนักใหม่ไทเฮาอยู่บ้างอย่างเช่นวันนี้นางก็กำลังจูงพระหัตถ์ไทเฮาเดินเล่นอยู่ในสวน มีข้ารับใช้เดินตามอีกหกคน นางจึงคอยสังเกตุท่าทางคนเหล่านี้ แม้ว่าทั้งหมดจะเป็นคนที่ตนเคยช่วยชีวิตไว้ก็ตาม“หยางเอ๋อร์ ย่าได้ยินว่าเจ้ากับรัชทายาทยังไม่เข้าหอกันอีกหรือ เป็นเช่นนี้แล้วเมื่อไหร่ย่าจะได้อุ้มเหลนกันล่ะ” คนแก่เอ่ยมาทีก็ทำให้คนที่เดินประคองต้องหยุดชะงักตันหยางยิ้มแห้งก่อนจะตอบเสียงแผ่ว “เสด็จพี่ทรงงานหนัก หม่อมฉันจึงไม่อยากรบกวนเขาเพคะ”คนแก่จึงหันมาหาพร้อมกุมมือแล้วเอ่ยว่า “เป็นสามีภรรยากัน ใช้คำว่ารบกวนไม่ได้นะ สิ่งที่เจ้าควรทำคือต้องรีบมีทายาทสืบสกุลให้เชื้อสายเรา รากฐานบ้านเมืองจะได้มั่นคง”“เพคะ เอาไว้หม่อมฉันจะหาโอกาสเหมาะ รีบทำเหลนให้เสด็จย่าเพคะ” ตันหยางเอ่ยเอาใจคนแก่“ดี! ต้องอย่างนี้สิ” ไทเฮายิ้มชอบใจ ก่อนจะพากันเดินชมสวนต่อ ตันหยางก็ได้แต่ฉีกยิ้มซ้ายทีขวา

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]   17. คนขี้งอน

    หลังจากชายาตนกลับมาพูดดีด้วย จิ่นหรงก็เริ่มหันมาหารือกับขุนนางทั้งสามต่อ “วันพรุ่งข้าจะให้หัวหน้าองครักษ์จินอู่ตรวจสอบว่าตำหนักใดเลี้ยงนก รวมถึงคนที่มีบาดแผลขีดข่วน คาดว่าไม่เกินสามวันคงได้ความ เพราะช่วงนี้ในวังตรวจตราเข้มงวดขึ้น เราก็อาศัยเรื่องนี้ตรวจหนอนบ่อนไส้เสียเลย”“มันคงนึกไม่ถึงว่าเราจะสืบรู้การวางแผนของพวกมัน ไม่แน่ยามนี้อาจกำลังติดต่อวางแผนการใหม่อีกก็ได้” อินหลางเอ่ย“เป็นเช่นนั้นก็ดี หากเราหาตัวผู้สมรู้ร่วมคิดในวังได้ เราจะได้ซ้อนแผนพวกมันเสียเลย” จิ่นหรงยกยิ้ม ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีก “ท่านอา ส่งคนสืบหาตัวซูเหวินอี้ที ข้าอยากรู้ว่ามันกบดานอยู่ที่ใด และอีกเรื่อง ข้าไม่อยากให้ข่าวลือบ้า ๆ นั่นแพร่ไปถึงพระกัณฑ์เสด็จอา เกรงว่าพระองค์จะทรงร้อนพระทัยจนอยู่ไม่เป็นสุข แค่แก้ปัญหาภัยแล้วมันก็หนักหนาพอแล้ว ข้าไม่อยากให้เสด็จอากังวลพระทัยเพราะเรื่องนี้อีก”“กระหม่อมจะรีบทำตามรับสั่งพ่ะย่ะค่ะ” อินหลางรับคำ“ประเดี๋ยวเพคะ รัชทายาทอยากได้คนสืบข่าว เช่นนั้นให้คนของสำนักมู่ตานช่วยอีกแรงนะเพคะ เรามีคนอยู่ทั่วทุกมุมเมือง ให้พวกเขาช่วยสืบและขจัดข่าวลือตามเมืองต่าง ๆ น่าจะง่ายกว่า

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]   16.ใครเป็นใหญ่

    หลังจากนั้นคนร้ายก็ถูกพาตัวกลับไปขังตามเดิม และยังคงคุมเข้มเพื่อไม่ให้สองคนนี้คิดสั้นปลิดชีพตน เพราะต้องเอาทั้งคู่ไว้เป็นพยานเอาผิดซูเหวินอี้ก่อนภายในห้องรับรองของคุกหลวง…กลุ่มขุนนางยังคงหารือกันต่อ แม้จะมีคำสั่งออกมาบ้างแล้ว ทว่าคนที่ออกไปทำงานก็ล้วนแต่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาระดับล่าง เพราะจิ่นหรงไม่อยากให้เรื่องมันกระโตกกระตาก “นึกไม่ถึงว่ามันจะใช้พ่อค้าธรรมดามาลอบสังหารคนในวัง ความคิดช่างแยบยลนัก ใช้ชาวบ้านที่เคยขายโคมทุกปีมาทำเรื่องชั่วแทน ชั่วช้านัก!” ใต้เท้าเจิ้นเอ่ยถึงสิ่งที่ได้ฟังเมื่อครู่ “มันคงวางแผนไว้นานแล้ว จึงได้อาศัยช่วงเวลาทดลองโคมไฟของเหล่าพ่อค้าที่ทำกันเป็นประจำ พวกมันใช้วิธีนี้หลอกล่อสายตาผู้คน และยังใส่พิษไว้ในโคม เมื่อมันถูกความร้อนมันก็แพร่กระจายตกเป็นละอองลงมาทำให้คนที่สูดดมเข้าไปหมดแรง ช่างเจ้าแผนการนัก” อินหลางเอ่ยอย่างแค้นใจ“ถึงว่า คนในตำหนักรอบบริเวณ รวมถึงด้านนอกตามระยะเส้นทางของโคม ผู้คนถึงได้นอนเกลื่อนเต็มทาง เอ๋! แล้วเหตุใดโคมถึงมาตกแต่ที่ตำหนักไทเฮาล่ะเจ้าคะ ตำหนักอื่นได้ยินว่าไม่เสียหายมิใช่หรือ” ตันหยางมองหน้าทุกคนสลับกันไปมา

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]   15. สะกดจิต

    ต่อมา…รถม้าที่เคลื่อนมาตลอดทางก็หยุดลง ณ สถานที่ที่ไม่มีใครอยากก้าวเข้าไป หากไม่มีธุระคงไม่มีใครอยากเฉียดเข้ามาใกล้ เพราะเกรงสิ่งอัปมงคลจะติดตัวออกไปด้วยเมื่อรถม้าหยุด จิ่นหรงก็ขยับดันร่างอรชรที่เขากอดออกห่างตัว แล้วเอ่ยถามเสียงอ่อน “แน่ใจหรือว่าจะเข้าไป”“เพคะ” คนตัวเล็กตอบรับโดยไม่เงยหน้ามองเขา จึงถูกมือเรียวเชยคางขึ้นเพื่อให้ได้สบตากัน“ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ได้มีท่าทางเขินอายเช่นนี้นี่”“ขะ… เขินอะไร อายอะไรเพคะ ไม่มี๊…”“ไยเจ้าต้องทำเสียงสูง” จิ่นหรงแสร้งเย้านาง“ไม่ได้เสียงสูงนะเจ้าคะ” ตันหยางรีบเถียงเพราะเกรงเขาจะจับได้ นางปัดมือเขาหนีก่อนจะรีบลุกออกมาจากรถม้า คนด้านหลังลุกตามพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า“ช้าก่อน ประเดี๋ยวข้าให้คนนำตัวคนร้ายออกมาให้เจ้าสอบสวนที่ห้องขังด้านนอก เจ้าไม่ต้องเข้าไปด้านใน”“เจ้าค่ะ” รับคำโดยไม่มองหน้าเขาอีกแล้ว ผู้เป็นสามีจึงอดที่จะยิ้มเอ็นดูนางไม่ได้ เพราะปกติตันหยางนางมักจะทำตัวเป็นผู้ใหญ่กว่าเขาเสมอ สุขุม นิ่ง ราวกับคนไร้ใจทว่าเขาเพิ่งรู้วันนี้เองว่า แท้ที่จริงนางก็เหมือนสตรีทั่วไป ที่รู้จักเขินอาย และมีมุมออดอ้อนอันแสนน่ารักแฝงไว้ด้วย

  • ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]   14. ภรรยาแสนดี

    จิ่นหรงขบกรามแน่น เขานึกไม่ถึงจริง ๆ ว่ากู้อิงเถาจะกล้าเอ่ยวาจาบิดเบือนจากข้อเท็จจริงเหล่านี้ออกมา ทั้งที่เขาเองก็ย้ำนักย้ำหนาว่ามันคือการตอบแทนบุญคุณ มิได้มีเรื่องความรู้สึกใด ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องแม้แต่น้อยเรื่องที่เขาเคยพึงใจนาง ก็แค่เอ่ยถึงเรื่องเก่าก่อนในช่วงเวลาสั้น ๆ มายามนี้เขาไม่ได้รู้สึกอันใดกับนางแม้เพียงนิด ที่ยอมพบหน้าก็เพื่อต้องการตอบแทนบุญคุณให้มันจบสิ้นเท่านั้นเพราะเหตุนี้กระมัง มู่ตันหยางจึงได้เอ่ยว่าเขาไม่ทันคน “ข้าไม่ได้เอ่ยเช่นที่นางว่า” เขาหันมาหาชายาตน พร้อมกับมองลึกลงไปในดวงตาคู่สวย เพราะอยากรู้ว่านางจะเชื่อในสิ่งที่เขากล่าวหรือไม่ และสิ่งที่ตอบกลับมาก็ยังเป็นยิ้มอ่อนเช่นเคย“น้องเชื่อท่านพี่เจ้าค่ะ” เอ่ยจบร่างอรชรก็หันมาหาผู้ที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า ก่อนจะยอบกายลงแล้วเอ่ยว่า “ถ้าเจ้ายังไม่หยุด ข้าจะไม่อยู่เฉยแล้วนะคุณหนูกู้” คำพูดไม่กี่ประโยค กลับทำให้ร่างของกู้อิงเถาหยุดชะงักทันที“ขะ… ข้า” แววตาอิงเถาดูหวาดกลัวไม่น้อย“หยุดความคิดของเจ้าเสีย แล้วอย่าได้พูดจาเลื่อนเปื้อนเช่นนี้อีก เพราะหากมีคราวหน้าข้าจะไม่เอาเจ้าไว้แน่”“ขะ…ข้า ข้าเปล่านะ”

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status