หน้าหลัก / อื่น ๆ / “เจ้าสาวของขุนศึกเงา” / บทที่ 111: เสียงที่ไม่มีใครสั่งให้หยุด

แชร์

บทที่ 111: เสียงที่ไม่มีใครสั่งให้หยุด

ผู้เขียน: mafath9
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-05 00:46:13

เสียงที่ไม่มีใครสั่งให้หยุด

– ศาสนจักรพังทลายไม่ใช่จากการโจมตี แต่จากการฟัง**

ศาลาหลวงของศาสนจักรกลาง

เคยเป็นสถานที่ที่เสียงต้องผ่านการอนุมัติ

ต้องถูกรับรอง ต้องมีรูปแบบ ต้องมีที่มา

แต่ในเช้าวันที่หก หลังพิธีการจำร่วมครั้งแรก

เสียงหนึ่งลอดเข้ามาโดยไม่มีการร้องขอ

“แม่ของข้า… ไม่เคยถูกเรียกชื่อในที่แห่งนี้”

เด็กชายในชุดเก่าขาดยืนกลางศาลา

“แต่ข้าจะพูดชื่อของนางตรงนี้ — นางชื่อ มิสึโนะ”

พระอาวุโสบางคนลุกขึ้น

บางคนยืนอึ้ง

แต่ไม่มีใครกล้าพูดคำว่า “หยุด”

ไม่ใช่เพราะกลัว

แต่เพราะไม่มีคำใดตอบได้ว่าทำไมถึงต้องหยุด

หลังจากนั้น

อีกหลายสิบคนเริ่มพูดชื่อ

ชื่อของคนที่เคยถูกฆ่า

คนที่เคยลืม

คนที่ไม่มีใบรับรองการตาย

ไม่มีพิธี ไม่มีหลุมศพ

และเมื่อเสียงเริ่มไม่หยุด

ศาสนจักรเริ่มพัง — จากข้างใน

พระหนุ่มรูปหนึ่ง

เคยเทศน์ตำราเดิมซ้ำพันครั้ง

ยื่นสมุดเงาให้เด็กหญิงคนหนึ่ง

“เจ้าเขียนให้ข้าได้หรือไม่… ข้าจำชื่อแม่ข้าไม่แม่นแล้ว”

เด็กหญิงพยักหน้า

จากนั้นจึงถามกลับเบา ๆ

“เจ้าจะจำชื่อลูกข้าแทนด้วยได้ไหม ถ้าเจ้าเจอเขาในภายภาคหน้า”

วันนั้น ไม่มีขบวน ไม่มีป้าย ไม่มีคมดาบ

มีแต่เสียงชื่อ

ที่ไหลผ่านรอยร้าวของกำแพง

ซึมเข้าแท่นบูชา

สะท้อนบนผิวน้ำในอ่างศักดิ์สิทธิ์

เสียงที่ไม่มีใครกล้าหยุด

กลายเป็นค้อนที่ทุบโครงสร้างของศาสนจักร

ช้า ๆ ลึก ๆ

ฮากุโร่ยืนอยู่บนเนินเหนือศาลา

ลมหอบสมุดบางเล่มปลิวมา

เขาเปิดดู...

เจอชื่อของศัตรูเก่า

เจอชื่อของเพื่อนที่ไม่เคยเข้าใจ

เจอชื่อของคนที่เขาเคยฆ่า

และขีดชื่อของตัวเองลงหน้าแรก

แต่ไม่ได้ใช้หมึก

เขาใช้เลือดจากบาดแผลเก่า

ที่ไม่เคยหายดี

ศาสนจักรไม่ล่มสลายเพราะไฟ

ไม่เพราะมีคนต่อต้านด้วยอาวุธ

แต่เพราะมันเริ่มฟัง

และไม่สามารถปิดหูตัวเองได้อีกต่อไป

พิธีฟังที่ไม่มีแท่นบูชา

– เมื่อศรัทธาเริ่มต้นจากการนั่งข้าง ๆ แทนการยืนบนแท่น**

เช้าวันที่เจ็ดหลังการจำร่วม

แคว้นโทกิวะกลายเป็นจุดแรกที่ไม่มีการสวดบทใด

แท่นบูชาศิลาในศาลาหลัก

ถูกปิดผ้าขาวโดยพระหญิงไคเซ็น

ผู้เคยได้รับการยกย่องว่าเป็น “เสียงที่ใกล้สวรรค์ที่สุด”

เธอเดินลงจากแท่น

นั่งกับพื้นข้างเด็กชายชาวนาคนหนึ่ง

แล้วพูดเพียงว่า:

“เจ้ามีเรื่องจะให้ข้าฟังไหม ไม่ต้องยกมือ ไม่ต้องรอให้อนุญาต”

เด็กชายผงะไปครู่

แล้วหยิบสมุดผ้าที่เย็บด้วยมือขึ้นมา

เปิดหน้าแรกซึ่งเขียนเพียงชื่อเดียว

“นี่คือชื่อของคนที่ข้าไม่เคยรู้ว่าเป็นพ่อหรือไม่

แต่เขาตายเพราะพูดชื่อแม่ของข้าในศาลานี้เมื่อสิบปีก่อน”

ไคเซ็นฟัง

โดยไม่พยายามตอบ ไม่ตัด ไม่สั่ง

เธอเพียงพยักหน้า

และวางมือบนสมุดเล่มนั้น

น้ำตาหยดลงโดยไม่มีพิธีใดรองรับ

ในอีกมุมหนึ่งของศาลา

พระรูปหนึ่งเริ่มนำสมุดของชาวบ้านขึ้นอ่าน

ไม่ใช่เพื่อเทศน์

แต่เพื่อจดจำชื่อ

เสียงเริ่มเรียงราย

ไม่ใช่ตามลำดับ

แต่ตามใจของผู้ที่อยากให้ใครบางคนยัง “อยู่”

“เอมิโกะ... ผู้เย็บผ้าจนวันสุดท้าย”

“โคตะ... เด็กที่ไม่มีใครรับรองการเกิด”

“อุเมะ... หญิงชราที่สอนข้าอ่านโดยไม่เปิดตำรา”

พวกเขาไม่ยืน

ไม่มีระฆัง ไม่มีธูป

แต่ทุกเสียงคือบทสวด

ที่ไม่มีใครสั่งให้พูด

และไม่มีใครกล้าบอกให้หยุด

ในห้องพักพระหลังศาลา

มีการเขียนแผ่นไม้ขึ้นใหม่

ไม่ใช่คำสอนจากตำรา

แต่เป็นถ้อยคำหนึ่งที่เด็กหญิงเขียนไว้แล้วทิ้งไว้ข้างโคม

“การฟัง คือพิธีที่ไม่ต้องมีผู้นำ”

คำนี้ถูกแขวนไว้บนกำแพงแท่นบูชาที่ปิดผ้า

กลายเป็นศูนย์กลางศรัทธา

ที่ไม่ต้องมีใครยืนอยู่สูงกว่าใคร

คืนนั้น

ผู้คนยังนั่งอยู่

ไม่มีใครลุก

ไม่มีใครเทศน์

มีเพียงการฟัง

ที่เริ่มกลายเป็นการเชื่อมต่ออย่างแท้จริง

ไม่ใช่ระหว่างคนกับเทพเจ้า

แต่ระหว่างกันและกัน

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 125: บทที่ไม่มีผู้เขียน

    บทที่ไม่มีผู้เขียนสมุดฟังถูกเวียนเขียนโดยไม่ลงชื่อในเช้าวันหนึ่งที่ไร้หมอก...ศาลาหลังใหม่ในหมู่บ้านอิซุระเต็มไปด้วยเสียงกระซิบ แต่ไม่มีใครพูดเสียงดังเด็กหญิงคนหนึ่งเปิดสมุดอ่านชื่อแม่ของเพื่อน แล้วปิดตาไว้ครู่หนึ่งไม่มีพิธีไม่มีใครสั่งให้ทำและที่สำคัญ…ไม่มีใครบอกว่าต้องเขียนอะไรสมุดฟังเล่มนั้น วางอยู่กลางศาลาใครจะเขียนก็ได้จะเขียนแค่ชื่อจะวาดรูปหรือจะเล่าเรื่องบางอย่างก็ได้ที่ข้างปก…มีเพียงคำเดียวที่ถูกเขียนไว้ในหมึกจาง“เพื่อผู้ที่ไม่มีใครเขียนถึง”เสียงที่ไม่มีเจ้าของความเปลี่ยนแปลงไม่ได้เริ่มจากเสียงใหญ่โตแต่มาจากการเวียนกันอ่าน…เวียนกันเขียน…เวียนกันฟังเมื่อไม่กี่เดือนก่อน สมุดฟังยังเป็นของ “ใครบางคน”อิโตะมีสมุดของเขาซาโยะมีเล่มของพ่อฮากุโร่เคยถือสมุดที่เขียนชื่อศัตรูแต่ตอนนี้ ทุกสมุดกลายเป็นสมุดเดียวกันไม่มีผู้เขียนไม่มีคนถือครองไม่มีแม้กระทั่งลายเซ็นเด็กคนหนึ่งจะเขียน แล้วทิ้งไว้คนถัดไปก็จะเติมเรื่องของตนแล้วส่งให้คนอื่นบางครั้งสมุดก็หายไปเป็นสัปดาห์แต่วันหนึ่ง…มันจะกลับมา พร้อมชื่อใหม่หนึ่งชื่อ และเรื่องเล่าใหม่หนึ่งเรื่องศาลาในหมู่บ้านอิซุระจึงกลา

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 124: บ้านที่ไม่มีประตู

    บ้านที่ไม่มีประตู - เด็กสร้างศาลาฟังใหม่ที่ทุกคนเข้าได้หุบเขาตะวันตกของโยะริมิยะ เคยเป็นพื้นที่ต้องห้ามของศาสนจักรแต่วันนี้ กลายเป็นที่แรกที่มี “บ้าน” หลังหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่บ้านของใครคนใดคนหนึ่งไม่มีประตูไม่มีระฆังไม่มีแท่นมีเพียงเสาสี่ต้น หลังคาฟาง และพื้นดินเปล่าตรงกลางปูเสื่อไม้ไผ่สานหยาบ ๆ วางสมุดฟังเล่มหนึ่ง ซึ่งหน้าแรกยังว่างเปล่าและมีป้ายไม้เก่าเขียนไว้ด้วยลายมือเด็กว่า:“ศาลาฟัง – ไม่มีผู้นำ ไม่มีผู้อนุญาต”พวกเขาไม่ได้รอใครให้สั่งไม่ได้ขอพระรูปใดมาเปิดพิธีไม่ได้ถือธงตระกูล หรือสัญลักษณ์ทางศาสนาพวกเขาคือกลุ่มเด็กสิบสองคนจากหมู่บ้านรอบนอกบางคนเคยเป็นลูกกำพร้าที่พ่อแม่ถูกประหารโดยคำสั่งศาสนจักรบางคนเป็นหลานของผู้ถูกลืมบางคนเคยเขียนชื่อคนตายด้วยดินเพราะไม่มีหมึกและวันนี้ พวกเขามีหมึกพอมีมือที่สั่นแต่แน่นพอมีใจที่ยังจำ“เราจะไม่เปิดประตู…เพราะเราไม่เคยปิด”— ยามาโกะ, เด็กหญิงคนหนึ่งที่เขียนป้ายเสียงแรกในศาลาฟัง“ท่านเคยได้ยินชื่อ ฮานาโกะหรือไม่?”เสียงของเด็กชายชื่อโคจิ เอ่ยขึ้นกลางวงไม่มีใครตอบไม่มีใครรู้ว่าเธอคือใครแต่ทุกคนฟัง“เธอเป็นคนที่เคยให้ขนมฉันโดยไม่ถ

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 123: ศาสนจักรแตกเสียง

    ศาสนจักรแตกเสียง - พระหญิงไคเซ็นแปรพักตร์แคว้นตะวันตกเฉียงใต้ของโยะริมิยะ เป็นแคว้นที่แสงตะวันตกตกช้าที่สุดในทุกวัน และเป็นที่ตั้งของ “วัดซุยเร็นจิ” — สำนักของพระหญิงไคเซ็น ผู้ได้รับสมญา “ผู้สวดในเงาแสง”แต่ในวันหนึ่งของเดือนที่ไร้จันทร์เงากลับปรากฏบนใบหน้าของเธอพระหญิงไคเซ็น ยืนอยู่หน้าแท่นเทศน์ในวิหารกลางของศาสนจักรตะวันตกในมือเธอไม่มีตำราไม่มีลูกประคำไม่มีสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ใดมีเพียง สมุดฟัง เล่มเดียวที่ถูกห่อด้วยผ้าเก่ารอบตัวเธอ คือพระชั้นผู้ใหญ่ ศิษย์ในส

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 122: เสียงของพระที่เงียบงัน

    เสียงของพระที่เงียบงันบ้านหลังเล็กใต้เขาตะวันตก อยู่ห่างจากศาลาเงาไปครึ่งวันเดินเท้า ไม่มีระฆัง ไม่มีแท่น ไม่มีธูปสักดอกแต่ภายในบ้านไม้หลังนั้น มีโต๊ะหนึ่งตัว ตะเกียงน้ำมันหนึ่งดวง และสมุดวางเรียงอยู่สิบห้าเล่ม — หน้าปกเป็นเพียงผ้าขี้ริ้วพันไว้ ไม่ต่างจากผ้าพันแผลของคนเจ็บฮากุโร่ไม่ได้พูดอะไรเลย นับแต่เขาก้าวเข้าสู่บ้านนั้น เขานั่งลงอย่างเงียบ ๆ ข้างหน้าเขา…คือหญิงชราเงียบงันผู้หนึ่ง และสมุดเล่มหนึ่ง…ซึ่งเปิดค้างไว้ที่หน้าเก่า หน้าแรกเขียนด้วยลายมือที่สั่น…แต่มั่นคง ว่า…

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 121: พระที่ล้มแท่นของตน

    พระที่ล้มแท่นของตน — พระบางคนเผาตำราเก่าและฟังเสียงเด็กแทนในหุบเขาทางตะวันตกเฉียงเหนือของแผ่นดินโยะริมิยะมีวัดหนึ่งที่ชื่อว่า โฮเซ็นจิเป็นวัดไม้สูงเจ็ดชั้น ตั้งอยู่กลางผืนป่ามีระฆังทองแดงหนักเจ็ดร้อยชั่งมีตำราสวดร้อยกว่าเล่มมีพระผู้เฒ่าสามสิบรูปและคำสวดที่เหมือนกันหมดทุกเช้าเย็นแต่ในวันที่พระรูปหนึ่งเดินลงจากแท่นเอื้อมมือหยิบตำราหนึ่งมา…และวางมันลงในกองเพลิงตรงลานกลางวัดเสียงไฟที่แตกเปรี๊ยะ…เงียบกว่าการสวดพันบทพระที่ไม่สวดอีกต่อไปเขาชื่อว่า คันริวในสมัยหนุ่ม คันริวเป็นผู้เทศน์ที่เข้มงวดที่สุดในโฮเซ็นจิเขาสามารถท่องตำราสิบสามเล่มโดยไม่หยุดเขาเคยคัดลอกบทสวดด้วยหมึกดิบทุกคืนจนมือช้ำเขาเคยลงโทษพระลูกวัดที่ออกเสียงผิดด้วยการไม่ให้สวดหนึ่งสัปดาห์แต่เขาก็เป็นคนเดียวที่ทุกคืน…นั่งอยู่ใต้ต้นสน นอกหอและจดสิ่งที่ไม่อยู่ในตำรา“เสียงที่แม่ร้องไห้”“คำสุดท้ายของเด็กที่ไม่มีพ่อแม่”“ชื่อที่ถูกลืมในพิธีศพ”“เรื่องเล่าในความเงียบที่ไม่มีใครอยากฟัง”เขาไม่เคยพูดถึงสมุดเล่มนั้นกับใครจนกระทั่งเด็กชายคนหนึ่งปีนข้ามกำแพงวัดมาในคืนฝนตกเด็กที่ไม่ต้องการให้ใครสวดให้พ่อเด็กคนนั้นชื่อว่า

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 120: แผ่นดินที่ไม่มีตำรา

    แผ่นดินที่ไม่มีตำรา – พื้นที่ที่ไม่มีศาสนจักรเข้าถึงเริ่มจัดพิธีฟังแทนศาสนาในแผ่นดินที่หมึกของตำราไม่เคยเปื้อนในหมู่บ้านที่พระไม่เคยสวดถึงในหุบเขาที่เสียงระฆังไม่เคยเดินทางไปถึงนั่นคือจุดเริ่มต้นของ “ศรัทธาที่ไม่มีตำรา”หรือที่คนบางกลุ่มเรียกกันเบา ๆ ว่า...“พิธีฟัง”หมู่บ้านอิวาเระ — ดินแดนที่ไม่เคยมีแท่นบูชาหมู่บ้านอิวาเระอยู่ลึกในหุบเขาโซเซ็นต้องข้ามหินร้อยลูก ต้องเดินผ่านป่าไร้ทางไม่มีวัดไม่มีศาลเจ้าไม่มีพระไม่มีธงตระกูลมีเพียงกระท่อนไม้สิบห้าหลัง กับเสียงลมที่โหยหวนในคืนฝนตกแต่เมื่อข่าวของ “สมุดฟัง” แพร่ไปทั่วแคว้นหญิงชราคนหนึ่งในหมู่บ้าน — โยรุมิ — ตัดสินใจใช้ผ้าเก่าเย็บเป็นเล่มสมุดบนหน้าปก นางเขียนว่า“สำหรับชื่อที่ไม่มีใครฟังอีกแล้ว”ไม่มีพิธีเปิดไม่มีโฆษณาไม่มีคำประกาศจากตระกูลไม่มีบทสวดเริ่มพิธีแต่ในคืนเดือนดับชาวบ้านสิบหกคนรวมตัวกันใต้ต้นสนเก่าและเริ่มอ่านชื่อของคนที่จากไปในจังหวะที่ไม่เท่ากันในเสียงที่สั่นในอารมณ์ที่เปลือยเปล่าเด็กชายผู้ไม่เคยเห็นพระเด็กคนหนึ่งชื่อ “ชิน”อายุสิบขวบเขาไม่รู้ว่าพระคืออะไรไม่รู้ว่าพิธีกรรมต้องทำอย่างไรรู้เพียงว่าแม

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status