นักมวยสาวจากประเทศไทย สิ้นอายุขัยกลับชาติไปเกิดในร่างของหญิงสาววัยสิบห้านามว่าซูเหมย คุณหนูห้าแห่งสกุลหลิน
View Moreประเทศไทย
เสียงพิธีกรบนเวทีมวยขนาดใหญ่ดังขึ้นประกาศชื่อเสียงเรียงนามของคู่ชกคู่สำคัญของวันนี้ เสียงเชียร์ดังกระหึ่มทั่วทั้งสนามมวยที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงของประเทศไทย เรือนร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของสตรีที่มีนามว่า อมิตา หรือ ฉายาน้องต้านางฟ้ามวยไทย ปรากฏบนเวทีมวย นอกจากฝีมือการออกหมัดและลูกเตะที่ทำเอาคู่แข่งน๊อคคาเวทีภายในสองยก เธอยังมีหน้าตาสะสวยเป็นอาวุธ ทำให้เธอมีทั้งแฟนคลับที่เป็นผู้ชายและผู้หญิงทั่วทั้งประเทศไทย
“กรี๊ด……น้องต้านางฟ้ามวยไทย”
เสียงแฟนคลับสาวๆ ที่มาเชียร์นักมวยสาวในดวงใจต่างพากันส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดเรียกขานฉายาของเธอออกมา อมิตายกมือไหว้ก่อนที่จะเดินไปสวมนวมและใส่ฟันยาง คู่แข่งของเธอวันนี้เป็นนักมวยสาวชาวจีนที่เดินทางมาท้าประลองกับเธอ ดวงตากลมโตของหญิงสาวมองไปยังคู่แข่งที่มีรูปร่างไม่ต่างกันจากเธอสักเท่าไหร่ ริมฝีปากบางฉีกยิ้มออกมา
“ขอต้อนรับ น้องต้า นางฟ้ามวยไทยแห่งค่ายมวย อรุณรุ่ง”
สิ้นเสียงของพิธีกรเสียงปรบมือและเสียงเชียร์ชื่อเธอก็ดังกระหึ่มเวทีอีกครั้ง นักมวยคนสวยเดินไปกลางเวทีแล้วยกมือไหว้รอบทิศ ก่อนที่จะวิ่งไปอยู่ข้างขวาของกรรมการ
“ขอต้อนรับผู้ท้าชิงเข็มขัดแชมป์มวยไทยของนางฟ้าเอเชียร์ของเราจากประเทศจีน หลินชูฉวง”
สิ้นเสียงพิธีกรนักมวยสาวจีนจึงยกนวมขึ้นมาไหว้เช่นกัน เสียงปรบมือพร้อมกับเสียงเชียร์เป็นภาษาจีนดังขึ้นรอบทิศ
สองสาวยืนประจันหน้ากันอยู่บนเวที แววตาวาวโรจน์อย่างมุ่งมั่นของนักมวยสาวชาวไทยทำให้นักมวยสาวชาวจีนรู้สึกท้าทาย นานแล้วที่ไม่ได้เจอคู่แข่งที่น่าสนใจแบบนี้ เสียงระฆังดังขึ้นนวมทั้งสองชนกันก่อนที่ทั้งคู่จะเริ่มขยับเท้าของตน นักมวยทั้งสองต่างลองดูเชิงมวยของกันและกันในยกแรก
อมิตาก็ไม่ได้ออกอาวุธหนักมาตั้งแต่ต้น เธอต้องการหลอกล่อให้อีกฝ่ายใช้แรงให้มากในยกแรก และก็เป็นไปตามที่วางแผนเอาไว้ หลินชูฉวงออกอาวุธจนหายใจหอบ ส่วนอมิตานั้นก็หลบหลีกหมัด เข่า และลูกถีบของอีกฝ่ายอย่างคล่องแคล่ว เสียงระฆังหมดยกดังขึ้นนักมวยทั้งสองจึงหยุดการชกแล้วเดินกลับไปยังข้างเวทีที่มีพี่เลี้ยงรอดูแลอยู่
“ไหวนะน้องต้า” เสียงของพี่เลี้ยงดังขึ้น
“ไหวพี่…เมื่อกี้หนูดูเชิงมวยของอีกฝ่ายแล้ว งานนี้ไม่หมู…แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถของหนูแน่นอน”
นักมวยสาวบอกก่อนที่จะฉีกยิ้มออกมา พี่เลี้ยงกับบิดาของเธอที่เป็นถึงเจ้าของค่ายมวยอรุณรุ่งค่อยสบายใจขึ้นเมื่อได้ยินเธอบอกเช่นนั้น
“เห้ย!! พวกมึงว่าน้องต้าจะน๊อคนักมวยจีนยกนี้ไหมวะ” แฟนคลับที่เชียร์อยู่ด้านล่างเอ่ยถามเพื่อนที่มาเชียร์ด้วยกัน
“กูว่ามีสิทธิ์ว่ะ ดูสายตากับรอยยิ้มของเธอ เป็นเหมือนรอบก่อนเลยฮ่าๆ ยิ้มแบบนี้โคตรน่ากลัว”
เพื่อนตอบด้วยน้ำเสียงที่จริงจังก่อนที่จะหัวเราะออกมา เพื่อนที่เหลือเห็นด้วย
ระฆังเตือนยกต่อไปดังขึ้น นักมวยสาวจากสองประเทศเดินไปประจันหน้ากันที่กลางเวที ก่อนที่กรรมการจะสั่งเริ่ม นวมของทั้งสองชนกันอีกครั้งก่อนที่นักมวยสาวชาวจีนจะสาวเท้าเข้าหาแล้วเริ่มออกหมัดก่อน อมิตาหลบหลีกอย่างคล่องแคล่ว ก่อนที่จะสวนกลับไปอย่างเน้นๆ เสียงนวมกระแทกเนื้อของอีกฝ่ายจนเกิดเสียงดังสนั่น หลินชูฉวงเริ่มออกอาการเหนื่อยเพราะออกแรงตั้งแต่ต้นยก
"นาทีสุดท้าย"
เสียงตะโกนดังจากข้างสังเวียนผืนผ้าใบ หญิงร่างเล็กแต่กำยำด้วยกล้ามเนื้อ ออกอาวุธทั้งหมัด เข่า ศอกใส่คู่แข่งนักมวยสาวชาวจีนแบบไม่ยั้ง แรงกระแทกถึงกับทำให้อีกฝ่ายชะงักนิ่งเป็นพัก จนสัญญาณหมดยกใกล้ดัง
หมัดตรงของนักมวยสาวชาวไทยก็พุ่งตรงไปยังโหนกแก้มของอีกฝ่าย ร่างกำยำของนักมวยสาวชาวจีนถึงกับเซเพราะมึนกับหมัดที่เน้นและหนักแน่นของอีกฝ่าย และแล้วร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของคู่แข่งก็ล้มตึงลงเรียกเสียงฮือฮาจากแฟนๆ ที่มาเชียร์
“นั่นไง..กูว่าแล้วฮ่าๆๆๆ” แฟนมวยของอมิตาร้องออกมาให้กับความคิดที่ถูกต้องของตน
เสียงระฆังดังขึ้นพร้อมกับกรรมการที่ยกมือทั้งสองขึ้นมาทำท่าไขว้กันเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าอีกฝ่ายชกไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เสียงปรบมือและเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีกับนักมวยสาวดาวรุ่งดังขึ้น อมิตานั่งลงก้มกราบเวทีก่อนที่จะลุกขึ้นแล้ววิ่งเข้าไปดูคู่แข่งที่ยังนอนสลบอยู่
เธอยกมือไหว้ขอโทษขอโพยก่อนที่จะลุกขึ้นวิ่งชูมือไปรอบๆ เวทีเรียกเสียงปรบมือดังสนั่นไปทั้งเวทีมวย ทีมแพทย์สนามเข้ามาดูแลก่อนที่จะหามนักมวยสาวชาวจีนออกจากสนามไปส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจเช็กสมองเพราะแรงกระแทกน่าจะหนักพอสมควร
พิธีกรประกาศชื่อผู้ชนะในการป้องกันเข็มขัดแชมป์มวยไทยในครั้งนี้ กรรมการชูมือหญิงสาวขึ้นมา รอยยิ้มจากนักมวยสาวที่แจกจ่ายไปยังแฟนมวยทุกคนทำให้ทุกคนรู้สึกมีความสุขไปกับเธอด้วย น้อยนักที่ผู้หญิงจะชกมวยเก่งขนาดนี้ อมิตา น้องต้านางฟ้ามวยไทยก็เป็นหนึ่งในนั้น หนึ่งในส่วนที่มีน้อยนิด หนึ่งในความภูมิใจของชาวไทย
นักข่าวที่มาทำข่าวต่างรอสัมภาษณ์นักมวยสาวดาวรุ่งที่สามารถรักษาเข็มขัดแชมป์ในครั้งนี้ได้อีกครั้ง ภาพที่นักมวยสาวคาดเข็มขัดและรับรางวัลถูกตีพิมพ์ลงหนังสือพิมพ์และออกข่าวกีฬาแทบจะทุกช่อง เรียกได้ว่าเธอกำลังโด่งดังและเป็นที่จับตามองของวงการมวยไทย
“ขอสัมภาษณ์น้องต้าหน่อยนะคะ” นักข่าวสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้นขณะที่นักมวยสาวเปิดโอกาสให้สัมภาษณ์ได้
“ได้ค่ะ” เธอตอบพร้อมกับส่งยิ้มให้
“กว่าที่น้องต้าจะประสบความสำเร็จในวันนี้ น้องต้าผ่านอะไรมาบ้าง ช่วยเล่าให้เป็นแรงบันดาลใจให้กับน้องๆ เยาวชนหน่อยได้ไหมคะ”
“ได้ค่ะ… กว่าที่ต้าจะมีวันนี้มันไม่ง่ายเลยจริงๆ แต่เพราะความชอบและความพยายาม ขยันฝึกซ้อมให้เป็นประจำเลยทำให้ต้าแข็งแกร่งขึ้น จากเด็กผู้หญิงอ่อนแอ ก็กลายเป็นเด็กผู้หญิงที่แข็งแรงมาได้ ดีที่คุณพ่อสนับสนุนและให้กำลังใจต้ามาโดยตลอด ไม่ว่าต้าจะล้มสักกี่ครั้ง ต้าก็จะรีบลุกขึ้นเสมอ ต้าจะไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์” คำตอบของนักมวยสาววัยสิบเก้าปีเอ่ยออกมาทำให้คนฟังรู้สึกชื่นชม
“เห็นมีวงในบอกมาว่าน้องต้าฝึกหนักมาก เวลาพักก็มีเพียงน้อยนิด ขอถามได้ไหมคะว่าทำไมน้องต้าต้องฝึกหนักขนาดนั้น” นักข่าวสาวอีกคนเอ่ยถามขึ้น อมิตาหันไปมองก่อนที่จะส่งยิ้มให้
“เพราะการเป็นแชมป์มันไม่ใช่เรื่องยาก แต่สิ่งที่ยาก…คือการรักษาแชมป์เอาไว้ให้ได้ค่ะ”
บรรดานักข่าวที่ยืนสัมภาษณ์นักมวยสาวดาวรุ่งของยุคต่างพากันยิ้มออกมากับคำตอบของเด็กสาววัยเพียงสิบเก้าปี แต่ทว่าประสบความสำเร็จในเส้นทางที่เลือกเดินเพียงเพราะความมุ่งมั่น ขยันและพยายาม พี่เลี้ยงและบิดาเข้ามาขออนุญาตพานักมวยสาวกลับไปพักผ่อน บรรดานักข่าวจึงยอมปล่อยให้นักมวยสาวไปทันที
ชุดนักมวยถูกเปลี่ยนเป็นชุดสมวัยของเด็กสาววัยสิบเก้าปี อมิตารีบหยิบแท็บเล็ตของตนขึ้นมาเปิดแอปพลิเคชันดูซีรีส์จีนที่ตนเปิดดูเอาไว้ก่อนการขึ้นชก นอกจากการเป็นนักมวยที่มีฝีมือแล้ว อมิตายังเป็นคอซีรีส์จีนอีกด้วย เรียกว่าซีรีส์จีนเรื่องไหนที่เธอไม่รู้จักคงจะไม่มีอีกแล้ว เพราะเด็กสาวนั้นติดซีรีส์จีนมาตั้งแต่เด็ก จนคนเป็นบิดามารดาคิดว่าลูกสาวเป็นคนจีนกลับชาติมาเกิด
“ฟังรู้เรื่องเหรอต้า” บิดาเอ่ยถามบุตรสาวขณะที่นั่งอยู่ในรถตู้ด้วยกัน
“รู้เรื่องสิพ่อ พูดได้ด้วยจะฟังไหมคิกๆๆ” อมิตาตอบบิดาก่อนที่จะเอ่ยถามพร้อมส่งเสียงหัวเราะออกมา
“ดีเว้ย วันข้างหน้าพ่อจะได้รับลูกศิษย์เป็นคนจีนด้วยเลย ไหนๆ ลูกสาวก็พูดฟังภาษาจีนได้อยู่แล้ว จริงไหม” นายอรุณเอ่ยขอความเห็นจากบุตรสาว
“ดีค่ะ… แต่ตอนนี้ขอต้าดูซีรีส์ก่อนนะพ่อ นางเอกกำลังจัดการกับพวกที่มารังแกอยู่พอดี ถ้าต้าได้เจอผู้หญิงแบบคนพวกนี้นะ ต้าจะชกให้พวกนี้ให้พูดไม่ได้ไปหลายวันเลยคอยดูสิ หึๆ เห็นคนอ่อนแอกว่าแล้วชอบรังแก” นักมวยสาวตอบบิดาก่อนที่จะแสดงความเห็นเกี่ยวกับซีรีส์จีนที่กำลังดูอยู่อย่างออกรสออกชาติ
“ฮ่าๆๆ พ่อล่ะกลัวแทนคนพวกนั้นเลย แต่ลูก… นี่มันคือละคร คือการแสดง เรื่องจริงคงไม่มีแบบนี้หรอกมั้ง”
อรุณบอกบุตรสาวก่อนที่จะยื่นมือไปยีผมของเธออย่างเอ็นดู อมิตาละสายตาจากจอมองหน้าบิดาแล้วส่งยิ้มให้ จากนั้นจึงก้มดูภาพเคลื่อนไหวในจอแท็บเล็ตต่อไปอย่างสนใจ อรุณมองบุตรสาวด้วยแววตาอ่อนโยน ถึงแม้อมิตาจะเป็นนักมวยที่เก่งกาจ แต่เธอก็ยังเป็นบุตรสาวที่อ่อนโยนและน่าทะนุถนอมของเขาเสมอ
อมิตาสูญเสียมารดาไปตั้งแต่อายุห้าขวบ อรุณผู้เป็นบิดาจึงเลี้ยงดูบุตรสาวมาเพียงลำพัง เธอถูกสอนท่ามกลางผู้ชาย ด้วยบิดาเปิดค่ายมวยจึงทำให้เด็กหญิงซึมซับและเริ่มที่จะเรียนรู้ เธอฝึกซ้อมมวยมาตั้งแต่เด็กและผ่านเวทีการชกมวยมามากมาย ถ้วยรางวัลเข็มขัดแชมป์ที่อยู่ในตู้ภายในบ้านเรือนไทยหลังใหญ่ เป็นการบ่งบอกถึงความมุ่งมั่นและพยายามของเธอ
“วันเกิดปีนี้อยากจัดที่ไหนล่ะลูก” อรุณเอ่ยถามบุตรสาวทันทีที่รถจอดลงที่หน้าบ้าน
“บ้านเรานี่แหละพ่อ ให้พวกพี่ๆ เขาได้กินกับเราด้วย”
พี่ๆ ที่เธอเอ่ยถึงนั้นเป็นนักมวยในค่ายที่มีทั้งหญิงและชาย บิดาของเธอมีลูกศิษย์ที่รักเขาและเขารักอยู่หลายคน และหลายคนนั้นเธอก็นับถือเป็นพี่ชายพี่สาวอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ เพราะทุกคนนั้นคอยดูแลเธอมาโดยตลอด จากเด็กหญิงผู้อ่อนแอ กลับกลายมาเป็นเด็กสาวที่แข็งแกร่งได้ในวันนี้ก็เพราะมีบิดาและพวกพี่ๆ คอยช่วยฝึกฝน
“อืม… แบบนั้นก็ได้ลูก หนูไปพักเถอะ เดี๋ยวสักพักค่อยลงมากินข้าว ขึ้นรถมานึกว่าจะหลับกลับดูซีรีส์ตลอดทาง ไม่ไหวเลยลูกคนนี้” อรุณบอกก่อนที่จะบ่นออกมาให้บุตรสาวเรื่องที่เธอติดซีรีส์จีนจนแทบจะไม่ยอมพักผ่อน
อมิตาหันมาส่งยิ้มทะเล้นให้บิดาก่อนที่จะเดินเข้าบ้านไป อรุณเดินตรงไปยังค่ายมวยของตนที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณบ้าน บ้านนอกเมืองหลังนี้เป็นมรดกตกทอดมาจากบิดาของเขาที่เปิดค่ายมวยมาก่อนหน้าเช่นกัน อมิตาที่เข้าบ้านไปตรงไปยังห้องนอนของตนจากนั้นจึงเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อชำระล้างคราบเหงื่อไคลจากการกลับมาจากแข่งขันชกมวยเมื่อเช้าที่ผ่านมา
“ลูกชายของผู้ใดกัน ช่างเหมือนท่านแม่ของเขายิ่งนัก” ฟางเซี่ยหมินแสร้งหยอกเย้าภรรยา “ข้าทั้งอุ้มท้อง ทั้งเบ่งเขาออกมา เขาย่อมเหมือนข้าแน่อยู่แล้วเจ้าค่ะ” หลินซูเหมยยอมรับออกมาอย่างภูมิใจ “แล้วลูกล่ะเจ้าคะ ลูกเหมือนท่านพ่อหรือท่านแม่” ฟางซูลี่ สาวน้อยตากลมเอ่ยถามมารดาออกมาด้วยความสงสัย ถ้าพี่ชายใหญ่เหมือนท่านแม่แล้วนางเหมือนผู้ใดกัน นางเป็นสตรีเช่นเดียวกับท่านแม่ หรือนางจะต้องเหมือนกับท่านพ่อ “เจ้าก็เหมือนท่านแม่ของเจ้าเช่นกัน ลี่เอ๋อร์… ไม่ว่าจะพี่ใหญ่ของเจ้า หรือตัวเจ้า ต่างก็เป็นลูกที่เกิดมาจากความรักของพ่อแม่ พ่อมีความสุขที่ได้มีแม่ของเจ้าและพวกเจ้ามาเป็นครอบครัวของพ่อ” ฟางเซี่ยหมินโอบกอดร่างเล็กพลางใช้มือหนาโยกศีรษะเล็กของบุตรีไปมาอย่างเอ็นดู ฟางซูลี่ฉีกยิ้มกว้างเห็นฟันซี่เล็กเรียงรายให้กับบิดาและมารดา หลินซูเหมยมองสามีและบุตรีด้วยแววตารักใคร่ หลังจากงานตีคลีผ่านพ้นไป คุณชายใหญ่และคุณหนูรองของจวนท่านโหวฟางเซี่ยหมิน ก็เป็นที่กล่าวถึงไปทั่วทั้งเมืองหนานถิง หลายตระกูลย่อมอยากที่จะเกี่ยวดองกับพวกเขา โดยเฉพาะคุณชายใหญ่ที่ในภายภาคหน้าจะต้องได้รับยศถาบรรดาศักดิ์โหวต่อจากบิดา “ลูกทั้ง
เกือบสองเดือนที่แม่ทัพฟางเซี่ยหมิน และกองทัพทหารของเขารั้งอยู่ที่เมืองซาย่า หนึ่งก็เพื่อรอสังเกตความเคลื่อนไหวของทหารฝ่ายตรงข้าม สองเพื่อช่วยชาวเมืองฟื้นฟูและซ่อมแซมเมืองที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม แม้ภายในใจจะแสนคะนึงหาภรรยาอันเป็นที่รัก และสองลูกน้อยที่ห่างมานาน แต่เพราะภาระหน้าที่แล้วเขาจึงต้องทน“ท่านแม่ทัพ งานซ่อมแซมที่นี่ก็ไม่มีอันใดให้ต้องเป็นห่วงแล้ว สถานการณ์ทางฝั่งเมืองเมืองฉงหนานก็ดูสงบเรียบร้อยดี ข้าว่าพวกเรายกทัพกลับเมืองหนานถิงกันดีหรือไม่ขอรับ เหล่าทหารที่จากครอบครัวมานาน คงจะคะนึงหาคนที่รออยู่ไม่น้อยแล้ว”ฉงจี้ กุนซือคนสนิทกล่าวออกมาในขณะที่เห็นท่านแม่ทัพยืนอยู่บนกำแพงเมือง แล้วกำลังทอดสายตามองไปยังทิศทางที่เมืองหนานถิงตั้งอยู่ ใบหน้าคมมีหนวดเคราครึ้มหันหน้ากลับมามองกุนซือ“อืม… ข้าก็เห็นด้วยกับท่านกุนซือ เพราะแม้แต่ตัวข้าเอง ก็คิดถึงฮูหยินและลูกๆ ของข้าเหลือเกิน”แม่ทัพผู้องอาจยอมรับออกมาอย่างไม่อาย สงครามไม่เคยทำให้ผู้ใดมีความสุข มีแต่จะพรากความสุขและชีวิตของผู้คนอันเป็นที่รักไป มีทหารหลายนายที่ไม่ได้กลับไปพร้อมกับพวกตน ครอบครัวที่รออยู่ที่เรือนจะพากันเศร้าโศกเพียงใด แ
และแล้วแผนการของแม่ทัพฟางเซี่ยหมินก็ได้เริ่มต้นขึ้นในยามโฉ่ว ในขณะที่ทหารของเหล่าข้าศึกกำลังพักผ่อน เหล่าทหารกล้าฝีมือดีของเมืองซาย่านับร้อยก็พากันลักลอบออกจากกำแพงเมือง โดยใช้เส้นทางลับที่คราก่อนท่านแม่ทัพฟางได้สั่งให้สร้างเอาไว้ เส้นทางลับนี้มีแต่เหล่าทหารกล้าเท่านั้นที่รู้ เพราะคนยิ่งรู้น้อยเมืองก็ยิ่งปลอดภัยมากเท่านั้นทหารกลุ่มหนึ่งค่อยๆ ย่องทะลุผ่านป่าออกไปอย่างเงียบเชียบ และอีกส่วนหนึ่งเตรียมลูกธนูเอาไว้เพื่อจุดไฟแล้วยิงตีวงล้อม เพราะพวกข้าศึกข้ามแม่น้ำที่แห้งขอดมาได้แล้ว จึงตั้งกระโจมอยู่ไม่ห่างจากกำแพงเมืองมากนัก แม้จะมีโอกาสเข้าโจมตีเมืองซาย่าหลายต่อหลายครั้ง แต่ทว่ากลับถูกทหารของเมืองซาย่าโดยมีเทพสงครามอย่างแม่ทัพฟางเซี่ยหมินคอยคุมทัพอยู่ จัดการจนพวกข้าพากันศึกถอยร่นเกือบไม่ทัน ต้องกลับมาตั้งหลักกันใหม่อยู่ถึงสามหนรองแม่ทัพหนุ่มพร้อมกลุ่มทหารกลุ่มที่รับหน้าที่เผาเสบียง เริ่มลงมือหลังจากที่พวกเขาค่อยๆ จัดการฆ่าปิดปากพวกทหารที่เฝ้ายามแล้วนำเสื้อผ้าของพวกมันมาใส่สวมไว้แทน พวกข้าศึกไม่คิดว่าพวกทหารในเมืองซาย่าจะกล้าออกจากเมืองมาจึงไม่มีผู้ใดนึกหวาดระแวง"รอพวกมันเผลอ แล้วอ้อมไ
ศึกภายนอกสงบสุขได้เพียงสองปี ข้าศึกก็กลับมารุกรานชายแดนเมืองซาย่าอีกครา ที่ผ่านมาแม่ทัพหนุ่มมิได้ชะล่าใจเลยแม้แต่น้อย เขาได้สั่งกำลังพลให้เตรียมพร้อมรับมืออยู่เสมอ แม้กำแพงเมืองจะแข็งแกร่งแต่ข้าศึกก็ยังคงสามารถส่งไส้ศึกให้เข้ามาในเมืองได้อยู่ร่ำไป แม่ทัพหนุ่มจึงจำต้องออกไปสู้รบเพื่อทวงคืนสงบสุขให้กลับคืนมาดังเดิมยามนี้บุตรชายคนโตนั้นก็อายุได้สี่ขวบแล้ว และบุตรีคนรองของเขาก็เข้าสู่วัยสองขวบ เขาสั่งให้ภรรยาพาลูกๆ กลับไปยังเมืองหนานอันเพื่อความปลอดภัย แต่มีหรือว่าหลินซูเหมยจะยอมเชื่อฟัง นางจัดตั้งศูนย์พักพิงเพื่อชาวเมืองที่อพยพมาอีกครา และคอยช่วยคัดกรองผู้อพยพด้วยตนเอง ส่วนเด็กๆ นางก็ให้ป้ามู่ และมู่หลันพาเดินทางกลับไปอยู่กับท่านผู้เฒ่าฟางและฮูหยินผู้เฒ่าฟางยังจวนแม่ทัพฟางที่เมืองหนานอันแล้ว เสี่ยวเอ๋อนั้นดื้อรั้นที่จะติดตามนางมาโดยฝากบุตรชายไว้กับมู่หลัน ซึ่งอีกฝ่ายก็ยินยอมจากไปเพื่อความปลอดภัยของเด็กๆ แต่โดยดี“ฮูหยินขอรับ… มีข้าวกับยาส่งมาจากเมืองหนานอันขอรับ บอกว่ามาจากตระกูลหลินกับตระกูลฟาง” ได้ยินเช่นนั้นหลินซูเหมยจึงยิ้มออกมาทันที เพราะนางรู้ดีว่าผู้ใดที่ส่งข้าวและยามาสนับสนุนนาง
หกเดือนต่อมาภายในจวนแม่ทัพทิศเหนือยามนี้กำลังวุ่นวายเพราะนายหญิงใหญ่กำลังจะคลอดทายาทคนที่สองของท่านแม่ทัพ ครานี้ฟางเซี่ยหมินไม่ยอมละสายตาจากภรรยาแม้เขาจะเตรียมการก่อนที่ภรรยาจะคลอดแล้วก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นสาวใช้ที่ช่ำชองเรื่องการช่วยหมอตำแยคลอดลูก หมอตำแย และหมอหลวง ทุกคนต่างทำหน้าที่กันอย่างขะมักเขม้น เจ้าของร่างอวบอิ่มที่มีหน้าท้องยื่นออกมาราวกับลูกแตงโมกำลังนอนหน้าซีดอยู่บนเตียง“เป็นเช่นไรบ้างขอรับท่านหมอหลวง” ฟางเซี่ยหมินเอ่ยถามหมอหลวงออกมาด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล“เด็กกลับหัวแล้วขอรับ ต่อไปเชิญหมอตำแยมาทำหน้าที่ต่อได้เลยขอรับ”ท่านหมอหลวงยิ้มก่อนที่จะรายงานผลการตรวจออกมา หลังจากตรวจเสร็จท่านหมอหลวงก็ออกไปรออยู่ด้านนอกห้องปล่อยให้หมอตำแยทำหน้าที่คลอดทารกต่อ แต่เขายังมิได้กลับทันทีเพราะยังคงต้องรอตรวจอาการหลังคลอดให้ฮูหยินแม่ทัพอีกครั้งหนึ่งเมื่อได้ยินเช่นนั้นหมอตำแยจึงเข้าไปประจำที่แทนหมอหลวงที่ทำการตรวจชีพจรให้แก่ฮูหยินก่อนหน้า ท่านแม่ทัพหนุ่มเข้าไปปลอบใจภรรยา มือหนาคว้ามือบางขึ้นมากุมเอาไว้“มิต้องกังวลนะน้องหญิง พี่จะอยู่เคียงข้างเจ้ากับลูก จะไม่ทิ้งพวกเจ้าไปไหน”น้ำเสียงอบอุ่นกับ
ผ่านไปไม่ถึงสามเดือนหลังจากที่เสี่ยวเอ๋อคลอดบุตรชายคนแรกของนางกับตงหลง จวนแม่ทัพก็มีข่าวน่ายินดีอีกครั้ง เพราะฮูหยินกำลังตั้งครรภ์ทายาทคนที่สองของนางกับท่านแม่ทัพ จากกำหนดการที่จะกลับไปเยี่ยมบ้านก็เป็นอันต้องเลื่อนออกไปเพราะกำลังต้งครรภ์อ่อนๆ ทำให้มิสามารถเดินทางไกลได้ ฟางเซี่ยเหวินตื่นเต้นอยู่กับน้องตัวเล็ก ลูกชายของเสี่ยวเอ๋อกับตงหลงจนมิยอมกลับเรือน เหล่าพี่เลี้ยงจึงต้องไปคอยดูแลคุณชายใหญ่ที่นั่นเพราะนายหญิงใหญ่มิสามารถดูแลคุณชายใหญ่ได้เต็มที่ด้วยอาการแพ้ท้อง“แอว๊ะ……อ๊วก…….” เสียงอาเจียนดังมาตั้งแต่ยามเหม่า การตั้งครรภ์ครานี้นั้นหลินซูเหมยลำบากอยู่ไม่น้อยเพราะอาการแพ้ท้องออกเร็ว“ฮูหยินเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง ให้พี่ตามหมอหลวงมาตรวจอาการดีหรือไม่”ฟางเซี่ยหมินเอ่ยถามภรรยาออกมาด้วยน้ำเสียงร้อนรน เหตุใดเกิดมาเป็นสตรีต้องทรมานเช่นนี้ในยามตั้งครรภ์ก็ไม่รู้ เขาไม่เข้าใจเอาเสียเลย เพราะเป็นเช่นนี้เขาจึงต้องทะนุถนอมภรรยาให้มากๆ เพราะนางเสียสละร่างกายของนางเพื่อให้กำเนิดทายาทสืบสกุล“ดมยาหอมค่อยรู้สึกดีขึ้นหน่อยเจ้าค่ะท่านพี่ นี่ท่านมิออกไปชายแดนหรือเจ้าคะ” มู่หลันนำยาหอมมาให้นายหญิงสูดดมเพื่อลด
Comments