วันต่อมา
รถยนต์คันหรูแล่นมาถึงเรือนหอหลังโตของทั้งสองคนที่อยู่แถวชานเมืองภายในรั้วกว้างใหญ่มีบ้านสองชั้นในสไตล์โมเดิร์น luxuryตั้งอยู่อย่างสวยงาม.. จะให้น้อยหน้าใครได้อย่างไรกันล่ะ จะให้เสียชื่อเจ้าของอสังหาริมทรัพย์และเจ้าของธุรกิจวัสดุก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดได้ยังไงทุกอย่างต้องออกมาสวยงามและดีที่สุดเท่านั้น
ทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์แล้วพร้อมเข้าอยู่ภายในถูกตกแต่งได้อย่างสวยงามหรูหราทั้งchandeliereและเฟอร์นิเจอร์พื้นที่ใช้สอยทุกอย่างลงตัว แต่ดูเหมือนว่าที่บ่าวสาวนั้นจะดูไม่ค่อยตื่นเต้นยินดีกันสักเท่าไหร่นะ
…แน่ล่ะก็นี่มันเป็นงานแต่งงานปลอมๆ นี่นา
“ต้องการปรับแก้ตรงไหนหรือต้องการเพิ่มเติมอะไรตรงส่วนไหนแจ้งผมได้เลยนะครับ”
เลขาส่วนตัวของสุเมธเดินตามทั้งสองคนเพื่อคอยแนะนำและคอยดูแลบริการตั้งแต่ที่ว่าที่คู่บ่าวสาวมาถึง
“คุณอยากปรับเปลี่ยนแก้ไขอะไรตรงไหนไหม”
คนตัวสูงหันมาเอ่ยถามว่าที่เจ้าสาวของเขาที่กำลังเดินสำรวจดูห้องนั้นห้องนี้ไปทั่วทั้งที่ขาตัวเองก็สั้นนิดเดียว
“ไม่นะคะ ดีมากสวยมากๆ เลยค่ะ ชั้นชอบ”
คำตอบของเธอไม่เพียงแต่ทำให้เลขาของสุเมธยิ้มออกมาเท่านั้นจอมทัพเองก็เช่นกันยิ่งเห็นเธอชอบเขาเองก็ยิ่งมีความสุขพลอยรู้สึกดีไปด้วย ก่อนจะรู้ตัวว่ากำลังคิดอะไรอยู่แล้วรีบหุบยิ้มปรับสีหน้าให้เป็นปกติในทันที
“แล้วคุณจอมล่ะครับต้องการจะเพิ่มเติมหรือปรับแก้อะไรตรงไหนหรือเปล่า”
“ไม่มีอะไรต้องแก้เลยครับผมก็ชอบเหมือนกันขอบคุณมากเลยนะครับ”
“ไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับมันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วผมยินดีด้วยนะครับขอให้คุณจอมกับคุณอรมีความสุขในชีวิตคู่มากๆ”
ธีรวุฒิอวยพรให้ทั้งคนด้วยความจริงใจเขาเองทำงานกับครอบครัวของจอมทัพมานานและยังคุ้นเคยกับครอบครัวของอรฤดีไม่น้อยอีกด้วยเมื่อวันนี้ชายหนุ่มหญิงสาวทั้งสองคนจะได้ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันเขาก็ยินดีด้วยเหลือเกิน
“ขอบคุณมากนะครับพี่วุฒิ / ขอบคุณมากค่ะ”
ไม่รู้ทำไมเพียงคำอวยพรก็ทำให้ข้างในมันหวั่นไหวรู้สึกแปลกๆ จนอรฤดีแทบจะไม่กล้าเงยหน้ามาสบตากับชายหนุ่มซึ่งเขาเองก็ไม่ต่างกัน..
“หึ.. ที่นี่เองงั้นเหรอ รอวันที่จอมเฉดหัวแกแล้วที่นี่จะต้องเป็นของชั้น!”
ลูกปัดที่แอบขับรถตามมากัดฟันพูดเสียงแข็งสองมือก็กำพวงมาลัยรถไว้แน่นไม่ว่ายังไงเธอจะต้องทำให้ผู้หญิงคนนี้กระเด็นออกไปจากชีวิตคนรักของเธอให้จนได้
แววตาเกลียดชังบนใบหน้าของเธอบ่งบอกได้ชัดเจนว่าเธอเกลียดผู้หญิงที่ไม่รู้จักกันได้มากมายขนาดไหน ก่อนที่จะขับรถแล่นออกไป
“ถ้างั้นผมกับอรกลับก่อนนะครับ สวัสดีครับ/ สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ”
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยตามที่ต้องการแล้วทั้งสองคนก็เดินทางกลับโดยที่ชายหนุ่มจะต้องพาว่าที่เจ้าสาวของเขาทานข้าวด้วยก่อนทุกครั้ง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นคำสั่งของพ่อและแม่ของทั้งสองคนที่อยากจะให้พวกเขาได้มีเวลาอยู่ด้วยกันเรียนรู้กันเพิ่มขึ้น …
“ที่นี่..ที่ไหนคะไม่ใช่ร้านที่คุณลุงคุณป้าบอกไว้นี่คะ”
อรฤดีขยับตัวขึ้นหันมองไปรอบๆ เมื่อคนข้างๆ พาเธอเลี้ยวรถเข้ามาที่โรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่ง
“ร้านประจำของผมเองรับรองคุณจะติดใจ ร้านที่พ่อผมจองให้ไม่ค่อยถูกปากผมเท่าไหร่ที่นี่บรรยากาศดีด้วยนะ มาสิ”
จอมทัพจอดรถแล้วร่ายยาวเหยียดอย่างที่เขาไม่เคยพูดกับเธอแบบนี้มาก่อน ซึ่งข้อที่ว่าร้านนั้นอาหารไม่ค่อยถูกปากนั่นก็จริงเพราะเธอก็ไม่ค่อยชอบเหมือนกัน
เขาเดินมาเปิดประตูให้เธอด้วยรอยยิ้มจางๆ แล้วพาเธอเดินเข้าไปในลิฟต์พาเธอขึ้นไปที่ชั้นบนสุดของโรงแรม
“เชิญทางนี้เลยครับ”
พนักงานต้อนรับรีบเดินมานำทางเขาในทันทีที่เห็นเขาและเธอเดินออกมาจากลิฟต์
อรฤดีกวาดสายตามองไปรอบๆ พร้อมกับเดินตามคนตัวสูงไปเรื่อยๆ แล้วก็มาหยุดอยู่ที่โต๊ะสีขาวถูกตกแต่งด้วยดอกไม้และเทียนได้อย่างสวยงาม … มันถูกจัดเตรียมไว้อย่างดีสำหรับเขาและเธอ
“เชิญนั่งครับ/ ขอบคุณค่ะ”
ตรงนี้คือโต๊ะที่อยู่ติดริมหน้าต่างตรงกึ่งกลางพอดี.. สามารถมองไปเห็นวิวบรรยากาศของเมืองหลวงในยามค่ำคืนที่ถูกประดับประดาไปด้วยแสงไฟหลากสีได้อย่างสวยงาม
อรฤดีเผลอตัวมองดูไปจนเพลินอยู่พักใหญ่โดยไม่ได้สนใจคนที่นั่งตรงกันข้ามเลย
“ผมขอโทษเรื่องวันนั้นที่…ทำให้คุณรู้สึกไม่ดี”
อยู่ๆ เขาก็พูดขึ้น.. พูดขึ้นมาโดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว และไม่ได้คิดว่าจะได้ยินคำพูดนี้จากเขาเสียด้วยซ้ำแต่เมื่อเขาพูดมันออกมาด้วยใบหน้าและแววตาที่จริงจังแบบนั้นก็เล่นเอาหญิงสาวถึงกับทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว
“เอ่อ.. ชั้น ชั้นไม่ได้คิดอะไรหรอก ..”
“จริงๆ ผมควรจะพูดตั้งแต่ตอนนั้นแล้วด้วยซ้ำรวมทั้งเรื่อง..”
“เราตกลงกันแล้วไงคะว่าจะไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของกันและกัน ..”
อรฤดีพูดแทรกขึ้นมาขัดจังหวะไม่ให้คนตรงหน้าพูดต่อ..จะพูดอะไรมากมายเธอไม่ได้อยากจะฟังสักหน่อยยังไงแต่งกันได้ไม่นานก็ต้องหย่ากันอยู่ดีเมื่อวันที่เธอเป็นอิสระก็ไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องเจอกันอีกแล้ว
“ทานอาหารกันดีกว่าค่ะ”
เธอยิ้มให้เขาบางๆ แล้วก็ตักอาหารเข้าปากหันไปให้ความสนใจกับภาพบรรยากาศ ในยามค่ำคืนที่งดงามนั่นอีกครั้งบทสนทนาของคนทั้งสองจบลงเพียงเท่านี้เหมือนกับว่ามีคำพูดมากมายที่อยากจะพูดออกมาแต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดออกมาดีหรือไม่จนต้องเก็บเอาไว้ปล่อยให้เวลาผ่านล่วงเลยไปโดยที่ถ้อยคำเหล่านั้นยังคงถูกเก็บซ่อนเอาไว้อย่างดี
ห้องอาหารในโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง“เอ็งว่าลูกของพวกเราจะรักกันหรือยังวะ”สุเมธยกแก้วไวน์ ในมือขึ้นมาดื่มก่อนจะถามเพื่อนรักอย่างคเชนทร์ด้วย รอยยิ้ม“ไม่รักกันวันนี้วันหน้าก็ต้องรักกันอยู่ดีแต่ลูกข้าเนี่ยสิยังใจแข็งไม่ยอมอ่อนสักทีไม่รู้จะได้อุ้มหลานเมื่อไหร่”คเชนทร์ส่ายหัวเมื่อพูดถึงลูกสาวจอมดื้อของตัวเองที่เขารู้นิสัยของเธอดี“ตาจอมก็ใช่ย่อยที่ไหนเรื่องปากแข็งน่ะที่หนึ่งไม่รู้ว่าหนูอรจะรู้ตัวหรือเปล่าว่าเจ้าคนทึ่มตรงหน้าปากไม่เคยตรงกับใจเลยสักครั้ง”ทัศนีย์เอ่ยพูดขึ้นมาบ้างถึงลูกชายของตัวเองที่ดูเหมือนก็จะยังไม่รู้หัวใจตัวเองเหมือนกัน“เอาน่าตอนนี้ทั้งสองคนก็ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันเต็มที่คงจะต้องมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นบ้างนั่นแหละเรามาฉลองกันดีกว่า”สิริวดีพูดพร้อมกับยกแก้วขึ้นชนกับทั้งสามคนเพื่อเฉลิมฉลองให้กับแผนการของตนเองอย่างมีความสุข“นั่นสินั่นสิ แต่บอกไว้ก่อนเลยนะถ้าเป็นหลานสาวต้องมาให้มาอยู่กับข้านะโว้ยไอ้เมธ” “ได้เลยๆ ถ้าเป็นหลานชายข้าจะยกสมบัติให้หมดไม่ให้พ่อมันสักชิ้นโทษฐานที่ทึ่มดีนัก”“ฮ่าๆๆ”แล้วทั้งสองครอบครัวก็หัวเราะชอบใจกับแผนการของตัวเองที่ดูจะค่อยๆ เป็นไปได้อย่างราบรื่นดี “
“มาคนเดียวเหรอครับ ..” เสียงที่ไม่ค่อยจะคุ้นหูนักแต่ก็พอจะจำได้ว่าเป็นเสียงใครดังขึ้นดึงเธอออกจากภวังค์ความคิด“เอ่อ ค่ะ” “ผมขอนั่งด้วยได้ไหม” “หืมม ค่ะ” คนที่ยังเบลอๆ ตอบอึกอักออกไปไม่ทันได้ใช้ความคิดคนตัวสูงที่ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอบอุ่นก็หย่อนตัวนั่งลงตรงข้ามเธอ เรียบร้อย“คุณอรมีธุระแถวนี้เหรอครับ” ที่ผ่านมาก็พอจะรู้อยู่หรอกว่าเธอไม่ค่อยอยากจะสานสัมพันธ์กับเขาสักเท่าไหร่แต่แล้วยังไงล่ะในเมื่อเธอยังไม่มีเจ้าของเขาก็มีสิทธิ์ไม่ใช่หรือไง“ใช่ค่ะ ทำธุระเสร็จแล้วอรว่ากำลังจะกลับอยู่พอดีเลยค่ะ”ถึงเพิ่งจะลงมาเพราะต้องการให้อีกคนมีเวลาส่วนตัวแต่เมื่อพูดออกไปแล้วแบบนี้ก็คงต้องไปเดินเตร่อยู่ในโรงพยาบาลก่อนก็แล้วกัน“อย่าตัดสัมพันธ์ผมขนาดนั้นเลยครับคุณอรผมไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรเลยถ้าสุดท้ายแล้วเรื่องของเราเป็นไปไม่ได้จริงๆ ผมขอเป็นเพื่อนกับคุณอรได้ไหม”เปรมรีบพูดความในใจออกมาเมื่อเห็นท่าทีว่าเธอกำลังจะจากเขาไปอีกครั้งความรู้สึกที่เขามีให้เธอตั้งแต่วินาทีแรกมันออกมาจากความรู้สึกของเขาจริงๆ ไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรกับเธอเลยแม้แต่น้อยถึงแม้จะรู้ว่าเธอกำลังจะแต่งงานแต่ความรู้สึกที่มีต่อเธอนั
“กรี้ดดดดด!! ไอ้สวะเอ้ย! งานง่ายๆ แค่นี้ก็ทำพลาดเสียอารมณ์จริงๆ เลย” ลูกปัดกำโทรศัพท์ในมือแน่นเมื่อรู้ข่าวว่ามือดีที่ส่งไปจัดการกับศรัตรูหัวใจทำงานพลาดแถมยังจบชีวิตอีกต่างหากก็ทำเอาเธอถึงกับสติหลุดแต่ก็ดีเหมือนกันที่ตำรวจะได้สาวไม่ถึงตัวเธอ แต่หญิงสาวกลับไม่ได้รู้เลยว่าคนที่ต้องเจ็บตัวเพราะเรื่องที่เธอก่อขึ้นมานั้นคือคนที่เธอรัก …“เสียงดังโวยวายอะไรยายปัด” เปรมที่กำลังเดินผ่านมาพอดีเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นน้องสาวของตนเองกำลังหงุดหงิดกับอะไรบางอย่าง“พี่เปรม! ไหนบอกว่ารักบอกว่าชอบ อีนางนั่นไงคะ ทำไมไม่เห็นทำอะไรสักทีปัดจะทนไม่ไหวแล้วนะคะ!” “ปัดคิดจะทำอะไร ..”“ก็ถ้าพี่เปรมไม่ทำอะไรปัดจะทำเองค่ะ” “ถ้าปัดทำอะไรคุณอรละก็…”“ทำไมคะ พี่เปรมจะทำไม” “เรื่องอื่นพี่ไม่ว่า แต่ถ้าเรื่องคุณอร ปัดรู้เอาไว้เลยไม่ว่ายังไงพี่ก็จะไม่ยอมเด็ดขาด”คนเป็นพี่ยืนพูดด้วยน้ำเสียงดุดันและแววตาที่แข็งกร้าวท่าทางแบบนี้เธอจะเห็นได้ก็ต่อเมื่อพี่ชายของเธอโกรธจัดหรือตอนที่จะทำเรื่องเลวร้ายเท่านั้น ลูกปัดได้แต่จ้องมองดวงตาคู่นั้นด้วยด้วยความไม่พอใจ อีนังนั่นมันมีดีอะไรนักหนาทุกคนถึงได้รุมปกป้องมันขนาดนั้น คิดอย่
“อยากจะเป็นพระเอกมากนักหรอมึง.. ตายซะ!” ปั้ง!… เสียงปืนดังลั่นไปทั่วบริเวณอรฤดีหยุดชะงัก ทั้งที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่หยาดน้ำตาไหลรินออกมาอย่างห้ามไม่ได้หัวใจเธอตอนนี้มันเหมือนจะหยุดเต้นไปด้วยในทันที ร่างของคนร้ายล้มหงายลงไปนอนกองอยู่กับพื้นแน่นิ่ง จอมทัพเองก็ทิ้งตัวนอนลงไปด้วยความเหนื่อยหมดแรงหายใจหอบตัวโยน แล้วเสียงตำรวจก็วิ่งกรูกันเข้ามา ให้ตายเถอะนี่แค่จะมารับสาวเองไม่ใช่เหรอทำไมเกือบได้เอาชีวิตมาทิ้งซะอย่างนั้นดูจากการต่อสู้แล้วต้องเป็นมืออาชีพแน่ๆ ถ้าตำรวจมาช้าอีกนิดคงเป็นเขาแน่ๆ ที่นอนหมดลมหายใจอยู่ตรงนี้ “ฮึก ..ฮึก คุณ คุณ เป็นอะไรมากไหมคุณ “อรฤดีรีบวิ่งมาหาจอมทัพที่นอนเลือดอาบไปทั่วทั้งใบหน้าด้วยความเป็นห่วง แก้มใสๆ อาบชุ่มไปด้วยน้ำตาแต่เมื่อเห็นว่าเธอปลอดภัยแล้วสติการรับรู้ของเขาก็ค่อยๆ เลือนหายไป.. “คุณ อย่าเป็นอะไรไปนะคุณ ฟื้นสิ.. ฟื้นสิคุณ ฮึก ฮึก..”สองมือของเธอเขย่าร่างชายตรงหน้าด้วยหัวใจที่เจ็บปวด ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ต้องทำอะไร ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วไปหมด .….“ลูกไม่เป็นอะไรหรอกคุณ อย่าเป็นกังวลไปเลย”คนเป็นสามีพูดปลอบใจภรรยาที่นั่งเฝ้าลูกชายไม่ห่างจากเตีย
“นี่คุณยังไม่หายโกรธผมเรื่องนี้อีกเหรอ”“ไม่ได้โกรธค่ะก็เราตกลงกันแล้วว่าจะไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวชั้นแค่ไม่อยากถูกใครมากล่าวหามาว่าชั้นอีก”มันก็จริงของเธออย่างที่เธอว่า..เธอมีสิทธิ์ที่จะไม่พอใจในเมื่อควรเป็นเค้าเองที่จะต้องจัดการเรื่องส่วนตัวของตัวเองให้ดี ต่อให้เอ่ยคำขอโทษไปอีกกี่ครั้งเรื่องราวมันก็ไม่ได้เปลี่ยนไปความรู้สึกของเธอก็ไม่ได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมด้วยเช่นกันเขาไม่ได้พูดอะไรระหว่างทางเพียงแต่ขับรถตรงไปยังร้านอาหารแห่งใหม่ที่คิดว่าเธอน่าจะชอบเพื่อเป็นการชดเชยที่ทำให้เธอต้องรู้สึกไม่ดีหญิงสาวนั่งตรงสายตาจ้องมองไปยังเส้นทางด้านหน้าเมื่อรถเลี้ยวเข้ามาในร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งเธอนั้นคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี“คุณรู้จักร้านนี้ได้ยังไง..”คำพูดของเธอเรียกความสนใจจากชายหนุ่มได้ไม่น้อยเค้าเองก็หันมามองหน้าเธอเช่นเดียวกันเพราะ ไม่คิดว่าเธอเองก็จะรู้จักร้านนี้เช่นกัน“คุณก็รู้จักร้านนี้เหมือนกันเหรอ”“นี่เป็นร้านที่ฉันชอบมากับคุณปู่บ่อยๆ แต่ว่าตั้งแต่คุณปู่เสียไปฉันก็ไม่ค่อยได้มาอีก”สายตาของเธอไหววูบลงเมื่อนึกถึงคนที่จะไปอยู่บนสรวงสวรรค์และยิ่งคิดถึงมากขึ้นไปอีกเมื่อตอนนี้เธออยู่ไห
“ทำไมต้องเจอผู้หญิงหน้าด้านที่นี่นะ”คำพูดของลูกปัดดังพอที่จะทำให้ทั้งอรฤดีและกรองขวัญได้ชัดชัดเจนจนต้องเงยหน้ามามองตากันในทันทีตอนนี้อรฤดีรู้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนรักของว่าที่สามีเธอและเป็นผู้หญิงเดียวกันกับที่เดินชนเธอในวันก่อนไม่รู้ทำไมเมื่อเรียบเรียงสถานการณ์ได้อย่างนั้นแล้วก็เกิดความความรู้สึกไม่พอใจบางอย่างขึ้นมาทันทีทั้งที่ตกตกลงกันไว้เรียบร้อยแล้วแต่ปล่อยให้มีเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไงอรฤดีหันไปมองลูกปัดด้วยแววตาเอาเรื่องแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปเพราะไม่อยากจะทำให้ เสียบรรยากาศอุตส่าห์ตั้งใจจะกินไอติมให้อารมณ์เย็นลงให้ใจดีขึ้นมา แต่กลับมาเจอต้นต่อตัวปัญหาเข้าเต็มๆ“มองทำไมยะ ไม่เคยเห็นคนมากับแฟนรึไงหรือว่ามองเพราะอยากจะได้ของของคนอื่นจนตัวสั่น!”“มันจะมากไปแล้วนะนังลูกปัด จะพูดจะจาอะไรหัดคิดก่อนซะบ้าง”กรองขวัญเอ่ยพูดสวนขึ้นมาทันที เมื่อ รู้สึกว่าผู้หญิงที่สวยแต่เปลือกคนนี้นั้นพูดจารุนแรงเกินไป“แหมก็เรื่องจริงทั้งนั้นทนฟังไม่ได้เหรอ จะคบเพื่อนก็เลือกคบหน่อยนะ ระวังจะโดนเพื่อนรัก สวมเขาให้รู้ตัว”ลูกปัดเบะปากพูดจีบปากจีบคอหน้าระรื่นหันไปทางกรองขวัญเพื่อนที่สนิทและก็ไม่อยากสน