Home / อื่น ๆ / “เจ้าสาวของขุนศึกเงา” / บทที่ 108: ขบวนแห่งชื่อ

Share

บทที่ 108: ขบวนแห่งชื่อ

Author: mafath9
last update Last Updated: 2025-07-04 23:07:29

ขบวนแห่งชื่อ

– เด็กนับพันเดินถือสมุดเข้าสู่เมืองหลวง**

ไม่มีกลอง ไม่มีแตร ไม่มีทหารนำ

มีเพียงฝุ่นลอยจากฝ่าเท้าเล็ก ๆ นับพัน

บนถนนสายหลักที่ทอดสู่เมืองหลวงฟุซากิ

เด็กชายในชุดปะปิดหัว

เด็กหญิงแบกสมุดหนากว่าร่าง

บางคนเดินเท้าเปล่า บางคนมีเพียงเศษผ้าพันแผล

ทุกคนเขียนชื่อ

ทุกคนพูดชื่อ

แต่ไม่มีใครพูดถึงศาสนา

ไม่มีใครกล่าวถึงเทพ

ข่าวการเดินทางลุกลามเร็วกว่าลมฤดูใบไม้ผลิ

ตระกูลชินเร

ผู้ครองเขตตะวันออกเฉียงใต้

สั่งทหารหยุดการลาดตระเวนตามทางผ่าน

แม่ทัพหลานคนของฮากุโร่บอกว่า:

“นี่ไม่ใช่กบฏ

แต่คือขบวนของเสียงที่ไม่มีใครเคยฟังมาก่อน”

ในเมืองหลวง

ประตูหินซึ่งเปิดเฉพาะเทศกาลสำคัญ

เริ่มสั่นจากแรงเท้าของเด็ก ๆ

ขุนนางศาสนจักรประชุมด่วน

บางเสียงสั่งให้ “ห้ามเข้า”

บางเสียงเสนอ “รับฟังแต่คัดกรอง”

แต่ในที่สุด

ไม่มีใครกล้าปิดประตู

เพราะหากชื่อพ่อแม่ของผู้คุมประตู

อยู่ในสมุดเล่มนั้น...

ใครจะกล้าไม่เปิด?

ซาโยะกับฮากุโร่ยืนบนหอคอยมองภาพนั้น

ขบวนที่ไม่มีธง

แต่ชัดเจนยิ่งกว่าธงชาติใด

“พวกเขาไม่ได้เดินเพื่อเปลี่ยนโลก”

ซาโยะพูด

“แต่แค่ไม่อยากให้ชื่อคนที่รัก หายไปอีกคน”

ฮากุโร่ไม่พูดอะไร

แต่หยิบสมุดเก่าจากแขนเสื้อ

เขียนชื่อหนึ่งไว้เบา ๆ —

ชื่อของพี่ชายที่ไม่มีหลุมศพ

เย็นวันนั้น

เมื่อขบวนถึงจัตุรัสกลาง

เด็กหญิงคนหนึ่งตะโกน

“หากเจ้ามีชื่อใครที่เคยลืม — จงเขียนลงตรงนี้!”

และสิ่งที่ตามมาคือเงียบ... แล้วเสียงกรอบแกรบของปากกา

กระดาษ

หมึก

และน้ำตา

ศาสนจักรประกาศว่าจะไม่ขัดขวาง

แต่ขอ “พื้นที่หนึ่งในการทำพิธีรับฟังอย่างเป็นทางการ”

ซึ่งก็ไม่มีใครตอบรับ

เพราะไม่มีใครอยากฟังในที่ ๆ เคยเงียบ

ขบวนแห่งชื่อไม่ใช่การปฏิวัติ

ไม่ใช่ขบวนศรัทธา

มันคือขบวนแห่งความจำ

ที่เริ่มต้นจากเด็ก… และเปลี่ยนโฉมแผ่นดิน

พิธีการจำร่วม

– คืนแรกที่ชื่อกลายเป็นบทสวดโดยไม่ต้องมีศาสนา**

พระอาทิตย์ลับขอบหอคอยเก่าของเมืองหลวง

จัตุรัสกลางซึ่งเคยเป็นเวทีประกาศตำราศาสนา

บัดนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่ไม่สวด... แต่กลับเงียบ

เงียบอย่างมีความหมาย

เด็กนับร้อยเปิดสมุด

ผู้ใหญ่ยืนล้อมเป็นวงโดยไม่ต้องมีผู้นำ

ไม่มีใครออกคำสั่ง

ไม่มีเสียงแตร ไม่มีบทนำ ไม่มีพิธีกร

มีเพียงคนหนึ่งเริ่ม:

“ยาสุโกะ… ผู้เคยเย็บผ้าให้ทหารโดยไม่รับเงิน”

อีกคนต่อว่า:

“ชิโร่… พ่อของข้าที่ตายเพราะข้าวหายไปจากคลังหลวง”

อีกคนพูดทั้งน้ำตา:

“อาโออิ… แม่ข้าที่ไม่มีชื่อในทะเบียนใด ๆ”

เสียงชื่อดังก้อง

ไม่ใช่เพราะดัง

แต่เพราะทุกคนเงียบเพื่อให้มันได้ยิน

บนหอคอยศาลาศาสนจักร

พระอาวุโสคนหนึ่งมองจากเบื้องบน

“ไม่มีการบูชา ไม่มีผู้ชี้นำ

แต่พวกเขาสร้างความศักดิ์สิทธิ์จากการจำคนธรรมดา”

เขาหันไปหาพระหนุ่มคนหนึ่ง

ผู้ถือสมุดเงาไว้ในอกเสื้อ

“เจ้าเคยจำชื่อพ่อของเจ้าลงสมุดหรือยัง?”

พระหนุ่มเงียบไปครู่ แล้วพยักหน้า

“เคย… แต่ไม่ได้กล้าพูดมัน”

ท่ามกลางวงแห่งการจำ

ซาโยะนั่งลงกับพื้นดิน

วางดาบของบิดาไว้ตรงกลาง

เธอพูดด้วยเสียงราบเรียบ

“ชินทาโร่ — ผู้ไม่เคยมีวันเกิดในเอกสารราชการ

แต่มีดาบจริงในมือเมื่อปกป้องข้า”

เด็กคนหนึ่งยื่นสมุดให้เธอ

แล้วพูดเบา ๆ

“เขามีชื่อแล้ว…ในเล่มของข้าด้วย”

ซาโยะยิ้ม รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าคือการสวด

แบบที่ศาสนาไม่สามารถบัญญัติได้

คืนนี้ไม่มีควันธูป ไม่มีการขานบทสวด

แต่ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเสียงที่เคยหายไปจากโลก

คำพูดธรรมดา

ชื่อสามัญ

ความรักที่ไม่ต้องการอนุมัติจากตำรา

นี่คือพิธีการจำร่วมครั้งแรก

ที่ทำให้ศรัทธาเริ่มเปลี่ยนความหมาย

จาก “การเชื่อ” เป็น “การไม่ลืม”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   ตอนพิเศษ สมุดที่ไม่เคยเขียนจบ

    ตอนพิเศษ “สมุดที่ไม่เคยเขียนจบ” — บันทึกเงาของซาโยะสมุดที่ไม่เคยเขียนจบ— บันทึกเงาของซาโยะ —ข้าไม่รู้ว่ากำลังเขียนเพื่อใครและไม่แน่ใจว่าใครจะอ่านสิ่งนี้ในภายหลังแต่หากไม่มีใครเลย...ก็ให้มันเป็นเพียงเสียงในเงา ที่ครั้งหนึ่งเคยมีอยู่ข้าเขียนในคืนที่ฮากุโร่ยังนั่งเงียบอยู่ในวิหารภายใต้โคมเพียงหนึ่งดวง ที่ไม่รู้ว่าจะแสงถึงเช้าไหมฮากุโร่ไม่ใช่คนเดิมหรือบางที...เขาเพิ่งได้เป็น “ตัวตน” จริง ๆ ครั้งแรกเขาไม่ใช่ขุนศึกอีกแล้วไม่ใช่เสียงสั่งการ ไม่ใช่เงาที่วางกลยุทธ์เขาเป็นเพียงชายคนหนึ่ง ที่นั่งลงหน้าสมุด แล้วไม่พูดอะไรเลยแต่เพราะเขาไม่พูดข้าจึงเริ่มได้ยินเสียงในใจตนเอง เสียงของข้าและเสียงของคนที่ไม่เคยถูกฟังมาก่อนครั้งหนึ่งข้าเคยเกลียดเขาด้วยทั้งเลือดของพ่อข้า และน้ำตาของแม่แต่ความเกลียดก็เป็นเงาเช่นกันมันไล่ตามแสง เมื่อข้ายิ่งใกล้เขาจนวันหนึ่งข้าเริ่มรู้สึกว่าหากเขาเป็นเงา…ข้าเองก็คือผู้ที่อยู่ใต้แสงนั้นและเงานั้น…ไม่ได้บดบังข้าแต่มันโอบล้อมข้าไว้ในคืนที่เขากลับมาข้ามองมือที่เขาสูญไปมือที่ครั้งหนึ่งข้าเคยคิดว่ามันสังหารพ่อข้ามือที่ครั้งหนึ่งแตะหลังข้าในห้องหอครั้ง

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 115: เงาที่ฟังได้

    เงาที่ฟังได้เมื่อนักรบกลับมาโดยไร้ดาบและการฟังกลายเป็นชัยชนะเดียวที่ยังเหลืออยู่เสียงรองเท้าไม้แตะพื้นหินของวิหารเก่าในแคว้นอาคิซึนั้นเบาเกินจะเป็นเสียงของนักรบ แต่พอแรงพอให้หัวใจของผู้เฝ้าประตูสะดุดจังหวะฮากุโร่ — ขุนศึกเงาที่หายสาบสูญไปกว่าแปดเดือน — เดินกลับมาผ้าพันแผลปิดครึ่งใบหน้าข้างขวามือข้างหนึ่งหายไปแขนอีกข้างยังเต็มไปด้วยบาดแผลที่ไม่สมควรอยู่บนร่างของผู้ที่เคยควบคุมแผนรบหลายสิบสนามแต่เขาเดินอย่างไม่ลังเลไม่เหมือนคนบาดเจ็บไม่เหมือนแม่ทัพเหมือนผู้ชายคนหนึ่ง…ที่กลับบ้านในห้องศาลาว่างกลางวิหารไม้โต๊ะเรียบไม่มีเครื่องเซ่น ไม่มีธง ไม่มีแท่นศักดิ์สิทธิ์มีเพียงสมุดเล่มหนึ่งเปิดวางไว้“สมุดฟัง” — สมุดเล่มแรกที่ถูกสร้างขึ้นโดยผู้รอดจากพิธีล้างข้างในคือชื่อของผู้ที่ไม่มีชื่อในตำราเสียงของผู้ตายที่ไม่เคยถูกนับความทรงจำของเด็กคำพูดของคนแก่บันทึกของแม่ที่เคยพูดกับลูกเพียงครั้งเดียวก่อนจากไปฮากุโร่นั่งลงหน้าสมุดนั้นเงียบไม่พูดไม่แตะต้องไม่เอ่ยคำใดเขาแค่นั่งแล้วฟัง“เขายังมีลมหายใจจริงหรือ?”ขุนพลแห่งตระกูลยามาโนะกระซิบ“ข้าคิดว่าเขาตายไปแล้วที่อิคุซะโนะโมริ”“ไม่ใ

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 114: การสวดโดยไม่มีพระ

    การสวดโดยไม่มีพระเมื่อคำที่ออกจากปากคนธรรมดา กลายเป็นพิธีที่ไม่มีใครกล้าเหยียบย่ำลานหน้าศาลาไม้หลังเก่าในหมู่บ้านฮินะมิ ปกคลุมด้วยหมอกจางในยามเช้าที่ตรงนั้นเคยเป็นที่ประกอบพิธีศพของศาสนจักรพระผู้เทศน์จากศูนย์กลางจะเดินทางมาสวดบทตามตำรา พิธีจะจบภายในหนึ่งชั่วโมงไม่มีน้ำตาไม่มีเสียงอื่นเพียงคำว่า “สว่าง” ถูกเอ่ยซ้ำ ๆแต่วันนี้... ไม่มีพระมาสวดผู้คนยังยืนเรียงกันบางคนถือสมุดเล่มเล็กบางคนมีเพียงเศษกระดาษจารด้วยชื่อศพของ “อาคาเนะ” หญิงชราผู้เสียชีวิตในคืนที่ผ่านมา ถูกวางไว้กลางเสื่อหญ้าไม่มีเทียนไม่มีธูปไม่มีแท่นบูชามีเพียงหลานชายของนาง — เด็กชายวัยสิบสามชื่อ “โทริโอะ”ที่ยืนขึ้นเปิดสมุดเล่มหนึ่งและเอ่ยคำว่า“ข้าเคยฟังเธอร้องเพลงกล่อมตอนนั้นข้าไม่รู้ความหมายตอนนี้ข้ารู้แล้วว่า…เธอกำลังพยายามให้ข้าจำเสียงของเธอ”ไม่มีใครขัด ไม่มีใครสวดแทรกเงียบก่อนที่หญิงอีกคน — ลูกสะใภ้ของอาคาเนะ — จะลุกขึ้นและกล่าวชื่อของสามีที่ตายไปก่อนหน้านี้แล้วตามด้วยชื่อของลูกสาวแล้วกล่าวว่า“ทุกชื่อที่เธอจำไว้ พวกเราจะจำต่อให้”และนั่นคือจุดเริ่มต้นของพิธีศพที่ไม่มีพระไม่มีบทไม่มีตราประทั

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 113: ตระกูลที่ยอมลดธง

    ตระกูลที่ยอมลดธงเมื่อตราประจำตระกูลไม่สำคัญกว่าชื่อของคนที่ไม่มีใครจดจำ“เจ้าจะให้เรายอมลดธงตระกูลง... เพื่อฟังเสียงของเด็ก?”เสียงของ อาซูมะ โชอุน ดังก้องในหอปรึกษากลางปราสาทหินสูงแห่งฮิโนคามิ เสียงของชายที่เคยเป็นหนึ่งในเจ็ดดาบปราบขุนนางทรราช เสียงที่เคยทำให้แม่ทัพทั้งสามแคว้นต้องก้มหน้าแต่วันนี้ เสียงนั้นถามกับเด็กหญิงคนหนึ่งเด็กหญิงที่ตัวเปื้อนฝุ่น ขาเปล่า ผมสั้นยุ่งเหยิง และไม่มีตรา ไม่มีบทสวด ไม่มีผู้นำเธอเงยหน้าขึ้นช้า ๆ แล้วกล่าว“ข้าไม่ได้ขอให้ท่านลดธง... ข้าเพียงอยากให้ท่านจำชื่อของผู้ตายใต้ธงนั้น”ห้าปีก่อน ตระกูลอาซูมะคือแนวหน้าในการสนับสนุนศาสนจักร พวกเขาสร้างศาลาใหญ่ริมทะเล ถวายธงพิธีทั้งเจ็ดผืน ตั้งบทสวดเอง และล้างชื่อลูกบ้านที่ขัดคำสั่งออกจากทะเบียนแห่งแสงแต่หลังเหตุการณ์ "สมุดเงา" ที่แพร่เข้ามาถึงหมู่บ้านชายฝั่งอย่างเบา ๆ แต่ต่อเนื่อง ชาวบ้านเริ่มแอบสวดชื่อของลูกที่ตาย แทนที่จะสวดตามตำราอาซูมะ โชอุน เองก็ได้ยินเสียงนั้นทุกค่ำเสียงกระซิบใต้ต้นสนเสียงท่องชื่อคนรักของลูกสาวเขาที่ตายโดยที่ไม่มีใครพูดถึงวันหนึ่ง เขาพบสมุดเปื้อนดินวางอยู่ใต้ธงตระกูลเปิดดู พบเพียงช

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 112: เสียงที่เริ่มเดินทาง

    เสียงที่เริ่มเดินทางหมอกในเช้าวันนั้น ไม่ได้คลุมแค่แผ่นดิน... แต่คลุมถึงความเงียบในใจเด็กๆ ทุกคนสายลมในหมู่บ้านอิซึนะเช้านั้นพัดเบา แต่แหลมคมพอจะตัดผ่านคำพูดที่ไม่เคยพูดออกไปเด็กหญิงตัวเล็กในชุดกิโมโนเก่าโบกมือให้หลังแม่ที่ยืนอยู่หน้าเรือนพัก สองตาแดงก่ำแต่ไม่หลั่งน้ำตา“เจ้าจะไปไกลแค่ไหน?”แม่ถามทั้งที่รู้ว่าไม่มีคำตอบเด็กหญิงก้มหน้า มัดสมุดสวดเก่าแน่นที่เอว ไม่ใช่เพื่อพกคำสวดดั้งเดิม... แต่เพื่อจดสิ่งที่ได้ยินระหว่างทางเด็กอีกเจ็ดคนยืนรออยู่ที่ปากหมู่บ้าน ใครบางคนมีพิณเก่า บางคนมีสมุดขาดกระจัดกระจาย บางคนไม่มีแม้รองเท้าแต่ทุกคนมี "ชื่อ" ที่ตั้งใจจะฟังให้ได้พวกเขาไม่ใช่คนเทศน์ ไม่ใช่นักสวด ไม่ใช่นักรบแต่คือเด็กที่เดินออกไปเพื่อนำ “การฟัง” ไปยังที่ที่ไม่มีเสียงการเดินทางไม่เริ่มด้วยเสียงตีกลองแต่มันเริ่มเมื่อขาเล็ก ๆ ย่างเหยียบถนนดินที่ไร้ผู้ต้อนรับ“หมู่บ้านโคมแดง” คือจุดหมายแรกหมู่บ้านนี้ขึ้นชื่อเรื่องโรงน้ำชาศักดิ์สิทธิ์ทุกเช้าเสียงสวดจากวัดกลางจะไล่ผู้คนให้ยกมือพนม แม้ไม่ได้เข้าใจความหมายเมื่อเด็กกลุ่มนี้เดินเข้าไปโดยไม่มีบทสวด ไม่มีผ้าคลุมหัว ไม่มีพระนำ พวกเขาก็ถูกต้

  • “เจ้าสาวของขุนศึกเงา”   บทที่ 111: เสียงที่ไม่มีใครสั่งให้หยุด

    เสียงที่ไม่มีใครสั่งให้หยุด– ศาสนจักรพังทลายไม่ใช่จากการโจมตี แต่จากการฟัง**ศาลาหลวงของศาสนจักรกลางเคยเป็นสถานที่ที่เสียงต้องผ่านการอนุมัติต้องถูกรับรอง ต้องมีรูปแบบ ต้องมีที่มาแต่ในเช้าวันที่หก หลังพิธีการจำร่วมครั้งแรกเสียงหนึ่งลอดเข้ามาโดยไม่มีการร้องขอ“แม่ของข้า… ไม่เคยถูกเรียกชื่อในที่แห่งนี้”เด็กชายในชุดเก่าขาดยืนกลางศาลา“แต่ข้าจะพูดชื่อของนางตรงนี้ — นางชื่อ มิสึโนะ”พระอาวุโสบางคนลุกขึ้นบางคนยืนอึ้งแต่ไม่มีใครกล้าพูดคำว่า “หยุด”ไม่ใช่เพราะกลัวแต่เพราะไม่มีคำใดตอบได้ว่าทำไมถึงต้องหยุดหลังจากนั้นอีกหลายสิบคนเริ่มพูดชื่อชื่อของคนที่เคยถูกฆ่าคนที่เคยลืมคนที่ไม่มีใบรับรองการตายไม่มีพิธี ไม่มีหลุมศพและเมื่อเสียงเริ่มไม่หยุดศาสนจักรเริ่มพัง — จากข้างในพระหนุ่มรูปหนึ่งเคยเทศน์ตำราเดิมซ้ำพันครั้งยื่นสมุดเงาให้เด็กหญิงคนหนึ่ง“เจ้าเขียนให้ข้าได้หรือไม่… ข้าจำชื่อแม่ข้าไม่แม่นแล้ว”เด็กหญิงพยักหน้าจากนั้นจึงถามกลับเบา ๆ“เจ้าจะจำชื่อลูกข้าแทนด้วยได้ไหม ถ้าเจ้าเจอเขาในภายภาคหน้า”วันนั้น ไม่มีขบวน ไม่มีป้าย ไม่มีคมดาบมีแต่เสียงชื่อที่ไหลผ่านรอยร้าวของกำแพงซึมเข

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status