เข้าสู่ระบบแม้แก้แค้นสิบปีไม่สาย ทว่านางไม่อาจรอได้นานขนาดนั้น ผู้ต้องสงสัยเป็นถึงรัชทายาทแล้วอย่างไร นางหาได้กลัวไม่ ท้ายที่สุด นางกลับเสียท่าให้ศัตรู แต่โชคดีที่คนผู้หนึ่งช่วยไว้ได้ทัน ทว่าเขาผู้นั้นกลับเป็นถึงท่านอ๋อง เป็นน้องชายของรัชทายาทชั่ว และที่เลวร้ายที่สุด คือเขาพาตัวนางมากักขังในอ้อมแขน ใช้วิธีทรมานอันแสนสุขสมทุกค่ำคืน... #เนื้อหาไม่หนัก เน้นรักโรแมนติก เล่มเดียวจบ
ดูเพิ่มเติม“สักครู่ของเจ้า ข้าว่านานเกินไปกระมัง ข้านั่งรอจนน้ำชาหมดกาแล้ว ขอข้าเข้าไปดูหน่อย หากน้องสี่เหงื่อออกมากเกินไป เขาอาจป่วยได้นะ”“อ๊ะ! รัชทายาท พระองค์ทรงรอให้กระหม่อมเข้าไปแจ้งท่านอ๋องตามกฏระเบียบก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้านี่นะ บังอาจยิ่ง แต่เอาเถอะ ถือว่าเป็นคนซื่อตรงภักดีต่อน้องสี่ เราจะไม่ถือสา”“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”ในตอนนั้นเอง จ้าวเฟิ่งที่กอดรัดเพ่ยหนิงให้ใบหน้าฝังอยู่ตรงแผ่นอกก็โผล่ออกจากผ้าห่มเพียงผู้เดียวเขาม้วนตัวนางเก็บไว้ใต้ผ้าห่มอย่างแน่นหนาไร้ช่องลม รีบหยิบเสื้อคลุมบนพื้นห้องมาสวมร่างเปล่าเปลือยของตนพลางก้าวข้ามประตูเล็กที่ทะลุห้องอาบน้ำไปอย่างรวดเร็วหลี่อี้ยืนปาดเหงื่ออยู่หลังประตูห้องอาบน้ำ เมื่อได้รับสัญญาณทางสายตาของจ้าวเฟิ่งที่ทำท่าเพิ่งลุกออกจากถังไม้ก็หันไปเปิดประตู ค้อมเอวผายมือเชิญรัชทายาทเดินเข้ามาอย่างผ่าเผย“น้องสี่” จ้าวไท่หรงทักทายน้องชายอย่างอารมณ์ดี สายตายังแอบสำรวจไปทั่ว ตั้งแต่ห้องส่วนตัวและห้องอาบน้ำ ขื่อเพดาน“พี่ใหญ่” จ้าวเฟิ่งหรี่ตา แค่นเสียงอย่างรู้ทัน “ท่านคงมิได้มาตรวจสอบผลจากงานเลี้ยงเมื่อคืนกระมัง?”ฉับพลันนั้น เขาจึงได้เข้าใจ ยาในสุราเมื่อคื
น้ำค้างพร่างพราว สายลมยามเช้าในฤดูใบไม้ผลิพัดผ่านให้ความรู้สึกเย็นฉ่ำมาถึงห้องลับด้านในเพ่ยหนิงซุกตัวอยู่ในอ้อมอกอุ่น จ้าวเฟิ่งกอดรัดนางไว้ด้วยอ้อมแขนแข็งแรง ทั้งสองหลับสนิทและกอดกันแน่นอยู่ใต้ผ้าห่มครั้นเสียงของหลี่อี้ดังขึ้นจากในห้องส่วนตัวอีกฝั่ง“ท่านอ๋องกำลังอาบน้ำขอรัชทายาททรงรอสักครู่พ่ะย่ะค่ะ”“น้องสี่อาบน้ำตอนเช้าด้วยรึ? รักสะอาดเกินไปหรือไม่?” เสียงรัชทายาทถามขึ้น เสียงนั้นดังอยู่ทางห้องฝั่งเดียวกันกับหลี่อี้ขันทีตอบเร็ว “เมื่อคืนท่านอ๋องมีเหงื่อออกมากพ่ะย่ะค่ะ จึงลุกขึ้นอาบน้ำตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง”“อ้อ...”สิ้นเสียงสนทนา ทั้งสองในห้องลับพลันตื่นเต็มตาเพ่ยหนิงที่ได้สติฉับพลันรีบออกจากวงแขนอย่างรังเกียจ จ้าวเฟิ่งขมวดคิ้ว สีหน้าไม่ยินดี พลางดึงนางเข้ามาแนบชิดอีกครา แต่เพ่ยหนิงไม่ยอม จึงมีการยื้อยุดมุดตัวอยู่ในผ้าห่ม“ปล่อยข้านะ” ใต้ผ้าห่ม สาวน้อยถลึงตาโตเขากระซิบดุดัน “เจ้าอย่าฝันว่าจะได้ออกไปพบหน้าเขา”เพ่ยหนิงกัดแขนเขาทีหนึ่ง ดวงตาวับวาวราวกับแมวป่า “ข้ากับเขามีวาสนาต่อกัน ท่านจะกีดกันข้าเพื่ออันใดนักหนา”จ้าวเฟิ่งชะงัก พลันนึกถึงคำพูดที่นางเคยสารภาพความจริงถึงสาเหตุใน
เพ่ยหนิงปรือตามองก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาประชิดมา ก่อนที่ริมฝีปากร้อนผ่าวจะประกบอย่างอุกอาจเอาแต่ใจ หญิงสาวถูกจุมพิตที่ไม่หยาบกระด้างแต่ก็ไม่อ่อนโยนถาโถมเข้าใส่จนมึนงงลมหายใจของนางกำลังถูกลมหายใจของเขาที่ร้อนเร่ายิ่งกว่าเตาไฟเผาไหม้จนแทบละลาย ความแข็งขืนมิผ่อนปรนของเขาทำหัวใจของนางเต้นแรง ริมฝีปากของนางถูกเขาครอบครอง ฝ่ามือยังถูกเขากอบกุมยากปัดป้อง เนื้อตัวถูกเขารุกเร้าเอาแต่ใจมากขึ้นเรื่อย ๆเพ่ยหนิงรู้สึกเหมือนวิญญาณถูกสูบ สมองขาวโพลน คล้ายถูกมอมเมาด้วยจุมพิตอันร้อนแรง ร้ายที่สุดก็คือถูกชักจูงด้วยสิ่งที่ฝ่ามือนางกุมแทบไม่หมดนั้นและก่อนที่นางจะขาดอากาศหายใจ เขาค่อยๆ ผละออก แต่ยังคลอเคลียไม่ห่าง ปลายลิ้นที่ไล้เลียเปลี่ยนจูบเร่าร้อนเป็นการละเลียดชิมริมฝีปากอย่างเว้าวอน คล้ายอ้อนวอนให้ช่วยเหลือกัน“ท่านอ๋อง” นางเสียงสั่น“ช่วยหน่อย” เขาสั่งเสียงเข้ม แฝงนัยร้องขอสาวน้อยหลับตา ข่มอารมณ์ข่มใจอย่างยากลำบาก นางปวดมือมากยิ่งนางขยับ เขาก็เหมือนยิ่งขยาย หากเป็นเช่นนี้ต่อไป...“ท่านเอาแต่ใจเกินไปแล้วนะ”“คืนนั้นเจ้าเอาแต่ใจมากกว่านี้มิใช่หรือไร
หลังจากนั้นไม่นานตัวนางก็ร้อนรุ่ม รู้สึกถึงเพลิงผลาญที่แล่นพล่านจะไปทั่วตัวก่อนจะพุ่งขึ้นสูงและดิ่งลงต่ำไปที่ท้องน้อย ท้ายที่สุดนางก็ควบคุมตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ ร้องขอเขาเสียงสั่นเครือ ขณะทิ้งตัวลงนั่งบนตักของเขาเขาตัวเกร็ง นิ่วหน้ามองพวกเราต่างไม่รู้ว่าในน้ำชามีอันใดขันทีที่อยู่นอกห้องถูกเฉิงอ๋องเรียกมาสอบถามถึงได้รู้ว่าเป็นชาพระราชทานจากฮ่องเต้ที่รัชทายาทแบ่งมาให้สองมือแกร่งที่ประคองบั้นท้ายของนางซึ่งกำลังถูไถไปมาบนหน้าขาของเขาชะงักค้างไปทันที“ไหวหรือไม่?” เขาถามเสียงเครียดนางตอบเสียงสั่น “ไม่ไหว...”หลังจากนั้นก็เป็นอย่างที่เป็นอยู่ทุกค่ำคืน คือนางไม่ได้ออกจากห้องลับ และเขาก็จะกลับมานอนด้วยแทบทุกคืนไม่รู้ว่าใครติดใจใครเฉิงอ๋องจ้าวเฟิ่งที่แค่กระดิกนิ้วก็มีสาวงามวิ่งตามเป็นพรวนกับนางที่เรียกร้องเขาเพราะยาแค่ครั้งเดียว...หญิงสาวถอนหายใจให้กับความโง่เขลาของตัวเองเป็นครั้งที่เท่าใดมิอาจนับ จากนั้นพลันลุกขึ้น กระชับชุดนางกำนัลไร้สีสันให้แน่นขึ้น ทำท่าจะเดินไปทางเตียงนอนในตอนนี้เอง ประตูเล็กฝั่งที่ติดกับห้องอาบน้ำก็เปิดออก ร่างบุรุษสูงสง่าสวมเพียงเสื้อคลุมเผยแผ่นอกตึงแน่น
นางมองทุกส่วนที่ทรงเสน่ห์นั้นอย่างหลงใหลยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกหวงแหนลำพองใจ ไม่ว่าใครหากได้มองล้วนรู้สึกเฉกเดียวกับนาง“หม่อมฉันหนิงเอ๋อร์เพคะ ท่านอ๋องทรงให้หม่อมฉัน...”ยังพูดไม่จบ นางพลันรับรู้ถึงกลิ่นอายอันตราย ได้ยินบุรุษในถังไม้แค่นเสียงลอดไรฟันว่า “ออกไป”“แต่ว่า ท่านอ๋องเพคะ...”จ้าวเฟิ่งช้อนตาขึ้นมองแวบหนึ่ง “หากเข้ามาอีกครึ่งก้าว เปิ่นหวางจะฆ่าเจ้า”ได้ยินดังนั้น ใครจะกล้ารั้งอยู่ “พ่ะ เพคะ ไปแล้วเพคะ”“ช้าก่อน”เมื่อเสียงเข้มนี้กระทบโสตประสาท หนิงเอ๋อร์พลันชะงักฝีเท้า ในใจลิงโลดทันใด คิดว่าท่านอ๋องต้องทนไม่ไหว คิดเปลี่ยนใจให้นางปรนนิบัติแน่แล้วทว่ายังไม่ทันหันไปยิ้มหวานกลับได้ยินคำพูดเย็นเยียบแทน“ต่อไปอย่าให้เปิ่นหวางได้ยินว่าเจ้าใช้ชื่อนี้อีก”“...!?”“และอย่ามาให้เห็นหน้าอีก ออกไป!”“เอ่อ...ท่ะ”ยังไม่ทันอ้าปาก หลี่อี้ที่ได้ยินพลันเข้ามากระชากตัวนางลากออกไปทันทีประตูห้องอาบน้ำปิดลงอีกครั้ง จ้าวเฟิ่งหลับตาขบกราม จัดการกับตัวเองต่อไปผ่านไปค่อนคืน น้ำในถังกระฉอกไปเกือบครึ่ง แต่พายุอารมณ์ในกายก็ยังไม่ยอมสงบลง จ้าวเฟิ่งหอบหายใจหนักหน่วง ทั้งกระเส่าและถี่กระชั้น
หญิงสาวรวบรวมความกล้าครั้งสุดท้าย วิ่งไปดักหน้าเขา“พี่เฟิ่ง ท่านรู้ดีว่าตั้งแต่ข้าเป็นเด็กหญิงไม่ประสา ในใจข้าก็มีเพียงท่านแล้ว ทำไมเล่า ทำไมท่านไม่มองข้าบ้าง ไยต้องมองหาสตรีที่ไม่คู่ควรที่หายตัวไปทางใดก็ไม่รู้ผู้นั้นด้วย”ฝีเท้าอันหนักอึ้งชะงักกึก หางตาจ้าวเฟิ่งกระตุกเบาๆ หวังซูเหยาเห็นดังนั้นก็เริ่มลำพองใจ สองตาปริ่มน้ำแลดูงดงามหยาดเยิ้มจึงส่งให้ไม่มีลดละ จ้องมองอย่างลึกซึ้งเข้าไปในดวงตาคมดำไร้ก้นบึ้งของเขาอย่างจงใจด้วยสภาพของเขายามนี้หากถูกสตรียื้อเวลาให้ร่วมเสวนา เกรงว่าพรุ่งนี้คงต้องส่งแม่สื่อไปเจรจาหมั้นหมายตามแผนการหวังซูเหยาลอบแย้มยิ้มอยู่ในใจ เมื่อเห็นหนทางสำเร็จรำไรทว่าท้ายที่สุด จ้าวเฟิ่งกลับไม่ใส่ใจว่านางจะรู้เรื่องส่วนตัวของเขามากน้อยแค่ไหน แววตาของเขายังคงเฉยเมยคล้ายผลักไส น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบผิดกับอาการร้อนรุ่มในอก“ไม่เกี่ยวว่าข้ามีใครเคียงหรือครองตัวสันโดษ เพราะสิ่งเดียวคือข้าไม่ต้องการเจ้า”กล่าวจบเขาปรายตามองนางนิ่งๆ เดินจากไปอย่างเย็นชาอีกคราที่หวังซูเหยาทำได้เพียงมองเงาร่างสูงสง่าจนลับตา รับรู้เพียงกลิ่นอายรังเกียจที่เขาทิ้งไว้ให้แผ่ซ่าน
ความคิดเห็น