[เกิดใหม่ + รักต้องห้าม + อายุห่างกัน + ตามง้อเมียอย่างหนัก] หลังจากผ่านคืนอันเร่าร้อนกับอาเล็กในนาม หลินจืออี้ต้องทนทุกข์ทรมานนานถึงแปดปี ในขณะที่เธอกอดโถเถ้ากระดูกของลูกสาวเพื่อฆ่าตัวตาย กงเฉินกลับกำลังจัดงานเลี้ยงวันเกิดที่ยิ่งใหญ่ให้กับลูกชายของรักแรก เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง เธอที่กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง ตัดสินใจแน่วแน่จะให้กงเฉินชดใช้ในสิ่งที่ทำลงไป! ชาติก่อน เธอเพียรพยายามอธิบาย แต่กงเฉินกลับหาว่าเธอจงใจวางยา ชาตินี้ เธอจึงขีดเส้นเว้นระยะห่างกับเขาอย่างชัดเจนต่อหน้าผู้คนซะเลย! ชาติก่อน รักแรกขโมยผลงานของเธอ กงเฉินกลับบอกว่าเป็นเพราะเธอขี้อิจฉา ชาตินี้ เธอก็เลยเหยียบรักแรกของเขาขึ้นไปรับรางวัลบนเวที! ชาติก่อน เธอถูกใส่ร้าย กงเฉินกลับลำเอียงปกป้องรักแรก ชาตินี้ เธอจึงเอาคืนด้วยตบหน้ารักแรก! กงเฉินมักจะคิดว่าหลินจืออี้จะรักเขาอย่างสุดซึ้งตลอดไป รอจนหลินจืออี้ใจเด็ดจากไปจริงๆ เขาถึงได้ตระหนกอย่างถึงที่สุด กงเฉินผู้หยิ่งผยองดึงเธอด้วยดวงตาแดงก่ำ "จืออี้ อย่าทิ้งฉันไป พาฉันไปด้วยได้ไหม?"
view moreเมื่อหลี่ฮวนเห็นหลินจืออี้ สีหน้าก็ละอายใจเล็กน้อย เขาอ้าปากแต่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเพื่อคลายความอึดอัดใจ หลินจืออี้จึงชิงพูดก่อน “หมอหลี่ เท้าฉันเคล็ดน่ะ คุณช่วยฉันดูหน่อยว่าอาการบวมจะหายโดยเร็วได้ไหมคะ พรุ่งนี้ฉันยังมีงานเปิดตัวสินค้าที่สําคัญมากต้องไปเข้าร่วม”พอหลี่ฮวนได้ยินว่าหลินจืออี้ยังยอมเชื่อตัวเอง จึงพยักหน้าอย่างแรง “วางใจเถอะ เชื่อใจผมได้เลย”ในระหว่างที่ตรวจอาการ หลี่ฮวนได้ย้ำเตือนมากมายในที่สุดเขาก็มองหลินจืออี้อย่างระมัดระวังและพูดว่า "หลินจืออี้ ขอโทษนะ"หลินจืออี้พูดปลอบใจ “ไม่ใช่ความผิดของคุณสักหน่อย อย่าคิดมากไปเลย”หลังจากหลี่ฮวนได้ยินคําตอบ เขาก็ไม่เสแสร้งอีกแล้ว หลังจากประคบน้ำแข็งให้หลินจืออี้แล้ว เขาก็สั่งพลาสเตอร์ยาไปอีกแผ่นหนึ่งตอนที่เฉินจิ่นไปรับยา หลี่ฮวนก็ชงชาให้กงเฉินและหลินจืออี้หลี่ฮวนฟื้นนิสัยเดิมของเขา รินชาพลางมองไปที่กงเฉิน “พักนี้นายนอนหลับดีขึ้นบ้างหรือยัง? ยังฝันถึงเด็กผู้หญิงคนนั้นอยู่ไหม?”มือที่ยกแก้วของหลินจืออี้ชะงัก “เด็กผู้หญิงอะไรเหรอ?”ได้ยินดังนั้น หลี่ฮวนจึงตระหนักว่ากงเฉินไมได้บอกหลินจืออี้เกี่ยวกับเด็กผู้หญิงในฝันของเขา เข
มันน่าอายจริงๆ ที่จะเดินกะเผลกแต่สถานการณ์ตอนนี้น่าอายกว่า ใครที่อยู่ในเมืองหลวงไม่รู้จักกงเฉินบ้าง?เขาอุ้มเธอขึ้นไปข้างบนอย่างสง่าผ่าเผย สายตาของทุกคนล้วนหยุดอยู่ที่เธอเธอรีบก้มหน้าแกล้งทำเป็นเสยผมบังหน้าตัวเองชายหนุ่มหลุบตากวาดตามองเธอ เอ่ยเสียงเย็นชาว่า “ฉันทำเธอขายหน้ามากเหรอ?”ถ้าเป็นเมื่อก่อน เธอคงจะอายแต่ตอนนี้เธอเหมือนกําลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจมากกว่าหลินจืออี้รีบคิดคำตอบ เธอขยี้ตาพลางพูดว่า “เปล่านี่ เหมือนมีอะไรเข้าตาฉันน่ะค่ะ”“อืม”กงเฉินไม่ได้ถามอะไรมากอีกหลังจากเข้าไปในลิฟต์ เนื่องจากคนเยอะและเสียงดัง กงเฉินจึงวางหลินจืออี้ลงในเวลานี้ มีผู้ป่วยนั่งรถเข็นคนหนึ่งเข้ามา จึงทำให้แออัดมากขึ้นทันทีเธอยังไม่ทันได้ปรับตัวเอง ร่างกายก็ถูกกงเฉินกอดเอาไว้ที่มุมลิฟต์แล้วข้างหน้าเป็นเสียงพูดคุย เสียงโทรศัพท์ แต่หลินจืออี้เหมือนไม่ยิน ได้ยินแต่เสียงลมหายใจของชายตรงหน้ากงเฉินก้มศีรษะลง ลมหายใจร้อนผ่าวกระทบใบหน้าของเธอ แต่เธอกลับไม่มีที่ให้หนี ได้แต่ก้มหน้าลงเขากวาดตามองใบหูที่แดงก่ำของหลินจืออี้ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เชิดคางเธอขึ้นเหมือนจงใจ"มีอะไรเข้าตาไ
งานศพของเฉินซู่หลานนั้นง่ายดายจนแม้แต่คนธรรมดายังสู้ไม่ได้คนธรรมดายังต้องจัดงานสามวัน เธอเพียงแค่เผาศพอย่างลวกๆ และหาที่เพื่อฝังศพเท่านั้นกงเยี่ยนอยากจะจัดพิธีไว้น้าลัยให้เธอ แต่พอโทรออกไป ไม่ใช่โดนปฏิเสธก็คือไม่ว่างนอกจากพวกเขาไม่กี่คนที่เฉินซู่หลานอยากทําร้ายมากที่สุดแล้วแม้แต่น้าแท้ๆ ของกงเยี่ยน เฉินหงเหว่ย ก็หอบเงินพาทั้งครอบครัวไปต่างประเทศแล้วสิ่งที่น่าขันที่สุดคือการที่เฉินหงเหว่ยจากไปในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้ เป็นเพราะเฉินซู่หลานเหลือแค่ลมหายใจสุดท้ายก็ยังคิดจะแจ้งข่าวเตือนเขามันยากที่จะแสดงความคิดเห็นจริงๆเดิมทีหลินจืออี้ก็ไม่อยากมา แต่เป็นหลิ่วเหอที่อยากมาท่ามกลางลมที่พัดโชยมา กงเยี่ยนที่ไม่ได้เจอกันหลายวันสวมชุดสูทสีดําทั้งตัว แก้มก็ยุบลงไปไม่ได้น้อยเขาวางขี้เถ้าลงในหลุมเล็กๆ ปิดหลุมฝังศพ ซึ่งหมายถึงการปิดฉากของชีวิตคนๆ หนึ่งหลังจากจบงาน หลินจืออี้ก็หันหลังจากไปแต่กงเยี่ยนไล่ตามเธอมาเมื่อเขาเข้ามาใกล้ ก็มีร่างหนึ่งมาขวางหน้าเธอไว้“มีเรื่องอะไรอีก?”เสียงของชายคนนั้นทุ้มต่ำและเย็นชา แฝงด้วยกลิ่นอายที่ไม่อาจปฏิเสธได้กงเยี่ยนมองผู้ชายคนนั้น จากนั้
“เรียกคนขับรถให้ขับรถมา” กงเฉินออกคําสั่งเสร็จก็หันไปมองหลินจืออี้ “อีกอาทิตย์หนึ่งให้ฉัน”พูดจบเขาก็รีบเดินไปที่สวนหลังบ้านหลินจืออี้อึ้งไปเล็กน้อย เธอไปตกลงตั้งแต่เมื่อไร?เธออยากจะตามเขาไป แต่กลับถูกกงสือเหยียนขวางไว้“จืออี้ เธออย่าไปเลย สภาพจิตใจของเฉินซู่หลานไม่ค่อยดี เดี๋ยวจะพาลใส่เธอเปล่าๆ เธอไปหาแม่ลูกดีกว่า”“ค่ะ”หลินจืออี้รู้สึกว่าเขาพูดถูก เธอผ่านประสบการณ์แบบนี้มา ไม่สะดวกที่จะเข้าไปยุ่งเรื่องบ้านใหญ่อีกจริงๆ หลังจากมองส่งทั้งสองคนจากไปแล้ว เธอก็กลับไปหาหลิ่วเหอที่สวนหลังบ้านเมื่อผลักประตูเข้าไป กลับไม่ยินเสียงบ่นของหลิ่วเหอจนกระทั่งขึ้นไปชั้นบนจึงเห็นหลิ่วเหอนั่งเหม่อลอยอยู่ริมหน้าต่าง“แม่ เป็นอะไรไปน่ะ?”หลิ่วเหอตกใจมากและกระพริบตา "ไม่ ไม่มีอะไร แล้วอาแกล่ะ?"“คุณนายใหญ่อาเล็กเจียนเป็นเลือด อาการไม่ค่อยดีน่ะ”หลินจืออี้พูดตามความจริง ไม่ได้มีอารมณ์ความรู้สึกอะไรมากนักคิดไม่ถึงว่าหลิ่วเหอจะถอนหายใจ“เฮ้อ กรรมตามสนอง ล้วนเป็นกรรมตามสนองจริงๆ”หลินจืออี้รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เมื่อเดินมาถึงตรงหน้าเธอ จึงพบว่าดวงตาของเธอแดงก่ำ"แม่ มีอะไรเหรอ? แม
เด็กสาวรู้สึกงงงวยเล็กน้อย และแล้วก็เป็นแม่ของเธอเข้ามาดึงเธอออกไป“ลูกอย่าเรียกคนอื่นซะแก่สิ”“อาเล็กก็ไม่แก่นะคะ เมียเขาก็ไม่แก่แน่นอน” เด็กสาวพูดอย่างไร้เดียงสาหลินจืออี้เป็นคนหน้าบางอยู่แล้ว เธอออกแรงดิ้นหลุดจากมือของกงเฉิน แล้วยิ้มอย่างเก้อเขินแม่ของเด็กสาวมองพวกเขาอย่างเข้าใจทุกอย่าง แต่ก็ไม่ได้เปิดเผย เธอยิ้มและพูดว่า "พวกเราเปิดร้านขายอาหารว่างร้านหนึ่งอยู่ในเมืองมหาวิทยาลัย ว่างๆ ก็ไปนั่งนะคะ"“ค่ะ”หลินจืออี้รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้คิดผิด พวกเธอเข้ากับคนได้ง่ายจริงๆ มองส่งทั้งสามคนจากไป หลินจืออี้เม้มปาก มีความรู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดจบลงแล้วแต่ก็ยังเหมือนไม่ได้จบลงอย่างสมบูรณ์ถ้าชาติก่อนมีเรื่องมากมายที่เธอไม่รู้เกิดขึ้นอย่างลับๆ แล้วจุดจบของเธอกับซิงซิง เธอควรจะแก้แค้นใครดีล่ะ?เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลินจืออี้ก็หันไปมองกงเฉิน“อาเล็ก ซ่งหว่านชิวกับหลี่เฮ่อล่ะคะ?”“อยู่ที่โรงพยาบาล ซ่งหว่านชิวเสียโฉมและขาหัก ส่วนหลี่เฮ่อนอนเป็นผักอยู่ หลี่เฮ่อเองก็ถูกไล่ออกเพราะเลียนแบบลายเซ็นของญาติผู้ป่วยและสั่งจ่ายยาเพิ่มจํานวนมาก” กงเฉินกล่าว"เลียนแบบ? งั้นเขา...... เคยเลียนแบบชื
"พ่อควรดีใจนะ สิ่งเดียวที่แม่ไม่ได้สอนพวกเราคือความเกลียดชัง! ผมถึงได้เต็มใจที่จะเป็นหุ่นเชิดของพ่อ เพื่อให้เจ้าสามเติบโตได้ดี”“ผมเชื่อฟังพ่อ แต่งงานเพื่อรักษาเกียรติของตระกูล แต่วันที่แม่ตาย พ่อยังมั่วกับเลขาที่อายุเป็นลูกสาวพ่อยังได้ ตั้งแต่วันนั้นผมกับเจ้ารองก็ตัดสินใจคืนทุกอย่างให้เจ้าสาม”เสียงของเขาดังก้องอยู่ในศาลบรรพบุรุษ แม้แต่ใต้หลังคาก็สะท้อนความโกรธของเขาทันใดนั้นท้องฟ้าก็มืดลงคนรอบข้างก็มืดลงตามไปด้วยหลินจืออี้เพิ่งเข้าใจว่านี่ไม่ใช่ความลับอะไร แต่แค่เพื่อศักดิ์ศรีของตระกูลเท่านั้น ใครก็พูดไม่ได้เธอถอนสายตาและมองไปที่กงเฉินเขาก้มหน้าลง เทียนที่จุดบนโต๊ะมาโดยตลอดทั้งปีเต้นเล็กน้อย ทําให้เกิดเงาใต้ตาของเขาชาติก่อนหลินจืออี้ไม่รู้เรื่องพวกนี้เลยตอนที่แม่ของเขาเสียชีวิต เขาน่าจะยังไม่โต แล้วเขายอมรับเรื่องพวกนี้ได้ยังไง?เธอเม้มปาก ฉวยโอกาสที่คนไม่ทันสังเกต ย้ายไปอยู่ข้างกงเฉินเธอแค่อยากจะแน่ใจว่าเขายังไหวไหม เลยเอื้อมมือไปพิงหลังมือของเขาโดยไม่คาดคิด เขากลับพลิกมือมาจับมือเธอหลินจืออี้อึ้งไปครู่หนึ่ง อยากจะดิ้นให้หลุดตามสัญชาตญาณ แต่พอเห็นเขาไม่เงยหน้า
Mga Comments