การล้างแค้นที่เปลี่ยนกลายเป็นความผูกพัน อดีตอันเจ็บลึกของเขา อารมณ์ความรักที่ซับซ้อน สัมพันธ์ร้อนแรงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง หนี้ที่ชำระได้ด้วยเงิน แต่ "พิษสวาท" นั้นลบไม่ออกจากหัวใจ ศิลา ผู้ชายที่จมอยู่กับความแค้น หนึ่งฤทัย หญิงสาวผู้ต้องแบกรับความแค้นที่มาจากหนี้สินที่ตัวเองไม่ได้ก่อ หนึ่งฤทัยเกลียดเขา ทว่า... เบื้องหลังการกระทำของเขาคือ ความแค้นในอดีต ที่เกี่ยวพันถึงครอบครัวของหนึ่งฤทัย ชีวิตของเขาเคยพังพินาศเพราะพ่อของเธอ และสิ่งที่เขาทำอยู่ คือการล้างแค้นที่เธอไม่เคยรู้ตัว จนวันที่ความรักแทรกซึมเข้ามาอย่างเงียบงัน
Lihat lebih banyak[โรงพยาบาลประจำจังหวัด]
“ช่วยด้วยครับ ช่วยภรรยาผมด้วย” เสียงแหบห้าวของผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่ลงจากรถกระบะสี่ประตู มีร่างแบบบางหมดสติอยู่ในอ้อมแขน ตะโกนเรียกขอความช่วยเหลืออยู่หน้าห้องฉุกฉิน
“คนไข้เป็นอะไรมาครับ” เจ้าหน้าที่ที่มาพร้อมรถเข็นเปลร้องถาม
“ภรรยาผมตกบันไดครับ” ศิลาบอกกับเจ้าหน้าที่ ก่อนจะค่อย ๆ วางคนหมดสติลงบนรถเข็นเปล
“พาคนไข้เข้ามาเลยค่ะ” พยาบาลที่เปิดประตูห้องฉุกเฉินบอกกับเจ้าหน้าที่
“ช่วยภรรยาผมด้วยนะครับหมอ” ศิลาบอกกับพยาบาลที่เดินออกมาช่วยดันรถเข็นเปล
“ญาติรออยู่ข้างนอกค่ะ” พยาบาลบอกพร้อมกับปิดประตูห้องฉุกเฉิน
“ผม...” ศิลายังยืนอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน
“ทำท่าไหนถึงตกบันไดลงมาได้ครับ” เจ้าหน้าที่ที่อยู่บริเวณนั้นเดินมาถามด้วยความสงสัย
“เออ...คือ” ศิลาลังเลเพราะไม่รู้ว่าจะตอบเจ้าหน้าที่ยังไงดี จะบอกว่าทะเลาะกันแล้วเธอก้าวพลาดตกบันได ก็กลัวเจ้าหน้าที่จะสงสัย เพราะเนื้อตัวของเธอเขียวช้ำไปหมด
“ไม่เป็นไรครับ ผมถามเพื่อชวนคุย เห็นคุณกังวล เลยชวนคุยให้ผ่อนคลายนะครับ” เจ้าหน้าที่บอกด้วยน้ำเสียงและท่าทางเกรงใจ
“ครับ” ศิลาขานรับ แล้วหันไปมองประตูหน้าห้องฉุกเฉินตามเดิม
“กาแฟไหมครับ” คนขับรถที่เดินมาหา ถามเมื่อเห็นเจ้านายดูอิดโรย
“ขอบใจนะ” ศิลาบอกกับลูกน้อง แล้วหลับตาพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางอ่อนล้า หัวใจเต้นผิดจังหวะกังวลและเป็นห่วงคนที่อยู่ในห้องฉุกเฉินที่สุด
“กาแฟครับคุณหิน คุณหนึ่งถึงมือหมอแล้ว คงไม่เป็นไรแล้วครับ” มนตรีบอกเมื่อเห็นความกังวลในสายตาเจ้านาย
“อืม...หวังว่าอย่างนั้น” ศิลาตอบแต่สายตายังจับจ้องอยู่ที่ประตูห้องฉุกเฉิน
“คุณหินกลับเลยไหมครับ ให้จันทร์มาอยู่เป็นเพื่อนคุณหนึ่งก็ได้ครับ” มนตรีบอกเพราะรู้เห็นเหตุการณ์ เข้าใจสถานะของคนทั้งสอง และรู้ว่าสาเหตุที่หนึ่งฤทัยต้องมาโรงพยาบาลเกิดจากอะไร
“ไม่เป็นไร นายกลับไปเถอะ ฉันจะอยู่เฝ้าเอง ตอนเช้าค่อยเอารถยนต์มาให้ฉัน” ศิลาบอกกับลูกน้อง โดยสนใจสีหน้าและแววตาประหลาดใจของมนตรีเลยสักนิด
“คุณหินจะอยู่เฝ้าคุณหนึ่งเหรอครับ” มนตรีถามเพื่อความแน่ใจ
“มีอะไร”
“ปะ..เปล่าครับ” มนตรีบอกไม่เต็มเสียงนัก
“งั้นผมกลับก่อนนะครับ” ศิลาไม่พูดอะไรทำเพียงแค่พยักหน้าให้คนสนิท แล้วหันไปมองประตูห้องฉุกเฉินตามเดิม
“โรงพยาบาลจะพังไหมหนอ พ่อแก้ว แม่แก้ว ช่วยปกปักรักษาโรงพยาบาลด้วยเถิด” มนตรียกมือท่วมหัว เมื่อพูดจบประโยค แปลกใจไม่น้อยที่เจ้านายอยู่เฝ้าหญิงสาวเอง เพราะปรกติแล้วสองคนนี้ไม่ถูกกัน และไม่เคยพูดจากันดี ๆ เลยสักครั้ง สาเหตุที่ทำให้หนึ่งฤทัยอยู่ในสภาพนี้ก็เพราะเจ้านายเขาไม่ใช่เหรอ
“คุณคะ ไม่ทราบว่าคนไข้ไปโดนอะไรมาคะ” นางพยาบาลเดินถือแฟ้มเข้ามาถามศิลา เมื่อเวลาผ่านไปได้สักพัก
“เธอตกบันไดครับ” ศิลาตอบพร้อมกับลอบกลืนน้ำลายลงคอ เมื่อเห็นสายตาที่มองมาอย่างจับผิดของพยาบาลวัยกลางคน
“แน่ใจนะคะว่าเธอตกบันได” พยาบาลถามย้ำ
“ครับ” ศิลายังยืนยันคำเดิม
“ค่ะ” พยาบาลขานรับก่อนจะจดอะไรบางอย่างลงแฟ้ม
“เบื้องต้นคุณหมอ จะการผ่าตัดระบายลิ่มเลือดที่คลั่งอยู่ในร่างกายออกก่อน คุณหมอจะมาถามประวัติคนไข้อีกรอบนะคะ คุณเป็นสามีเธอจริง ๆ เหรอคะ” พยาบาลถามพร้อมกับมองศิลาด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องฉุกเฉินไป
“เฮ้อ...” ศิลาถอนหายใจออกมา เมื่อพยาบาลเดินลับหลังไป
“คุณ คุณคะ” เสียงเรียกที่มาพร้อมปลายนิ้วที่สัมผัสลงมาบนไหล่ ทำให้คนที่เผลอหลับไปสะดุ้งตื่น
“ภรรยาผมเป็นยังไงบ้างครับ” ศิลาถามทันทีเมื่อเห็นว่าคนที่มาสะกิดคือใคร
“ภรรยาคุณปลอดภัยแล้วค่ะ” พยาบาลบอกด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“ผมขอเข้าไปดูภรรยาได้ไหมครับ” ศิลาถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ พร้อมกับลุกขึ้นยืน
“ภรรยาคุณอยู่ในห้องพักพิเศษแล้วค่ะ ข้ามวันแล้วค่ะคุณ”
สิ้นเสียงพยาบาลศิลาก็พลิกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู
“อ่อ..ครับ ผมเผลอหลับไป ขอโทษด้วยนะครับ” ศิลาตอบพร้อมกับลูบลำคอไปมาด้วยความเขินอาย ที่หลับลึกจนไม่รู้ว่าคนไข้ออกจากห้องตอนไหน
“คืออย่างนี้นะคะ เราต้องแจ้งให้คุณทราบว่า การรักษาเป็นไปด้วยดี ภรรยาคุณพ้นขีดอันตรายแล้ว คุณหมอทำการผ่าตัด และย้ายคนไข้ไปห้องพักพิเศษ แต่เธออาจจะสูญเสียความทรงจำ เนื่องจากศีรษะได้รับการกระทบกระเทือนอย่างแรง”
“หมายความว่า...เธอความจำเสื่อมเหรอครับ” ศิลาถามด้วยความร้อนใจ
“แค่ช่วงเวลาหนึ่งค่ะ ความจำเธอจะกลับมาถ้าคุณและคนรอบข้างช่วยฟื้นฟูให้เธอ”
“ครับ” ศิลาขานรับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ตามมาทางนี้ค่ะ ฉันจะพาไปห้องพักพิเศษ”
ศิลาเดินตามพยาบาลไปยังห้องพักฟื้นคนป่วย ในหัวมีแต่คำถาม เธอหนักขนาดนี้เลยเหรอ แล้วเขาจะทำอย่างไรกับเธอต่อดี
ภาพที่อยู่ตรงหน้า ทำให้ศิลาคิดไม่ตก หนึ่งฤทัยนั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยด้วยท่าทางเหม่อลอย ศีรษะและตามแขนขามีผ้าพันแผลพันอยู่ ศิลากลืนน้ำลายลงคอก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้อง ตาคมเข้มสบกับสายตาว่างเปล่าในดวงตาคู่เศร้า หนึ่งฤทัยมองเขาก่อนจะเบนสายตาไปมองทางอื่น แล้วกลับมามองนิ่งที่เขาเหมือนอยากถาม แต่นึกคำถามไม่ออก
“เป็นไงบ้าง เจ็บมากไหม” ศิลาเอ่ยถามเมื่อเดินมาหยุดอยู่หน้าเตียง
“คุณเป็นใครเหรอคะ” เสียงที่หลุดออกมาจากริมฝีปากสีซีแผ่วเบาแต่ศิลาได้ยินชัดเจน
“ผมชื่อหินเป็นสามีของคุณ” ศิลาเล่นไปตามน้ำ อยากรู้ว่าเธอความจำเสื่อมจริงไหม
ภายในห้องเงียบสนิท เมื่อเขาพูดจบประโยค มีเพียงสายตาของคนตรงหน้าที่มองมาที่เขา มันเศร้าละสับสน จนศิลาตั้งรับไม่ทัน
“ฉันเป็นภรรยาคุณเหรอคะ ฉันชื่ออะไรเหรอคะ”
“จำไม่ได้จริงเหรอวะ ใช่ครับเราเป็นผะ...เอ้ยสามีภรรยากัน คุณชื่อหนึ่ง หนึ่งฤทัย แสงแก้ว” ประโยคแรกศิลาพูดกับตัวเองเพราะไม่แน่ใจว่าเธอความจำเสื่อมจริงไหม ชื่อเป็นของเธอแต่นามสกุลเขาเอาของเขาใส่ให้เธอ
“ฉันชื่อหนึ่งเหรอคะ ฉันจำอะไรไม่ได้เลยค่ะ” หนึ่งฤทัยบอกเสียงเศร้า มีน้ำตาคลอในดวงตา ที่ยังจ้องมองเขาอยู่อย่างนั้น
“โอ้ย!” หญิงสาวร้องออกมา พร้อมกับยกมือกุมศีรษะ ศิลาทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นอาการของเธอ ร่างสูงเข้ามาประคองเธอเอาไว้ ถ้าเป็นเวลาปรกติเขาคงไม่แตะต้องเธอ
“จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะ พักผ่อนเถอะครับ ค่อย ๆ คิดเดี๋ยวความทรงจำก็กลับมา นอนเถอะครับ ผมอยู่ตรงนี้” ศิลาบอกกับหญิงสาว แล้วประคองเธอลงนอน จังหวะที่ปล่อยมือจากตัวเธอ มือบางเย็นเฉียบก็คว้ามือเขาเอาไว้ ตาคมเข้มมองตรงที่มือเธอจับมือเขาเอาไว้อย่างไม่เชื่อสายตา
“อย่าทิ้งฉันนะคะ” หนึ่งฤทัยบอกเสียงเศร้า ตากลมโตที่เคยมองเขาด้วยสายตาที่ศิลาเห็นแล้วอยากจะซัดให้สักหมัด ตอนนี้มันเศร้าและสับสนจนหัวใจแกร่งสั่นไหว
“ครับผมจะไม่ไปไหน ผมจะไม่ทิ้งคุณ” รับปากไปอย่างนั้น แล้วแกะมือเธอออกจากมือของเขา ฝืนยิ้มให้แล้วดึงผ้าห่มมาคลุมให้จนถึงคอ
“ขอบคุณค่ะ” หนึ่งฤทัยเอ่ยขอบคุณเสียงเบา
“พักผ่อนนะครับ” ศิลาบอกกับเธอแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ใกล้ ๆ เตียง มือบางเอื้อมมาจับมือเขาเอาไว้ แล้วหลับตาลง ศิลาคือที่พึ่งเดียวของเธอ ในวันที่เธอไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร ยังมีเขาอยู่ข้างกาย หัวใจที่สับสนและหวาดกลัวจนหนาวเหน็บอุ่นขึ้นเมื่อได้กุมมือเขาเอาไว้ หนึ่งฤทัยหลับตาลงถึงแม้จะไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร แต่ตอนนี่สบายใจแล้วเพราะมีเขาอยู่ข้างกาย
“ดีใจนะคะที่ได้ยินคำว่ารักจากคุณ แต่ฉันคงแต่งงานกับคุณไม่ได้ เพราะฉันไม่ได้รักคุณ” หนึ่งฤทัยปฏิเสธอย่างไม่ใยดี นี่คือสิ่งที่เธอต้องการ เธอต้องการให้เขารักเธอ “หนึ่ง!” ศิลาเรียกหญิงสาวเมื่อเธอหันหลังกลับ ตกใจกับคำพูดที่ได้ยินจนทำอะไรไม่ถูก “ขอโทษนะคะ ฉันขอตัว” “หญิง ฟังผมก่อนสิครับ” “ไม่ค่ะ ฉันไม่ฟังอะไรทั้งนั้น” “ผมรักคุณนะครับ” “แต่ฉันไม่ได้รักคุณ ฟังชัด ๆ นะคะ คุณศิลา ฉันไม่ได้รักคุณ ไม่ว่าจะวันนี้หรือวันไหน ๆ ฉันก็ไม่มีทางรักคุณ” “ฟังผมก่อนนะครับ” ศิลากอดหญิงสาวไว้จากทางด้านหลัง “ปล่อย” “ผมขอโทษกับสิ่งที่ผมเคยทำไว้กับคุณ ผมรู้ว่าคุณไม่ได้รังเกียจผม เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะครับ เพื่อลูกของเรา” “ปล่อยค่ะ” หนึ่งฤทัยดิ้นรนออกจากอ้อมแขนของเขา “ไม่ปล่อย” ศิลาบอกพร้อมกับรัดเธอให้แน่นขึ้นกว่าเดิม “อยู่กับผม อยู่เป็นครอบครัวนะครับ ผมรู้ว่าผมผิดที่เคยทำร้ายคุณ ผมกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่ผมสัญญาว่าผมจะทำวันนี้ให้ดีที่สุด ไม่ต้องให้อภัยผมตอนนี้ก็ได้ ให้เว
หนึ่งฤทัยตื่นขึ้นมาในตอนเช้ามืด หญิงสาวเดินลงมาข้างล่างเพื่อเตรียมอาหารเช้า แต่ก็ช้าไปกว่าป้าสายพิณที่ตอนนี้กำลังง่วนอยู่ที่หน้าเตา “ตื่นแต่เช้าเลยค่ะคุณหนึ่ง หลับสบายดีไหมคะ” สายพิณถามคนที่เดินเข้ามาในครัว “อรุณสวัสดิ์ค่ะป้า หนึ่งหลับสบายดีค่ะ” บอกแล้วเดินเข้ามาดูวัตถุดิบที่วางไว้บนโต๊ะ “ทำอะไรคะป้า” “ป้าต้มข้าวต้มกุ้งให้คุณหนูแก้วนะคะ คุณหนูทานได้ไหมคะ” สายพิณถาม “ทานได้ค่ะ ยายแก้วทานได้หมดเลยค่ะ ยกเว้นของเผ็ด” “แกงส้มค่ะคุณหนึ่ง คุณหนึ่งอยากทานไหมคะ” “ทานได้ค่ะ ดีกว่าแกงแคหน่อยนะคะ” หนึ่งฤทัยบอกกับสายพิณ “ขอโทษนะคะ ป้าไม่รู้ว่าคุณหนึ่งไม่ทานปลาร้า ตอนนั้นคุณหินบอกว่าคุณหนึ่งอยากกิน ป้าก็ทำให้ค่ะ” “ไม่เป็นไรค่ะป้า ทานได้อร่อยดี” เรื่องราวมันผ่านมานานแล้ว สายพิณไม่ได้ตั้งใจที่จะแกล้งเธอ ที่ทำไปก็เพราะเป็นคำสั่งของเจ้านาย “ดื่มกาแฟเลยไหมคะ เดี๋ยวป้าชงให้” “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหนึ่งจัดการเอง” หนึ่งฤทัยบอกอย่างเกร็งใจ “คุณหินลุกมาดูกุหลาบแต่เช้า
ศิลาพาหนึ่งฤทัยกับลูกขึ้นมาบนบ้าน หนึ่งฤทัยมองไปรอบ ๆ เมื่อก่อนเธอเคยอยู่ที่นี่ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ที่เปลี่ยนไปคงเป็นภาพถ่ายรูปคู่มากมาย ที่เคยแขวนอยู่ตามฝาผนัง ที่ตอนนี้เป็นรูปวาดวิวมาแขวนไว้แทน รูปแต่งงานรูปคู่ของเธอกับเขา เขาใช้โปรแกรมแต่งภาพมาแต่งเพื่อตบตาเธอ และเธอก็เชื่อเขาสนิทใจ “รูปแต่งงานของเราไปไหนแล้วคะ” หนึ่งฤทัยถามเพื่อลองเชิงเขา “ผมให้คนงานเก็บออกไปหมดแล้วครับ” ศิลาบอกไปตามตรง “เอาออกทำไมคะ สวยดี” หนึ่งฤทัยประชดเขา ถึงจะไม่บอกแต่ศิลาก็รู้ “เอาไว้เราถ่ายกันใหม่นะ” “เราเคยถ่ายรูปด้วยกันด้วยเหรอคะ” หนึ่งฤทัยถาม “ไม่เอาน่าคุณ อย่าชวนทะเลาะสิครับ” “ชวนทะเลาะเหรอคะ ตรงไหนคะที่ชวนทะเลาะ ฉันถามเพราะฉันจำไม่ได้ว่าเราเคยถ่ายรูปด้วยกันด้วยเหรอ” หนึ่งฤทัยถามตาใส “ผมรู้ว่าคุณกำลังประชดผม” “ประชดเหรอคะ ฉันมีสิทธิ์ทำแบบนั้นด้วยเหรอ” “เข้าห้องเถอะครับ อย่าเถียงกันต่อหน้าลูกเลย ยายแก้วกำลังจำ ผมไม่อยากให้ลูกเห็นภาพแบบนี้” “ไม่ได้ชวนทะเลาะค่ะ ฉันพูดความจริ
อาหารกลางวันผ่านไปด้วยดี หลายครั้งที่ศิลากับหนึ่งฤทัยสบตากัน มือสัมผัสกันบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะต้องดูแลลูก และทุกครั้งหนึ่งฤทัยจะเป็นคนชักมือกลับ เหมือนมือของศิลาเป็นของร้อน การเดินทางเริ่มต้นขึ้น เมื่อทั้งสามกลับขึ้นมานั่งประจำที่บนรถ ศิลาขับรถในขณะที่หนึ่งฤทัยกับลูกหลับไปพร้อม ๆ กัน หลายครั้งที่ตาคมเข้มปรายตามามองใบหน้าสวยของคนที่หลับสนิท ยอมรับว่าที่ผ่านมาเขามัวคิดแต่แก้แค้น จนหลายอย่างในชีวิตพลาดไป โดยเฉพาะเรื่องของเธอกับลูก ความสุขและความอบอุ่นที่เคยได้จากเธอ เขาเคยคิดว่าเป็นเพราะความใคร่และอารมณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้น แต่ศิลารู้แล้วว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับเขา ทั้งก่อนหน้านั้นและตอนนี้ มันคือความรู้สึกเดียวกัน บอกตัวเองว่าเกลียดเธอ แต่แท้จริงแล้วเขาใช้คำว่าเกลียดเพื่อปิดบังความขี้ขลาดในหัวใจ เขาขี้ขลาดเกินกว่าจะยอมรับได้ว่าเขารู้สึกดีกับเธอ ขับรถไปมองหน้าคนนั่งข้าง ๆ มองลูกที่หลับอยู่เบาะหลัง มันมีความสุขอย่างนี้นี่เอง โอกาสมาถึงมือเขาแล้ว เขาจะไม่ปล่อยให้หลุดมือไปอีก “ถึงไหนแล้วคะ” หนึ่งฤทัยถามเมื่อลืมตาขึ้นมาแล้วพบความมืด ร่างบางขยับอย่างเมื่อยขบเธอหลับยาวขนาดนี้เ
“หนึ่ง หนึ่ง นะ...หนึ่ง” ศิลาเรียกคน ที่วิ่งหนีเขาเข้าไปในห้อง ร่างสูงยืนพิงห้องอยู่อย่างนั้น จนได้สินะทนมาตั้งนาน สุดท้ายก็ทนไม่ไหว แล้วต่อไปนี้เขาจะทำยังไง เพราะเธอคงตกใจ และระแวงเขาแล้วหนึ่งฤทัยวิ่งไปที่เตียงนอน ถอนหายออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะค่อย ๆ ก้าวขึ้นเตียง ล้มตัวลงนอนข้างลูก ศิลากลับไปหรือยังเธอไม่รู้ แต่สิ่งที่เขาทำไว้ ทำให้หัวใจของเธอเต้นระส่ำ พยายามข่มตาให้หลับ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น ทำให้เธอนอนไม่หลับ “กลับดึกเลยนะครับคุณหิน” มนตรีถามเมื่อเจ้านายเปิดประตูเข้ามา “ทำไมยังไม่นอน” ศิลาถาม “ผมเคลียร์งานนะครับ” “อืม...” “คุณหินครับ วันนี้คุณภากรมาที่บริษัทครับ” มนตรีรายงานให้เจ้านายรู้ “ลูกสาวเขาเลือกฉันแล้ว จะมาวุ่นวายอะไรอีก” ตั้งแต่วันที่หนึ่งฤทัยออกจากโรงพยาบาล ภากรก็ออกจากบริษัทไป เพราะพ่ายแพ้ให้เขาอย่างราบคาบ “คิดถึงคุณกับลูกครับ” “คิดถึงแล้วทำไมไม่ไปหาที่คอนโด กูไม่ได้ห้ามนี่” “ก็นั่นแหละครับ คุณภีมคงมีแผนอย่างอื่น” “จะมามีแผนอะไรกับกูอีก ลูกหลา
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารไม่ได้เครียด อย่างที่หนึ่งฤทัยกลัวในตอนแรก เพราะมีแก้วตาเป็นคนเชื่อมความสัมพันธ์ หลายครั้งที่ตาสองคู่และเป็นหนึ่งฤทัยที่ต้องหลบตาเขา “ขอโทษ” จังหวะที่มือของทั้งสองชนกัน เพราะจะตักกับข้าวอย่างเดียวกัน ศิลาก็เอ่ยขอโทษเพราะมือของเขาจับมือของเธอเข้าเต็ม ๆ “ไม่เป็นไรคะ” หนึ่งฤทัยเอ่ยพร้อมกับดึงมือกลับ แล้วเอื้อมไปหยิบช้อนในจานอื่น ใจของทั้งสองก็ตรงกันเพราศิลาก็จะตักจานนั้นเหมือนกัน ต่างคนต่างชักมือกลับ ใบหน้าสวยร้อนขึ้น ก่อนจะหันไปเช็ดปากลูกเพื่อแก้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนนี้ “ผมตักให้คุณดีกว่า” พูดจบศิลาก็ตักต้มจืดใส่จานให้เธอ “ขอบคุณค่ะ” หนึ่งฤทัยเอ่ยขอบคุณแล้วสนใจลูกที่นั่งอยู่ข้าง ๆ มากกว่าอาหารที่อยู่บนโต๊ะ อยู่ ๆ หัวใจก็เต้นคร่อมจังหวะขึ้นมาเสียอย่างนั้น “เอาลูกชิ้นค่ะ” แก้วตาพูดพร้อมกับชี้ไปที่ลูกชิ้นในชามต้มจืด ศิลาตักลูกชิ้นและเต้าหู้ไข่ใส่จานให้ลูก “ขอบคุณค่ะ” แก้วตาเอ่ยขอบคุณพ่อ “หนึ่ง...” “คะ” ร่างบางสะดุ้ง เมื่ออยู่ ๆ ศิลาก็เรียกชื่อเธอ “เปล่า ๆ ผมจะบอ
Komen